Share

พาทายาทของเขาหนีไป
พาทายาทของเขาหนีไป
Author: ดอกมะลิ

บทที่ 1

Author: ดอกมะลิ
วันที่ทนายบอกกับฉันว่าสามีที่อยู่กินกับฉันมาแปดปี ได้หย่าขาดกับฉันไปตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว... ในทางกฎหมายเขากลายเป็นสามีของผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว

ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่อยู่นาน

ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลยแม้แต่นิดเดียว

เสียง “ติ้ง” ของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นข้อความจากโจวจือเหยียน

“ที่รัก วันนี้ผมกลับถึงประเทศแล้วนะ ซื้อกระเป๋ารุ่นใหม่ให้คุณด้วย ที่บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย เดี๋ยวจัดการเสร็จจะรีบกลับบ้านไปหาคุณนะ”

เมื่อได้เห็นข้อความนี้ ในใจของฉันถูกคำหลอกลวงบาดลึกลงในหัวใจฉันอย่างเจ็บปวด

หากเป็นเมื่อก่อน ฉันคงมีความสุขมากตอนได้เห็นข้อความนี้

เพราะทุกครั้งที่โจวจือเหยียนไปทำงานต่างประเทศเขามักจะซื้อของขวัญกลับมาให้ฉันเสมอ

แต่ตอนนี้ ฉันยืนอยู่กลางโถงใหญ่สนามบิน เดิมตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์เขา

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ความประหลาดใจนั้นจะกลายเป็นความตกใจ

เมื่อมองจากระยะไกล ฉันเห็นเงาร่างที่คุ้นตาเดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า

ชายคนนั้นรูปร่างสูงสง่า สูทสีดำทั้งชุดยิ่งขับให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่สูงโปร่งของเขา

แต่ว่า เขากลับประคองหญิงสาวข้างกายอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็กำลังอุ้มท้องโต ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแห่งความสุข

เธอคือซูหว่านฉิง

หัวใจของฉันปวดร้าวราวกับถูกบิดจนขาด สั่นไปทั้งตัว

ฉันกับเขาเป็นคู่รักที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

ตลอดยี่สิบแปดปี เราไม่เคยแยกจากกันเลย

ฉันเคยคิดว่า ความรักของเรานั้นลึกซึ้งมั่นคงเกินกว่าใครจะมาแทนที่ได้

แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความรักอันแสนลึกซึ้งที่ว่านั้น ที่จริงมันเป็นเพียงยาพิษที่เคลือบน้ำตาลเท่านั้นเอง

ทะเบียนสมรสของเราที่หายไปเมื่อปีก่อน ตอนนั้นโจวจือเหยียนบอกว่าจะให้ผู้ช่วยจัดการเรื่องเอกสารใหม่ให้ ฉันยังจำได้ว่าได้เซ็นเอกสารอะไรบางอย่างไปในตอนนั้น ตอนนี้พอมานึกย้อนกลับไป มันคงเป็นใบหย่าสินะ...

พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของฉันก็เจ็บแปลบเหมือนถูกเข็มนับพันทิ่มแทง

ฉันกำช่อดอกไม้ที่ตั้งใจเตรียมไว้ให้เขาในมือแน่นจนเล็บจิกเข้าฝ่ามือ

ฉันเงยหน้ามองเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ช่อดอกไม้ถูกโยนทิ้งลงในถังขยะ

เมื่อกลับถึงบ้าน ร่างกายของฉันอ่อนแรงจนแทบยืนไม่อยู่ เหมือนมีใครมาดูดวิญญาณออกไปจากร่าง

ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำ หยิบแท่งตรวจครรภ์ขึ้นมาราวกับถูกบางสิ่งชักนำ

เมื่อเห็นสองขีดบนแท่งตรวจ ฉันก็รู้สึกเหมือนโชคชะตากำลังเล่นตลกกันฉันอยู่

เมื่อสามเดือนก่อน ฉันไปทำเด็กหลอดแก้วครั้งที่สิบสองที่โรงพยาบาลพียงลำพัง

เราสองคนแต่งงานกันมาหลายปี แต่กลับไม่มีลูกเลยสักคน

โจวจือเหยียนเคยบอกว่าไม่เป็นไร ต่อให้ไม่มีลูกเขาก็จะมอบความรักทั้งหมดให้ฉัน

แต่การทำเด็กหลอดแก้วในหลายครั้งที่ผ่านมาล้วนแต่ล้มเหลว

ทุกครั้งเริ่มจากความหวังและจบลงด้วยความสิ้นหวัง

แต่ในใจของฉันกลับรู้สึกเสียใจอยู่ตลอดเวลา ฉันหวังจะมีโซ่ทองคล้องใจกับเขา

เมื่อครึ่งปีก่อนตอนเขาไปทำงานต่างประเทศ ฉันแอบใช้ตัวอย่างที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ทำเด็กหลอดแก้วครั้งที่สิบสอง

เมื่อวานนี้คุณหมอบอกฉันว่าการตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จ แถมเด็กในท้องก็แข็งแรงดี!

สามเดือนกว่าแล้ว และเป็นแฝดชายหญิง เป็นชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคน

เดิมทีฉันเคยตั้งใจว่าจะเซอร์ไพรส์เขาในวันครบรอบแต่งงาน

คิดไม่ถึงเลยว่า เขากลับไปเป็นพ่อของลูกคนอื่นไปแล้ว

มิน่าเขาถึงไม่ได้สนใจเรื่องการมีลูกกับฉันเลย ที่แท้เขาก็ไปเป็นพ่อของคนอื่นแล้ว

ทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากนอกประตู ร่างของโจวจือเหยียนปรากฏอยู่ที่หน้าประตู

ฉันรีบเช็ดน้ำตา เก็บแท่งตรวจครรภ์ซ่อนไว้ด้านหลัง แอบยัดใส่กระเป๋าเสื้อ

“ที่รัก ทำไมไม่ตอบข้อความล่ะ ผมนึกว่าคุณเป็นอะไรไปแล้ว รู้ไหมผมเป็นห่วงแทบตาย”

เขารีบเดินเข้ามาหาฉัน สีหน้ากระวนกระวายใจ

ฉันก้มหน้าลง หลีกเลี่ยงสายตาอันอบอุ่นของเขา

ตอนคบกันใหม่ๆ ฉันเคยงอนเขาและตั้งใจไม่ตอบข้อความ เขาถึงกับใช้เฮลิคอปเตอร์ออกตามหาฉันทั่วเมือง

ความรักในวันวานเหล่านั้น คงเหลืออยู่ในความทรงจำเท่านั้น

ตอนนี้เขาได้มอบความรักความห่วงใยทั้งหมดให้คนอื่นไปแล้ว

“ฉัน... แค่ไปเดินเล่นกับเพื่อน แล้วแบตมือถือหมดน่ะ” ฉันฝืนยิ้มตอบ

เขาดึงฉันเข้ามากอดอย่างแผ่วเบา คางของเขาวางอยู่บนศีรษะของฉัน เสียงของเขาทุ้มต่ำและอ่อนโยน “อย่าทำแบบนี้อีกนะ รู้ใช่ไหม ว่าผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”

ร่างฉันแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา ความรู้สึกในใจปะปนจนบอกไม่ถูก

ในใจจังหวะนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

โจวจือเหยียนเหลือบมองหน้าจอสายเรียกเข้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที

“ที่รัก ผมขอไปรับสายก่อนนะ”

พูดจบ เขาก็คลายอ้อมแขนออกจากฉัน แล้วเดินออกไปที่ระเบียง

ฉันเงยหน้าขึ้น มองแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆ ไกลออกไป ความปวดร้าวแล่นวาบขึ้นมาในอก

ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็รีบกลับเข้ามา คว้าเสื้อสูท

“ที่บริษัทมีเรื่องด่วนนิดหน่อย ผมต้องไปจัดการ เดี๋ยวจะรีบกลับมานะ”

ฉันไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าเบาๆ

เสียงปิดประตูดัง “ปัง” ดังขึ้น ร่างของโจวจือเหยียนหายลับไปจากสายตาของฉัน

ฉันโยนแท่งตรวจครรภ์ในมือลงถังขยะ น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง

ลูกจ๋า แม่ขอโทษนะ แม่ไม่อาจมอบครอบครัวที่สมบูรณ์ให้หนูได้

แต่แม่จะรักหนูให้มากๆ จะมอบทุกอย่างที่ดีที่สุดให้หนู

หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น หลังจากจัดการเรื่องมรดกและทำพาสปอร์ตเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ตัดสินใจจากไปพร้อมกับลูกในท้องทั้งสองคน จากไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนความสุขของเขากับซูหว่านฉิงและลูกของพวกเขา
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พาทายาทของเขาหนีไป   บทที่ 8

    แต่โจวจือเหยียนกลับเหมือนคนเสียสติเขาไม่ปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก แต่ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน ฉันก็มักจะเห็นเขาอยู่ในระยะไม่ไกลเสมอฉันได้แต่ถอนหายใจ รู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคงไม่สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสงบแน่ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจยุติการเดินทางท่องเที่ยวเร็วกว่ากำหนด แล้วกลับบ้านตลอดทาง ฉันพยายามจะหนีให้พ้นสายตาของโจวจือเหยียน จนในที่สุดฉันก็กลับมาถึงบ้านใหม่ในสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างปลอดภัยฉันเปลี่ยนทั้งที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ แต่โจวจือเหยียนก็หาฉันจนเจออยู่ดีเขายืนอยู่หน้าบ้านของฉัน ดูโทรมมากเมื่อเห็นฉัน สายตาของเขาก็มีประกายความดีใจ“หรานหราน ในที่สุดคุณก็ยอมเจอผมแล้ว” เขาพูด “ผมตามหาเธอมาตลอด”ฉันจ้องไปที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา ไม่ได้พูดอะไร“หรานหราน ผมสำนึกผิดแล้ว คุณให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะ”โจวจือเหยียนพูดขอร้องอ้อนวอน “ลูกไม่ควรขาดพ่อ คุณอยากให้เขาเกิดมาก็ไม่มีพ่อเหรอ?”ฉันก้มเอามือลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้น แล้วตอบอย่างหนักแน่นว่า “ถึงไม่มีคุณ ฉันก็จะเลี้ยงลูกจนโตได้”“และเมื่อเขาเติบโตขึ้น ก็จะไม่มีวันยอมรับพ่อที่เคยนอกใจได้หรอก”โจวจือเหยียนได้ยิ

  • พาทายาทของเขาหนีไป   บทที่ 7

    หลังจากมาถึงสวิตเซอร์แลนด์ ฉันก็ปล่อยวางทุกอย่างลงเลิกคิดถึงโจวจือเหยียน เลิกจมอยู่กับอดีตฉันตั้งใจพักฟื้นร่างกาย และใช้เวลลาไปกับการท่องเที่ยวที่นี่มีทิวทัศน์งดงาม อากาศบริสุทธิ์ ทำให้จิตใจของฉันสงบและเบิกบานฉันได้ไปเที่ยวชมเทือกเขาแอลป์ สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของขุนเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะฉันเดินทอดน่องริมทะเลสาบลูเซิร์น มองผิวน้ำที่สงบจนรู้สึกผ่อนคลายฉันยังได้ไปเมืองซูริก สัมผัสเสน่ห์ของมหานครที่คึกคักระหว่างการเดินทาง ฉันได้เห็นความงดงามของโลกใบนี้ และเข้าใจความหมายของชีวิตมากขึ้นที่แท้ ชีวิตไม่ได้มีเพียงแค่โจวจือเหยียน โลกใบนี้กว้างใหญ่มากชีวิตของฉันเมื่อก่อน มันช่างจืดชืดและแคบเหลือเกินวันหนึ่ง ฉันเดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งบังเอิญเจอชาวเมืองกำลังจัดงานขบวนพาเหรดวันคริสต์มาสพอดีถนนทั้งสายประดับไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ เต็มไปด้วยความครึกครื้นผู้คนแต่งกายในชุดเทศกาล เต้นรำ หัวเราะ และร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานบรรยากาศรื่นเริงนั้นทำให้หัวใจฉันอบอุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ฉันจึงร่วมเดินไปกับขบวนพาเหรดด้วยในขบวนพาเหรด มีคู่สามีภรรยาสูงวัยคู่หนึ่งพวกเขาจับมือกัน ใบห

  • พาทายาทของเขาหนีไป   บทที่ 6

    โจวจือเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนผลักประตูห้องเข้าไปเขาจ้องงซูหว่านฉิงด้วยสายตาเย็นยะเยือก แล้วถามว่า“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร?”ซูหว่านฉิงมองไปที่เขา รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที“อาเหยียน คุณ... คุณฟังผิดแล้ว ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”โจวจือเหยียนกลับบไม่หลงกลอีกต่อไป เขากวาดตามองไปรอบห้อง พบว่าหน้าจอโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะยังสว่างอยู่เขาเดินเข้าไปดู บนหน้าจอ คือบทสนทนาในแชตระหว่างซูหว่านฉิงกับฉัน“เจียงอวี่หรานเธอมันนังผู้หญิงแพศยาทางที่ดีตายอยู่ข้างนอกนั่นแหละ อย่าได้กลับมาอีกเลย!”“เห็นแล้วใช่ไหม? ซุปนี่โจวจือเหยียนต้มให้ฉันเองเลยนะ! ชั่วชีวิตเธอคงไม่มีวันได้กินหรอกใช่ไหม?”“เจียงอวี่หราน เธอสมควรแล้วที่ต้องเป็นหม้ายตัวคนเดียว!”คำพูดดูถูกร้ายกาจ แต่ละคำมันทิ่งแทงหัวใจของเขาเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ซูหว่านฉิงจะเป็นคนแบบนี้ไฟโทสะของเขาลุกโชน เลยยกมือตบหน้าซูหว่านฉิงเต็มแรง“นังสารเลว! เธอกล้าทำแบบนี้กับหรานหรานได้ยังไง!”ซูหว่านฉิงถูกตบก็มึนงงไปหมด เธอยกมือขึ้นกุมแก้ม มองไปที่โจวจือเหยียนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ“อาเหยียน คุณ... คุณตบฉันเพราะนังแพศยาคนนั้นเหรอ?”“อย่าลืม

  • พาทายาทของเขาหนีไป   บทที่ 5

    ฉันจากมาแล้วแต่โจวจือเหยียนกลับเริ่มเสียศูนย์ตอนที่เขาดูแลซูหว่านฉิงอยู่ที่โรงพยาบาล โจวจือเหยียนดูใจลอยอยู่ตลอดเวลาภาพแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของฉันเมื่อคืนยังคงผุดขึ้นมาในหัวของเขาสายตาแบบนั้น เขาไม่เคยเห็นมาก่อนความรู้สึกไม่สบายใจแล่นขึ้นมาจนจุกอก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว คิดอยากจะติดต่อฉัน“อาเหยียน ฉันอยากกินแอปเปิ้ล คุณปอกให้ฉันหน่อยได้ไหม?”เสียงของซูหว่านฉิงดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดเขาเขามองโทรศัพท์ในมืออีกครั้ง แล้วเหลือบมองซูหว่านฉิง สุดท้ายก็เก็บโทรศัพท์ไป“ได้สิ เดี๋ยวฉันปอกให้”คืนนั้น โจวจือเหยียนอยู่เฝ้าซูหว่านฉิงทั้งคืนเช้าวันต่อมา เขาถึงได้กลับบ้านแต่ทันทีที่เขาเปิดประตูบ้าน กลับพบว่าบ้านนั้นว่างเปล่าของของฉัน หายไปจนหมดเขายืนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งตามหาไปทั่ว“หรานหราน! หรานหราน!”เขาตะโกนเรียกชื่อของฉัน แต่ไม่มีใครตอบรับเขาค้นทุกห้อง ทุกซอก ทุกมุม แต่ไม่เจอแม้แต่เงาของฉันเขาเริ่มร้อนรน รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วเริ่มโทรติดต่อฉันอย่างบ้าคลั่งแต่ โทรศัพท์ของฉันปิดเครื่อง และไม่มีการตอบกลับข้อความเขาเริ่มโทรหาญาติและ

  • พาทายาทของเขาหนีไป   บทที่ 4

    คืนนั้น โจวจือเหยียนพาซูหว่านฉิงกลับมาที่บ้าน เขายังลงมือทำอาหารด้วยตัวเองอีกระหว่างมื้อเย็น เขาคอยคีบกับข้าวและซุปให้เธอไม่ขาดมือ รู้ทุกอย่างว่าเธอชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร“หว่านฉิง ซุปนี่รสอ่อน น่าจะถูกปากเธอนะ”“นี่ ปลาที่เธอชอบ กินเยอะๆ หน่อยเถอะ จะได้บำรุงร่างกาย”ฉันนั่งมองท่าทีที่สนิทสนมของพวกเขา น้ำตาคลอเบ้า ฉันก้มหน้าลง กินข้าวเงียบๆฉันไม่สามารถแสดงอารมณ์รุนแรงใดๆ ออกมาได้ ไม่สามารถให้โจวจือเหยียนรู้ว่าฉันกำลังเปลี่ยนไปเพราะถ้าเขารู้ว่าฉันมีแผนจะไป เขาย่อมไม่มีวันปล่อยฉันไปแน่อีกทั้งตอนนี้ฉันยังมีลูกของเขาอยู่ในท้อง เรื่องนี้จะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด...“อาเหยียน คุณดูแลฉันขนาดนี้ คุณเจียงจะไม่โกรธเอาเหรอ?”ซูหว่านฉิงมองฉันแวบหนึ่ง ก่อนตั้งใจพูดขึ้นมาโจวจือเหยียนอึ้งไป ก่อนจะรีบตอบว่า“เธอไม่โกรธหรอก หว่านฉิง ตอนนี้เธอท้องอยู่นะ ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆ”“หรานหรานเองก็เป็นผู้หญิง เธอเข้าใจดี”ฉันก้มหน้า ไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์หลังมื้อเย็น ฉันออกมาเดินเล่นคนเดียวในสวนพอเดินมาถึงศาลา ก็เห็นซูหว่านฉิงเดินมาทางนี้“คุณเจียง ออกมาเดินเล่นค

  • พาทายาทของเขาหนีไป   บทที่ 3

    โชคดีที่ซูหว่านฉิงไม่ได้ล้มแรงมาก หลังจากหมอตรวจอาการตามขั้นตอนทั่วไปเสร็จแล้ว โจวจือเหยียนก็พาเธอกลับเข้าห้องพักฟื้นทันทีฉันยืนอยู่หน้าประตู มองโจวจือเหยียนวุ่นวายดูแลเธอด้วยความใส่ใจ ฉันเหมือนมือที่สามที่เข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์ของคนอื่น“อาเหยียน ให้คุณเจียงเข้ามาเถอะ”เสียงของซูหว่านฉิงดังแผ่วลอดออกมา น้ำเสียงดูอ่อนแรงมากโจวจือเหยียนเหลือบมองฉัน เขาหลบสายตาไม่กล้ามองฉันตรงๆฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย“คุณเจียง อย่าโทษอาเหยียนเลยนะคะ”ซูหว่านฉิงพิงอยู่กับพนักเตียง ใบหน้าซีดขาวไร้เลือดฝาด“เป็นฉันเองที่ขอให้เขาเรียกคุณมา มีบางเรื่อง เราควรคุยกันให้เข้าใจ”ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรเลยสักคำโจวจือเหยียนนั่งลงข้างฉัน เขาจับมือของฉันเอาไว้สีหน้าของเขาดูรู้สึกผิดเล็กน้อย ริมฝีปากเริ่มขยับ เหมือนอยากพูดแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง“หรานหราน มีบางเรื่อง ฉันอยากอธิบายให้เธอเข้าใจ”เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อว่า:“ฉันกับหว่านฉิง กลับมาเจอกันอีกครั้งในงานเลี้ยงสังสรรค์”“ตอนนั้นมีคนจงใจมอมเหล้าเธอ ฉันทนดูไม่ได้เลยเข้าไปช่วย”“คิดไม่ถึงเลยว่า พวกเร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status