กว่าที่ฉู่หวางจะมายังห้องหอก็เป็นยามจื่อ (ประมาณห้าทุ่ม)ชายหนุ่มเดินตัวตรงเข้ามาในห้อง แม้จะดื่มเหล้าเข้าไปมาก แต่สติสัมปชัญญะยังคงแจ่มใส นางกำนัลที่รออยู่ข้างเตียงเป็นเพื่อนหยวนเพ่ย ยื่นถาดที่มีคันชั่งส่งให้ เขารับมันมา จากนั้นจึงใช้มันปัดม่านมุกให้พาดอยู่กับมงกุฎหงส์ เผยให้เห็นใบหน้างดงามของนาง ป
นับจากคืนแต่งงาน หยวนเพ่ยและฉู่หวางใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยาล่วงผ่านไปสองเดือน แม้ไม่มีสัมพันธ์ทางกาย แต่เขากับนางก็เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด อาจเป็นเพราะมีอุปนิสัยใจคอที่คล้อยตามไปในทิศทางเดียวกัน แม้มีบางเรื่องที่ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ทั้งสองก็ชี้แจงกันด้วยเหตุผล โชคดีที่ทั้งสองไม่ใช่คนอารมณ์ร้อ
เมื่อถึงยามกลางคืน หยวนเพ่ยก็ทำตามที่วางไว้ นางนั่งลงที่ข้างเตียง นวดนิ้วมือของอีกฝ่ายด้วยมือสลับกับปลอกนิ้ว ท่าทีเอาใจใส่ของนางทำเอาเขาอดปลื้มใจไม่ได้ “ดึงครั้งละยี่สิบครั้ง ดึงเบาๆ ไม่ต้องแรงนัก ทำแบบนี้ทุกวันอาการจะดีขึ้นเพคะ” หยวนเพ่ยว่า ขณะที่ใช้นิ้วนวดคลึงระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้
หยวนเพ่ยนั้นตื่นนอนตั้งแต่ย่ำรุ่ง นางหันไปมองเป็นอันดับแรกว่าบุรุษที่นอนอยู่เคียงข้างยังคงหลับสนิท นางจึงลุกออกจากที่นอนอย่าเงียบเชียบ แม้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศยังเย็นอยู่มาก นางจึงไม่ลืมที่จะสอดริมผ้าห่มเพื่อไม่ให้ลมหนาวเข้ามาได้หลังจากดูแลความเรียบร้อยของตนเอง ล้างหน้า สางผมเกล้ามวยเสียใหม่
เมื่อฉู่หวางตื่นมาในตอนเช้า ก็พบว่าหยวนเพ่ยปลุกเขาผิดเวลา แต่พอดีว่าวันนี้เขาแค่ไปยังฝ่ายหน้าเพื่อหารือกับฮู่ปู้ (ตำแหน่งการคลัง) เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงบประมาณของทหารในด่านเสินเยี่ย อีกทั้งยังไม่ถึงเวลานัด แต่กระนั้นเขาก็ยังต้องเร่งรีบด้วยนิสัยที่ตรงต่อเวลา ซึ่งหยวนเพ่ยก็ได้แต่คอยดูแลเสื้อผ้าเครื่องแ
“ฟู่หยวนเพ่ยน่ะหรือ? นางแต่งเป็นชายารองของฉู่หวางไปแล้ว มีเรื่องอันใดให้น้องหญิงกังวลหรือ?” เซียวซูเฟยเอ่ย ในขณะที่ที่เหลือลอบถอนใจด้วยระอาใจกับพฤติกรรมเสแสร้งของอีกฝ่าย รู้ทั้งรู้ว่าที่หยวนเพ่ยออกจากวังเพื่อเสกสมรสกับฉู่หวางนั้นเป็นเพราะผู้ใด ยังมาทำท่าทีสงสารเห็นใจอีก...ตบศีรษะจนระบมแล้วค่อยลูบหลั
ณ ตำหนักคุนหนิง ครานี้เงียบสงบ มีเพียงหวงไท่โฮ่วที่พินิจพิจารณาภาพวาดสาวงามหลายสิบภาพที่ทางเจ้ากรมพิธีการจัดหามาให้ จังหวะเดียวกับที่หวงตี้เสด็จมายังตำหนัก“ลูกถวายพระพรเสด็จแม่”“ลุกขึ้นเถอะ” หวงไท่โฮ่วยิ้มบาง “วันนี้ลมอันใดหอบฝ่าบาทมาหาแม่ได้เล่า”“ลูกคิดถึงเสด็จแม่จึงมาเยี่ยมพ่ะย่ะค่ะ” เขายิ้ม พล
“แต่นางก็ไม่ จึงกลั่นแกล้งให้หยวนเพ่ยพลาดงานเลี้ยงของเฉากุ้ยเฟยสินะ” หวงไท่โฮ่วยิ้มแย้ม จากคำบอกเล่า ละครโรงนั้นก็ช่างยิ่งใหญ่อลังการ ชวนให้นึกถึงตอนที่พระนางยังขับเคี่ยวกับบรรดาสนมต่างๆ ในสมัยสาวๆ จริงๆ นั่นละ“นั่นเป็นการเตือนของลูก ลูกอยากให้เสียนเฟยหยุดเพียงแค่นั้น ทว่านางกลับไม่ แม้ลูกจะให้หยวน
หยวนเพ่ยได้ฟังข้อหาใหม่เช่นนี้ยิ่งงุนงงหนัก “เขาไปล่วงเกินฝ่าบาทตอนไหนหรือเพคะ”“ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้า” เขาชี้มาทางนาง“หม่อมฉัน? ผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันเป็นแค่หรูเหริน เทียบเท่ากับตำแหน่งพระสนมขั้นไฉเหรินลำดับห้า ถ้านับตามยศแล้วหม่อมฉันย่อมต่ำชั้นกว่า หม่อมฉันจะคารวะเขาก่อนย่อมไม่แปลกเพคะ และที่เขาแตะ
หวงตี้จูงมือหยวนเพ่ยเข้ามายังสวนด้านใน สร้างความแตกตื่นให้แก่นางกำนัลที่พบเห็นไม่น้อย หยวนเพ่ยเองก็ไม่กล้าทำอะไรรุนแรง หนึ่ง ด้วยนางกำลังครรภ์แก่ใกล้คลอด สอง อีกฝ่ายเป็นถึงหวงตี้ ตอนนี้สถานการณ์ในจวนก็ย่ำแย่พอแล้ว ถ้าเกิดนางเผลอพลั้งมือซัดหวงตี้สลบเหมือนตอนสยบท่านข่านด้วยขากวาง เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างไม่มั่นคงและทุกข์ทรมานที่สุดนับตั้งแต่หยวนเพ่ยรู้จักวิธีหายใจ รายงานอาการบาดเจ็บของฉู่หวางที่ถูกส่งมาสัปดาห์ละสองฉบับนั้น แต่ละครั้งล้วนเป็นรายงานที่ไม่อาจนับได้เต็มปากว่าเป็นข่าวดี ถึงแม้เขาจะพ้นขีดอันตราย แต่ร่างกายของเขาก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะส่งตัวกลับมายังซีหนิงได้ ทำให้หยวนเ
หยวนเพ่ยได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวไม่อยู่ โชคดีที่มีหยุนรุ่ยกับเมิ่งหลานช่วยประคอง และมีหยวนหลี่ผู้เป็นมารดาบีบมือบุตรสาวไว้แน่น แล้วเอ่ยเบาๆ“ใจเย็นๆ ฟังให้จบก่อน”หญิงสาวได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนั้นก็พยักหน้า นางสูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ย“เรื่องเป็นมาอย่างไร”อู่จี๋หอบหายใจครู่หนึ่งจึงกัดฟันเอ่ยต่อ“เมื่อวั
สองเดือนหลังจากนั้น หยวนเพ่ยก็ได้รับข่าวดีว่าทัพของฉู่หวางได้รับชัยชนะ บัดนี้อยู่ในค่ายของซีซย่า คาดว่าอีกสามวันถึงจะเดินทางกลับสู่ซีหนิงหญิงสาวที่ได้ยินข่าวดีเช่นนี้ก็ให้เบาใจ นางในตอนนี้อายุครรภ์เจ็ดเดือน แต่ครรภ์กลับใหญ่โตอุ้ยอ้ายยิ่ง จะนั่งก็ลำบาก จะยืนก็ปวดขา ขนาดหยวนหลี่ผู้เป็นมารดายังอดทักไม
ย้อนกลับมาปัจจุบันฉู่หวางรู้ดีว่าพระเชษฐาของตนเป็นบุรุษที่ไม่เคยทำให้ผู้อื่นสมความปรารถนาได้โดยที่คนผู้นั้นไม่ทำสิ่งใดให้ ดังนั้นสิ่งที่ฉู่หวางต้องตอบแทนคือการปราบปรามความสงบในชายแดนซีหนิงที่มีพวกทั่วป๋าและทังกุสออกอาละวาด ชายแดนซีหนิงสงบเมื่อใด สารแต่งตั้งหยวนเพ่ยเป็นหวังเฟยจะส่งถึงมือเขาทันทีหยว
คืนนั้นหวงตี้มาค้างยังตำหนักของซูเฟย เนื่องจากโปรดองค์หญิงเมี่ยวอวิ๋น ธิดาที่ประสูติจากซูเฟย บัดนี้พระชนมายุเกือบหกเดือน น่ารักน่าชังยิ่งนัก ดังนั้นเมื่อพอมีเวลา พระองค์จะมีรับสั่งให้นำฎีกาส่วนหนึ่งที่ยังสะสางไม่เสร็จจากห้องทรงพระอักษรไปยังตำหนักซูเฟย พระองค์โปรดเล่นหยอกเย้ากับพระธิดาตัวน้อยพร้อมส่ง
ย้อนกลับไปยังพระราชวังต้าหมิงกง ฉางอัน หลายเดือนก่อนหน้าในวังหลวง กระแสแห่งยศศักดิ์ขึ้นลงรุนแรงราวกระแสน้ำหลาก เฉากุ้ยเฟยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นหวงโฮ่ว แต่งตั้งองค์ชายจื่อหยวนเป็นหวงไท่จื่อ [1]มีกำหนดการสถาปนาในอีกสี่เดือนข้างหน้า บัดนี้ตำแหน่งโซ่วคังของเฉากุ้ยเฟยคึกคักเป็นอย่างยิ่ง ของขวัญแสดงความ
หลังจากกลับมายังซีซย่า ฉู่หวางก็ส่งจดหมายไปยังเมืองหลวง ขอพระบรมราชานุญาตจากหวงตี้ขออยู่ที่ซีหนิงต่ออีกหนึ่งปี จนกว่าหยวนเพ่ยจะคลอดและแข็งแรงพอที่จะกลับไปยังฉางอัน ถ้ามีเอกสารอันใดเร่งด่วน ขอให้ใช้ม้าเร็วส่งเอกสารมาหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราชโองการอนุญาตก็ส่งมาถึง พร้อมทั้งทองคำและแพรพรรณวิจิ