“...กว่าจะมาได้สักทีน่ะ” เสียงเข้มของชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ดังขึ้นมา พร้อมกับหันหลังให้แก่คนทั้งคู่ที่เดินเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังอันใหญ่โต ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าชายชุดดำนับร้อยคนยืนเรียงรายตั้งแต่ประตูทางเข้า จนมาถึงภายในบริเวณบ้าน เพราะพนามีอายุที่เยอะมากแล้วบวกร่างกายที่ชราขึ้นพอสมควรตามอายุ และไม่สามารถที่จะเดินได้ด้วยตัวเองนานๆ จึงจำเป็นต้องนั่งวีลแชร์ การใช้ชีวิตที่ลำบาก จึงต้องมีบุคคลที่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิต
“คุณปู่สวัสดีครับ” ธนายกมือขึ้นทักทายชายชราที่ยังคงหันหลังให้ แล้วนั่งลงยังโซฟาตัวยาวที่ห้องรับแขก และดึงร่างบางของเดียน่าให้นั่งลงมาข้างๆ เมื่อหญิงสาวยังคงมีความหวาดกลัววิตก โดยไม่ค่อยสนใจชายสูงวัยที่หันหลังให้นัก
“อื้ม...แล้วแม่หนูคนนี้เป็นใครกัน เมียใหม่แกหรอกหรือ” เสียงเข้มถามขึ้นมาอย่างสงสัยทันที เมื่อเห็นเดียน่าเป็นครั้งแรก และรู้สึกแปลกใจที่ธนาพาหญิงสาวมาด้วย
“สะ...สวัสดีค่ะ” เดียน่าเอ่ยเสียงตะกุกตะกักขึ้นมาทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ และก้มหน้าลงอย่างกลัวๆ เพราะไม่กล้าสู้สายตาคมของพนา
“คือ...คุณปู่ครับ” ธนากำลังจะเอ่ยปากขึ้นมาอธิบาย
“ฉันเข้าใจ...ว่าแต่สาวน้อยคนนี้ชื่ออะไร” พนารีบขัดขึ้นมาเสียก่อน ที่ธนาจะได้อธิบายบอก แล้วหันไปถามทางเดียน่า
“เดียน่า...ลูกสาวพี่แดนยังไงล่ะครับคุณปู่ นี้คุณปู่จำเดียร์ไม่ได้เหรอ” เป็นธนาเอง ที่เอ่ยตอบคำถามแทนหญิงสาวออกมา
“ห๊ะ...ลูกไอ้เขตแดนเองหรอกหรือ โตเป็นสาวขนาดนี้เชียว ใครจะไปจำได้ว่ะ เคยเห็นแต่ตอนยังแบเบาะ พอมาเห็นอีกทีก็โตเป็นสาวแล้ว” พนาทำท่าทางตกใจเพียงเล็กน้อย เมื่อได้รู้คำตอบว่าหญิงสาวที่มาด้วยกับธนานั้นคือใคร เพราะเขาเคยเห็นแต่ตอนที่แขตแดนพามาพบตอนยังเป็นทารกอยู่นั้นเอง และจากนั้นมาเขตแดนก็ไม่เคยพาเดียน่ามาที่นี่อีกเลย
“...” เดียน่าได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ข้างธนา ไม่เอ่ยตอบอะไรใดๆออกมาทั้งสิ้น
“แล้วลูกชายแกละ” พนาจึงถามธนาขึ้นอีก เมื่อไม่เห็นธนาพาลูกชายของเขามาด้วย
“รายนั้นโตแล้วพูดยากครับ ผมไม่อยากบังคับลูก” ธนาตอบออกไปตามความจริง เพราะว่าชีโน่ก็โตพอที่จะรับรู้อะไรทุกอย่างแล้ว จึงไม่อยากบังคับ
“แต่กับหนูเดียร์ ทำไมถึงยอมมากับแกได้ล่ะ” แล้วพนาก็หันไปถามทางธนาอีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่มองเดียน่าสลับไปมา
“ก็คุณปู่บอกเองครับนี้ว่าอยากเจอหน้าเหลนๆ ผมก็พามา ปู่จำไม่ได้แล้วหรือครับ” ธนาพูดขึ้นมาทันที แต่พอพึ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็สายเกินไปเสียแล้ว เขาน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าปู่ของเขาแก่มากแล้วน่าจะจำคำพูดของตัวเองไม่ได้แล้ว
“ฉันแค่แปลกใจ ว่าทำไม่หนูเดียร์ถึงกล้ามากับแก แกบังคับหรือธนา” พนาพูดขึ้นมา พร้อมกับจ้องไปทางหญิงสาวอย่างพิจารณาดู
“ทำไมผมต้องบังคับด้วยล่ะครับ ผมเป็นผู้ปกครองน่ะ เธอก็ต้องฟังผมสิ” ธนาเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง ที่การอุปถัมภ์เดียน่าครั้งนี้เธออยู่ในขอบเขตที่ดีตลอด
“หึ...แค่ผู้ปกครองจริงหรือ” พนาเค้นหัวเราะเยาะใส่ธนาทันที
“ครับ...ปีหน้าก็บรรลุนิติภาวะ ไม่ต้องคอยตามติด ตามคอยดูแลแล้วครับ” ธนาเอ่ยบอก
“นี้แกหมายถึงจะไล่หนูเดียร์ออกไปอยู่ข้างนอกหรือ” พยาเลิกคิ้วขึ้นถามทันที เพราะเข้าใจความหมายที่ธนาพูดแบบนั้น
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ก็ยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมด้วยกันนี้แหล่ะครับ เพียงแต่จะไม่ค่อยได้ดูแลเหมือนเดิม” ธนารีบหาคำแก้ตัวขึ้นมาทันที
“ในเมื่อมาแล้ว ก็ค้างที่นี่กันสักคืนสิ ฉันอยากมีเพื่อนคุย” พนาเปลี่ยนเรื่องคุยทันที พร้อมกับเอ่ยชวนคนทั้งคู่ให้อยู่ค้างคืน
“เอ่อ...คงจะค้างไม่ได้หรอกครับปู่ ชีโน่อยู่บ้านคนเดียว” ธนาเอ่ยบอก เมื่อเห็นว่าเดียน่าสะกิดเขาเหมือนส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ธนาเอ่ยต้องรีบปฏิเสธ และเอาลูกชายมาอ้างขึ้นทันที
“ถ้าอย่างนั้น ก็อยู่ทานข้าวเย็นแล้วค่อยกลับ หนูเดียร์จะรังเกียจไหมที่ต้องทานข้าวกับคนแก่ๆแบบฉัน” พนารีบหาคำพูดเอ่ยเชิงเชื่อชวน แล้วหันไปถามทางเดียน่า
“เดียร์ไม่รังเกียจหรอกค่ะ รู้สึกยินดีเสียอีก” เดียน่าเอ่ยตอบออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
“คิก...ไม่ต้องกลัวฉันหรอกหนู” พนาหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นมา เพื่อให้หญิงสาวเบาใจ เมื่อเห็นท่าทางกลัวๆเขาของเดียน่า
“ปู่ท่านใจดี แค่หน้าตาอาจจะดูโหดไปหน่อย ก็เพราะการปกครองขององค์กรนับร้อยชีวิตของท่านก็แค่นั้นเอง” ธนาเอ่ยกระซิบเบาๆ บอกเดียน่า เพื่อให้ได้ยินกันสองคนเท่านั้น
“จริงเหรอค่ะ” เดียน่าถามขึ้น
“อื้ม” ธนาพยักหน้ารับอีกที เพื่อเป็นการยืนยันคำตอบ
“แกนินทาอะไรฉันไอ้ธนา” พนาที่ได้ยินคนทั้งคู่กระซิบกัน จึงสาดคำพูดขึ้นมาทันที
“เปล่าครับปู่” ธนารีบปฏิเสธทันควัน
ทั้งสามนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขกกันอยู่สักพักใหญ่ๆ จนเดียน่าเริ่มหายอาการเกร็งจากตอนแรก เริ่มกล้าที่จะสนทนากับชายสูงวัยมากขึ้นกว่าเดิม
“มีอะไร” ธนาถามเวลาเสียงเข้มขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกน้องคนสนิทยืนเก้อๆกังๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอก แต่ไม่กล้า
“คือ...” เวลาได้แต่อ้ำอึ้ง พร้อมกับมองเดียน่าและชายสูงวัยสลับไปมา
“พูดมาเถอะ...ปู่ท่านรับรู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ส่วนเดียน่าก็โตพอที่จะรับรู้อะไรมากพอสมควรแล้ว คงไม่มีอะไรต้องปิดอีกต่อไป” ธนาเอ่ยบอกเวลา เมื่อเห็นว่ายืนอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดออกมา
“นายน้อย มีเรื่องนิดหน่อยครับ ตอนนี้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในเครือแล้ว” เวลาเอ่ยบอกออกมา พร้อมกับคนทั้งสามที่นั่งฟังอยู่
“ว่าแต่คุณโน่เป็นอะไรมากไหมค่ะ” เป็นเดียน่าที่ปริปากถามเวลาขึ้นมาก่อน
“พี่ก็ไม่ทราบรายละเอียดสักเท่าไหร่หรอกครับน้องเดียร์” เวลาเอ่ยตอบเดียน่ากลับไปตามตรง
“ถ้าอย่างนั้นพวกแกก็พากันกลับไปเถอะ ไว้วันหลังค่อยมาเยี่ยมฉันอีกทีก็ได้” พนาพูดขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าลูกชายของธนาเกิดปัญหา
“ครับคุณปู่ ผมลาน่ะครับ ไว้โอกาสหน้า จะหาเวลามาเยี่ยมปู่ใหม่น่ะครับ” ธนาจึงรีบลุกขึ้นลาผู้อาวุโสนั้นทันที
“เดียร์กลับแล้วน่ะค่ะ คุณทวดดูแลตัวเองด้วยน่ะค่ะ สวัสดีค่ะ” เดียน่าจึงเอ่ยเสริมมาตามหลัง
“...” พนาได้แต่พยักหน้ารับให้กับธนาและเดียน่า
ความอดทนมีขีดจำกัด NCเมื่อขับรถมาใกล้จะถึงบ้านแล้ว อาการแปลกของธนาก้เริ่มออก แล้วรีบเร่งความเร็วรถขึ้นอีกทันที เพราะเจ้าตัวขับรถเอง ไม่ได้ให้ลูกน้องขับให้ และใช้เวลาไม่นาน ธนาก็ขับรถพาเดียน่ามาถึงบ้าน เขารับรู้ได้ทันทีเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง“นายดื่มมาเหรอครับ” เวลาและนาที รีบวิ่งเข้าไปหา เพราะกับถามทันทีเพราะใบหน้าที่แดงก่ำของเจ้านายหนุ่ม“กูเป็นลูกน้องมึงเหรอ ที่จะต้องตอบคำถามมึง ชีโน่กลับมายัง” ธนาตวาดเสียงใส่ลูกน้องทั้งสองทันที แล้วถามถึงลูกชาย“กลับมานานแล้วครับตอนนี้ก็น่าจะหลับไปแล้ว” นาทีจึงเป็นฝ่ายเอ่ยตอบเจ้านายหนุ่มไป“พวกมึงไปพักเถอะ ถ้ากูไม่เรียกใช้งาน ก็ไม่ต้องโผล่หัวมาที่นี่” ธนาเอ่ยปากไล่ลูกน้องทั้งสองทันที แล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจใครเลย“ครับ น้องเดียร์พี่ฝากนายด้วยนะครับ ดูท่าทางจะเมา” เวลาจึงหันมาสั่งทางเดียน่าแทน“ค่ะ” เดียน่ารีบรับคำ แล้วรีบตามธนาขึ้นไปชั้นของบ้านทันทีสองเท้ายาวรีบเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน มุ่งหน้าไปยังห้องนอนห้องตัวเองทันที แต่ระหว่างทางก้ถอดเสื้อออกโยนทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง จนเดียน่าค่อยตามเก็บตลอด จนกระทั่งร่างสูงเปิดประตูห้องข
ความหวังดีจากเพื่อน “น้องเดียร์มาแล้วค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทันที ที่เปิดประตูเข้ามายังห้องวีไอพีที่มีสองหนุ่มนั่งอยู่ และหนึ่งในนั้นก็มีสามีของเธอด้วย วีนัส ภรรยาสาวในวัย 25 ปี ของรันเวย์นั้นเอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร้าน และคอยคัดคนเข้ามาที่นี่อีกด้วยหญิงสาวในวัยเพียง 19 ปี สวยในลุคหวานปนเซ็กซี่เพียงเล็กน้อย ด้วยชุดเดรสสั้นสีดำตัดแดง พร้อมกับโชว์ล่องอกกว้างลงมา แถมยังโชว์แผ่นหลังขาวเนียนนั้นอีก ที่ใครต่อใครก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน พร้อมกับสวมรองเท้าส้นสูงถึง 5 นิ้ว แต่งเติมใบหน้าจากการแปลงโฉมของวีนัสนั้นเอง เดินเข้ามาตามหลังวีนัสอย่างเก้อๆ กังๆ เพราะไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย“พี่ธนาสวัสดีค่ะ เป็นยังไงบ้างค่ะ ฝีมือนัส” วีนัสเอ่ยขึ้นทักทายธนา แล้วถามร่างสูงที่มีสองสาวสวยนั่งดริ้งอยู่ข้างๆ คอยเอาใจธนาที่ตอนนี้กำลังจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้น กลับต้องนิ่งตาค้าง จ้องมองไปที่ร่างบางของเดียน่าตาไม่กระพริบ เพราะไม่เคยเห็นหญิงสาวในลุคนี้มาก่อน แถมยังใส่สั้นรัดรูปอีกต่างหาก“เห้ย...ตะลึงเลยหรือว่ะ” รันเวย์ที่เห็นธนาจ้องมองหญิงสาวตาค้าง รีบสะกิดขึ้นมาทันที“...ออกไปก่อน” เมื่อตั้งสติได้ ธนาร
แผนการเจ้าเล่ห์“ทำไมเราไม่เข้าไปโรงพยาบาลค่ะ นี้ดูคุณธนาจะไม่รู้สึกเป็นห่วงคุณโน่เลยน่ะค่ะ...” เดียน่าถามขึ้นอย่างสงสัย เมื่อรถแล่นเลยผ่านทางที่จะแวะไปโรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือที่เขาส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์มาบริจาคเป็นประจำ และทั้งยังเป็นหุ้นส่วนอีกด้วย“ซื่อบื้อจังเลยน่ะเธอนี้ แบบนี้จะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้ยังไงกัน จะไม่ถูกใครปอกลอก ถูกหลอกเอาง่ายๆเหรอ” ธนาเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับมองหน้าเดียน่า แล้วพูดจาถากถางแซวหญิงสาวออกไป“ไล่อยู่ได้...ใครจะอยากออกไปกัน” เดียน่าพูดขึ้นเบาๆ คนเดียว ด้วยน้ำเสียงที่ปนความน้อยใจ“เธอพูดว่าอะไรน่ะ” ธนาที่ได้ยินเสียงซุบซิบดังนั้นรีบถามขึ้นมาทันที เพราะได้ยินที่หญิงสาวพูดไม่ดัง“เปล่าค่ะ งั้นคุณก็โกหกทวดท่านเหมือนกันนะสิ...” เดียน่ารีบปฏิเสธ แล้วนึกถึงชายชราที่พึ่งจะจากกันมาเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมาทันที“ใช่...แผนการของฉันเองแหล่ะ” ธนาเอ่ยตอบเดียน่าออกไป อย่างไม่ได้รู้สึก เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย“คุณกล้าใช้แผนโกหกคุณทวดเลยหรือค่ะ” เดียน่าต่อว่าธนาขึ้นมาทันที ที่กล้าใช้แผนโกหกผู้สูงอายุที่นับถือ“ปู่ท่านก็รู้ว่าฉันโกหก ท่านก็เล่นตามน้ำไปอย่างนั้นแหล่ะ จริ
ความสุขของชายสูงวัย“...กว่าจะมาได้สักทีน่ะ” เสียงเข้มของชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ดังขึ้นมา พร้อมกับหันหลังให้แก่คนทั้งคู่ที่เดินเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังอันใหญ่โต ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าชายชุดดำนับร้อยคนยืนเรียงรายตั้งแต่ประตูทางเข้า จนมาถึงภายในบริเวณบ้าน เพราะพนามีอายุที่เยอะมากแล้วบวกร่างกายที่ชราขึ้นพอสมควรตามอายุ และไม่สามารถที่จะเดินได้ด้วยตัวเองนานๆ จึงจำเป็นต้องนั่งวีลแชร์ การใช้ชีวิตที่ลำบาก จึงต้องมีบุคคลที่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิต“คุณปู่สวัสดีครับ” ธนายกมือขึ้นทักทายชายชราที่ยังคงหันหลังให้ แล้วนั่งลงยังโซฟาตัวยาวที่ห้องรับแขก และดึงร่างบางของเดียน่าให้นั่งลงมาข้างๆ เมื่อหญิงสาวยังคงมีความหวาดกลัววิตก โดยไม่ค่อยสนใจชายสูงวัยที่หันหลังให้นัก“อื้ม...แล้วแม่หนูคนนี้เป็นใครกัน เมียใหม่แกหรอกหรือ” เสียงเข้มถามขึ้นมาอย่างสงสัยทันที เมื่อเห็นเดียน่าเป็นครั้งแรก และรู้สึกแปลกใจที่ธนาพาหญิงสาวมาด้วย“สะ...สวัสดีค่ะ” เดียน่าเอ่ยเสียงตะกุกตะกักขึ้นมาทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ และก้มหน้าลงอย่างกลัวๆ เพราะไม่กล้าสู้สายตาคมของพนา“คือ...คุณปู่ครับ” ธนากำลังจะเอ่ยปากขึ้นมาอธิบาย“ฉันเข้าใจ...
ความรู้สึก(ผิด) ที่เริ่มก่อตัวและเมื่อวันเวลาเดินทางมาถึงช่วงปิดภาคเรียนแรกของชีโน่และเดียน่าก็มาถึง ซึ่งธนาเองก็ลั่นสัจจะวาจาไว้กับผู้อุปการะคุณอย่าง พนาซึ่งก็คือปู่ที่ชุบเลี้ยงชีวิตของเขา และเขตแดน พ่อของเดียน่า และวันนี้ทุกคนต้องเดินทางไปเยี่ยมหาผู้อาวุโส ตามที่ธนาเคยได้บอกไว้เมื่อหลายเดือนก่อน“ผมไม่ไปได้ไหมครับ พ่อไปกับพี่เดียร์เถอะ” ชีโน่เอ่ยออกมา เมื่อทุกคนนั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องรับแขก เตรียมตัวที่จะขึ้นรถแล้ว“ก็แล้วแต่น่ะ โตมากแล้วนี้ พ่อก็ไม่อยากบังคับ” ธนาพูดบอกไปแบบไม่ได้บังคับฝืนใจ เพราะลูกชายก็โตมากพอแล้ว“ขอบคุณครับ ผมไปแล้วน่ะ มีนัดเตะบอลกับเพื่อน” ชีโน่เอ่ยขอบคุณพ่อ แล้วรีบลาไปหาเพื่อนทันที เพราะมีนัดกันตามประสา“ยิ่งโต ยิ่งแต่ตีตัวออกห่าง” ธนาพูดออกมาคนเดียว เมื่อลูกชายเดินออกไปพ้นตรงนั่นแล้ว แต่ก็พอที่จะทำให้เดียน่าที่อยู่ตรงนั้นได้ยินไปด้วย“ผู้ชายก็แบบนี้แหล่ะค่ะ” เดียน่าเสริมขึ้นมาทันที“ไปกันเถอะ รถจอดรอนานแล้ว” ธนาเอ่ยบอก พร้อมกันเดินนำหน้าไปขึ้นรถก่อนทันที“เชิญครับนาย น้องเดียร์ แล้วนายน้อยละครับ” เวลาที่ทำหน้าเปิดประตูรถให้แก่เจ้านายหนุ่มเอ่ยขึ้น พร้อมกลับ
ความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับ “น้องเดียร์จะเข้าไปมหาลัยไหมครับ พี่จะได้แวะไปส่ง” เวลาถามหญิงสาวขึ้นมา เมื่อรถแล่นออกมาจากคาสิโนแล้ว และกำลังมุ่งหน้ากลับไปทางบ้าน เพราะว่าหญิงสาวยังสวมชุดนักศึกษาอยู่“กลับบ้านเลยดีกว่าค่ะพี่เวลา มันเลยเวลาเรียนของเดียร์มาเยอะแล้ว และอีกอย่างคุณธนาก็หลับอยู่ กลัวว่าจะทำคุณเขาตื่น แล้วจะโวยวายใส่เอาค่ะ” เดียน่าตอบกลับชายหนุ่ม ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถอยู่ตอนนี้ไป“ครับ...น้องเดียร์เมื่อยหรือเปล่าครับ” เวลาขานรับ แล้วเพ่งมองไปที่กระจกหลัง จ้องมองไปที่คนทั้งคู่ กลับพบว่า ธนา เจ้านายหนุ่มหลับคับพับสนิท แถมเอนตัวมาพิงเดียน่าไว้เต็มๆ จนหญิงสาวแทบขยับไปไหนแทบไม่ได้เลย ถามหญิงสาวออกไปเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะเมื่อยที่รองรับน้ำหนักของเจ้านายหนุ่ม เพราะธนากับเดียน่า รูปร่างต่างกันมาก“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์ไหว” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงเบา เพราะกลัวจะทำเอาร่างสูงตื่น จึงได้แต่นั่งอยู่เงียบๆ และนิ่งจนแทบจะไม่กล้าขยับเลยจนกระทั่งรถแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านหลังกว้างใหญ่อันไพศาลของเจ้านายหนุ่ม แต่เจ้าของบ้านกลับยังคงหลับสนิท ไม่รู้สึกอะไรเลย“เดี๋ยวเดียร์ปลุกคุณธนาเองค่ะ พี่เวลาม