Home / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 20 คำลวงในรุ่งอรุณ

Share

ตอนที่ 20 คำลวงในรุ่งอรุณ

Author: Abyssgloom
last update Last Updated: 2024-10-28 23:11:30

ภายในโกดังเก็บของที่อึมครึม แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ยังอ่อนแรงค่อยๆส่องผ่านหน้าต่างบานเดียวที่ฝุ่นจับหนา ทำให้ภายในโกดังยังคงมืดสลัว 

ชายหนุ่มผู้หนึ่งหลบซ่อนตัวในเงามืด ดวงตาจับจ้องไปยังประตู มือกำแน่นข้างลำตัว ความกดดันค่อยๆ เพิ่มขึ้นพร้อมเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังไม่หยุดยั้ง เหมือนจะคอยย้ำเตือนถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ

ทันใดนั้น เสียงบานประตูเหล็กของโกดังตรงหน้าดังขึ้น ก้องสะท้อนท่ามกลางความเงียบ เสียงคล้ายโลหะกระทบกันเมื่อวงเวทย์ที่ปิดผนึกไว้ถูกปลดออก ไม่นานนัก จอมเวทย์แปลกหน้าสองคนพุ่งเข้ามาภายในโกดังด้วยความระมัดระวัง พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างช่ำชองและสำรวจทุกจุดราวกับคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี

ผู้หลบซ่อนยังคงนิ่ง หลบตัวอยู่ในเงาอย่างสมบูรณ์แบบ เขาชะลอลมหายใจ ควบคุมการเต้นของหัวใจให้สงบนิ่งมากที่สุดอย่างมีสติ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจหมายถึงจุดจบ

ในจังหวะที่จอมเวทย์คนแรกเดินเข้ามาใกล้ ผู้หลบหนีได้พุ่งตัวออกจากเงามืดอย่างเงียบเชียบ มือขวาของเขาคว้าแขนของจอมเวทย์คนนั้น ก่อนจะบิด และ เหวี่ยงมันเต็มแรงจนได้ยินเสียงกระดูกแตกดังกรอบแกรบในอากาศ ใบหน้าของจอมเวทย์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ร่างของเขาทรุดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จอมเวทย์คนที่สองหันมาทันที 

ใบหน้าของจอมเวทย์คนนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มือยกขึ้นเตรียมจะร่ายเวทย์ป้องกันตัว แต่ยังไม่ทันร่ายคาถาใดๆ ผู้หลบซ่อนก็พุ่งหมัดอัดเข้าเต็มลำตัวของจอมเวทย์คนนั้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนร่างของเขาล้มลงไปอย่างง่ายดาย

เมื่อเห็นว่าจอมเวทย์ทั้งสองหมดสติ ผู้หลบหนีจึงหยิบผ้าในโกดังขึ้นมาคลุมใบหน้าเพื่อปิดบังตัวตน พร้อมกับค้นหาไม้คฑาเก่าๆมาใช้ ดูเหมือนว่าโกดังแห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นเพื่อปกปิดการมีอยู่ของสถานที่ด้านล่าง ทำให้มีของใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก แม้จะน่าเสียดายที่ของส่วนใหญ่ เป็นของที่ใกล้จะเสียหายแล้ว แต่มันก็ยังใช้งานได้อยู่ 

เมื่อเขาเตรียมตัวเสร็จ ก็ประตูโกดังที่แง้มอยู่ เผยให้เห็นลานโล่งกว้างเบื้องหน้า แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบกับพื้นที่โดยรอบ ทำให้เห็นรายละเอียดของพื้นที่ได้ชัดเจนขึ้น ทั่วทั้งลานมีเพียงต้นไม้ไม่กี่ต้นขึ้นเป็นหย่อมๆ ยากที่จะหาที่หลบซ่อน

ผู้หลบหนีเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางลานกว้างที่ไร้ผู้คน ความเงียบสงบของทุ่งโล่ง และ ต้นไม้ประปรายทำให้เขายิ่งระมัดระวังยิ่งขึ้นมากขึ้น

การหลบหนีดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีในตอนแรก แต่ทว่ากลางทางกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาหยุดแล้วหันกลับไปมองจากระยะไกล เห็นกลุ่มจอมเวทย์หลายคนเคลื่อนตัวตรงไปยังโกดังที่เขาทิ้งห่างไว้ แม้จะอยู่ไกลพอสมควร แต่จำนวนของจอมเวทย์ที่มุ่งตรงไปยังโกดังทำให้เขาเข้าใจทันทีว่าต้องรีบให้มากกว่านี้

ผู้หลบหนีได้ตัดสินใจใช้เวทมนตร์กระตุ้นพลังในร่างกายเพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลในทันที  เพื่อหลบหนีออกจากลานโล่งกว้างที่เสี่ยงจะทำให้เขาโดนล้อมจับเอาได้ โชคยังดีที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยอณูมานาหนาแน่น ทำให้การตรวจจับพลังเวทย์ที่อยู่ในร่างกายเล็กน้อยเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร

ขณะที่เขากำลังโล่งใจ เขาสังเกตเห็นกลุ่มจอมเวทย์ด้านหน้ากลุ่มนึง กำลังวิ่งตรงเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้จึงหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง บริเวณโดยรอบนั้นเปิดโล่งเกินไป ทำให้ยากที่จะหลบเลี่ยงไปได้

แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา เขายกคฑาไม้เก่าในมือ ยิงมานาจำนวนเล็กน้อยไปยังพุ่มไม้ที่เขาผ่านมาก่อนหน้านี้ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เสียง และ การเคลื่อนไหวของพุ่มไม้ กระตุ้นความสนใจให้กลุ่มจอมเวทย์ที่มุ่งมาทางเขา หันเหความสนใจไปยังจุดนั้นโดยไม่แสดงท่าทีสงสัยในทิศทางที่ผู้หลบหนีซ่อนตัวอยู่เลย

เมื่อกลุ่มจอมเวทย์วิ่งผ่านเขาไป เขาจึงหลบออกจากจุดซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะพุ่งตรงไปในทิศทางที่พวกเขาจากมาอย่างไม่ลังเล

เมื่อหลุดจากการถูกเจอตัวของกลุ่มจอมเวทย์ได้สำเร็จ เขาพุ่งตัวเข้าไปในทางเดินแคบระหว่างพุ่มไม้ ในสวนขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับประตูทางออกเมืองพอสมควร ผู้หลบหนีเร่งฝีเท้าให้เงียบที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ในใจยังรู้สึกแปลกๆราวกับมีอะไรบางอย่างตามมา ก่อนที่การหลบหนีของเขาจะถูกทำลายในไม่ช้า

เพียงชั่วอึดใจหลังจากที่ก้าวผ่านพุ่มไม้อีกแถว เสียงกระแสพลังเวทย์พลิ้วไหวบางเบาก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง เขาหยุดชะงัก และเมื่อหันกลับไป ก็พบกับภาพที่ทำให้เขาต้องขบกรามแน่น

จอมเวทย์อาวุโสระดับ 5 วงแหวน สองคนกำลังลอยตัวเหนือพื้นดิน จ้องมองมาที่ผู้หลบหนีราวกับพวกเขาจับตาดูเขามาตั้งแต่แรก ด้านล่างคือชายหนุ่มในวัยใกล้สามสิบ สายตาคมกริบ สะท้อนถึงประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน ท่าทางเยือกเย็นและมั่นใจอย่างยิ่ง

"การหลบหนีคงทำให้เจ้าเหนื่อยไม่ใช่น้อย? แต่ข้าผิดหวังยิ่งนักที่เจ้าไม่ได้แสดงความสามารถอะไรเลย" หนึ่งในจอมเวทย์เอ่ยเสียงเรียบ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเหนือกว่า ทำให้ผู้ฟังเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล

ผู้หลบหนีกำคฑาไว้ในมือแน่น พยายามตั้งสติ การต่อสู้ในตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนีก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น  

แต่ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว บรรยากาศรอบตัวเริ่มร้อนระอุขึ้นกระทันหัน เมื่อจอมเวทย์คนหนึ่งยกมือขึ้น วงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นเหนือมือของเขา เปลวไฟสว่างวาบก่อนจะพุ่งตรงมาทางเขาด้วยความเร็ว ราวกับจะเผาเขาให้มอดไหม้ในทันที

ผู้หลบหนีเบี่ยงตัวหลบ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บของร่างกาย เขาจึงเสียหลักล้มลงกับพื้น แรงลมจากเวทมนตร์ซัดร่างของเขาไถลไปตามพื้นดิน ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่าง พละกำลังที่เหลืออยู่น้อยนิดทำให้เขาลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหว

ต่อจากนั้น ชายหนุ่มด้านล่างที่ยืนรอจังหวะอยู่ พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขากระชากแขนของผู้หลบหนีและกดร่างของเขาลงกับพื้นทันที มือที่แข็งแรงกดไหล่เขาไว้แน่นจนรับได้ถึงแรงมหาศาลที่แทบทำให้หายใจไม่ออก ความเชี่ยวชาญในด้านการจับกุมเผยให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของเขา

“จับมันเอาไว้ให้แน่น ข้าไม่อยากเสียเวลากับมันมากนัก นี้ก็ใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว”

จอมเวทย์อาวุโสอีกคนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่แฝงไปด้วยอำนาจ ผู้หลบหนีฝืนยิ้มบาง ขณะที่ร่างกายถูกกดอยู่กับพื้น สายตาท้าทายยังคงจ้องมองไปที่พวกเขาแม้จะถูกปิดบังด้วยผ้าคลุมก็ตาม

ชายผู้จับกุมเริ่มเกิดความสงสัยในใจ เขามองผู้หลบหนีอีกครั้ง ราวกับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ จากข้อมูลที่ได้รับมา ผู้หลบหนีตรงหน้าควรจะเป็นชายที่มีพละกำลัง และ ร่างกายที่แข็งแรง แต่แขนที่เขาจับ กลับสัมผัสได้เพียงแขนที่บอบบาง ราวกับอดอาหารมาหลาย

เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจดึงผ้าคลุมออกอย่างแรง เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่ทำให้เขาต้องชะงัก ข้อมูลที่ได้รับมาไม่ตรงกับชายตรงหน้าเลยสักนิด ผมสีทองที่สกปรกและเต็มไปด้วยฝุ่น ต่างจากเป้าหมายที่มีผมสีดำ นั้นทำให้ชายคนนั้นรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังเข้ามาใกล้จากด้านหลัง จอมเวทย์อาวุโสหันไปมองอย่างระแวดระวัง ก่อนที่ดวงตาจะสบเข้ากับหญิงสาวผู้หนึ่ง

เธอปรากฏตัวขึ้นพร้อมใบหน้าที่ซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เธอมองชายที่ถูกกดลงกับพื้นอย่างทารุณ แขนขาของเขาถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนา ลมหายใจของเขาติดขัดขณะที่พยายามดิ้นรนใต้แรงกดดัน มือที่กดลงบนไหล่ของเขาหนักแน่นและไร้ความปรานี ท่ามกลางความเจ็บปวดที่เขาต้องทน

“อาร์วิน... นี่นาย?” เอเลน่าอุทานออกมาด้วยความสับสน สายตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เมื่อได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอก็เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยทันที

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแต่ชัดเจน คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความเฉียบคม สายตาจ้องไปยังชายทั้งสามอย่างไร้ความปรานี ราวกับแสดงถึงอำนาจที่ไม่อาจละเลยได้

“คู่หมั้นที่หายตัวไปของฉันกำลังถูกทำร้ายอยู่ต่อหน้า หวังว่าพวกคุณคงจะมีคำอธิบายดีๆ…. ใช่ไหม?”

บรรยากาศรอบตัวเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด จอมเวทย์อาวุโสชะงักไปเล็กน้อย พวกเขาสบตากันอย่างเคร่งเครียดเมื่อได้ยินคำพูดของหยิงสาว ร่างกายของจอมเวทย์อาวุโสขยับเพียงเล็กน้อย แต่พอจะสังเกตได้ถึงความลังเล ความเงียบที่ปกคลุมแสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็ไม่เข้าใจในสถานการณ์เหมือนกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 รากไม้ที่ชอนไช

    แสงแดดยามบ่ายแผดเผาลงบนพื้นกรวด ผ่านหลังคากระเบื้องเก่าจนเกิดเงาแสงวูบวาบ รถม้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของตระกูลแล่นช้าๆ ไปตามถนน ผู้คนริมทางยังคงเดินกันขวักไขว่เช่นทุกวัน เพียงแต่คราวนี้ สายหลายคู่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองรถม้าคันนั้นด้วยความสงสัยและกระซิบกระซาบกันเบาๆม่านผ้าถูกแง้มออกเล็กน้อยจากด้านใน เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ เอเลน่านั่งนิ่งอยู่ตรงเบาะเบื้องหลัง มือวางบนตักขณะกุมกล่องในมืออย่างเรียบร้อย ดวงตาเหม่อมองภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดตั้งแต่ลงจากสถานี เธอก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของผู้คนรอบตัว สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และ ความไม่ไว้ใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเดินมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาล ข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเธอเองในตอนนี้ก็ยังไม่อาจออกมาชี้แจงอะไรได้ เพราะหลักฐานยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การรอให้การสืบสวนเสร็จเรียบร้อยแต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้ เธอเป็นคนพาชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาลเอง โดยที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาอันตรายหรือไม่ จนกระทั่ง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

    โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดาพื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุดคาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆเธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันมือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

    แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีกโจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้นเมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึงและคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำแต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ความจริงที่ถูกบิดเบือน

    "ท่านอาร์วิน จอมเวทย์จากหอคอยเวทมนตร์ต้องการเข้าพบขอรับ"เอรอสในรูปลักษณ์ของอาร์วินลืมตาขึ้นจากความคิด เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดบอกให้รู้ว่าอีกสักพักใหญ่เอเลน่าถึงจะเดินทางกลับมาที่เมือง ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้แน่นอนว่าหัวข้อเจรจาคงเป็น เรื่องที่อาร์วินถูกจับทรมาณอยู่ในคุกลับใต้ดินตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว และ มันก็ยากจะปกปิดเพราะเอเลน่าดันอุ้มเขาออกมากลางถนน...ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมาก ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าพวกเราออกมาจากพื้นที่ของหอคอย และ มันกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำไมชายที่หายตัวไปถึงออกมาจากที่นั้น? หรือว่าหอคอยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรนจริงๆ?และที่สำคัญยิ่งกว่า...คนที่จับตัวมาจริงๆมันหายไปไหน เขารู้อะไรรึเปล่า? แล้วในการทอดสอบ เขาได้รับอะไรกลับมา นั้นคือสิ่งที่พวกมันอยากรู้จริงๆเขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดต่อว่า… แต่ก็พอดี เขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงต้องเผาโรงพยาบาล ในหนังสือพิมพ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ชี้แจงอะไร ถ้าอยากรู้ก็คงต

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status