Home / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 28 ทายาทแห่งดาบ

Share

ตอนที่ 28 ทายาทแห่งดาบ

Author: Abyssgloom
last update Last Updated: 2024-10-29 17:32:13

คลินิกตรงหน้าตั้งอยู่ห่างจากเขตใจกลางเมืองเล็กน้อย ตัวอาคารหินสีซีด ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก หน้าต่างกระจกสีชั้นล่างสะท้อนแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป ลวดลายบนกระจกดูเหมือนจะพร่ามัวในแสงสลัว สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่เพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยจำนวนนึง

ยามตีสี่ ลมหนาวพัดโชยไปทั่วบริเวณ ความเงียบรอบตัวแทบจะทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้น ร่างสูงใหญ่ยืนพิงกำแพงใต้ร่มเงาตรงข้ามกับสถานที่ ดวงตาสีแดงจับจ้องไปยังหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท เป็นสถานที่ทำงานของเจ้าของสถานที่แห่งนั้น แต่ในยามนี้ ไม่มีแสงไฟส่องลอดออกมา

“ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว ตัดสินใจไปแล้วนี่…” เขาพึมพำเสียงเบา ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงนั้นแทบชัดเจนในสายลม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้สุ้มเสียง กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างชั้นสอง เสียงลมแผ่วเบาและใบไม้ไหวกลบการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาสีแดงสังเกตการณ์ในห้องอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่

เมื่อแน่ใจแล้ว เขาดึงจดหมายจากกระเป๋าออกมา มันเป็นเศษกระดาษที่เขาเก็บได้แถวนี้ จดหมายนั้นเขียนด้วยลายมือเร่งรีบ เนื้อความสั้นๆระบุเพียงเวลาและสถานที่ ไม่ได้บอกถึงความต้องการอย่างอื่นไว้ชัดเจน

เขาวางจดหมายลงบนขอบหน้าต่างอย่างเบามือ ก่อนจะหยิบรีริครูปทรงกระดุมวางทับไว้ จากนั้นเขาเติมพลังเวทมนตร์ลงไปเล็กน้อย ทำให้มันมีน้ำหนักมากกว่าปก เพื่อป้องกันไม่ให้จดหมายถูกลมพัดปลิว แล้วเขาค่อยๆหย่อนตัวลงจากหน้าต่าง ฝ่าเท้าสัมผัสพื้นดินอย่างไร้เสียง นุ่มนวลราวแมวป่า ก่อนจะหันหลังกลับไป มุ่งตรงไปที่คฤหาสน์

ขณะที่เดินอยู่บนท้องถนน ความคิดบางอย่างพลันผุดขึ้นในใจ เขาหวนคิดถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับโจชัว เกี่ยวกับการให้อิสระในการตัดสินใจว่าจะเก็บหรือทำลายงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการตายของภรรยาของเขา แม้เขาจะพูดเองว่าให้เจ้าตัวตัดสินใจ แต่ก็แอบคัดลอกข้อมูลสำคัญเอวไว้ก่อนล่วงหน้า เพราะเขาไม่อาจปล่อยให้อารมณ์ของชายคนนั้นมาทำลายงานวิจัยที่มีศักยภาพต่อยอดไปสู่การพัฒนาด้านอื่นได้ ถึงอย่างนั้น ในท้ายที่สุดชายคนนั้นก็ไม่ได้ทำลายมันอยู่ดี 

"ก็นะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วนี้น่า……." เขาคิดกับตัวเอง ความรู้สึกผิดที่เคยโกหกผุดขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เขาสะบัดหัวเบาๆ 'มันจบไปแล้ว ไม่มีประโยชน์จะคิดถึง'"

ในตอนแรก เขาไม่ได้คาดหวังหรือไว้ใจโจชัวเลย สำหรับเขาแล้ว โจชัวเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่เคยเดินทางร่วมกันในช่วงเวลาสั้นๆ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่คลุมเครือเกินกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นคนรู้จัก หลังจากที่โจชัวตามเขามายังเมืองนี้ และ เข้าร่วมกับองกรณ์เมื่อสามปีก่อน พวกเขาก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

“จะมารู้สึกผิดตอนนี้ก็สายไปแล้ว...ช่วยไม่ได้ จะเสี่ยงให้มันถูกทำลายไม่ได้นี้น่า” เขาพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงปนหงุดหงิดราวกับยังขุ่นเคืองเรื่องในอดีต

ถึงแม้จะอยู่ในร่างนี้ก็ตาม แต่เหมือนผลกระทบจากวิญญาณของอาร์วินที่หลอมรวมกับตัวเอง จะทำให้เขาเริ่มคิดเล็กคิดน้อยมากขึ้น ความทรงจำพาเขาย้อนกลับไปถึงวันที่เขา และ เธอบุกทำลายองค์กรลับตามคำสั่งของเบื้องบน ภายหลังจากภารกิจสิ้นสุด เธอเลือกเผาเอกสารงานวิจัยทั้งหมดทิ้ง เพราะกลัวว่ามันจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด แม้เขาจะเห็นศักยภาพของมัน แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็กลายเป็นเถ้าถ่าน

“เสียดายชะมัด…” เขาพึมพำเสียงเบา บ่นถึงโอกาสที่สูญเสียไป ก่อนจะดึงตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบัน พลางเร่งฝีเท้ากลับไปยังคฤหาสน์ที่รออยู่ปลายทาง

เขาก้าวผ่านเงามืดระหว่างซอกตึก ถนนสายเล็กที่ทอดไปยังคฤหาสน์วัลธอเรนเงียบงันราวกับไร้สิ่งมีชีวิต ลมหนาวยังคงพัดโชยอย่างต่อเนื่อง แต่ร่างของเขาไม่ไหวติงต่ออากาศที่เย็นจัด ดวงตาสีแดงลอบมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง

ในจังหวะที่เขากำลังจะเลี้ยวเข้าสู่ทางเดินอีกสายหนึ่ง เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่วิ่งมาแต่ไกลดึงความสนใจของเขา หัวใจของเขาเต้นช้าลงในทันที เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน

“คุณเรย์นาร์ค!” เสียงใสดังขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

เขาชะงัก ดวงตาของเขาหันไปยังต้นเสียงทันที เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดออกกำลังกายวิ่งตรงเข้ามาหาเขา ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มสดใส ผมสีทองที่สว่างไสวและเห็นชัดแม้จะเป็นตอนกลางคืน ดวงตาสีฟ้าประกายราวกับท้องฟ้าในตอนกลางวันสะท้อนแสงจันทร์บนท้องถนน

“อาเธอร์...” เขาพึมพำเบาๆ

อาเธอร์เป็นนักเรียนใหม่ในสถาบันของหอคอยเวทย์ ปีนี้เป็นปีแรกที่เขาได้เข้าเรียน หลังจากที่เขาได้รับการสนับสนุนจากจากเขาในรูปลักษณ์เดิม และ เธอในช่วงที่เขายังอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า ความพยายามของทั้งสองช่วยให้เด็กหนุ่มคนนี้มีโอกาสสร้างอนาคตใหม่

อาเธอร์นั้นเป็นชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์สะดุดตา ใบหน้าของเขามีความคล้ายคลึงกับอาร์วินอย่างน่าประหลาด เว้นเพียงแต่ความสดใสในดวงตาสีฟ้าที่เปล่งประกายราวกับท้องฟ้าตอนกลางวัน ขณะที่อาร์วินให้ความรู้สึกลึกลับเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน ร่างกายของอาเธอร์ยังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากรูปร่างที่สง่างามแต่ไม่เน้นพละกำลังของอาร์วิน แม้ทั้งสองจะดูคล้ายกันในบางมุม แต่บุคลิกและพลังงานที่แผ่ออกมากลับแตกต่างออกไป

“ตัวตนของอาเธอร์... มันเหมือนเป็นเจตนารมณ์สุดท้ายของเธอ มันเป็นหลักฐานไม่กี่อย่างที่บ่งบอกว่าเธอเคยมีตัวตนอยู่หลังจากที่เธอหายไป แม้ว่าจะไม่อยากมองมันแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย...”เขาคิดในใจ

อาเธอร์หยุดหอบอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่คล้ายคลึงกับอาร์วินจนแทบทำให้เขาต้องเบือนสายตาเพราะนึกถึงวันที่อาร์วินตาย ทว่าความสดใสในแววตานั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าโลกของอาเธอร์ยังคงเต็มไปด้วยความหวัง

“ผมไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณที่นี่” อาเธอร์พูดพลางยิ้มกว้าง “นี่คุณออกมาวิ่งตอนเช้าเหมือนกันเหรอครับ?”

“ประมาณนั้น”เขาตอบสั้นๆพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นกลาง

“ตั้งแต่ที่คุณช่วยผมไว้คราวนั้น ผมทำตามที่คุณบอกทุกอย่างเลยนะ วิ่งทุกเช้าทุกวัน ” อาเธอร์พูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

“ถึงตอนนั้นคุณจะบอกว่าไม่ต้องจริงจัง แต่ผมก็คิดว่ามันช่วยผมได้เยอะมากเลย”

“เหร” เขายิ้มบางๆแต่ในใจกลับปั่นป่วนเล็กน้อย เด็กคนนี้ช่างเหมือนกับอาร์วินในบางมุม แต่ก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงในอีกหลายอย่าง จนทำให้เขารู้สึกขนลุกเล็กน้อย

อาเธอร์เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ "เมื่อวานนี้ผมไปเจออันธพาลขู่ไถเงินคุณยายคนหนึ่งครับ ผมเข้าไปช่วย คุณยายปลอดภัยดีแล้ว ผมจับเขาส่งตำรวจไปเรียบร้อย"

เขาฟังจบ พลางยิ้มบางๆ "ก็ดีนี่ แต่ครั้งหน้าอย่าเสี่ยงมากเกินไป เข้าใจไหม? ไม่ใช่ทุกครั้งที่นายจะเจอกับพวกไร้ฝีมือหรอกน่ะ"

อาเธอร์หัวเราะเบาๆ "ครับ ผมจะระวัง... แต่ถ้าเป็นคุณ คุณก็คงทำเหมือนนี้น่า"

คำถามนั้นทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

"นั้นเพราะว่าฉันมีประสบการณ์ต่างหาก ถึงสามารถเข้าไปช่วยได้ แต่ก็ยังต้องระวังตัวอยู่ดี"

อาเธอร์พยักหน้าเบาๆ สีหน้าเริ่มครุ่นคิด "นั่นสินะครับ... ผมยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลย"อาเธอพูด ก่อนจะสังเกตุเห็นถึงท่าทางของเขา

“ว่าแต่คุณดูแปลกๆไปนะครับวันนี้ มีอะไรหรือเปล่า?” อาเธอร์ถามพลางเอียงศีรษะ

“เปล่า” เขาตอบ “นายเองก็ไม่น่าจะออกมาวิ่งตอนตีสี่แบบนี้หนิ”

“ผมก็แค่...อยากใช้เวลาคิดอะไรเงียบๆ บ้างน่ะครับ” อาเธอร์หัวเราะเบาๆ

“แล้วคุณล่ะ? หรือว่าคุณก็กำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกัน?”

คำถามนั้นทำให้เขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เขามองอาเธอร์ตรงๆ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

“ก็น่ะ ช่วงนี้มีอะไรให้คิดเยอะ” เขาตอบเสียงเรียบ

“ถ้าอย่างนั้น...” อาเธอร์เริ่มพูด แต่ก็ชะงักเหมือนยังลังเล

“ถ้าคุณต้องการคนช่วยให้คำปรึกษา ผมยินดีช่วยนะครับ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ผมอาจจะไม่เข้าใจเลยก็ตาม”

คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้เขายิ้มจางๆ ความรู้สึกอุ่นวาบบางอย่างผุดขึ้นในใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังอะไรกับเด็กหนุ่มตรงหน้า แต่ความจริงใจในน้ำเสียงของอาเธอร์ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย

“ขอบใจ” เขาตอบสั้นๆก่อนจะมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า 

“แต่ตอนนี้ นายควรกลับไปพักผ่อน ก่อนที่จะไม่มีแรงไปเรียนในตอนเช้าน่ะ”

อาเธอร์หัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะพูดตอบ“เข้าใจแล้วครับ ผมจะทำตามที่คุณบอก” เขาพูดพลางยิ้ม

“งั้นผมไม่รบกวนแล้วนะครับ ไว้เจอกันใหม่!”

เด็กหนุ่มโบกมือลาก่อนจะวิ่งจากไปในทิศทางตรงข้าม เขายืนมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ลับสายตาไปชั่วครู่ก่อนจะหมุนตัวเดินต่อ

“เด็กคนนั้น...” เขาพึมพำเบาๆรอยยิ้มจางๆยังไม่เลือนหายจากใบหน้าของเขา

“คล้ายกันจนน่าขนลุกเลย ความรู้สึกอะไรกันเนี่ย”

เขาเตรียมที่จะเดินต่อ แต่ในตอนนั้น ก็รู้สึกเจ็บจี้ดราวกับมีบางสิ่งหลุดออกจากร่างกาย ความเจ็บนั้นไม่ใช่ทางกายภาพ แต่เป็นความรู้สึกเสียดแทงในส่วนลึกของจิตวิญญาณ ดวงตาสีแดงหันขวับไปมองเด็กหนุ่มที่ยังคงวิ่งอยู่ไกลออกไป ดูเหมือนอาเธอร์ไม่ได้สังเกตสิ่งผิดปกติใดๆ

“แปลก...” เขาพึมพำกับตัวเองพลางจับมือที่หน้าอกเบาๆ ความเจ็บค่อยๆ จางหายไปอย่างรวดเร็ว

เขายืนนิ่งอยู่อีกสักครู่ ก่อนจะปล่อยความสงสัยไว้เบื้องหลัง และเดินมุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ต่อ ความเงียบและความมืดยังคงเป็นเพื่อนร่วมทางเพียงลำพังของเขา


หลังจากวิ่งเสร็จ อาเธอร์กลับมาถึงห้องพักในหอพักของสถาบันเวทมนตร์ เขาถอดเสื้อออกและโยนลงตะกร้า เสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อส่งกลิ่นอ่อนๆของความเหนื่อยล้า เด็กหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำเย็นล้างตัวจนสะอาด ก่อนจะพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวไว้แบบลวกๆ

เมื่อออกจากห้องน้ำ เขาเดินมาหยุดหน้ากระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ดวงตาสีฟ้าจับจ้องภาพสะท้อนของตนเอง เขาเงยหน้าขึ้นมองกล้ามเนื้อที่เริ่มพัฒนาจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่แล้วสายตาของเขาก็หยุดนิ่งที่บางสิ่งบนร่างกาย

“อะไรเนี่ย? รอยสักมาจากไหน?” อาเธอร์พูดออกมาอย่างตกใจ มือแตะลงไปยังบริเวณเอวด้านขวา ใกล้กับส่วนท้องหน้า สัมผัสได้ถึงพื้นผิวเรียบลื่นของผิวหนัง แต่กลับมีสัญลักษณ์ปรากฏชัดเจน

มันเป็นสัญลักษณ์รูปดาบสามเล่มไขว้กัน เล่มหนึ่งพุ่งลงดิน สองเล่มพุ่งเฉียงขึ้นฟ้า ในภาพนั้น ดาบทุกเล่มเปล่งแสงสีทองริบหรี่ ก่อนที่แสงจะมืดดับ และกลายเป็นรอยสักสีดำสนิทที่ฝังแน่น

“แถมตรานี้มัน...” เขาเพ่งมองรายละเอียดของสัญลักษณ์ อาเธอร์นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นตรานี้ในข่าวเมื่อวานก่อนที่เขาอ่านจากหนังสือพิมพ์ มันคือ ตราประจำตระกูลแคร์นัส ตระกูลของ อาร์วิน ชายผู้ที่เป็นลูกเขยของตระกูลวัลธอเรน ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายวันก่อน แต่เพิ่งปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อวานนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 รากไม้ที่ชอนไช

    แสงแดดยามบ่ายแผดเผาลงบนพื้นกรวด ผ่านหลังคากระเบื้องเก่าจนเกิดเงาแสงวูบวาบ รถม้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของตระกูลแล่นช้าๆ ไปตามถนน ผู้คนริมทางยังคงเดินกันขวักไขว่เช่นทุกวัน เพียงแต่คราวนี้ สายหลายคู่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองรถม้าคันนั้นด้วยความสงสัยและกระซิบกระซาบกันเบาๆม่านผ้าถูกแง้มออกเล็กน้อยจากด้านใน เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ เอเลน่านั่งนิ่งอยู่ตรงเบาะเบื้องหลัง มือวางบนตักขณะกุมกล่องในมืออย่างเรียบร้อย ดวงตาเหม่อมองภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดตั้งแต่ลงจากสถานี เธอก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของผู้คนรอบตัว สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และ ความไม่ไว้ใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเดินมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาล ข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเธอเองในตอนนี้ก็ยังไม่อาจออกมาชี้แจงอะไรได้ เพราะหลักฐานยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การรอให้การสืบสวนเสร็จเรียบร้อยแต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้ เธอเป็นคนพาชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาลเอง โดยที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาอันตรายหรือไม่ จนกระทั่ง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

    โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดาพื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุดคาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆเธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันมือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

    แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีกโจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้นเมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึงและคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำแต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ความจริงที่ถูกบิดเบือน

    "ท่านอาร์วิน จอมเวทย์จากหอคอยเวทมนตร์ต้องการเข้าพบขอรับ"เอรอสในรูปลักษณ์ของอาร์วินลืมตาขึ้นจากความคิด เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดบอกให้รู้ว่าอีกสักพักใหญ่เอเลน่าถึงจะเดินทางกลับมาที่เมือง ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้แน่นอนว่าหัวข้อเจรจาคงเป็น เรื่องที่อาร์วินถูกจับทรมาณอยู่ในคุกลับใต้ดินตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว และ มันก็ยากจะปกปิดเพราะเอเลน่าดันอุ้มเขาออกมากลางถนน...ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมาก ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าพวกเราออกมาจากพื้นที่ของหอคอย และ มันกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำไมชายที่หายตัวไปถึงออกมาจากที่นั้น? หรือว่าหอคอยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรนจริงๆ?และที่สำคัญยิ่งกว่า...คนที่จับตัวมาจริงๆมันหายไปไหน เขารู้อะไรรึเปล่า? แล้วในการทอดสอบ เขาได้รับอะไรกลับมา นั้นคือสิ่งที่พวกมันอยากรู้จริงๆเขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดต่อว่า… แต่ก็พอดี เขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงต้องเผาโรงพยาบาล ในหนังสือพิมพ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ชี้แจงอะไร ถ้าอยากรู้ก็คงต

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status