เฮโรที่ได้ยินแนนซี่บอกแบบนั้นก็ถึงกับหน้าแตกเป็นเสี่ยง เขาพยายามยิ้มเจื่อนๆ ออกมาให้หญิงสาวทั้งสองแล้วเดินไปนั่งรอบนโซฟากลางร้านเสื้อผ้าของแนนซี่ที่มีไว้สำหรับให้คุณผู้ชายมานั่งรอคุณผู้หญิงช้อปปิ้ง
“แต่ผมรู้ว่าที่จริงพี่ก็ชอบผม…” ยังมิวายที่จะหันไปบอกแนนซี่อย่างเข้าข้างตัวเองชนิดที่ชาไหมต้องเดินมาหยุดตรงหน้าเขา โป้ก!!แล้วเข้กกำปั้นของเธอลงไปบนหน้าผากของเฮโรอย่างเต็มแรง “พี่ผมเจ็บ!” “เจ็บสิดี! ฉันบอกแล้วว่าเก็บความมั่นหน้าของตัวเองไปบ้าง!” “หรือไม่จริงว่าเขาก็ชอบผม? !” “โอเค! จริงก็จริง” จนแนนซี่ต้องกัดฟันพูดตอบชายหนุ่มร่างสูงกลับไปเพื่อที่จะได้ให้เรื่องมันจบๆ ไป ชาไหมจึงถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วเดินไปเลือกชุดอีกสองสามชุดมาให้พนักงานอีกคนของเพื่อนสาวคิดเงินจากนั้นจึงเดินออกจากร้านเสื้อผ้า “ทำไมพวกพี่คุยเหมือนไม่ใช่เพื่อนกันเลย” “บอกแล้วไงว่าเวลาทำงาน ต้องแยกแยะสิว่าเวลางานกับเวลาว่าง” “แต่อย่างน้อยก็น่าจะใช้คำพูดให้ดูสนิทกันมากกว่านี้สักหน่อยสิ” คือคุณพี่แนนซี่อะไรนั่นก็เรียกชาไหมว่าคุณชาไหม แถมยังให้บริการเหมือนกับลูกค้าทั่วไปทั้งที่รู้จักสนิทกันมันเลยรู้สึกแปลกสำหรับเขาน่ะสิ “ฉันก็พูดไปแล้วนายไม่หัดฟังเองล่ะ ทำแต่เรื่องไร้สาระไปวันๆ” “บ่นอีกละ” “มันเรื่องจริงทั้งนั้นที่ฉันบ่นน่ะ!” “เออๆ จะเงียบแล้ว..นี่จะกลับหรือยัง!?” “นายจะไปไหน?” “ไปคอนโดพี่ไง” “ไปทำไร!?” “ไปหาไรทำ” ตอบอย่างหน้าตายแล้วดึงถุงเสื้อผ้าจากมือเรียวมาถือไว้ก่อนจะเดินนำชาไหมตรงไปยืนที่หน้าร้านน้ำปั่นเพื่อสั่งน้ำดื่ม บางทีเธอก็เห็นด้วยกับคุณฮารีว่าควรจะดัดนิสัยหมอนี่ แต่บางทีเธอก็อยากให้คุณฮารีเอาหมอนี่ไปเข้าเรียนเหมือนเด็กทั่วไปให้อาจารย์เขาปวดหัวน่าจะดีกว่าอีก “นายไปทำไรก็ไปเถอะ ฉันจะกลับไปพักผ่อน” “คืนนี้ไปผับอ่อ?” “ฉันจะพักผ่อนแล้วเกี่ยวอะไรกับคืนนี้จะไปผับ” ทั้งที่พยายามจะเข้าใจเฮโรเวลาคุยกัน แต่บางทีมันก็ไม่เข้าใจจริงๆ อ่ะ ชาไหมขมวดคิ้วมุ่นให้กับคำถามจากชายหนุ่มตรงหน้า “ก็พี่กลับไปพักผ่อนทั้งที่นี่เพิ่งจะบ่ายโมง ฉะนั้นคืนนี้พี่ต้องไปเที่ยวผับแน่” “อย่ามารู้ดีกับเรื่องคนอื่นให้มากเลย” “ผมไปด้วยได้มั้ย!?” “นายอยากไปก็ไปเองสิ!” “ถ้างั้นพี่นั่งโต๊ะไหนพิมพ์มาบอกผมในไอจีด้วยนะ ผมไม่กวนล่ะไปหาเพื่อนดีกว่า” กล่าวจบเฮโรก็รับน้ำมาก่อนจะยัดถุงเสื้อผ้าใส่มือชองชาไหมแล้วเดินออกไป เนี่ย! บทจะไปง่ายก็คือไปง่ายแต่บทไล่ให้ตายจะไม่ไปก็คือไม่ไปอ่ะ! หลังจากแยกตัวมาจากยัยคุณชาขี้บ่นแล้วเฮโรก็โทรเรียกให้คุณเพื่อนรักอย่างนายคีย์ขับรถสปอร์ตสุดหรูมารับที่ด้านหน้าห้างเพื่อไปนั่งเล่นที่ร้านสักของพี่เขยนายคีย์ “ไม่เห็นหัวนานเลยนะเจ้าโร!” เมื่อมาถึงที่ร้านของซีเขาก็เอ่ยถามเฮโรทันทีเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตาเจ้าเพื่อนน้องชายคนนี้สักเท่าไหร่ “ใครจะสบายเหมือนน้องชายกับน้องเมียพี่ล่ะ ผมมีงานมีการทำ” น้องชายของซีก็คือเพื่อนเขาที่ชื่อโซน ทั้งคู่เป็นลูกข้าราชการที่พ่อเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาในมหาวิทาลัยและแม่ที่เป็นพยาบาลทหาร ส่วนลูกก็คือช่างสักกับอีกคนที่เรียนศิลป์ และส่วนน้องเมียนั่นก็คือคีย์นั่นแหละ “ใครบอกว่ากูสบายไม่ทราบ กูเหนื่อยกว่ามึงอีก” “มึงทำอะไรเหนื่อยไอ้คีย์?” “ก็ไอ้พี่เค้กดิ ใช้กูวิ่งส่งของให้ลูกค้าทุกวัน” พี่สาวของคีย์อย่างเค้กนั้นมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์หลายอย่างด้วยกัน ที่จริงฐานะของคีย์ถ้าเทียบกับโซนก็คือทางโซนดีกว่า และแน่นอนกว่าคู่ของซีกับเค้กจะมารักและแต่งงานกันได้ดีก็มีปัญหาเรื่องฐานะที่ไม่เท่าเทียมกันเข้ามาทดสอบชีวิตพวกเขาจนผ่านมาได้ถึงทุกวันนี้นี่แหละ “มึงมีพี่สาวคนเดียวก็ช่วยๆ เขาทำไปเถอะน่า” “กูก็ทำไง แต่บางทีก็เหนื่อย” “เออน่า ชีวิตคนเรามันต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุดแหละ แล้วนี่ไอ้โซนอ่ะ!?” เดินไปหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้แล้วถามหาเพื่อนหนุ่มอีกคนที่คุยแชทกันว่าจะมาเจอกันที่นี่ แต่คีย์ยังไม่ทันได้อ้าปากตอบโซนก็เดินถือถุงขวดเหล้าขวดโซดาดังโคร้งเคล้งเข้ามาในร้านสักของผู้พี่ “ตกเย็นนั่งล้อมวง อายุยังไม่ยี่สิบปีเต็มก็ฉายแววขี้เหล้ากันแล้วนะพวกมึง” “ทั้งเรียนทั้งทำงานมันเครียดก็ต้องคลายเครียดกันหน่อยดิ” โซนหันไปตอบพี่ชายที่นั่งเล่นเกมอยู่ แต่สักพักเขาก็ปิดโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นยืนบิดตัวเมื่อถึงเวลาสักของลูกค้าสาวที่มานัดไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนซึ่งได้คิวเป็นวันนี้ “แล้วก็อย่าให้เมาจนตีกันเองนะ” “เมาไม่ได้ครับคืนนี้มีไปต่อที่ผับ” เฮโรตอบซีด้วยรอยยิ้ม สองหนุ่มเพื่อนซี้จึงหันมามองเขาว่าเชิงว่าไปเหรอ เขาจึงพยักหน้าให้แล้วโซนจึงยกถุงเหล้ากับโซดาไปเก็บไว้ในตู้ “ไม่ต้องกินเดี๋ยวเมาก่อน เก็บไว้ไปกึ่มๆ กับสาวคืนนี้ดีกว่า” “แล้วแม่งก็ถือมาล่อปากซะขนาดนี้แล้วนะ” “เอาน่า สวัสดีครับพี่สาวคนสวยที่นัดไว้ใช่มั้ยครับ” โซนตอบกลับเพื่อนหนุ่มแล้วเดินไปหาหญิงสาวหน้าหมวยผิวขาวที่เดินเข้ามาในร้าน ผู้หญิงคนนั้นจึงพยักหน้าให้แล้วหันมามองพวกเขาทีละคนอย่างให้ความสนใจ “โสดทุกคนยกเว้นช่างสักครับ” “ไม่ได้ถามค่ะ!” เสียงหวานตอบด้วยยิ้มแต่สีหน้ากับเรียบนิ่ง ทำเอาโซนที่เป็นคนพูดกับเธอนั้นรีบหุบยิ้มแทบจะไม่ทัน หญิงสาวคนนั้นจึงขยับสายตามาหยุดอยู่ที่เฮโรด้วยสายตาที่เหมือนจะให้ความสนใจกับเขาเป็นพิเศษจนเขาหันไปยกยิ้มใส่เพื่อนหนุ่มทั้งสองอย่างเหนือกว่า “ผมเฮโรนะครับ” “ก็ไม่ได้ถามอีกนั่นแหละ!” “พูดงี้นี่ปากน่าโดนตบด้วยปากนะ!” คีบ์เอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้กับหญิงสาวร่างบางที่บางเสียจนเขาล่ะกลัวเธอจะปลิวไปกับลมด้านนอกร้านสักที่มันพัดด้วยความแรง “เหอะ! เฮโรคนที่ยัยชาชอบพูดถึงคือนายใช่มั้ย!?” “เอ่อ ก็คงจะใช่..พี่เป็นเพื่อนคุณพี่ชาเหรอ?” “ฉันชื่อบุ้งกี๋ คนที่อยู่กับยัยชาในผับคืนนั้นและโดนนายทิ้งไว้ที่นั่นเกือบทั้งคืน” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เหมือนโกรธแค้นอะไรเขา ก็จะอะไรซะอีกคืนนั้นรองประธานสาวอกหักเลยชวนเธอไปดื่มจนเมากันเละเทะสองคนแต่หมอนี่กลับพาแค่ชาไหมไปทิ้งให้เธออยู่ในผับจนพนักงานในผับต้องหามพาไปส่งถึงบ้านไง! ส่วนเฮโรที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่นั่งกลืนน้ำลายตัวเองลงคอดังอึก มันจะบังเอิญไปแล้วที่เขาจะไปสร้างวีรกรรมแสบๆ ไว้กับเพื่อนยัยคุณชา ทั้งที่ปกติเขามีแต่จะควงสาวเข้าห้องจนสาวๆ ตามกรี๊ดกร๊าดเพราะความหล่อความเด็ดของเขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีวีรกรรมเยอะขนาดนี้ แล้วมันเยอะขนาดนั้นเชียวเหรอ ทำไมเขาเพิ่งจะรู้ตัวกันนะ!“โกรธแม่ฉันมั้ย ฉันขอโทษแทนท่านด้วยนะท่านเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว” ชาไหมเอ่ยขอโทษคนข้างกายแทนผู้เป็นแม่เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว แต่ชายหนุ่มกับส่ายหน้าให้แล้วเอื้อมมือมากุมมือของเธอไว้“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแทนแม่ผม ท่านน่ะเป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผลถึงมีก็เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ชอบยกมาอ้างไปมั่ว”“จะว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาทก็ได้นะ แต่เวลาฉันมีแฟนน่ะฉันไม่ค่อยสนใจครอบครัวของแฟนสนใจแค่แฟนของฉัน ไม่สนใจคือไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบฉันก็เรื่องของเขาขอแค่ลูกชายเขารักฉันแค่นั้นก็เพียงพอ กับแม่ผัวฉันแค่ทำในสิ่งที่ลูกสะใภ้ควรทำแค่นั้น”“ผมเข้าใจครับ ถ้างั้นเรากลับคอนโดพี่นะ”“อืม ฉันอยากไปนอนพักสักหน่อยเดี๋ยวคืนนี้ไปเที่ยวอีก” จากนั้นเฮโรก็สตาร์ทรถและขับออกไป เธอรู้สึกว่าวันนี้เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดเลย คือแบบมีเรื่องมีราวเข้ามาเยอะจนงานของเธอนั้นไม่ได้กระดิกไปไหน ส่วนงานค้างของวันนี้แน่นอนว่าเธอก็ทักแชทไปบอกให้รองประธานเข้าไปเคลียร์งานแทนแล้วพูดถึงบริษัทก็ตัดมายังห้องทำงานของรองประธานหนุ่มที่นั่งหน้าเคร่งเครียดขมวดคิ้วมุ่นอยู่หน้างานกองโต ที่ไม่รู้ว่าปกติแล้วงานของท่านประธานสาวนั้นเยอะขนาดนี้อยู่แล้วหรือว่
บรรยากาศภายในร้านเงียบสงัดลงทันทีเมื่อลูกค้าภายในร้านเกิดมีปากเสียงจนถึงขั้นสาดน้ำใส่หน้ากัน ผู้คนต่างเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอัดคลิปอัดวิดีโอไว้แต่ก็ไม่ได้ทำให้สามสาวนั้นรู้สึกละอายแต่อย่างใดเพราะกำลังถูกความโมโหเข้าควบคุมอยู่“ด่ากูว่าร่านมึงก็ร่านพอๆ กูแหละแนน!”“เยอะไปป่าวบุ้ง!!?”“ก็มึงดูมันด่ากูดิชา!”“แต่กูว่ามันก็เรื่องจริงนะ!!” ชาไหมลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผักบุ้ง มือเล็กกำเข้าหากันแน่นพร้อมจะยกขึ้นไปฟาดใบหน้าของคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ“ก็เพราะพวกมึงทำงานด้วยกันไงเลยเข้าข้างกันแบบนี้!!”“กูเข้าข้างกันเพราะสิ่งที่มึงทำมันผิดนะแนน!!” แนนซี่ลุกขึ้นยืนอีกคนแล้วบอกกับหญิงสาวตรงหน้าที่ยังเถียงจนคอเป็นเอ็น ทั้งที่ตัวเองผิดแต่กลับไม่ยอมรับความผิดพยายามโบ้ยความผิดไปให้คนอื่นอีก เหอะ!“กูผิดตรงไหน กูแค่ทำตามความต้องการแม่”“มึงอย่าเอาแม่มาอ้างสิ!!”“มึงมีดีกว่ากูทุกอย่าง ทั้งเรียนเก่ง บ้านมีฐานะ มีธุรกิจเป็นของตัวเองแค่ผู้ชายคนเดียวมึงก็ยกให้กูดิ” เพี้ยะ! แน่นอนว่าประโยคที่สิ้นคิดของผักบุ้งนั้นทำให้ชาไหมยกฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเธอเต็มๆ และจากที่ยืนอยู่คนละฝากเธอก็เดินปรี่ไปหาผักบุ้งจนแนนซี
ชาไหมเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานของตัวเองก็ชวนโอเล่ต์กับแนนซี่ลงไปหาอะไรทานแถวข้างบริษัทที่มีร้านน้ำร้านขนมหวานเปิดใหบริการอยู่“พี่ไหมคะ พี่ยังรักแฟนเก่าอยู่มั้ยคะ?” โอเล่ต์เอ่ยถามหลังจากพวกเธอพากันมานั่งในร้านเบอเกอรี่และสั่งของหวานกับพนักงานไปเรียบร้อนแล้ว“ไม่รักแน่นอน คนอย่างนั้นไม่สมควรถูกรักหรอก”“จริงค่ะ พี่สวยแบบนี้คงมัดใจพี่โรได้สินะ”“โรต่างที่มัดใจคุณชาได้อ่ะ” แนนซี่แย้งด้วยรอยยิ้มขณะที่มือกำลังพยายามคุยแชทกับใครสักคนอยู่ จากนั้นเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้ชาไหมดูสิ่งที่เธอคุยกับคนในแชท“อะไรเหรอ?”“ลองอ่านสิ”“ถ้างั้นหนูขอไปสั่งขนมเพิ่มได้มั้ยคะ?” เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่คงมีเรื่องส่วนตัวโอเล่ต์จึงเอ่ยถามสองสาวซึ่งก็พยักหน้าให้เธอ ร่างเล็กจึงเดินดุ๊กดิ๊กไปมองหาขนมหวานที่ถูกใจเพื่อสั่งมันพร้อมกับน้ำปั่นสีสันสดใส“มันจะมานี่เหรอ?”“อืม กูถามมันเรื่องโรมันบอกว่ามันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจะมาอธิบายกับเรา” แนนซี่บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเธอทักไปถามผักบุ้งเรื่องหมั้นกับโรแต่หล่อนกับบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรรู้แค่ว่าแม่อยากให้หมั้นกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเลยจะมาอธิบายให้พวกเธอฟังที่นี่ด้วยตัวเอง อ
“แล้วนี่นั่งยิ้มอะไร ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีนะ!!” คุณหญิงมัมหันมาถามบุตรสาวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งที่ตัวเธอโมโหพีพีจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว ชาไหมจึงขยับเข้าไปนวดแขนให้ผู้เป็นแม่“นานทีคุณหญิงจะออกโรงช่วยไล่สิ่งไม่ดีออกจากชีวิตลูกสาวนี่คะเลยดีใจไปหน่อย”“อ๋อ นี่จะบอกว่าฉันไม่เคยออกโรงปกป้องหรือช่วยอะไรเธอเลยว่างั้น?”“ก็ตั้งแต่อายุยี่สิบ…”“เพราะเธอโตแล้วควรช่วยเหลือตัวเอง เอาตัวรอดเองได้แล้วนี่”“โอเคๆ ไม่เถียงค่ะ ว่าแต่มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า” ตั้งแต่ยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ คุณหญิงมัมก็ไม่เคยมาหาเธอเลยสักครั้ง และนานครั้งมากที่เธอกับแม่จะเจอกันเพราะอย่างที่รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่บ้านอาศัยอยู่ที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคุณพ่อนั้นแล้วใหญ่เลยปีหนึ่งแทบจะเจอกันแค่ครั้งหนึ่งเห็นจะได้!“วันนี้ไปเดินห้างมาเห็นพนักงานพูดถึงเธอกับแฟนหนุ่ม มีแฟนทั้งทีไม่คิดจะบอกฉันเลยเหรอ!?”“ก็คิดว่าจะบอกอยู่ แต่ยังไม่กล้าบอกกลัวไม่ถูกใจ”“แล้วใครล่ะ”“เฮโร ผ่านมั้ย..ลูกชายคุณฮารี”“เฮโร หมอนั่นน่ะเหรอ เหอะ! ไม่เห็นมีอะไรคู่ควรกับเธอสักนิด”“แล้วผ่านมั้ยล่ะ?”“ก็พอผ่าน ตอนนี้ได้ข่าวว่าจะเปิดร้านเสื้อผ้านี่ ไปเรียนกลับ
ก๊อกก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่ถูกผลักเข้ามา ร่างของแนนซี่เดินนำชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกรมกับกางเกงสแล็คสีดำรองเท้าหนังเดินเข้ามา ชาไหมจึงละสายตาจากงานแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็เห็นว่าคนที่ให้เลขามานัดคุยงานกับเธอก็คือแฟนเก่าของเธออย่างพีพี!“นายจะไม่ยอมเลิกยุ่งกับฉันจริงๆ หรือไง” ชาไหมบ่นขึ้นกับตัวเองเบาๆ ไม่รู้ว่าพีพีต้องการอะไรจากเธอถึงยังมาวนเวียนตามตอแยเธออยู่เช่นนี้ ทั้งที่เลิกกันไปสองปีจะเข้าสามปีอยู่แล้ว ร่างบางจึงลุกขึ้นยืนแล้วกวักมือให้โอเล่ต์มานั่งตรงที่เธอส่วนตัวเธอนั้นก็เดินไปนั่งบนโซฟาไม่ลืมจะผายมือให้ชายหนุ่มร่างสูงมานั่งด้วย“ขอบคุณสำหรับอาหารกับน้ำนะคะ” แนนซี่ที่ยืนมองพีพีด้วยสายตาที่ไม่ชอบพอนั้นเอ่ยบอกกับประธานสาวแล้วก็เดินออกไปนั่งทำงานของตัวเองต่อด้านนอกทิ้งให้ภายในห้องนั้นเงียบกริบเมื่อไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ดังอยู่ สายตาคมกริบของพีพีจ้องมองไปยังใบหน้าคนข้างกายที่นั่งมองไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ในห้องนี้อีกที“หนูรบกวนใช่มั้ยคะ?” โอเล่ต์จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามชาไหมเมื่อเห็นว่าถูกจ้องมองและทั้งคู่ไม่พูด
เมื่อผู้หญิงคนนั้นถูกลากตัวไปแล้วเฮโรก็หันไปขอโทษลูกค้าท่านอื่นที่ทำให้ภายในร้านบรรยากาศเสียไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาที่เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นว่ามีเด็กสาวร่างเล็กนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเขาและมีเลขาของเขายืนมองเธออยู่ด้วยสีหน้าที่ปานจะกลืนกินเด็กสาวไปทั้งตัว“เธอยังเด็กนะครับ”“อายุสิบเจ็ดนี่ก็ไม่ถือว่าเด็กแล้วนะคะ”“อ่า อย่าดุเธอเลย..คุณไปเคลียร์เรื่องที่โรงพักให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจัดการที่นี่ต่อเอง อ้อ..ฝากเอาเลขาพี่ชาไปส่งให้พี่เขาด้วยนะครับ” เฮโรสั่งงานธีรกานต์เสร็จแล้วเขาก็เดินไปนั่งบนโซฟากลางห้อง ส่วนธีรกานต์ที่ได้รับมอบหมายงานก็โค้งหัวให้ผู้เป็นนายเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป“ไม่ต้องไล่หนู หนูออกเอง!” คนตัวเล็กกระแทกเสียงบอกคนตัวใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟาห่างจากเธอแถมยังยกแขนขึ้นมากอดอกมองเธออยู่ แต่เขายังไม่ทันได้ปริปากว่าอะไรเธอสักนิด“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”“หนูรู้ว่าพี่จะดุหนูที่หนูไปว่าลูกค้าแบบนั้น แต่เธอทำหนูก่อนหนูไม่ยอมหรอกนะ เป็นพนักงานแล้วไงพนักงานไม่ใช่คนหรือไง!!”“พี่ให้คนพาเธอไปส่งตำรวจแล้ว” เขาส่ายหัวให้หญิงสาวตรงหน้าเบาๆ ที่ดูจะไม่ยอมรอฟังในส