หน้าหลัก / โรแมนติก / พันธะลวง / 7.ยอมจำนนหนี้บุญคุณ (1)

แชร์

7.ยอมจำนนหนี้บุญคุณ (1)

ผู้เขียน: rasita_suin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-13 21:46:30

น้ำร้อนๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตาคู่กลมโต ความอึดอัดขัดใจแน่นอยู่ในอก มาธาวีรู้ว่าที่พี่สาวโวยวายเพราะกำลังเจ็บ ไม่ใช่เจ็บเพราะโกรธ แต่เจ็บที่โดนน้องอย่างเธอหักหลัง

มาลินีเป็นคนขี้บ่นจู้จี้จุกจิกอยู่แล้ว เธอโดนตำหนิบ่อยจนเคยชินแต่รู้ว่าที่พี่สาวมักจะเคือง ไม่พอใจ หรือบ่นเธอก็เพราะหวังดี พอมารู้ว่าถูกหลอกเรื่องผู้ชายก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะปรี๊ดขึ้นมา

เธอรู้ว่าพี่สาวเสียใจกับความแห้วของตัวเองมาตั้งแต่ครั้งเปรมินทร์แล้ว แถมยังมีกิตติกรอีก แต่เพราะเป็นคนสวย เริด เชิด การศึกษาหน้าที่การงานดี มาลินีจึงมั่นใจในตัวเองว่าต้องมีคนที่ดีเหมาะสมเข้ามาในชีวิต การได้เจอปัฐวิกรในเวลาใกล้เคียงกับที่ต้องถอยห่างจากกิตติกร มาธาวีจึงไม่แปลกใจว่าหนุ่มมาดเนี้ยบหล่อโปรไฟล์หรูย่อมต้องเป็นเป้าหมายใหม่ของพี่สาวเธออย่างไม่ต้องสงสัย

อีกฝ่ายหมายมั่นปั้นมือกับปัฐวิกรพอสมควร เพียงแค่ยังไม่มีเวลาได้ทำความรู้จักเพราะชายหนุ่มไม่ได้อยู่เชียงใหม่เท่านั้น นั่นทำให้คนเป็นน้องสะเทือนใจเมื่อได้ยินเสียงตัดพ้อสั่นเครือของพี่สาว จนสุดท้ายก็ต้องเอ่ยออกไปโดยไม่ได้หันไปมองด้วยไม่อาจฝืนทนเห็นอีกฝ่ายเสียใจได้ ทว่าน้ำเสียงก็เจือความสั่นไม่แพ้กัน

“สองขอโทษค่ะ”

พูดจบมาธาวีก็ก้าวช้าๆ เข้าบ้านไป โดยยังไม่ได้ยินเสียงพี่สาวตามเข้ามา อีกฝ่ายคงอยากใช้เวลาอยู่ข้างนอกตามลำพังสักพัก

แม้จะสงสารคนเป็นพี่แต่เธอไม่อาจพูดความจริงได้ ต้องก้มหน้าทำตามคำพูดของปัฐวิกรอย่างไม่มีทางเลือก ทั้งที่เขาไม่ได้สั่งออกมาตรงๆ แต่การกำชับด้วยสายตา พร้อมจูบที่ตรามาบนหน้าผากก็ย้ำเตือนอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการให้เธอทำตามนั้น

ทั้งที่ในใจร่ำร้องตะโกนว่า ‘ไม่ใช่ ไม่จริง เธอไม่ได้เป็นอะไรกับปัฐวิกร’ อยากวิ่งกลับไปบอกพี่สาว อยากสนับสนุนให้อีกฝ่ายเดินหน้าจีบชายหนุ่มได้เต็มที่แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้ บางอย่างในสายตาของปัฐวิกรในวันที่เธอพูดว่า ‘หายกัน’ แล้วเขาเพียงแค่ยิ้ม

ยิ้มที่ตีความหมายได้แทนคำพูดว่า ‘มันยังไม่จบ’ และวันนี้ชายหนุ่มก็ทำให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า เขายังต้องการทวงคืนหนี้บุญคุณจากเธอ

‘สองไม่ดื่มเหรอ’

คุณากรถาม ตาคมค่อนข้างหวานหยาดเยิ้ม เพราะเขาดื่มตั้งแต่เริ่มมานั่งร่วมโต๊ะกับเธอแล้ว

มาธาวีถอนหายใจยาวก่อนจะส่ายหน้า แต่อีกฝ่ายกลับหยิบเครื่องดื่มชนิดหนึ่งจากบริการที่เดินผ่านส่งมาให้

‘ดื่มกระตุ้นหน่อย จะได้สนุก อันนี้ไม่แรง”

ชายหนุ่มคะยั้นคะยอมาอีก

เธอรำเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เปิดงานสัมมนาช่วงหัวค่ำแล้ว หญิงสาวออกมาทานบุฟเฟ่ต์ที่จัดให้กับแขกพร้อมมีดนตรีเล่นคลอที่ริมทะเล การสัมมนาเป็นระดับผู้บริหารใหญ่และเธอก็เป็นอิสระหลังทำงาน จึงสามารถไปไหนมาไหนได้ตามสะดวก และฝ่ายประสานงานก็ต้อนรับเธอในฐานะแขกคนหนึ่งของโรงแรม

มาธาวีเพิ่งรู้ตอนมาถึงที่นี่ว่า การที่อาจารย์บอกให้เธอมาแสดงในงานสัมมนาพิเศษของโรงแรมในเครือของที่นี่ก็เพราะคุณากรเป็นคนบอกกับพี่ชายของเขาที่เป็นดูแลโรงแรมสาขานี้เอง แล้วหมอนี่ก็ตามมาวุ่นวายกับเธอได้อย่างที่ต้องการ เพราะปกติตอนอยู่มหาวิทยาลัยเธอจะไม่ยอมให้เขาได้มีโอกาสคุยกับเธอตามลำพัง

เพราะไม่รู้จักใครคนอื่นหญิงสาวจึงนั่งกินอาหารคนเดียว โดยมีคุณากรที่เชิญตัวเองมาร่วมโต๊ะอย่างไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ด้วยแขกค่อนข้างเยอะ เธอไม่อยากทำให้เรื่องมันวุ่นวาย คิดว่ารีบกินรีบกลับห้องพักของตน ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายอยู่ใกล้นานนัก

‘ไม่ล่ะ ฉันจะกลับห้องแล้ว’

เธอบอกพร้อมกับลุกขึ้น คิดว่าไม่ควรอยู่นานกว่านี้แล้ว ชายหนุ่มตรงหน้าดื่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอรู้สึกว่าต้องระวังตัวมากขึ้นไปด้วย แต่ก็ไม่อยากแสดงท่าทีรังเกียจหรือไม่ไว้ใจให้อีกฝ่ายดูออก

‘อ้าว จะกลับแล้วเหรอ ยังคุยกันไม่เท่าไรเลย’

หน้าขาวสไตล์ลูกหลานคนจีนแดงนิดๆ แต่อีกฝ่ายคุยรู้เรื่อง ดูอารมณ์มากกว่าดีไปสักหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าเมามายจนน่ากลัว

‘ง่วงแล้ว’

‘แหม เด็กอนามัยจัง’

อีกฝ่ายยิ้มหวานให้ หญิงสาวจึงยิ้มตอบแล้วตัดบท

‘ไปนะ’

คุณากรไม่ได้ตอบกลับมา แต่พยักหน้าพร้อมยิ้มให้แล้วก็ยกแก้วที่เขาส่งให้เธอเมื่อครู่ไปดื่มแทน

มาธาวีผละออกมา รู้สึกเหมือนถูกมองตามทว่าก็ไม่ได้หันกลับไปมอง พยายามไม่ใส่ใจอีกฝ่าย

ขณะกำลังจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องพักมาธาวีจึงลืมตาขึ้น เพราะเธอปิดไฟนอนแต่แง้มม่านในห้องเอาไว้เล็กน้อยเพื่อที่แสงในตอนเช้าจะได้สาดส่องเข้ามา ช่วยให้ตื่นได้ง่ายกว่าห้องมืดๆ

ความรู้สึกกลัวครอบงำในทันทีเพราะมองเห็นเงาตะคุ่มก้าวเข้ามาแล้วตรงมาที่เตียงของเธอ ร่างบางเกร็งในหัวคิดหาทางหนี แต่กลัวว่าแค่ขยับตัวก็อาจโดนตะครุบเอาไว้ ทว่าก็ไม่อยากอยู่เป็นเป้านิ่ง สุดท้ายมาธาวีก็พลิกตัวจะกลิ้งหนีลงจากเตียง แต่คนที่เข้ามาใหม่ก็มองเห็นเธอเพราะแสงเลือนรางจากด้านนอกกับเสียงขยับจากเตียง

‘จะไปไหนสอง’

น้ำเสียงเข้มที่ไม่ปกติต่างจากเดิมของคุณากรทำให้มาธาวีขนลุก เหงื่อผุดพราย ไม่เพียงเท่านั้นร่างสูงกำยำยังเคลื่อนมาฝั่งที่เธอหลบมาอย่างทันท่วงที

‘คุณ’

มาธาวีอุทานเสียงสั่น

‘อย่าเข้ามา’

‘มาสนุกกันเถอะสอง’

พร้อมคำพูดร่างของคุณากรก็โถมเข้ามาหาเธอทั้งตัว จุดที่ยืนอยู่เป็นมุมอับข้างเตียงไม่สามารถหนีไปไหนได้ มาธาวีจึงเลือกจะกระโดดกลับขึ้นไปบนเตียงเพื่อจะหนีไปทางที่สะดวกกว่า แต่ก้าวได้เพียงก้าวเดียวก็ถูกตะปบจากทางด้านหลังจนหน้าคะมำ

ร่างที่ใหญ่กว่าตะเกียกตะกายตามมาคร่อมตัวเธอเอาไว้ ขณะที่มาธาวีพยายามคว้าขอบเตียงอีกด้านเพื่อเป็นหลักยึดใช้ดึงตัวเองออกจากใต้ร่างคุณากรแต่ก็ไม่เป็นผล

‘ปล่อยฉันนะนายคุณ’

อีกฝ่ายราวกับไม่ได้ยินเธอ จะพูดให้ถูกคือไม่สนใจมากกว่า หญิงสาวรู้สึกถึงแรงทับจากด้านหลังที่หนักมหาศาล แถมสัมผัสร้อนเจือกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรงยังนาบลงมาข้างลำคอ

‘อี๋...’

เธอส่งเสียงร้องด้วยความรังเกียจพร้อมกับพยายามสะบัดตัวสะบัดหน้าหนี

ร่างกายใหญ่กว่าที่ได้เปรียบทิ้งมาบนเธอเต็มๆ มาธาวีรับรู้ได้ถึงอีกฝ่ายอย่างชัดเจน นั่นยิ่งทำให้เธอดิ้นหนีด้วยความกลัว ทว่าก็ไม่อาจต้านแรงของคนเมาได้

‘คบกับนะเราสอง เราชอบสองจริงๆ’

ใบหน้ากับปากที่ฝังลงข้างลำคอและไหล่ของเธอขยับบดเบียดพร้อมกระซิบ

‘ไม่’

‘ทำไม เราก็ไม่ใช่ขี้ๆ นะ สองก็เห็น ทำไมคบกับเราไม่ได้’

อีกฝ่ายคุยรู้เรื่องนั่นหมายความว่าเขาไม่ได้เมาจนขาดสติ นั่นทำให้มาธาวียิ่งไม่พอใจ มันหมายความว่าคุณากรตั้งใจเข้ามาข่มขืนเธอ ไม่ได้ทำไปเพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

‘ฉันเกลียดนาย’

คราวนี้ชายหนุ่มจับเธอพลิกตัวอย่างแรง ทั้งสองคนไม่เห็นหน้ากันนัก แต่จากเสียงหายใจฉุนเฉียวทำให้เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธมาก

‘เรามันน่าเกลียดตรงไหนหา! บอกมาสิ’

มาธาวีไม่ตอบแต่อาศัยตอนที่เขาพลิกตัวเธอคว้าจับหมอนที่อยู่ใกล้มือเหวี่ยงใส่อีกฝ่ายอย่างแรง

‘ปล่อยฉันนะ!’

เธอตวาดออกไปเสียงดังและตีเขาอย่างแรงสองสามครั้งแต่ไม่นานหมอนในมือก็ถูกแย่งไปแล้วปาทิ้ง

‘ไม่ปล่อย เกลียดนักใช่ไหม จะเอาเป็นเมียให้ดู’

พูดแล้วร่างสูงกำยำก็แนบลงมาหา มาธาวีหันหน้าหนีมือยันอกอีกฝ่าย ทั้งยังตีไม่หยุด

‘อย่ามายุ่งกับฉันไอ้บ้า!’

‘เดี๋ยวจะทำให้ด่าไม่ออก’

หน้าคมฝังลงมาข้างแก้ม กลิ่นฉุนจากลมหายใจร้อนทำให้มาธาวีเอียนไปหมด พยายามเบี่ยงตัวหลบให้มาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขาก็ขยับถีบขึ้นลงบนที่นอนไม่หยุด ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทับลงมาบนตัวเธอได้

=====

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พันธะลวง   8.รถไฟชนกัน (2)

    มาธาวีให้อธิปมารับตนเองเพราะเขายังไม่เคยไปบ้านของเธอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อยืนส่งนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเห็นรถของกิตติกรมาจอด ซึ่งปัฐวิกรใช้รถของน้องชายเขา หญิงสาวหน้าซีดทันที ขณะที่กัญญานันทักพี่ชายเสียงใส“พี่ปัฐ”ร่างสูงใหญ่ของปัฐวิกรเข้ามากอดน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนมาธาวีก็จำต้องยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกว่าไปรอข้างในเพราะน้องสาวกับเพื่อนยังส่งนักเรียนอยู่กับพนักงานต้อนรับรอไม่นานสองสาวก็กลับเข้ามาด้านในเพราะเหลือนักเรียนคนเดียวพนักงานสามารถดูแลได้ ส่งนักเรียนเรียบร้อยอีกฝ่ายก็กลับบ้านได้เลย“มารับสองไปบ้านเหรอคะ”กัญญานันเอ่ยถามพี่ชายทันที เธอรู้ว่าวันนี้พี่ชายจะไปบ้านเพื่อนตามคำชวนของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเพราะเขาเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ชายหนุ่มมาก็ทำงานที่คั่งค้างของกิตติกรเพิ่งจะมาหาเธอก็วันนี้“ครับ”มาธาวีกัดริมฝีปากล่างด้วยความลำบากใจ เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเวลานี้อธิปเองก็คงเลิกงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มออกมาหรือยัง“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะคะ”เธอพูดขึ้นพยายามจะเลี่ยงออกไปเพื่อโทรหาอธิป“ไม่เป็นไร ผมเอามาแล้วนี่ไง”ตาคู่กลมโตเหล

  • พันธะลวง   8.รถไฟชนกัน (1)

    เป็นเช้าที่มาธาวีตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นเอาเสียเลย ทั้งที่บ้านเธออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศสดชื่นเย็นสบาย ปกติมานอนที่บ้านเมื่อไรหญิงสาวจะลุกขึ้นไปยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นหน้าระเบียงห้องนอนตอนเช้า ทว่าวันนี้แม้แสงแดดส่องผ่านกระจกที่ผ้าม่านเปิดแง้มเอาไว้เจ้าของร่างอรชรก็ไม่มีอารมณ์จะลุกขึ้นแต่อย่างใด ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในมือถือจึงหยิบขึ้นมาดู‘พี่ปัฐบอกให้ส่งเบอร์เขาให้สองน่ะ แล้วเขาก็ขอเบอร์สองไปด้วย เห็นว่ารับปากพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเอาไว้ตอนท่านชวนไปทานข้าวที่บ้าน เลยขอเบอร์สอง’เห็นข้อความของกัญญานันแล้วก็ได้แต่ทิ้งมือถือลงอย่างอ่อนแรง ไม่นึกอยากให้ปัฐวิกรมาที่บ้านของเธอเลยสักนิด สังหรณ์ในใจบอกเธอว่าเรื่องราวคู่หมั้นจอมปลอมจะไม่จบลงแค่ที่พี่สาวของเธอแม้แทบไม่อยากลุกจากเตียงนอนไปเผชิญหน้ากับมาลินีในเวลาอาหารเช้า แต่มาธาวีก็ต้องขยับตัวเพราะไม่อยากทำตัวให้ผิดปกติจนอีกฝ่ายหาเรื่องค่อนขอดได้อีก จึงลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายใจร่างโปร่งระหงในชุดข้าราชการเรียบร้อยเดินลงจากบันไดไปก่อน มาธาวีที่ก้าวออกมาเห็นอีกฝ่ายหยุดกึกรอให้

  • พันธะลวง   7.ยอมจำนนหนี้บุญคุณ (2)

    ‘จะเอาให้ครางเอาอีกๆ ไม่หยุดเลย คอยดูสิ’‘ไอ้บ้าเอ๊ย!’มาธาวีตะโกนด่าเสียงดังอย่างรังเกียจสุดจิตสุดใจ ทั้งยังวาดมือใส่หน้าที่ซุกไซ้แก้มกับลำคอไม่หยุดสุดกำลังเท่าที่มือจะใช้แรงได้‘โอ๊ะ...’ได้ยินเสียงเข้มดังก่อนชายหนุ่มจะเข่นเขี้ยว‘ตบเหรอหา!’เพี้ยะ!!แรงกระทบหน้าหนักหน่วงทำเอามาธาวีถึงกับชาไปทั้งข้างแก้ม รู้สึกได้ถึงความเจ็บจี๊ดตรงมุมปาก เธอชะงักไปอึดใจหนึ่งเลยเดียว‘ไง หมดฤทธิ์แล้วสินะ’น้ำเสียงเยาะหยันอย่างพอใจก่อนคุณากรจะถอยออกไปถอดเสื้อของตัวเอง คงเพราะเห็นว่าเธอไม่กล้าแผลงฤทธิ์แล้ว นั่นทำให้มาธาวีรีบปัดป่ายมือควานหาของใกล้มือตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วก็เจอไอแพดกับมือถือของตัวเอง เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงหยิบมือถือปาใส่อีกฝ่าย‘โอ๊ย!’คุณากรสะดุ้ง มาธาวีรีบถอยกรูดให้ห่างอีกฝ่ายมากที่สุดทั้งยังถีบเขาไม่ยั้ง มือหนาคว้าขาเธอเอาไว้ คราวนี้หญิงสาวจึงเอาไอแพดปาใส่ซ้ำไปอีก‘โธ้เว้ย!’อีกฝ่ายสบถเสียงดังอย่างหงุดหงิด ขณะที่ร่างอรชรรีบเผ่นลงจากเตียงวิ่งไปยังประตูห้องด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงกำยำก้าวตามมา ทว่าเธอก็เปิดประตูได้พอดี กำลังจะพุ่งตัวออกไปอีกฝ่ายก็ดึงกลับมา แต่เธอทันได้สบตากับคนที่อยู่ห้

  • พันธะลวง   7.ยอมจำนนหนี้บุญคุณ (1)

    น้ำร้อนๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตาคู่กลมโต ความอึดอัดขัดใจแน่นอยู่ในอก มาธาวีรู้ว่าที่พี่สาวโวยวายเพราะกำลังเจ็บ ไม่ใช่เจ็บเพราะโกรธ แต่เจ็บที่โดนน้องอย่างเธอหักหลังมาลินีเป็นคนขี้บ่นจู้จี้จุกจิกอยู่แล้ว เธอโดนตำหนิบ่อยจนเคยชินแต่รู้ว่าที่พี่สาวมักจะเคือง ไม่พอใจ หรือบ่นเธอก็เพราะหวังดี พอมารู้ว่าถูกหลอกเรื่องผู้ชายก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะปรี๊ดขึ้นมาเธอรู้ว่าพี่สาวเสียใจกับความแห้วของตัวเองมาตั้งแต่ครั้งเปรมินทร์แล้ว แถมยังมีกิตติกรอีก แต่เพราะเป็นคนสวย เริด เชิด การศึกษาหน้าที่การงานดี มาลินีจึงมั่นใจในตัวเองว่าต้องมีคนที่ดีเหมาะสมเข้ามาในชีวิต การได้เจอปัฐวิกรในเวลาใกล้เคียงกับที่ต้องถอยห่างจากกิตติกร มาธาวีจึงไม่แปลกใจว่าหนุ่มมาดเนี้ยบหล่อโปรไฟล์หรูย่อมต้องเป็นเป้าหมายใหม่ของพี่สาวเธออย่างไม่ต้องสงสัยอีกฝ่ายหมายมั่นปั้นมือกับปัฐวิกรพอสมควร เพียงแค่ยังไม่มีเวลาได้ทำความรู้จักเพราะชายหนุ่มไม่ได้อยู่เชียงใหม่เท่านั้น นั่นทำให้คนเป็นน้องสะเทือนใจเมื่อได้ยินเสียงตัดพ้อสั่นเครือของพี่สาว จนสุดท้ายก็ต้องเอ่ยออกไปโดยไม่ได้หันไปมองด้วยไม่อาจฝืนทนเห็นอีกฝ่ายเสียใจได้ ทว่าน้ำเสียงก็เจือความสั่นไม่แพ้

  • พันธะลวง   6.เราคบกันจริงๆ (2)

    “นี่หมายความว่า...”มาลินีพึมพำเสียงเบา แววตาและสีหน้ามองเขาอย่างว่างเปล่า“ใช่ครับ ผมกับสองคบกัน”ปัฐวิกรยืนยันซ้ำอีก เขาไม่อยากให้ความหวังกับมาลินีเพราะดูออกว่าหญิงสาวสนใจเขาเหมือนกับเพื่อนของเธอ“หนึ่งไม่เห็นรู้เลย”เธอถามออกไปอย่างอ่อนล้าราวกับคนพ่ายแพ้ หากน้องสาวตนเองเป็นคนพูด เธอยังเชื่อน้อยกว่าผู้ชายตรงหน้า เพราะไม่มีเหตุผลที่เขาต้องโกหกเธอ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมเธอไม่เคยระแคะระคายมาก่อน ช่วงที่ชายหนุ่มมาในตอนมีปัญหาของกิตติกรครั้งก่อน น้องสาวของเธอกับปัฐวิกรก็แทบจะไม่คุยกันเลยแล้วทั้งสองคนไปคบหากันตอนไหน“ตั้งแต่สองไปงานแต่งนายกลางเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ครับ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันก็เถอะ สองเขายังไม่กล้าจริงจัง ก็เลยยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมจริงจังเพราะอายุมากแล้ว”คำพูดของปัฐวิกรดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่มาธาวีเองก็คงหลงเชื่อไปด้วย หากคนที่เขาเอามาอ้างไม่ใช่เธอเอง“เหรอคะ”มาลินีเหมือนจะถามแต่กลับพยักหน้าเบาๆ ราวกับยอมรับส่วนปัฐวิกรเหลือบไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งเงียบ แต่แววตาคู่กลมโตกลับมองเขาอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากได้รูปสวยยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับก้าวเข้าไปหาเจ้าของร่างอรชรแบบบาง“อย่าม

  • พันธะลวง   6.เราคบกันจริงๆ (1)

    ‘ตาถูกชะตาคุณจังเลย อยากลองคบคุณ ได้ไหมคะ’สาวร่างอิ่มขยับขึ้นไปพูดใกล้ๆ ร่างสูงใหญ่โดยการเกาะไหล่เขาทั้งสองข้าง แล้วเขย่งตัวขึ้นนี่คือภาพที่มาลินีแอบตามเพื่อนที่ดึงปัฐวิกรออกมาแล้วเห็นเข้า เธอบอกอธิปว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนชายหนุ่มมีสายโทรศัพท์เข้ามาพอดีเขาจึงออกไปคุยด้านหน้า เพราะข้างในค่อนข้างเสียงดังแต่ถึงจะดังยังไง พรชิตาก็ไม่เห็นต้องขยับไปพูดใกล้ๆ ชายหนุ่มขนาดนั้น เพราะเธอยืนอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเลย หญิงสาวค่อนขอดเพื่อนตัวเองในใจ‘เราเพิ่งเจอกันเองนะครับ’ปัฐวิกรแย้ง แต่ก็ไม่ได้ผลักพรชิตาออก คิดว่าเขาคงไม่อยากเสียมารยาท เพราะแขนกำยำแนบข้างลำตัว ไม่โอบหรือกอดอีกฝ่ายแต่อย่างใด‘นั่นสิคะ ตาถึงได้บอกว่าถูกชะตา’พรชิตาถอยออกมาเงยหน้ามองชายหนุ่มไม่ห่างนัก ตาคู่สวยพราวหยาดเยิ้ม‘ผม...’‘อย่าบอกนะคะ ว่าคุณไม่ถูกใจตา ของแบบนี้ต้องลองก่อนสิคะ ถึงจะรู้’สาวสวยยิ้มอย่างขี้เล่นขณะพูดคนแอบฟังอย่างมาลินีได้ยินคำนี้ของเพื่อนยังถึงกับอึ้ง เธอไม่ค่อยแปลกใจหรอก เพราะรู้จักนิสัยกันดีอยู่ แต่พรชิตาเพิ่งเจอปัฐวิกรวันนี้เอง อ่อยหนักขนาดนี้หมายความว่าอยากให้เขากลับไปด้วยคืนนี้แน่ๆคิดมาถึงตรงนี้มาลินีก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status