โรงพยาบาลเอกชน
“ลงมาได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยบอก เมื่อรถถึงที่ก็มานนานแล้ว แต่หญิงสาวยังคงนั่นนิ่งอยู่ไม่ยอมขยับตัวลงจากรถ จนร่างสูงต้องเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่เธอนั่ง
“พี่พาหนูมาเอกชน หนูจะเอาตังค์ที่ไหนจ่ายละคะ...” หญิงสาวบอกสาเหตุของเธอที่ไม่ยอมลงจากรถ
“พี่บอกหรือว่าจะให้น้องจ่าย พี่จะจ่ายค่ารักษาให้น้องเอง ลงมาครับ” ร่างสูงรีบบอกเธอออกไปทันที
“จริงนะ” หญิงสาวถามกลับไปเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“อื้ม...หรือว่าจะให้พี่อุ้ม” ร่างสูงพยักหน้ารับเชิงเป็นคำตอบ แล้วทำท่าทางจะไปอุ้มเธอ
“หนูเดินเองได้ค่ะ” หญิงสาวรีบพยุงตัวเองลงมาจากรถทันที เมื่อเห็นว่าร่างสูงเริ่มเข้ามาใกล้เธอ
ทั้งคู่เดินเข้าไปยังตึกที่ต้องพาหญิงสาวไปทำแผล และเช็คร่างกาย แต่ร่างสูงกลับพาเธอเข้าไปหาใครคนหนึ่ง ที่อยู่ประจำในโรงพยาบาลนี้ และเดินเข้าห้องไปแบบไม่เคาะอะไรเลย แต่สายตาของเธอกลับมองไปที่ชื่อตรงหน้าประตูห้อง (นายแพทย์ณัฐพงษ์ เรืองพาณิชยากุล)
“อาหมอ สวัสดีครับ” ร่างสูงเอ่ยทักทายพร้อมกับยกไหว้ทำความเคารพคนด้านในทันที เมื่อเข้ามาภายในห้อง
“อ้าว...เพชรมาได้ยังไง เป็นอะไรมาเหรอ แล้วนี้พาใครมา...” ณัฐพงษ์ถามหลานชายขึ้นด้วยความสงสัยทันที ที่เห็นร่างสูงพยุงหญิงสาวที่เดินขากะเผลกเข้ามาภายในห้องของเขา
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ อาช่วยทำแผลให้ทีครับ แล้วช่วยตามร่างกายให้ละเอียดด้วยนะครับว่าได้รับผลกระทบกระเทือนไหม เผื่อสมองจะเสื่อมเอานะครับ ผมไม่อยากมารับผิดชอบคนความจำเสื่อม...” พงศกรเอ่ยบอกผู้เป็นอาไปตามตรง แล้วก็ยังจะขึ้นด้วยท่าทีที่ประชดประชันหญิงสาว
“พาสาวน้อยไปทีเตียงเลย แล้วรถมีทำไมไม่ให้เธอนั่ง ดูสิพาเดินมาตั้งไกล” ณัฐพงษ์เอ่ยบอกหลานชาย แล้วเจ้าตัวก็ไปเตรียมอุปกรณ์ทันที
“เธอชื่อเอิงเอยครับ...” ร่างสูงบอกผู้เป็นอาออกไป
ทำเอาณัฐพงษ์ส่ายหน้าเบาๆกับความเอ็นดูหลานชาย ดูแล้วคงจะได้หลานสะใภ้อีกคนแน่ๆ เพราะหลานชายไม่ใช่คนที่จะมาประคบประหงมใครแบบนี้ นอกเสียจากพีรดาที่นับถือกันเหมือนพี่น้อง จนตอนนี้กลายมาเป็นน้องสะใภ้อย่างเต็มตัวแล้ว และคนนี้ยังเป็นสาวสวยอีกต่างหากถ้าเขาดูไม่ผิด คงจะมีข่าวดีในเร็ววันนี้แน่ๆ ถ้าแค่อุบัติเหตุ แค่จ่ายก็จบแล้วสำหรับหลานชายคนนี้
“จะ จะทำอะไรค่ะ” หญิงสาวตาลุกวาวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหมอถือกรรไกรมาจ่อตรงเข่าที่มีเลือดไหลซึมออกมาเป็นวงกว้าง
“ตัดขากางเกงออกยังไงล่ะ แบบนี้หมอทำแผลไม่ได้นะหนูเอิงเอย” ณัฐพงษ์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนละมุน เพราะดูแล้ว ท่าทางสาวน้อยคนนี้ ไม่กลัวเลือดก็น่าจะกลัวของมีคม
“แต่กางเกงหนู...” หญิงสาวมีสีหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่เอง เอาเป็นร้อยๆตัวแพงกว่านี้ก็ยังได้เลย” ร่างสูงยืนกอดอกอยู่ข้างๆพูดขึ้นมาทันที
“...” หญิงสาวจึงไม่กล้าพูดอะไรออก แต่หันหน้าไปทางอื่น พร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้า ทั้งไปที่ห้องนี้ก็แอร์เย็นอยู่
“ตัดทิ้งได้เลยครับอาหมอ” ร่างสูงหันไปบอกทางผู้อาต่อ
ณัฐพงษ์ทำการตัดขาดางเกงออกให้อย่างเบามือ และก็ตัดทั้งสองข้างออกให้เท่าๆกัน แล้วจึงจะทำการเช็ดทำความสะอาดแผลต่อ
“ดะ เดี๋ยวค่ะ ไม่ฉีดยาชาหรือค่ะ” หญิงสาวถามขึ้นมาอีกครั้ง
“หนูเอยแค่แผลถลอกเองน่ะ ไม่ได้เย็บอะไรเลย ถ้าแสบก็...” ณัฐพงษ์อดที่จะขำออกมาไม่ได้แต่ไม่มีใครเห็นเพราะใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากอนามัยอยู่
“เพชรขยับเข้ามาใกล้ๆน้องเขาหน่อย ไม่เห็นหรือไงว่าน้องเขากลัว ดูสิเหงื่อเปียกเต็มไปหมดแล้ว หรือไม่ก็ยื่นมือไปจับให้กำลังน้องเขาหน่อย” ณัฐพงษ์เอ่ยบอกหลานชายทันที ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“หลับตา แค่นี้ทำเป็นปอดแหก ที่เมื่อกี้นี้เถียงฉอดๆ ไม่กลัวเจ็บสักนิด” เสียงเข้มเอ่ยสั่งเมื่อขยับมาใกล้กับหญิงสาว และใช้กระดาษทิชชูซับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามใบหน้าให้กับเธออย่างไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน
“อื้อ...ฮึก...” หญิงสาวหลับตามกัดฟันแน่น พร้อมกับกำจิกที่แขนแกร่งของร่างสูงอย่างแรง
“เสร็จแล้ว...” เสียงทุ้มของณัฐพงษ์เอ่ยบอกเมื่อพันแผลให้แก่หญิงสาวอย่างเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณอาหมอมากครับ...ลืมตาได้แล้ว” ร่างสูงรีบเอ่ยขอบคุณผู้เป็นอา แล้วหันมาบอกคนร่างเล็กที่ยังคงหลับตาสนิท
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ...” หญิงสาวรีบยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณคนที่ทำแผลให้แก่เธอทันทีที่เธอลืมตา
“เรียกอาเหมือนที่ตาเพชรเรียกเถอะ...” ณัฐพงษ์เอ่ยบอกก่อนจะถอดถุงมือและหน้ากากอนามัยออก
“ค่ะ...คุณอาหมอยังหนุ่มอยู่เลยน่ะ” หญิงสาวเอ่ยชมทันที ที่ได้เห็นคนที่ทำแผลให้เธออย่างชัดๆ ดูรวมๆแล้วเบ้าหน้าก็คล้ายกันกับร่างสูงอย่างพงศกรไม่มีผิดเพี้ยน
“อาเป็นน้องชายแท้ๆของพ่อตาเพชรน่ะ...ห่างกันตั้ง7ปี” ณัฐพงษ์เอ่ยพูดกับหญิงสาวเหมือนกับว่าเคยรู้จักกันมาก่อน
ณัฐพงษ์แจกแจงรายละเอียดการจ่ายยาให้แก่หญิงสาว และกำชับหลานชายออกไป อย่าให้แผลโดนน้ำ
“ถ้าเหนื่อยหรือง่วงห้ามขับรถมันอันตรายต่อชีวิตเลยน่ะ หากเมื่อกี้พี่เบรกไม่ทันจะทำไง น้องไม่กลายเป็นศพเฝ้าถนนไปแล้วเหรอ...” ร่างสูงพร่ำสอนออกมาทันที เมื่อขับรถออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว
“ขอโทษพี่อีกครั้งนะคะ...พี่อย่าเอาเรื่องหนูเลย” หญิงสาวรีบขอโทษขอโพยร่างสูงออกมาอีกครั้ง
“ช่างเถอะ...อีกอย่างรถน้องก็พังคงจะซ่อมไม่ได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยตอบแบบปัดๆไป
“...” หญิงสาวมีใบหน้าสลดลงมาทันที
“เดี๋ยวพี่ซื้อคันใหม่ให้...” ร่างสูงเอ่ยบอกเพื่อไม่ให้หญิงสาวเป็นกังวล
“ไม่เป็นค่ะ หนูเกรงใจพี่ แล้วอีกอย่างหนูไม่มีปัญญาจะชดใช้คืนพี่หรอกค่ะ แถมช่วงนี้หนูเจ็บอยู่คงไปรับงานแบบนั้นไม่ได้อีก...” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน และหาเหตุผลมาอ้างทันที
“แล้วพักที่ไหนละ...พี่จะไปแวะส่ง” ร่างสูงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที เพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถตอนนี้ดูหม่องเศร้า และให้หญิงสาวคลายความกังวลไปบ้าง
ปลดปล่อย NC“รีบถอดสิ...” เสียงเข้มเอ่ยสั่ง เมื่อเข้ามาถึงห้องในม่านรูด ซึ่งใกล้กันกับสถานบันเทิงแห่งนี้ ที่พึ่งจะนัดดีลสาวสุดเซ็กซี่ สวยแซ่บมาปลดปล่อยตามประสาชายโสด“ใจร้อนจังเลยนะคะ...” เสียงหวานของร่างอรชนสุดเซ็กซี่เอ่ยขึ้น พร้อมกับพยายามส่งสายตายั่วยวน แก่ร่างสูงหุ่นดุจนายแบบตรงหน้า“ผมไม่ชอบจูบกับใคร...” เสียงเข้มเอ่ย พร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อหญิงสาวพยายามจู่โจมหน้าใส่ หมายจะมอบจูบให้แก่เขา“ค่ะ...ฉันชื่อเอยนะคะ แล้วคุณชื่ออะไรล่ะค่ะ เอยจะได้เรียกถูก” หญิงสาวเอ่ยบอกชื่อ พร้อมกับถามร่างสูงกลับไป“...ผมไม่ได้ถาม แล้วคุณก็ไม่ต้องอยากรู้ด้วยว่าผมชื่ออะไร” เพราะชื่อของหญิงสาวที่เอ่ยบอก ทำให้ร่างสูงชะงักนิ่งทันที อะไรจะบังเอิญชื่อเหมือนขนาดนั้น“บอกไว้เผื่อจะได้ครางถูกยังไงล่ะค่ะ ตอนเรามีความสุขกัน...” เสียงนุ่มกระเส่าเย้าแหย่เอ่ยออกมา และปลดชุดสวยสุดเซ็กซี่ของเธอออก“หึ มั่นใจหรือว่าคุณจะทำให้ผมถึงใจขนาดนั่น...” ร่างสูงเค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับนั่งลงบนที่นอนนุ่ม“ก็ลองดูสิค่ะ...แล้วคุณจะติดใจ” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ ในตัวเองว่าสามารถปรนเปรอชายหนุ่มถึงใจได้“รีบทำเถอะ...
.ไม่แน่ชัดบ้านเรืองพาณิชยากุล“สุขสันต์วันเกิดครับสุดหล่อ มาให้ลุงอุ้มหน่อย” ร่างสูงเดินเข้ามาภายในบ้าน เห็นหลานชายตัวน้อย วิ่งเข้ามาหา ก็รีบย่อตัวลงอุ้มขึ้นมาทันที“กว่าจะมาได้น่ะ...” นิษฐา มารดาผู้ให้กำเนิด เอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่เจอหน้าลูกชายคนโตของบ้าน เพราะช่วงนี้ชายหนุ่มไม่ค่อยกลับเข้าบ้าน“ก็ติดงานนี้ครับแม่...ตั้งแต่ที่พ่อมาช่วยเลี้ยงหลานแม่ งานผมก็กองเต็มจนต้องหอบกลับมาทำที่บ้านนี้แหล่ะครับ ดีหน่อยที่มีคอนโดฯใกล้ๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถนาน” พงศกรตอบกลับมารดาไป แล้วเอาเหตุของคนเป็นพ่อมาอ้าง“จ้า...พ่อคนขยันของแม่ ว่าแต่มีอะไรมาฝากหลานล่ะ” นิษฐาจึงยอมอ่อนให้แก่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ“ของเล่นเช่นเคยละครับ ว่าแต่น้องๆไปไหนกันหมด” พงศกรตอบกลับไป พร้อมกับถามถึงน้องๆ เพราะไม่เห็นหน้ากันเลย“เตรียมอาหารกันที่ครัวน่ะ” นิษฐาตอบออกไป“ตาพีทนี้นะครับ จะเข้าครัว” พงศกรเลิกคิ้วขึ้นมา พูดเสียงดังทันที เพราะไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่าง พจีพัฒน์ น้องเล็กของบ้าน ที่ทำอะไรไม่เป็นเลย นอกจากหน้าตาดี และเรียนเก่ง จะยอมเข้าครัว“ก็เออนะสิ”“มาถึงนานแล้วเหรอค่ะพี่เพชร” เสียงหวานถามขึ้นมาเดินถือ
ถูกที่ แต่ผิดเวลารุ่งเช้าสองร่างหนุ่มสาวกอดกันกลมเกลียวหลับสนิทอย่างไม่รู้สึกตัว ร่างสูงที่เป็นฝ่ายลืมตาขึ้นมาก่อนเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่ดังรบกวนไม่ยอมหยุดมาเป็นระยะแล้วมือหนาข้างที่ว่างเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่ยอมหยุดขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรฯมารบกวน จึงกดปิดเสียงเงียบทันที แล้วทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม สายตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าสวยที่ยังคงหลับบนแขนแกร่งของเขาเพราะห้องของเธอมีหมอนแค่ใบเดียว ใบหน้าสวยที่หลับสนิทนั้นช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน มือสากลูบไปแก้มป๋องนั้นอย่างเบามือที่สุด แล้วใบหน้าที่มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว“อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ออกมาจากร่างบาง เมื่อถูกรบกวนการนอนของเธอ“ตื่นได้แล้ว...” เสียงทุ้มถามขึ้น เมื่อรับรู้ถึงแรงขยับของหญิงสาว ที่หนุนแขนเขาแทนหมอนแทบทั้งคืน“เช้าแล้วเหรอ” เสียงอู้อี้ถามขึ้น พร้อมกับขยับตัวออกจากแขน แล้วลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียดไปมาอยู่สักพัก“อื้ม...” ร่างสูงของพงศกรพยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับบีบนวดแขนตัวเอง ที่ตอนนี้รู้สึกชาไปทั้งหมด“พี่เพชร พี่ปวดแขนเหรอ” หญิงสาวถามขึ้น เมื่อเห็นเขาบีบทุบที่แขน เพราะเ
สร้างความเชื่อมั่นกลับมาทางด้านของพงศกรคนหน้ามึน ที่ตอนนี้เวลาจวบจนมาถึงดึกแล้ว แต่คนหน้ามึนยังคงอยู่ที่ห้องเช่าน้อยของหญิงสาวอยู่ ไม่ยอมกลับที่ของตัวเองไปสักที“พี่เพชร” หญิงสาวเอ่ยเรียกคนหน้ามึนขึ้น เมื่อเห็นว่านานมากแล้วร่างสูงก็ไม่ยอมที่จะลุกออกไปไหนเลย แถมยังนอนลงบนที่นอนของเธออย่างสบายใจเฉิ่ม ราวกับว่าเป็นที่ของตัวเอง“ครับ”“คือ...”“อะไรเหรอ” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นถาม แต่กลัยังคงนอนอยู่ที่เดิม“ดึกมากแล้วค่ะ น้องว่า...” หญิงสาวเอ่ยบอก เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว“พี่จะนอนที่นี่ครับ” ร่างสูงลุกขึ้น พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร“ห๊า...” หญิงสาวเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ที่ได้ยินคนหน้ามึนพูดออกมา“พี่เมื่อยมากเลย ขับรถกลับไม่ไหวแล้วล่ะ” พงศกรเอ่ยบอก พร้อมกับท่าทางนวดแขนของตัวเองให้หญิงสาวเห็น“แต่พี่เพชร...”“อยากไปอาบน้ำก็อาบไปสิ พี่ไม่แอบดูหรอก” ร่างสูงพูดขึ้นบอก เมื่อสีหน้าของหญิงสาวเป็นกังวล พยายามจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง“พี่เพชรทำไมพี่หน้ามึนแบบนี้ล่ะค่ะ” หญิงสาวต่อว่าออกมาทันที เพราะไม่รู้ว่าจะทำเป็นไรกับคนตีมึนแบบนี้ดี“ยอมรับครับ” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยน้อมรับออกมา“
ห้องเช่าน้อยๆ ปากซอยมีร้านเซเว่น“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง...ขับรถกลับดีๆนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณทันที ที่รถขับมาถึงยังหน้าที่พักของเธอ แล้วก็เปิดประตูลงจากรถทันที“เดี๋ยวสิ!...” ร่างสูงรีบเปิดประตูรถออกมาเอ่ยเรียกไว้เสียก่อน“...” หญิงสาวไม่เอ่ยถามอะไรกลับไป เพราะพอจะรู้เหตุผลของเขาดี“พี่หิวน้ำ...” สองเสียงพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันทันที“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจยาวเหยียดของหญิงสาวพ่นออกมาอย่างเบื่อหน่ายกับคนหน้ามึนที่เอาแต่ใจตัวเองหญิงสาวไม่รู้จะทำเช่นไรกับคนหน้ามึนแบบนี้ดี เธอกับเขาพึ่งจะรู้จักกันเพียงไม่กี่วันมานี้เอง แต่ชายหนุ่มกลับทำตัวเหมือนสนิทกับเธอ ราวกับว่ารู้จักกันมานานแสนนานใบหน้ายิ้มระรื่นอย่างมีความสุข ที่ได้เข้ามาภายในห้องเช่าน้อยๆของหญิงสาว ร่างสูงถอดรองเท้าออก แล้วเดินไปหยิบน้ำมานั่งลงเปิดฝาดื่มทันที อย่างกับว่าเป็นเจ้าของห้องเสียเองหญิงสาวเอาแต่ส่ายหน้าเบาๆ ให้กับคนที่เอาแต่ใจ แล้วเดินเอาของเธอไปเก็บพร้อมกับกำลังจะหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลมาแต่ทว่า“ว้าย...พี่เพชร จะทำอะไร...” ร่างบางร้องออกมาทันที เพราะตกใจไม่น้อย เมื่อโดนร่างสูงรวบตัวมานั่งลงบนตัวแกร่ง แล้วยกตัวหญิงสาวน
คนเอาแต่ใจ“แฟนเหรอ” เสียงทุ้มถามหญิงสาวขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะหญิงสาวไม่ยอมพูดจาอะไรเลย ตั้งแต่ที่ขึ้นรถมาแล้ว“มะ ไม่ใช่ค่ะ เพื่อน” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน เมื่อร่างสูงถามออกมาแบบนี้“ดู ๆ แล้ว เขาน่าจะชอบน้องน่ะ” พงศกรยังคงถามหาความจริงจากหญิงสาว“ชะ ชอบอะไรกันค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน” หญิงสาวยังคงที่จะตอบออกมาแบบเดิมร่างสูงจึงได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับความใสซื่อของเธอ *ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย* พร้อมกับอมยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย *นี่เธอดูไม่ออกเหรอว่าเพื่อนสนใจเธอ*“แล้วโทรมาทำไมไม่ยอมรับสายพี่” พงศกรเปลี่ยนเรื่องถามทันที“คือ...” หญิงสาวอึกอักไม่กล้าตอบออกมาร่างสูงตีไฟเลี้ยว และรีบหักเลี้ยวเข้าจอดข้างทางทันที พร้อมกับปลดเข็มขัดออก จ้องมองหญิงสาวอย่างคาดโทษทันที“พี่เคยบอกแล้วน่ะ แต่น้องท้าทายพี่เอง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมา“น้อง...”“อะไร” ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามขึ้น“พะ พีเพชรจะทำอะไรค่ะ” หญิงสาวกลับตาลง พร้อมกับมือที่ยกขึ้นดันอกแกร่งของพงศกรออก“หึ แค่ล้อเล่นเอง กลัวเหรอ” ร่างสูงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เมื่อได้แกล้งหญิงสาว และยือมือหนาข