เข้าสู่ระบบ“ซีเยว่ เจ้าอย่าได้คิดทำตัวเป็นแม่สื่อให้พี่สาวเจ้า หากบุรุษสตรีไม่มีใจตรงกัน อย่าได้ฝืน” ฮูหยินอวี้กล่าวตักเตือนบุตรสาว
“พ่อเห็นด้วย หากต้องแต่งกันเพราะถูกบังคับมิแคล้วจะต้องทนทุกข์ เพราะเป็นเช่นนั้นพ่อกับแม่เจ้าจึงอยากให้ลูกทั้งสามคนได้แต่งกับคนที่พึงใจ” ท่านเจ้ากรมพิธีการกล่าว เขากับฮูหยินตกลงกันแล้วว่าจะไม่บังคับบุตรทั้งสาม
‘จวนอวี้ช่างน่าอยู่ หากข้าแต่งเข้าจวนนี้ คงพบเจอแต่ความสุขชั่วชีวิต’ บุรุษที่แสร้งกล่าวว่ากินต้นหอมได้แล้วครุ่นคิดพลางใช้ตะเกียบโกยข้าวให้ขึ้นมาอยู่ด้านบนซ่อนต้นหอมไว้ก้นชามอย่างแนบเนียน
“เจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่” อวี้ซีเยว่ตอบรับก่อนจะก้มหน้าคีบข้าวเข้าปากเพื่อซ่อนสายตาเจ้าเล่ห์เอาไว้ ซึ่งคนเป็นพี่สาวลอบมองอย่างรู้ทัน
‘หากผู้ตรวจการโจวมีใจให้พี่มากพอ พี่ก็จะยอมรับเขามาเป็นพี่เขยเจ้า’ อวี้ลู่เสียนคิด บุรุษผู้นั้นก็ไม่ได้แย่เท่าใดนัก การพูดจาของเขาแม้จะเป็นกันเองกับนางแต่ก็ให้เกียรติ ทั้งเขายังเป็นบุรุษที่ดีไม่น้อย
“แม่ว่าจะถามพวกเจ้าว่าอีกเจ็ดวันข้างหน้าพวกเจ้าสามคนพี่น้องจะไปงานเลี้ยงฉลองย้ายเข้าจวนกับแม่หรือไม่”
“จวนของผู้ใดหรือขอรับ”
“จวนข้างๆ เรานี่แหละ เขาเพิ่งส่งเทียบเชิญมาแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นจวนของตระกูลใด”
“สร้างเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ ช่างรวดเร็วเสียจริง” คงเป็นตระกูลที่ร่ำรวยไม่น้อย
หากจวนนี้มีบุตรชายวัยพร้อมแต่งงานข้าไปเกี้ยวบุรุษดีหรือไม่ แต่งเข้าจวนข้างๆ มีอะไรก็วิ่งกลับจวนตัวเองได้ ช่างดีไม่น้อย
“คงเป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมากขอรับ ถึงได้สร้างจวนเสร็จเร็ว” อวี้ลู่หมิงกล่าวพลางปรายตามองสหาย
“พวกเจ้ายังไม่ได้ตอบแม่ว่าจะไปด้วยหรือไม่”
“ไปสิเจ้าคะ พวกเราทั้งสามคนจะไปกับท่านแม่เจ้าค่ะ” อวี้ซีเยว่ตอบรับตาเป็นประกาย
“เจ้าช่างกระตือรือร้นแปลกๆ” อวี้ลู่เสียนหันมามองนาง
“ข้าแค่อยากทำความรู้จักเรือนข้างเคียง เผื่อมีอันใดให้ช่วยเหลือเจ้าค่ะ” บุตรสาวคนเล็กตอบพลางคีบอาหารส่งเข้าปาก
บทสนทนาเรื่องเรือนข้างเคียงที่กำลังจะมีคนย้ายเข้ามาอยู่จบลงเพียงเท่านั้นก่อนที่ทุกคนพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องอื่นโดยที่สหายของบุตรชายคนโตที่ร่วมโต๊ะด้วยออกความเห็นเสริมเป็นระยะ
การอ่านหนังสือนิยายรักน้ำเน่าระหว่างบุรุษผู้เพียบพร้อมและหญิงงามผู้แสนดี ทำให้นางหายเบื่อหน่ายไปได้ไม่น้อย จะลอบออกไปจากจวนก็ไม่ได้เพราะทางหมาลอดที่นางใช้มุดออกไปตกปลาที่สวนร้างนอกเมืองถูกซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว
คิดแล้วก็มีโทสะหากไม่เพราะในวันนั้นระหว่างที่กำลังรับมื้อเย็นกันอยู่ สหายของพี่ใหญ่ไม่กล่าวว่าเห็นสุนัขตัวใหญ่มุดรั้วที่ผุพังเข้ามาในจวน ทำให้มารดาที่กำลังตามหาคนร้ายขโมยเนื้อตากแห้งจากลานตากอาหารที่หลังห้องครัวรู้ถึงการเข้ามาของคนร้าย นำไปสู่การซ่อมแซมและปิดตายทางหนีออกไปเที่ยวเล่นของนาง
สุดท้ายนางจึงต้องมานั่งอ่านเรื่องราวความรักน้ำเน่าและไม่สามารถวางลงได้ จนปลายยามห้าย 21.00-22.59) นางก็ยังจุดเทียนเพื่ออ่านต่อให้จบ
“คุณหนูเจ้าคะ หยุดอ่านได้แล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะปวดตาเอา”
“เจ้าไปนอนเถิด อีกประเดี๋ยวข้าก็จะอ่านจบแล้ว”
“แต่ว่า...”
“เจียวลู่ ถ้าเจ้ายังชวนข้าสนทนาเช่นนี้ ข้าก็จะเข้านอนช้าไปอีก”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนคุณหนูแล้ว แต่ถ้าท่านปวดตาขึ้นมาข้าคงต้องรายงานฮูหยินตามจริง” เอาผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในจวนมาอ้างคุณหนูของนางน่าจะเชื่อฟังบ้าง
“...”
“คุณหนู!”
“...” อวี้ซีเยว่เลิกสนใจสาวใช้แล้วตั้งใจอ่านนิยายตรงหน้าให้จบ
เมื่อสาวใช้คนสนิทคิดว่าห้ามไปก็ไม่ได้เรื่อง จึงล่าถอยและออกจากห้องไปเอง
“อย่าอ่านตำราตอนกลางคืน จะทำให้ปวดตารู้หรือไม่” เสียงทุ้มของบุรุษทำให้คนที่กำลังจดจ่ออยู่กับเนื้อหาน้ำเน่าสะดุ้งเฮือก
“ท่าน! พี่เฟยฉี ท่านเข้ามาในเรือนนอนข้าได้อย่างไร”
“พี่เห็นหน้าต่างเปิดอยู่ จึงเดินมาดูเห็นเจ้ากำลังนั่งอ่านหนังสือท่ามกลางแสงเทียน จึงเข้ามาทักทาย”
“ท่านเข้ามาทักทายข้าทางหน้าต่างที่เปิดอยู่?” ลอบเข้าจวนผู้อื่นยามวิกาลจะเรียกทักทายได้หรือ
“ถูกแล้ว”
“นี่ท่านปีนเข้าจวนอวี้อีกแล้วหรือเจ้าคะ เหตุใดไม่เดินเข้าทางประตูจวนล่ะเจ้าคะ”
“ครั้งต่อไปค่อยไปต่อที่เตียงเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางที่ถูไถจุดสงวนกับแท่งหยกร้อนที่แข็งขึงจนมีน้ำหวานลื่นใสก็จัดแจงขยับตัวเพื่อให้แท่งหยกสามารถบุกรุกเข้าโพรงนุ่มอย่างง่ายดาย “อ่า...” “เจ้ายังคับแน่นเช่นนี้ พี่จะทนไม่ไหวเอา” แม้จะผ่านการคลอดลูกมาแล้วแต่โพรงนุ่มของนางยังรัดรึงแท่งหยกของเขาแน่น “ทนไม่ไหวก็ปลดปล่อยออกมาสิเจ้าคะ ข้าพร้อมรับ” “อ่า...มันดีมาก ฮูหยินพี่ช่างเก่งกาจ” เขาถึงกับร้องครวญครางออกมายามที่นางโยกตัวขยับขึ้นลง อกอวบอิ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าทำให้เขาทนไม่ได้จึงอ้าปากงับยอดอกนาง ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนปัดป่ายไปมาสลับกับดูดกลืนเพื่อกระตุ้น “ข้าก็เป็นเช่นนี้เพียงกับท่า
ล่อลวงสามีเพื่อบุตรคนที่สอง หลังจากที่เลี่ยงไม่ยอมร่วมหลับนอนกับฮูหยินจนนางร้องไห้น้ำตานองเพราะเข้าใจว่าเขาเบื่อหน่ายนางแล้ว หยางเฟยฉีจึงเปลี่ยนเป็นการให้นางกินยาห้ามครรภ์ที่มาในรูปลักษณ์ใหม่ไม่เหมือนเดิมอย่างชารสดี กลิ่นหอม “ท่านพี่เจ้าขาวันนี้ข้าเลี้ยงลูก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหลือเกิน ตอนอาบน้ำท่านช่วยนวดให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” กล่าวจบโฉมสะคราญก็รั้งอาภรณ์ลงเผยให้เห็นไหล่ลาดขาวเนียน “อึก...ได้” หยางเฟยฉีลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นความเย้ายวนของฮูหยิน เพราะลูกเกาะติดนางหลายวันเขาจึงไม่มีโอกาสไ
ตอนพิเศษ ว่าด้วยเรื่องราวของต้นหอม หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของบุตรชายได้สองเดือนหยางกั๋วกงและฮูหยินก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกลับปราสาทโอสถ “ท่านแม่เจ้าขา ท่านว่างอยู่หรือไม่เจ้าคะ คือข้ามีเรื่องที่อยากจะรบกวนท่านเจ้าค่ะ” ท่าทางออดอ้อนน่ารักข
“ขอบคุณขอรับท่านหมอ” หยางเฟยฉีแสดงความเคารพท่านหมอหญิงอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปดูแลฮูหยินของตนต่อ หลายวันผ่านไปร่างกายของอวี้ซีเยว่ฟื้นตัวดีขึ้น แม้จะทำงานเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่หากยามค่ำคืนนางต้องตื่นขึ้นมาดูลูกน้อย สามีก็จะตื่นขึ้นมาช่วยด้วย เขาไม่เคยปริปากบ่นและยังคงดูแลนางเช่นเดิม “ท่านพี่มีอันใดจะบอกข้าหรือไม่เจ้าคะ” ในยามที่นางเผลอนางมักจะเห็นเขาทำสีหน้าไม่สบายใจ “ไม่มี เจ้าอย่าได้คิดมาก” “ข้าไม่ได้คิดมากเจ้าค่ะ แต่ข้ารู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไปตั้งแต่ข้าคลอดลูก หรือว่าเป็นเพราะข้าไม่งดงามเหมือนแต่ก่อน ท่านจึงคิดหมางเมินข้า” 
คุณชายหยางที่ออกไปทำงานถูกตามกลับจวนในทันที หยางกั๋วกงและหยางฮูหยินที่บังเอิญทราบข่าวก็รีบตรงมาที่จวนของบุตรชายทันที ‘ข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ’ “ซีเยว่” พอได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของฮูหยินตน หยางเฟยฉีแทบจะรีบเข้าไปหานางทันที หากไม่ถูกบิดารั้งตัวไว้ “ใจเย็นๆ เฟยฉี สตรีคลอดลูกก็ต้องเจ็บปวดเช่นนี้อยู่แล้ว” หยางกั๋วกงผู้เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อนเอ่ยปากบอก “เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า พ่อกับแม่ถึงมีเจ้าเป็นบุตรเพียงคนเดียว บิดาเจ้าไม่อยากให้แม่เจ็บปวดยามที่ต้องคลอดบุตรเช่นนี้” ‘ฮูหยินน้อยใจเย็นๆ เจ้าค่ะ’ ‘ข้าเ
22 สัญญาที่มอบให้เจ้า อวี้ซีเยวนั่งมองหน้าสามีด้วยสายตากรุ่นโกรธและไม่ยอมเข้าใกล้ เพราะเมื่อวานเขาบอกจะให้นางได้นอนหลับพักผ่อนหนึ่งคืน แต่ยังไม่ทันพ้นยามห้าย (21.00-22.59) โจรบุปผาที่พอแต่งงานก็กลายร่างเป็นปีศาจราคะจับนางกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่าจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้&nbs







