ลำธารไหลเอื่อยเย็นใต้เงาไม้
เสียงแมลงป่าร้องระงมเป็นท่วงทำนองแผ่วเบา ราวกับกล่อมให้ทุกชีวิตผ่อนลมหายใจ ในแสงจันทร์ที่หล่นลงจากเรือนยอดไม้ หญิงสาวชาวจีนผู้หลงเข้ามาในโลกที่ไม่รู้จัก… นั่งคุกเข่าอยู่ข้างชายผู้แบกความลับทั้งตัวตนเมิ่งซิน เปิดห่อผ้าเล็ก ๆ จากกระเป๋าคาดเอว
ข้างในคือสมุนไพรแห้งจำนวนหนึ่งที่เธอเตรียมไว้เสมอ เธอไม่รู้ว่ายังไงถึงรอดมาได้ถึงตรงนี้ แต่เธอรู้—ว่าชายตรงหน้า… ไม่ควรต้องตายเพราะเธอ“ถ้าคุณฟังอยู่… อย่าขยับนะ”
“พิษจะกระจายเร็วขึ้นถ้าเลือดสูบฉีดแรงเกินไป”น้ำเสียงของเธอสั่น แต่มือทั้งสองนิ่งอย่างน่าประหลาดใจ
แม้จะไม่เคยรักษาใครกลางป่ามืดแต่ศาสตร์ในการรักษาด้วยการแพทย์แผนจีนก็ฝังรากลึกอยู่ใน DNA ของเธอมาตั้งแต่เกิด เธอบดสมุนไพรด้วยหินริมลำธาร
เธอก้มลง ค่อย ๆ ทายาลงบนบาดแผลที่บ่าเขา นิ้วเรียวของเธอแตะผิวเนื้อเขาด้วยความระมัดระวัง ผิวร้อนจัดจากพิษ… แต่แผ่นหลังยังนิ่งดั่งภูผา“คนบ้าอะไรตัวเย็นชะมัด...นึกว่าแผ่นหินสะอีก” เมิ่งซินรำพันเบา ๆ
จากนั้นเธอหยิบชุดเข็มฝังจากกล่องโลหะเล็ก ๆ
มือเธอสั่นเล็กน้อยขณะเปิดฝากล่อง“หวังว่าพื้นฐานการแพทย์จีนจะยังพอช่วยคุณได้…”
ชายหนุ่มที่นั่งพิงโขดหินไม่ได้ส่งเสียง เขาอยู่ในอาการของคนที่หลับตานิ่งแต่แท้จริงแล้วแอบหรี่ตามอง
เธอจากใต้หน้ากากสีดำทองนั้นเป็นระยะ“แม่หญิงผู้นี้มีความรู้เรื่องการแพทย์ด้วยรึ” เขาคิดในใจ
เขาไม่เคยเห็นใครรักษาบาดแผลอย่างตั้งใจเท่านี้มาก่อนเขาเห็นหญิงสาวแปลกหน้า นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ บดสมุนไพรทีละใบ ฝังเข็มทีละจุด เช็ดเลือดทีละหยด… ราวกับเขาเป็น คนสำคัญที่สุดในโลกใบนี้
เขามองนิ้วมือเรียวที่สั่นเล็กน้อยในตอนฝังเข็ม มองดวงตาที่เต็มไปด้วยสมาธิ ลมหายใจของเธอที่แผ่วเบา… ไม่ได้มีไว้เพื่อกลัวตาย แต่เพื่อประคองชีวิตของเขา
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า การถูกดูแล มันเป็นอย่างไร
ชีวิตของชายหนุ่มเคยผ่านสนามรบที่เต็มไปด้วยคราบเลือด
เคยปะทะกับความตายจนชาชิน บาดแผลคือเรื่องปกติของชีวิตนักรบ แค่รัดผ้า—ทนเจ็บ—แล้วเดินต่อ…ไม่มีใครเคยหยุดเพื่อรักษาเขาอย่างแท้จริงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า...ความอ่อนโยน ของใครสักคนที่ไม่มีพันธะต่อกัน มันสามารถกระแทกหัวใจได้ขนาดนี้
ในขณะที่ “เมิ่นซิน” หญิงสาวจากอีกโลกหนึ่ง… ก็พยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อยื้อยุดความตายให้เขา ทั้งที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใครเวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า
มีเพียงเสียงลำธารที่ไหลเอื่อย สอดประสานกับเสียงจิ้งหรีดที่ร้องเป็นจังหวะนิ่งเนิบ และลมหายใจของเขาที่ค่อย ๆ ผ่อนเบาลงทีละน้อยเข็มเล่มสุดท้ายถูกถอนออกเธอหยิบสมุนไพรแห้งที่เตรียมไว้ประคบลงบนผิวของเขา
เมื่อเห็นว่าเขาหลับตาอย่างสงบ
กล้ามเนื้อที่เคยเกร็งแน่นคลายลง เธอจึงค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจ—ลึก และช้า เหมือนปล่อยทุกความกังวลทิ้งไปพร้อมกับลมอุ่นที่ลอยผ่านใบไม้ในยามค่ำคืนเธอมองมือของตัวเอง… ที่เปื้อนเศษสมุนไพรและเลือดจาง ๆ
นี่คือครั้งแรกที่มือของเธอ ไม่ได้ทำเพื่อวิทยาศาสตร์ แต่ทำเพื่อช่วยชีวิตของใครบางคน…สายตาเธอเคลื่อนขึ้นไปมองหน้ากาก
ทองดำลวดลายวิจิตร บดบังใบหน้าเกือบทั้งหมด มีเพียงดวงตาคมเข้มที่ส่องวาบในความมืด…เมิ่งซินยื่นมือไปช้า ๆ ปลายนิ้วเธอแตะขอบหน้ากาก
“ขอดูหน้าหน่อยได้ไหม…พ่อนักรบปีศาจ”แต่เพียงเสี้ยววินาที—
“อย่า”
เขาจับข้อมือเธอไว้แน่น รวดเร็วราวสายฟ้า เมิ่งซินชะงัก ร่างสะดุ้ง เธอเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะถอยออกมาช้า ๆ ดวงตาเธอหลบสายตาเขา ไม่ใช่เพราะกลัว… แต่เพราะใจเธอเริ่มสั่น“ขอโทษ… ฉันก็แค่กลัวว่านายจะ...เอ่อ หายใจไม่ออกไม่ได้จะล่วงเกินนายสักหน่อย ไม่เห็นต้องทำเสียงดุเลย”
เธอพูดแผ่วเบา ก่อนลุกขึ้น เขาเงียบ ไม่ตอบปล่อยให้เงาของต้นไม้กลืนใบหน้าเขาไว้ในความมืด ขณะที่ใบหน้าเธอ—สว่างชัดเจนในแสงจันทร์ คิ้วที่ขมวดเพราะความกังวลปากที่เม้มไว้เพื่อกลั้นคำถาม และดวงตา… ที่เต็มไปด้วยความอยากรู้ว่า “เขาคือใคร”รุ่งเช้า
เสียงนกป่าบินผ่านยอดไม้ หมอกจางเริ่มลอยเหนือพื้นดินเมิ่งซินสะลึมสะลือขยับตัวบนผืนหญ้า
เธอลืมตาช้า ๆ …ลุกขึ้น รอบตัวเงียบงัน ชายหนุ่ม… หายไปแล้วไม่มีแม้รอยเท้า
ไม่มีเสียงฝีเท้า “คนบ้าอะไร… จะไปก็ไม่บอกกันสักคำ"เมิ่งซินยืนเงียบอยู่ริมลำธาร
มองไปยังแนวป่าที่เธอไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนต่อ“ข้าจะอยู่อยู่ตรงนี้…แล้วเจ้าไม่มีวันโดดเดี่ยวอีกต่อไป”ฉาก 1 — ห้องลับ / 8 วันผ่านมาแสงเช้าสาดผ่านช่องไม้เล็ก ๆ ลงมากระทบใบหน้าของขุนคีรินทร์ชายหนุ่มค่อย ๆ ลืมตา — เปลือกตาหนักราวกับเพิ่งตื่นจากความตายหายใจแรง ๆ ราวกับโลกนี้ยังไม่แน่ใจว่ามันคือจริงหรือฝันสิ่งแรกที่เขามองหา…คือเมิ่งซินแต่พบว่าเธอฟุบอยู่ข้างกาย…กับถ้วยยาสมุนไพรอุ่น ๆ ที่เธอเพิ่งทำเสร็จเพื่อเขาขุนคีรินทร์“เมิ่งซิน...”เขารีบลุกอุ้มเธอขึ้นมาวางบนเตียงของตัวเองมือสั่น ๆ แตะลงบนหน้าผากเธออย่างแผ่วเบาใต้ตาของเธอคล้ำ ปากแห้งซีด — เหลือเพียงเงาเดิมของหญิงผู้เข้มแข็งขุนคีรินทร์“เมิ่งซิน…ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้”เมิ่งซินพยายามลืมตา แต่ได้แค่ลืมปรือ ๆน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับไม่มีแรงเหลือเมิ่งซิน“ขุน…คีรินทร์ ท่าน…รีบ…ดื่มยาสุดท้ายเถิด…พิษในตัวท่านจักหายไปตลอดกาล…”มือเธอร่วงลงพื้น…ขุนคีรินทร์“ไม่…ไม่นะเมิ่งซิน…เจ้าต้องไม่เป็นอะไร ตื่นสิ! ตื่นขึ้นมาอยู่กับข้า…”เขามองถ้วยยา…แล้วกลับมองเธอที่นอนแน่นิ่งทุกความทรงจำของวันที่เธอต้มยาให้เขา…ป้อนยาเช้าเย็น…อยู่ข้างเขาแม้ในความมืด…มันไหลกลับมาในหัวใจเขาแบบชัดเจนฉาก 1/2 —
“บางครั้ง…ความมืดไม่ได้น่ากลัวที่สุด…แต่คือการตัดสินใจที่จะปกป้องคนที่เรารักต่างหาก”ฉาก 1 — หมู่บ้านก่อนรุ่งสางเสียงฝีเท้าม้ากระแทกพื้นดินดังสะท้อนในอก เมิ่งซินลากร่างอิดโรยกลับถึงหมู่บ้าน ใบหน้าเปรอะเถ้าควันและฝุ่น แต่เวลานี้…หยุดไม่ได้สักวินาทีชาวบ้านเริ่มส่งสายตาสงสัย เธอไม่รอช้า ตะโกนเสียงแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นเมิ่งซิน:“ทุกคน…ฟังฉันให้ดี! พวกทหารจะมา ล่วงรุ่งเช้า…เพื่อฆ่าพวกเราทุกคน!”เสียงฮือฮาและความตื่นตระหนกผสมปนกันชาวบ้าน1 (OS): “นี่มันเรื่องอะไรนี่ท่านหมอหญิง?”ชาวบ้าน2 (OS): “เราทำผิดอะไรให้พวกทหารมาสังหารเรา?”ชาวบ้าน3 (OS): “จะให้หนีโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยงั้นหรือ…”ชาวบ้าน4 (OS): “นี่ท่านหญิงตั้งใจหลอกเราหรือเปล่า?”เมิ่งซิน:“ฉันไม่มีเวลามาอธิบายมากนัก…แต่เชื่อใจฉัน!”ชาวบ้าน5 (OS):“เราวางใจท่านหมอหญิง! ถ้าไม่ใช่ท่าน…เราคงตายไปตั้งหลายเดือนแล้ว…บอกเราหน่อยว่าต้องทำยังไง!”เมิ่งซินหอบหายใจ ก่อนจะชูแผนที่ในมือเมิ่งซิน:“นี่คือแผนที่ทางลับของพี่แย้ม…มันจะพาพวกเราทุกคนไปที่ปลอดภัย!”1/2 — ตัดภาพไปก่อนที่นายแย้มจะสิ้นลม (บนเกวียน)นายแย้ม:“ท่านหญิง…จงเอาแผน
“ควันพิษ… เงาฆาตกร… และชายปริศนาที่เรียกฉันว่า ‘เซียนอิ๋น’ — ใครคือเขา ใครคือผู้บงการทั้งหมด?!”ฉาก 1 – ภายในหอพระโอสถ กลางคืนเมิ่งซินลื่นไหลออกจากหลืบชั้นยา มือเรียวกอดตำรับยาและสมุนไพรเล็ก ๆ แนบอก — เป้าหมายอยู่แค่ปลายนิ้ว แต่ทันใดนั้น… กลิ่นแสบจมูกจู่โจมเข้ามา ม่านควันสีเทาอ่อนลอยเข้ามาในห้องเงียบ ๆ กลิ่นฉุนแบบสนผสมกำมะถัน ทำให้เธอต้องสะดุ้งเมิ่งซิน (คิดในใจ)นี่มัน…ควันพิษ!?ไม่รอช้า เธอควักขวดยาสกัดพิษจากชายเสื้อ จุ่มแตะจมูก และพันผ้าคาดเอวปิดหน้าแน่น — กลิ่นตะไคร้ กานพลู ยูคาลิปตัส ขิงแห้ง และชะเอมเทศ ดับกลิ่นพิษเบา ๆเมิ่งซิน (พึมพำ)ขอโทษนะ…ของแค่นี้เล่นงานฉันไม่ได้หรอกทันใดนั้น! เสียงฝีเท้า — เงาดำชุดดำพร้อมหน้ากากโผล่เข้ามา ล้อมหอพระโอสถ แววตาอำมหิตทุกคู่และ…เสียงเย็นยะเยือกจากเงามืดหญิงปริศนา…ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องมา…แต่ลืมไปเสียเถอะ ว่าจะได้รอดออกไป!สังหารนางบัดเดี๋ยวนี้!!เมิ่งซิน (คิดในใจ)อะ…อะไรนะ…เรียกฉันว่าเมิ่งเซียนอิ๋นเหรอ…นี่มันอะไรกัน!เธอถอยหลังชนชั้นเก็บตำรับยา มือกำแน่น ไม่มีทางหนีทันใด…เสียงฝีเท้าทั่วหลังคาดัง! เงาหนึ่งพุ่งลงราวเหยี่ยว!ชายปริศนาท
"พิษโบราณ ทหารเวร และแผนลวง…เมิ่งซินต้องฝ่าหอพระโอสถให้ได้ ก่อนที่ชีวิตและหมู่บ้านจะตกอยู่ในความเสี่ยง"– ริมป่าหลังเขา – ทางลับสู่พระราชตำหนัก – เช้าหมอกจาง ๆ คลี่คลุมผืนดิน เงาไม้โยกไหวตามสายลมแผ่วเสียงกิ่งไม้หักเบา ๆ ก่อนเมิ่งซินและนายแย้มจะโผล่พ้นแนวพงหญ้านายแย้มหยุดยืนตรงทางลับ — กำแพงหินสูงขนาบข้าง ต้นไผ่รกชัฏเขาหันไปมองเมิ่งซิน ใบหน้าเธอเปื้อนเหงื่อ แต่ดวงตายังคง แน่วแน่เกินใครนายแย้ม (เสียงแผ่ว)“จากตรงนี้ไปสุดทางก็ถึงทางเข้าพระราชตำหนัก…อีกสองชั่วยาม ข้าจะรอรับท่านหมอหญิงที่ปลายทาง”เมิ่งซิน (พยักหน้าแน่น)“ขอบคุณนะพี่แย้ม…”นายแย้มถอนใจ มองซ้ายขวา ก่อนล้วงมีดสั้นออกจากอกเสื้อนายแย้ม“รับสิ่งนี้ไว้…มีดนี้ไม่ใช่ฆ่าใคร แต่ใช้ปกป้องเจ้าหากมีภัย ให้เจ้าทำภารกิจสำเร็จและกลับไปรักษาขุนคีรินทร์ได้”เมิ่งซิน (ชะงักเล็กน้อย ก่อนพยักหน้า)“พี่แย้มไม่ต้องกังวล…ไม่ว่าจะเจออะไร ฉันจะกลับมาให้ได้”นายแย้ม (เบาเสียงราวพูดกับตัวเอง)“ขอให้โชคดีนะ…ท่านหมอหญิง”เมิ่งซินไม่ตอบ…เพียงมองเข้าไปในเงามืดของทางลับ ก่อนก้าวเข้าไปแผ่นหลังเล็ก ๆ แบกความหวังทั้งชีวิตของชายคนหนึ่ง ค่อย ๆ กลืนหายไปใ
"พิษเลือดร้ายรอวันถอน…แต่หัวใจสองดวงต้องร่วมฝ่าฟันอันตรายไปพร้อมกัน"– หมู่บ้าน – เย็น –แสงเย็นสาดผ่านต้นไม้ ใบไม้ไหวตามลม เสียงนกร้องคลอเบา ๆเมิ่งซินเดินเข้าหมู่บ้าน หอบหิ้วขุนคีรินทร์ บาดเจ็บสาหัส ร่างซีด ซีด…เหมือนแผ่นกระดาษชาวบ้านกระซิบกันอย่างตกใจชาวบ้าน 1“นั่นใครน่ะ? ทำไมหมอหญิงถึงพามาคนเจ็บมาด้วย?”ชายชรามองด้วยความกังวลชายชรา“ดูท่าจะเป็นขุนศึก…ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนักขนาดนี้?”ชาวบ้านสองคนรีบเข้ามาช่วยพยุงเขาเข้าบ้านชาวบ้าน 1“มา ๆ ท่านหมอหญิง ให้พวกเราช่วยเถอะขอรับ”เมิ่งซิน“ขอบคุณมากจ้ะ พี่มิ่ง พี่แย้ม”– ภายในบ้านเมิ่งซิน –ร่างขุนคีรินทร์วางบนเตียงไม้ชาวบ้านยังตกใจชาวบ้าน 2“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน…ทำไมพวกท่านถึง…”เมิ่งซิน (ยิ้มเบา ๆ)“เรื่องมันยาว…ไว้ฉันเล่าให้ฟังทีหลังนะจ้ะ”ชาวบ้าน 1“ถ้าอย่างนั้น ถ้ามีอะไรให้ช่วย บอกได้เลยนะขอรับ”เมิ่งซิน (พยักหน้า)“จ้ะพี่”เธอมองเขาที่ยังไม่ฟื้น…หัวใจเต้นตุบ ๆ ด้วยความห่วงใยเมิ่งซิน (กระซิบ)“เลือดไหลไม่หยุด…ร่างกายเย็น…แต่ลมหายใจร้อนราวไฟ…”เธอโน้มตัวแนบหูกับอกเขาหัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ…เธอเบิกตากว้าง…แทบหยุดหายใจเมิ่งซิน
"ใต้เงาจันทรา…หัวใจสองดวงต้องเลือกเชื่อใจ หรือปล่อยให้ความลับพรากกัน"– คุกในพระราชตำหนัก – กลางคืน – เสียงฝนพรำเบา ๆ…ราวกับโลกกำลังกระซิบว่าพรุ่งนี้อาจไม่เหมือนเดิม เมิ่งซินเงยหน้ามองดวงจันทร์ผ่านม่านฝนบางเบา มันยังลอยเด่น…สวย…และโดดเดี่ยวเธอกอดเข่าตัวเองแน่น เหมือนเด็กหลงทางรอคำตอบจากฟ้าเมิ่งซิน (เสียงแผ่ว) “คืนนี้…แม้ฝนพรำ พระจันทร์ก็ยังกล้าเปล่งแสง ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้…ฉันจะได้เห็นมันอีกไหม…”กลั้วหัวเราะในลำคอ…ปลง ๆ “ใครจะเชื่อ…นักวิจัยจากศตวรรษที่ 22 ต้องมาตายซ้ำตายซ้อนในศตวรรษที่ 15…นี่มันขำไม่ออกจริง ๆ”ทันใดนั้น — “โครม!” ประตูไม้พังด้วยด้ามดาบ ขุนคีรินทร์ในชุดคลุมดำ หน้ากากทองดำครึ่งซีกบดบังใบหน้าด้านซ้าย สองทหารนอนหมดสติราวหุ่นไร้วิญญาณเมิ่งซินเบิกตา…หัวใจเต้นผิดจังหวะเมิ่งซิน “ทะ…ท่านเป็นใคร…”ขุนคีรินทร์ “ถ้ายังอยากมีชีวิต…ไปกับข้า”ภาพในหัวเธอสั่นไหว…สัมผัสแรกในป่าผุดกลับมา อบอุ่น…คุ้นเคย…แต่หล่นหายไปนานเมิ่งซิน (คิดในใจ) “นี่เขามาช่วยฉันจริง ๆ เหรอ…”และทันใดนั้น…หัวใจเธอก็เต้นแรงไม่เคยเป็นมาก่อน– กลางป่า – กลางคืน – เสียงฝีเท้าทหารหลวงกระชั้น ขุนคีริ