Home / รักโบราณ / พ่ายรักฮูหยินตัวป่วน / บทที่ 2 ความใส่ใจเล็กน้อย

Share

บทที่ 2 ความใส่ใจเล็กน้อย

last update Last Updated: 2025-09-19 16:00:42

บทที่ 2

ความใส่ใจเล็กน้อย

คืนเข้าหอที่มีค่าดั่งทองพันชั่งนั้น กลับเป็นค่ำคืนที่ว่างเปล่าสำหรับคู่บ่าวสาวคู่นี้ พวกเขาทั้งสองเพียงทำพิธีให้ครบถ้วนทว่ามิได้ร่วมเสพสังวาสกันอย่างที่ควรจะเป็น หลังจากหวงไป๋เฟิ่งอาบน้ำเสร็จนางก็ปีนขึ้นไปนอนยังเตียงกว้างหลังใหญ่ โดยที่คราแรกนางหัวใจวุ่นวายสับสนเป็นอย่างมาก ภายในใจก็หวังเล็ก ๆ ว่าคืนนี้เขากับนางอาจจะได้เป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริงก็ได้...

แต่หลี่เหวินซานคือบุรุษที่รักษาคำพูดของตัวเองยิ่งชีพ เขาไม่เพียงแต่ไม่แตะต้องตัวนางแต่ยังเอาหมอนอิงมาขวางกั้นระหว่างพวกเขาเอาไว้ด้วย ส่วนตัวเองก็นอนหลับไปเลย โดยทิ้งให้หวงไป๋เฟิ่งนอนกระสับกระส่ายแต่เพียงผู้เดียว

"ช่างเป็นคนที่รักษาคำพูดจริง ๆ"

หวงไป๋เฟิ่งนอนพลิกตะแคงมองหน้าด้านข้างของหลี่เหวินซาน ใบหน้าคมเข้มสันกรามชัดเจน คิ้วกระบี่พาดเฉียงเหนือดวงตาที่หลับสนิทโดยที่นางนั้นจดจำดวงตาอันคมดุ ทว่ากลับแฝงความอ่อนโยนเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ไล่สายตาลงมาที่จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากหยักหนา เครื่องหน้าของเขาคมเข้มถอดแบบท่านลุงหลี่หงจิ้นมิมีผิดเพี้ยน ร่างกายหรือก็สูงใหญ่กำยำล่ำสัน แม้มีอาภรณ์ปิดทับเอาไว้แต่นางคาดเดาได้จากสายตาตนเอง

"เฮ้อ... ข้านี่หวังอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย"

หวงไป๋เฟิ่งสะบัดศีรษะไล่ความคิดอันเพ้อเจ้อของตัวเองออกไป นางนอนดิ้นไปมาอยู่ราวหนึ่งก้านธูปจนกระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด เสียงลมหายใจของหญิงสาวดังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกว่านางนั้นได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเสียแล้ว

เมื่อคนข้างกายหลับ คนที่คิดว่าหลับไปนานก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น เขาหันไปมองสตรีที่พูดมากและไม่ระวังตัวเองด้วยความอ่อนใจ เด็กน้อยตัวอ้อนกลมในวันนั้นกลายเป็นฮูหยินข้างกายของเขาไปเสียแล้ว ทั้งนางยังเป็นโฉมสะคราญที่งดงามมากเสียด้วย

"น่าตีนัก!"

หลี่เหวินซานบ่นกับตัวเองเสียงเบา ภายในใจก็นึกไปถึงใบหน้าของสตรีที่ติดอยู่ในความทรงจำของเขามิรู้ลืม ก่อนที่เขาจะหลับไปอีกครั้งเช่นเดียวกับคนข้างกาย...

เช้าวันใหม่ในวันที่อากาศสดชื่นแจ่มใสในฤดูใบไม้ร่วง ร่างระหงของหวงไป๋เฟิ่งก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น นางค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองห้องที่ว่างเปล่านี้ด้วยความรู้สึกน้อยใจ เขาไม่อยู่แล้ว...

"ฮูหยินน้อย บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ" 

ชุนหลันที่ยืนอยู่หน้าห้องเอยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านใน 

"เข้ามาเถอะ" 

หลังจากเอ่ยคำอนุญาตชุนหลันก็เดินเข้ามาโดยด้านหลังมีสาวใช้กว่าสี่นางเดินเข้ามาด้วย พวกนางถืออ่างล้างหน้าและถืออาภรณ์ชุดใหม่เข้ามาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง 

"ฮูหยินใหญ่ส่งสาวใช้มารับใช้ฮูหยินน้อยเพิ่มเจ้าค่ะ ส่วนท่านแม่ทัพน้อยออกไปที่ลานฝึกยุทธ์ตั้งแต่เช้า บอกว่าจะกลับมาทานอาหารเช้าพร้อมกับฮูหยินน้อยแล้วค่อยไปคารวะน้ำชาที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ"

"งั้นหรือ" 

หวงไป๋เฟิ่งพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแล้วอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ตอนนี้นางได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลี่แล้ว การไปทำความรู้จักกับทุกคนย่อมถือว่าถูกต้อง ท่านลุงกับท่านป้านั้นนางพอจดจำได้อย่างรางเลือน แต่คนที่เหลือนั้นคงจะเปลี่ยนไปมากแล้ว เหมือนกับสามีของนางที่เปลี่ยนไปจนนางแทบจำเขาไม่ได้ในครั้งแรกที่สบตา

หลี่เหวินซานกลับมาหาหวงไป๋เฟิ่งในช่วงสาย เขาได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายมาแล้วที่ห้องด้านข้าง ทั้งสองนั่งทานอาหารเช้าร่วมกันเป็นครั้งแรก ท่าทีของเขาอ่อนลงให้กับหวงไป๋เฟิ่งกว่าเมื่อคืนไม่น้อย เขาทำราวกับนางเป็นน้องสาวที่เขาควรดูแลเอาใจใส่ให้สมกับความไว้วางใจของชินอ๋อง

"นี่เป็นอาหารที่ข้าให้พ่อครัวทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าจะถูกปากเจ้าหรือไม่" 

หลี่เหวินซานตักอาหารใส่ถ้วยของหวงไป๋เฟิ่ง นางยิ้มรับแล้วลองทานตามคำของเขา ดวงตาคู่สวยเป็นประกายเพราะอาหารจานนี้มีรสชาติที่นางชอบทาน

"อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ ข้าชอบมาก ขอบคุณนะเจ้าคะ" นางคลี่ยิ้มหวานด้วยความดีใจ

หลี่เหวินซานเผลอจ้องริมฝีปากที่คลี่ยิ้มของนางไปชั่วครู่  "เอ่อ... ถ้าชอบก็ทานเยอะ ๆ"

"ท่านพี่ก็ทานเยอะ ๆ ด้วยสิเจ้าคะ" 

เมื่อได้ทานของที่ชอบและอร่อยเช่นนี้ สีหน้าของหวงไป๋เฟิ่งพลันแจ่มใสขึ้นมาทันที นางเอาใจเขาเฉกเช่นที่เขาเอาใจใส่นาง นิ้วเรียวยาวคอยคีบอาหารใส่ในถ้วยของหลี่เหวินซานอย่างอารมณ์ดี

"พอได้แล้ว เจ้าก็ทานของเจ้าเถิด"

"เจ้าค่ะ"

หวงไป๋เฟิ่งคีบอาหารเข้าปากอย่างมีความสุข ต่อให้จะมีเรื่องทุกข์ใจแค่ไหน ขอแค่ได้ทานอาหารอร่อย ๆ ที่ชอบ นางก็สามารถลืมเลือนความทุกข์นั้นไปได้ ความสุขของนางนั้นเรียบง่ายนัก

ทั้งสองนั่งทานอาหารพลางพูดคุยไต่ถามเรื่องราวกันไปด้วย  "ท่านพี่จำคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้าได้หรือไม่เจ้าคะ" 

"สัญญาอะไรหรือ" คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถาม เขาเคยสัญญาอะไรกับนางด้วยหรือ เหตุใดเขาถึงจำไม่ได้เลย

"จำไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ เป็นเพียงคำสัญญาของเด็กน้อย ข้าเองก็จดจำไม่ค่อยได้แล้ว" 

หวงไป๋เฟิ่งเสทานอาหารต่อโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ส่วนหลี่เหวินซานก็ไม่ได้ซักถามนางต่อ เขานั่งทานอาหารต่อจนอิ่มแล้วจึงลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าหวงไป๋เฟิ่งก็อิ่มแล้วเช่นกัน

"วันนี้ต้องไปคารวะท่านพ่อกับท่านแม่ อาเฟิงกับเซียวเอ๋อร์ก็อยู่เดียว มีเพียงเพ่ยจูที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ นางแต่งงานออกเรือนไปที่แดนใต้ตั้งแต่ 3 ปีก่อนแล้ว อีกสองเดือนนางก็จะกลับมาเจ้าคงได้พบนางตอนนั้น"

"ท่านพี่เพ่ยจูแฝดผู้น้องของท่านพี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ"

"ใช่แล้ว เรารีบไปกันเถอะปล่อยให้ผู้ใหญ่รอจะดูไม่ดี"

"เจ้าค่ะ"

หลี่เหวินซานเดินนำหวงไป๋เฟิ่งไปยังเรือนใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า เรือนของเขาคือเรือนเล็กที่อยู่ด้านข้างของจวน เมื่อ 5 ปีก่อนเขาได้รับพระราชทานรางวัลเป็นจวนของตัวเอง แต่เขายังไม่อยากออกไปอยู่คนเดียวจึงยังอยู่ที่เรือนตระกูลหลี่ โดยที่แยกเรือนออกมาต่างหาก มีบ่าวไพร่ที่ต้องดูแลเป็นของตัวเอง

ทั้งสองเดินมาที่ห้องโถงหลักของเรือนใหญ่ เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับผู้อาวุโสทั้งสองนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประมุข ด้านข้างเป็นบุรุษหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกสลักกับสตรีนางน้อยที่กำลังอยู่ในช่วงวัยแรกแย้ม ทุกคนต่างหันมามองผู้มาใหม่ด้วยความสนใจ

"คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ"

"คารวะท่านลุงกับท่านป้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยหวงไป๋เฟิ่ง ท่านหญิงแห่งวังชินอ๋องในแดนเหนือเจ้าค่ะ"

"รีบลุกขึ้นเถิด ไม่ได้เจอกันนานท่านอ๋องกับพระชายาสบายดีหรือไม่" 

'หลี่หงจิ้น' นายท่านตระกูลหลี่ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ปกป้องแว่นแคว้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนสองส่วน 

"ท่านทั้งสองสบายดีเจ้าค่ะ เพียงแต่ยังต้องเฝ้าระวังด่านหน้าเพื่อมิให้คนจากแคว้นอู๋ลงมารุกรานได้เจ้าค่ะ ทั้งเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ยังฝากความคิดถึงมาให้ท่านลุงกับท่านป้าด้วยเจ้าค่ะ" 

"ได้ยินเช่นนั้นก็ดี เจ้าเดินทางมาไกลคงลำบากมิใช่น้อยเลยใช่หรือไม่" 

'มู่เสี่ยวชิง' ฮูหยินใหญ่ผู้เป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน แววตาของนางทอประกายเอ็นดูสะใภ้คนใหม่ยิ่งนัก

"ไม่ได้ลำบากอะไรเลยเจ้าค่ะ" 

หวงไป๋เฟิ่งคลี่ยิ้มหวาน นางรู้สึกโล่งใจที่ท่านลุงกับท่านป้ายังคงเอ็นดูนางไม่เสื่อมคลาย เช่นนี้ชีวิตในจวนตระกูลหลี่ของนางก็จะสงบราบรื่น 

"ดีแล้ว ต่อไปจะเรียกท่านลุงท่านป้าไม่ได้แล้วนะ เจ้าคือสะใภ้ของตระกูลหลี่เป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องเรียกท่านพ่อกับท่านแม่ เข้าใจหรือไม่เฟิ่งเอ๋อร์" มู่เสี่ยวชิงยิ้มบาง

"เจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่" หวงไป๋เฟิ่งเอ่ยขึ้นตามคำชี้แนะของผู้อาวุโส หัวใจของนางพลันรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก

"เอาล่ะ ๆ เดี๋ยวจะเลยฤกษ์มงคลไปพวกเจ้ารีบมายกน้ำชาเถิด" เป็นหลี่หงจิ้นที่เอ่ยขึ้น

"ขอรับ/เจ้าค่ะ"

หลี่เหวินซานกับหวงไป๋เฟิ่งรับถ้วยน้ำชาจากบ่าวรับใช้ ทั้งสองคุกเข่าอยู่ด้านหน้าของหลี่หงจิ้นและมู่เสี่ยวชิง ก่อนจะก้มศีรษะยื่นถ้วยน้ำชาเป็นการคารวะให้กับทั้งสองตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พ่ายรักฮูหยินตัวป่วน   บทที่ 9 หัวใจว้าวุ่น

    บทที่ 9หัวใจว้าวุ่นเย็นนั้นทั้งสองกลับจวนตระกูลหลี่ไปด้วยกัน โดยที่หลี่เหวินซานนั่งรถม้ากลับมาพร้อมกับหวงไป๋เฟิ่งด้วย ตลอดเส้นทางกลับจวนนั้นทั้งสองเอาแต่นั่งเงียบไม่มีใครเอ่ยปากเลย ต่างคนต่างจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง หลี่เหวินซานกำลังคิดว่าหรือว่าเขาจะยกเลิกการเดิมพันครั้งนี้ แต่เขาเป็นถึงแม่ทัพเอ่ยคำไหนก็ควรเป็นคำนั้น อีกอย่างจะได้ทำให้หวงไป๋เฟิ่งรู้ตัวว่าไม่ควรท้าประลองกับผู้ใด ถึงแม้ว่าครั้งนี้นางจะต้องใจยอมแพ้ก็เถิด มิรู้ว่าใจจริงของนางนั้นคิดเช่นไร 'เจ้าตั้งใจยอมแพ้เพื่อให้เจียงเฉียงได้หน้า หรือว่าต้องการอาบน้ำให้ข้ากันแน่?!'ส่วนหวงไป๋เฟิ่งก็กำลังนึกเสียใจที่ตัวเองยอมให้เจียงเฉียงชนะ ในตอนนั้นนางแค่คิดว่าควรจะให้เขาที่เป็นถึงรองแม่ทัพชนะนางเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหาร แต่ว่านางกลับลืมไปเสียสนิทว่าหากนางแพ้นั้นจะต้องอาบน้ำให้กับเขา 'เฮ้อ... ทำไม่ข้าถึงได้โง่เง่าเช่นนี้นะ เกิดมายังไม่เคยอาบน้ำให้ผู้ใดเลย!'คู่สามีภรรยาลอบมองอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ โดยที่ความคิดของพวกเขาจมอยู่กับการเรื่องการอาบน้ำ!"ถึงจวนแล้วขอรับ" หย่งคังเป็นผู้เอ่ยบอกคนที่อยู่ในรถม้า หลังจากรถม้าจอดห

  • พ่ายรักฮูหยินตัวป่วน   บทที่ 8 ชนะเดิมพัน

    บทที่ 8ชนะเดิมพันด่านแรกทั้งสองสามารถทำได้ดีถือว่าเสมอกัน ต่อไปจึงเป็นด่านที่สองที่จะต้องยิงผลผิงกั่วให้ได้อย่างน้อย 3 ลูก จาก 5 ลูก ครั้งนี้หวงไป๋เฟิ่งเป็นคนเริ่มก่อน นางยืดหลังตรงอย่างสง่างาม แล้วเล็งลูกธนูใส่ผลผิงกั่วที่ส่ายไปส่ายมาบนกิ่งไม้สูงที่ห่างออกไป 30 ผิง อย่างเยือกเย็นก่อนจะปล่อยลูกธนูให้พุ่งเข้าใส่ลูกผิงกั่วอย่างแม่นยำฟิ้ว ฉึก!หวงไป๋เฟิ่งสามารถยิงลูกผิงกั่วให้ตกลงพื้นได้ทั้งหมด สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่เฝ้ามองการยิงธนูของนาง เสียงตบมือพลันดังกึกก้องจากเหล่าทหารด้วยความชื่นชม"ฮูหยินน้อยช่างเก่งกาจนัก! สมแล้วที่เป็นบุตรีของชินอ๋อง" เจียงเฉียงเอ่ยชื่นชมจากใจจริง ตัวเขาเคารพผู้ที่มีฝีมือ แม้จะเป็นสตรีแต่เขาก็นับถือยิ่งนัก"รองแม่ทัพเจียงกล่าวชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ฝีมือของข้ายังอ่อนด้อยนักเมื่อเทียบกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่" "ถ่อมตัวเกินไปแล้ว" เป็นหลี่เหวินซานที่เอ่ยขึ้น เขามองดูนางด้วยความชื่นชมเล็กน้อย แต่คิ้วกลับกระตุกเมื่อเห็นนางส่งยิ้มให้กับรองแม่ทัพของเขาอยู่บ่อยครั้ง 'ไม่รู้จะยิ้มให้กันทำไมมากมาย ขัดหูขัดตานัก!'"ต่อไปก็ถึงคราวของข้าแล้วขอรับ" เจียงเฉียงก้าวไ

  • พ่ายรักฮูหยินตัวป่วน   บทที่ 7 การประลองยิงธนู

    บทที่ 7การประลองยิงธนูหลี่เหวินซานควบเจ้าต้าเฮยไปตามแนวป่าของค่ายทหาร โดยเขาใช้ความเร็วเจ็ดส่วนของเจ้าต้าเฮย เขาเองก็อยากจะพิสูจน์ว่าหวงไป๋เฟิ่งจะรู้สึกกลัวหรือไม่ ทว่านางกลับยิ้มร่าด้วยความชอบใจ ทั้งยังหันมาบอกให้เขาเพิ่มความเร็วเสียอีก หลี่เหวินซานมองสตรีที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดนางไม่เหมือนใครจริง ๆ ด้วย!"เจ้าต้าเฮยวิ่งได้เร็วแค่นี้หรือเจ้าคะ" นางเอี้ยวตัวหันมาถามคนด้านหลังขณะที่ม้าวิ่งด้วยความเร็วหลี่เหวินซานรีบจับเอวเล็กคอดของนางเอาไว้แน่นไม่ให้ขยับตัว พร้อมกับเอ่ยตำหนิเสียงเข้ม "อย่าขยับ ม้ากำลังวิ่งเดี๋ยวก็พลัดตกลงไปหรอก และใช่! เจ้าต้าเฮยวิ่งได้เร็วแค่นี้" เขาโกหกนาง"ม้าของเสด็จพ่อยังวิ่งเร็วกว่าเจ้าต้าเฮยอีกเจ้าค่ะ หรือเป็นเพราะท่านพี่ไม่ค่อยพามันออกไปวิ่งเล่นบ่อย ๆ กันแน่เจ้าคะ ทำให้ฝีเท้าของมันตกลงเช่นนี้""อาจจะเป็นเช่นนั้น"หลี่เหวินซานตอบเพียงแค่นั้น เขาหันกลับไปสนใจบังคับเจ้าต้าเฮยให้วิ่งกลับไปยังคอกม้าของตน เวลานี้หัวใจของเขาเริ่มจะไม่ปกติเสียแล้ว เพียงแค่ใกล้ชิดกับนางชั่วครู่กลับเริ่มทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ร่างกายอันนุ่มนิ่มและกล

  • พ่ายรักฮูหยินตัวป่วน   บทที่ 6 เจ้าต้าเฮยแสนพยศ

    บทที่ 6เจ้าต้าเฮยแสนพยศทั้งสองต่างจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร หลี่เหวินซานก็เป็นห่วงนางไม่อยากให้ถูกมองไม่ดีและกลัวจะเกิดอันตรายกับนางได้ ทว่าหวงไป๋เฟิ่งกลับมองว่าเขาต้องการกีดกันนางและเอ่ยวาจาจาบจ้วงไปถึงเสด็จพ่อ นางซึ่งเป็นบุตรสาวย่อมไม่ยอมให้ผู้ใดมาดูหมิ่นตัวเองและลามไปถึงเสด็จพ่อได้ การประลองครั้งนี้จึงได้บังเกิดขึ้น!"แต่ข้าคิดว่าแค่ประลองเฉย ๆ คงจะไม่สนุกเท่าไหร่นะเจ้าคะ""เจ้าต้องการอะไร""หากข้าสามารถเอาชนะทหารของท่านพี่ได้ ม้าเหงื่อโลหิตสีดำที่ผูกไว้ด้านข้างของเรือนข้าขอนะเจ้าคะ"ตอนที่นางเดินผ่านมาสะดุดตากับม้าเหงื่อโลหิตตัวนี้มาก ลำตัวแข็งแรงใหญ่โตสมบูรณ์น่าเป็นเจ้าของยิ่งนัก เสียดายที่มันมีเจ้าของอยู่แล้วซึ่งนางก็คิดว่าจะต้องเป็นสามีของนางอย่างแน่นอน เมื่อมีโอกาสจะได้ม้าตัวนี้มาครอบครองนางย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป"ไม่ได้! ม้าตัวนั้นมันพยศมาก มีแค่ข้าที่ขี่ได้เท่านั้น" หลี่เหวินซานส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย"แล้วถ้าข้าสามารถขี่มันได้ ท่านพี่จะยอมให้ม้าตัวนั้นมาเป็นของเดิมพันครั้งนี้หรือไม่เจ้าคะ""เจ้าเอาแต่พูดว่าตัวเองจะชนะ แล้วถ้าเจ้าแพ้ข้าจะได้อะไรเล่า" เขาย้อนถา

  • พ่ายรักฮูหยินตัวป่วน   บทที่ 5 เยือนค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์

    บทที่ 5เยือนค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์นับจากวันที่ได้แต่งงานเข้าจวนตระกูลหลี่ นี่ก็ล่วงเข้าสู่วันที่ 10 แล้ว หวงไป๋เฟิ่งได้รับการสั่งสอนจากมู่เสี่ยวชิงไม่น้อย ทั้งทำบัญชีของจวนโดยนางทำเฉพาะเรือนของตน ควบคุมดูแลกิจการร้านค้าต่าง ๆ ในเมืองหลวงที่อยู่ภายใต้ชื่อของหลี่เหวินซานทุกอย่างนางล้วนเคยฝึกปรือกับเสด็จแม่มาไม่น้อย ทำให้นางทำเรื่องทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อยจนได้รับคำชื่นชมจากมู่เสี่ยวชิง"วันนี้ไม่มีใครอยู่ที่จวนเลย เฟิ่งเอ๋อร์คงจะเหงามากใช่หรือไม่""ไม่เหงาเลยเจ้าค่ะ ได้พูดคุยกับท่านแม่ข้าสนุกมากเจ้าคะ" หวงไป๋เฟิ่งเอ่ยด้วยความจริงใจ การได้อยู่กับมู่เสี่ยวชิงทำให้นางได้ข้อคิดและได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายเลยด้วยซ้ำ ทั้งนางยังชอบฟังเรื่องเล่าของท่านแม่กับเสด็จแม่เมื่อครั้งยังไม่ได้แต่งงานด้วย สนุกยิ่งนัก!"เด็กดี วันนี้ก็ออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อยดีกว่า" มู่เสี่ยวชิงพยักหน้าให้กับชงเหยา นางเดินเข้ามาโดยถือกล่องอาหารที่อยู่ในตะกร้ายื่นส่งให้กับชุนหลังผู้เป็นสาวใช้ "นี่อะไรหรือเจ้าคะ""เป็นอาหารกลางวันของอาซาน เจ้าเอานี่ไปให้เขาที่ค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์เสีย ส่วนนี่เป็นป้ายผ

  • พ่ายรักฮูหยินตัวป่วน   บทที่ 4 คำเตือนของมู่เสี่ยวชิง

    บทที่ 4คำเตือนของมู่เสี่ยวชิงหลี่ฉิงเซียวมาที่ห้องรับรองแขกด้วยสีหน้าไม่ดีนัก แม้นางจะสนิทกับสหายผู้นี้แต่ใช่ว่านางจะยอมให้เสียทุกอย่าง ตัวนางถูกสั่งสอนจากท่านพ่อและท่านแม่เป็นอย่างดีย่อมพอคาดเดาได้ในใจถึงการมาของสหาย"ฮุ่ยผิง เหตุใดเจ้าถึงมาหาข้าที่จวนวันนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่านี่เป็นเรื่องไม่สมควรนัก""ขะ ข้าแค่คิดถึงเจ้าเท่านั้นเอง นี่ข้าก็เพิ่งกลับมาจากอารามนอกเมืองจึงเพิ่งทราบข่าวตอนที่มาถึงจวนของเจ้าแล้ว"'ชุนฮุ่ยผิง' บุตรีคนรองของเสนาบดีชุนกรมคลัง นางมีใบหน้างดงามหยาดเยิ้ม อายุเพียง 15 หนาวทว่าส่อเค้าความงามมิต่างจากผู้เป็นพี่สาวที่ล่วงลับไปแล้วเลย เพียงแต่นิสัยของนางค่อนข้างเอาแต่ใจมากไปเสียหน่อย ด้วยเป็นบุตรสาวคนเล็กที่มีแต่คนตามใจ คิดอ่านสิ่งใดก็ไม่รอบคอบนัก "ชุนฮูหยินไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าจวนของข้าเวลานี้ไม่สะดวกรับแขก""เหตุใดเจ้าถึงได้มาตำหนิข้าเช่นนี้เล่า ท่านแม่ข้าก็เอาแต่สวดมนต์ไม่รู้เรื่องภายนอกนักหรอก ส่วนข้าก็เพิ่งกลับมาแล้วรีบตรงมาหาเจ้าที่นี่เลย ทำไมหรือ... แค่เจ้ามีพี่สะใภ้คนใหม่ก็ลืมเลือนสหายเช่นข้าไปใช่หรือไม่ ฮึก ๆ น่าเสียใจแทนพี่สาวผู้โชคร้ายของข้ายิ่งนัก นางต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status