เข้าสู่ระบบ4
บังเอิญหรือตั้งใจ
พรึ่บ เสียงอะไรบางอย่างตกลงมาตรงหน้าทำให้อวี้ซีเยว่ที่กำลังนอนอ่านและซาบซึ้งไปกับเรื่องราวความรักระหว่างแม่ทัพหนุ่มและคุณหนูบุตรีหมอหลวงต้องตกใจ
“พี่เฟยฉี! นี่ท่านปีนเข้าจวนข้าอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางรีบผุดลุกนั่งพร้อมกับจัดอาภรณ์ให้เรียบร้อยหลังจากที่นางนอนกางแข้งกางขาเมื่อครู่
“ขออภัยที่ทำให้เจ้าตกใจ พี่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับจวนอวี้ จึงผิดพลาดไปบ้าง”
“อ๋อ...เจ้าค่ะ เรือนพี่ใหญ่ไปทางนั้นเจ้าค่ะ ให้สาวใช้ข้านำทางไปหรือไม่เจ้าคะ”
“พี่ขอนั่งจิบชาสักจอกได้หรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ เจียวลู่ไปยกน้ำชามา” แค่ชาจอกเดียวนางไม่หวงหรอก
“อย่าได้ลำบาก พี่ขอจิบบรรเทาความกระหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” กล่าวจบเขาก็เทน้ำชาใส่จอกชา
“แต่นั่น...” นางกล่าวยังไม่ทันจบ เขาก็ยกชาจอกนั้นขึ้นจิบ
“ชารสดี เมื่อครู่เจ้าจะกล่าวอันใด พี่ไม่ทันได้ฟัง”
“ไม่มีอันใดแล้วเจ้าค่ะ” จะให้กล่าวได้อย่างไรเล่า ว่าจอกที่เขาใช้มันคือจอกชาที่นางเพิ่งใช้ไปเมื่อครู่
“ขอบคุณสำหรับชารสดี พี่ไม่รบกวนแล้ว ไว้เจอกัน” บุรุษรูปงามกล่าวจบก็เดินออกจากเรือนของนางไป
เหตุใดสหายของพี่ชายผู้นี้ถึงชอบปีนมาโผล่ที่เรือนของนางกันเล่า เทพเซียนบอกทางผิดหรือว่าเขาเห็นข้างดงามจึงเข้าใจผิดคิดว่าข้าคือนางเอกกันนะ
“เจ้าค่ะ เอ่อ...พี่เฟยฉีเจ้าคะ จวนอวี้มีประตูนะเจ้าคะ เผื่อท่านยังไม่ทราบ” นางส่งเสียงดังตามหลัง
มุมปากของคนที่เดินจากมายกยิ้ม ดวงตาดำมีประกายอ่อนโยนพาดผ่านก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนครั้งก่อนสหายของพี่ใหญ่ผู้นี้จะไม่ได้ยินคำกล่าวของนาง ครั้งนี้เขาถึงได้โผล่มาที่เรือนนางอีกครั้ง แสงสีส้มบ่งบอกถึงเวลาใกล้ค่ำทำให้นางที่กำลังจะเดินออกจากเรือนไปหามารดาต้องชะงัก
เกือบจะเดินชนบุรุษรูปงามเข้าแล้ว
“คารวะพี่เฟยฉีเจ้าค่ะ ท่านมาหาพี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามคนที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน ซึ่งนางคิดว่าเขาคงจะเดินเข้าประตูเช่นคนปกติแล้ว
“อืม...ใช่ จะมาคุยเรื่องเร่งด่วนจึงมารบกวนเวลานี้”
“เช่นนั้นเชิญท่านตามสบายเจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้ากำลังจะออกจากเรือนไปที่ใดหรือ”
“ใกล้เวลาท่านพ่อกลับมาแล้ว ข้าจึงกำลังจะไปหามารดาที่เรือนเพื่อสนทนาระหว่างรอรับมื้อเย็นเจ้าค่ะ”
“จวนเจ้ารับมื้อเย็นกันยามใดหรือ”
ถามเช่นนี้ คือจะได้ไม่รบกวนเวลารับมื้อเย็นของจวนนางใช่หรือไม่
“หากท่านพ่อกลับถึงจวนปลายยามโหย่ว (17.00-18.59) เราทุกคนก็จะไปรับอาหารพร้อมหน้ากันเจ้าค่ะ”
“อืม...เช่นนั้นพี่รีบไปหาลู่หมิงก่อน”
“เจ้าค่ะ...” นางตอบรับก่อนจะชะงักไปเมื่อมือใหญ่ยื่นเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้นิ้วไล้บนแก้มเนียนใสของนาง
“เมื่อครู่มีคราบอะไรเปื้อนที่แก้มเจ้าก็ไม่รู้ แต่พี่ปัดออกให้แล้ว” กล่าวจบเขาก็ถอนมือออกแล้วถอยห่างก่อนจะเดินจากไป
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะส่งยิ้มให้สหายของพี่ชาย ดูเหมือนความสัมพันธ์ของคนจวนอวี้และหยางเฟยฉีพระเอกของเรื่องจะเป็นไปได้ด้วยดี
เพราะกำลังคิดเรื่องราวการเอาตัวรอดจากความฉิบหาย จึงไม่ทันสังเกตสีหน้าหวาดกลัวของสาวใช้คนสนิท
‘คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่ควรหลงเชื่อคุณชายหยาง หน้าท่านไม่มีอะไรติดอยู่ทั้งสิ้น คุณชายหยางแค่อยากกินเต้าหู้ท่านก็เท่านั้น’ แม้จะอยากเอ่ยปากออกไปเพียงใด แต่พอได้เห็นสายตาดุของบุตรชายอดีตแม่ทัพใหญ่ของแผ่นดิน นางจึงไม่กล้าเอ่ยออกไป ปล่อยให้คุณหนูของตนถูกกินเต้าหู้อย่างไม่รู้ตัว
อวี้ซีเยว่นั่งสนทนากับมารดาเพียงไม่นานบิดาก็กลับมาถึงจวน ทั้งสามคนจึงพากันไปรับมื้อเย็นพร้อมกัน แต่พอพบพี่ใหญ่ที่มารออยู่แล้ว นางกลับต้องแปลกใจ
“ท่านพ่อท่านแม่คงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่ขอรับ หากข้าจะขอให้เฟยฉีอยู่รับมื้อเย็นด้วยกัน หลังจากนี้ข้ามีเรื่องต้องพูดคุยกับเฟยฉีต่อขอรับ” แม้จะรู้ว่าบิดามารดาไม่ว่า แต่อย่างไรเขาก็ควรจะบอกกล่าว
“เชิญๆ จะว่าได้อย่างไร พวกน้ายินดีที่สหายของลู่หมิงจะมาร่วมโต๊ะด้วย” ท่านเจ้ากรมพิธีการกล่าวอย่างใจดี
“น้าไม่ว่าหรอก หากจวนเจ้าเงียบเหงา จะมารับข้าวจวนน้าบ้าง น้าก็ยินดี” ฮูหยินอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ทั่วทั้งเมืองหลวงรู้ดีว่าท่านหยางกั๋วกงได้พาฮูหยินออกเดินทางกลับบ้านเดิมทันทีที่ย้ายกลับมาอยู่เมืองหลวง
‘ก็มาเยือนจวนผู้อื่นเย็นย่ำเช่นนี้ หากไม่เชิญรับมื้อเย็นด้วยก็เป็นการเสียมารยาทแล้ว’ ในสายตาคุณหนูเล็กอวี้ สหายของพี่ใหญ่ผู้นี้ดีดลูกคิดรางแก้วมาเป็นอย่างดีแล้ว
“ครั้งต่อไปค่อยไปต่อที่เตียงเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางที่ถูไถจุดสงวนกับแท่งหยกร้อนที่แข็งขึงจนมีน้ำหวานลื่นใสก็จัดแจงขยับตัวเพื่อให้แท่งหยกสามารถบุกรุกเข้าโพรงนุ่มอย่างง่ายดาย “อ่า...” “เจ้ายังคับแน่นเช่นนี้ พี่จะทนไม่ไหวเอา” แม้จะผ่านการคลอดลูกมาแล้วแต่โพรงนุ่มของนางยังรัดรึงแท่งหยกของเขาแน่น “ทนไม่ไหวก็ปลดปล่อยออกมาสิเจ้าคะ ข้าพร้อมรับ” “อ่า...มันดีมาก ฮูหยินพี่ช่างเก่งกาจ” เขาถึงกับร้องครวญครางออกมายามที่นางโยกตัวขยับขึ้นลง อกอวบอิ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าทำให้เขาทนไม่ได้จึงอ้าปากงับยอดอกนาง ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนปัดป่ายไปมาสลับกับดูดกลืนเพื่อกระตุ้น “ข้าก็เป็นเช่นนี้เพียงกับท่า
ล่อลวงสามีเพื่อบุตรคนที่สอง หลังจากที่เลี่ยงไม่ยอมร่วมหลับนอนกับฮูหยินจนนางร้องไห้น้ำตานองเพราะเข้าใจว่าเขาเบื่อหน่ายนางแล้ว หยางเฟยฉีจึงเปลี่ยนเป็นการให้นางกินยาห้ามครรภ์ที่มาในรูปลักษณ์ใหม่ไม่เหมือนเดิมอย่างชารสดี กลิ่นหอม “ท่านพี่เจ้าขาวันนี้ข้าเลี้ยงลูก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหลือเกิน ตอนอาบน้ำท่านช่วยนวดให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” กล่าวจบโฉมสะคราญก็รั้งอาภรณ์ลงเผยให้เห็นไหล่ลาดขาวเนียน “อึก...ได้” หยางเฟยฉีลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นความเย้ายวนของฮูหยิน เพราะลูกเกาะติดนางหลายวันเขาจึงไม่มีโอกาสไ
ตอนพิเศษ ว่าด้วยเรื่องราวของต้นหอม หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของบุตรชายได้สองเดือนหยางกั๋วกงและฮูหยินก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกลับปราสาทโอสถ “ท่านแม่เจ้าขา ท่านว่างอยู่หรือไม่เจ้าคะ คือข้ามีเรื่องที่อยากจะรบกวนท่านเจ้าค่ะ” ท่าทางออดอ้อนน่ารักข
“ขอบคุณขอรับท่านหมอ” หยางเฟยฉีแสดงความเคารพท่านหมอหญิงอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปดูแลฮูหยินของตนต่อ หลายวันผ่านไปร่างกายของอวี้ซีเยว่ฟื้นตัวดีขึ้น แม้จะทำงานเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่หากยามค่ำคืนนางต้องตื่นขึ้นมาดูลูกน้อย สามีก็จะตื่นขึ้นมาช่วยด้วย เขาไม่เคยปริปากบ่นและยังคงดูแลนางเช่นเดิม “ท่านพี่มีอันใดจะบอกข้าหรือไม่เจ้าคะ” ในยามที่นางเผลอนางมักจะเห็นเขาทำสีหน้าไม่สบายใจ “ไม่มี เจ้าอย่าได้คิดมาก” “ข้าไม่ได้คิดมากเจ้าค่ะ แต่ข้ารู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไปตั้งแต่ข้าคลอดลูก หรือว่าเป็นเพราะข้าไม่งดงามเหมือนแต่ก่อน ท่านจึงคิดหมางเมินข้า” 
คุณชายหยางที่ออกไปทำงานถูกตามกลับจวนในทันที หยางกั๋วกงและหยางฮูหยินที่บังเอิญทราบข่าวก็รีบตรงมาที่จวนของบุตรชายทันที ‘ข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ’ “ซีเยว่” พอได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของฮูหยินตน หยางเฟยฉีแทบจะรีบเข้าไปหานางทันที หากไม่ถูกบิดารั้งตัวไว้ “ใจเย็นๆ เฟยฉี สตรีคลอดลูกก็ต้องเจ็บปวดเช่นนี้อยู่แล้ว” หยางกั๋วกงผู้เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อนเอ่ยปากบอก “เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า พ่อกับแม่ถึงมีเจ้าเป็นบุตรเพียงคนเดียว บิดาเจ้าไม่อยากให้แม่เจ็บปวดยามที่ต้องคลอดบุตรเช่นนี้” ‘ฮูหยินน้อยใจเย็นๆ เจ้าค่ะ’ ‘ข้าเ
22 สัญญาที่มอบให้เจ้า อวี้ซีเยวนั่งมองหน้าสามีด้วยสายตากรุ่นโกรธและไม่ยอมเข้าใกล้ เพราะเมื่อวานเขาบอกจะให้นางได้นอนหลับพักผ่อนหนึ่งคืน แต่ยังไม่ทันพ้นยามห้าย (21.00-22.59) โจรบุปผาที่พอแต่งงานก็กลายร่างเป็นปีศาจราคะจับนางกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่าจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้&nbs







