หลังจากที่รู้ว่าเหวินเจิ้งโกรธกัน เหม่ยอิงก็ต้องล้มเลิกการไปงานเลี้ยงในคืนนี้แล้วหาวิธีง้อสามีแทน
“คุณเหวินล่ะ?” เธอเอ่ยถามหลันที่เพิ่งลงมาจากชั้นสอง “กำลังพาคุณหนูจูเข้านอนค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณหนูเหม่ยต้องไปงานเลี้ยงอีกคืนใช่ไหมคะ? งั้นให้ฉันช่วยเตรียมชุดดีไหมคะ” เหม่ยอิงส่ายศีรษะก่อนตอบ “ไม่ไปแล้วล่ะ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” ถึงจะงง ๆ แต่หลันก็ยอมค้อมศีรษะรับคำสั่ง เมื่อคล้อยหลังสาวใช้คนสนิทไปแล้ว เหม่ยอิงก็พรูลมหายใจและครุ่นคิดกับตัวเอง เธอควรจะเอาใจเหวินเจิ้งอย่างไรดี? คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวรู้ว่าหากสามีกำลังกล่อมลูกนอนก็คงจะใช้เวลาสักพักหนึ่ง ในระหว่างนี้เธอก็เลยกลับเข้าห้องนอนใหญ่ ในโซนสำหรับไว้แต่งตัวนั้นยังพบชุดที่ลี่ถิงเตรียมไว้ให้สำหรับงานคืนนี้ “ดูท่าแกคงต้องกลับไปนอนในตู้อีกครั้งแล้วล่ะ” เสียงหวานว่าแกมหัวเราะเจื่อน ๆ ทว่าในตอนที่กำลังเก็บชุดนั้น เหม่ยอิงก็ต้องผงะไปเมื่อเจอของที่อยู่ด้วยกัน มันคือชุดชั้นในลูกไม้เข้าเซ็ท พร้อมกับถุงน่องสีดำ… ร่างขาวเม้มปากแน่น ปลายนิ้วเรียวยังแตะอยู่ที่ดีเทลของลูกไม้ในผ้าผืนบางนั้น ในใจก็เริ่มครุ่นคิดไปเรื่อย ก่อนดวงตากลมโตจะเบือนไปทางกระจกที่อยู่ข้างกัน เหม่ยอิงมองเรือนร่างตัวเองที่สะท้อนอยู่ในนั้น เธอสูดลมหายใจลึก นวลแก้มแดงก่ำเมื่อในสมองจินตนาการตัวเองในชุดบาง ๆ หัวใจพลันเต้นระส่ำขึ้นมาทันที กระนั้น…เหม่ยอิงคิดว่าคืนนี้เธอจะง้อสามีด้วยตัวเอง… เจินจูหลับปุ๋ยในอ้อมแขนแข็งแรงของผู้เป็นพ่อ เหวินเจิ้งเห็นดังนั้นจึงห่มผ้าและโน้มตัวลงหอมหน้าผากลูกสาวเบา ๆ เมื่อส่งเจินจูเข้านอนเรียบร้อยจึงย้ายตัวเองออกมาด้านนอก เขาพับแขนเสื้อขึ้นในระหว่างที่เดินกลับห้องของตัวเอง ป่านนี้เหม่ยอิงคงกำลังเตรียมตัวไปงานเลี้ยงอยู่กระมัง… พอคิดก็หงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ทว่าเมื่อเปิดประตูเข้าห้องนอนมาแล้วร่างสูงก็ถึงกับผงะ เพราะสิ่งแรกที่รับรู้ได้คือกลิ่นหอม ๆ ลอยฟุ้งมาตามอากาศ “อาเหม่ย?” เสียงทุ้มร้องเรียกภรรยาเป็นอย่างแรก แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ ครั้นเดินเข้าไปอีกนิดก็ยิ่งแปลกใจ เพราะตามทางเดินเรียงรายไปด้วยเทียนหอมของแบรนด์ดัง “เหม่ยอิง” เขาลองเรียกอีกครั้ง คราวนี้ได้ยินเสียงขานรับอยู่ในห้องอาบน้ำ เหวินเจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ก้าวไปทันที ด้วยความกังวลว่าภรรยาเป็นอะไรหรือเปล่า “อาเหม่ย เกิดอะไรขึ้-” คำถามถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อดวงตาคมประสานสายตากับคนที่รออยู่ในนั้น เหวินเจิ้งชะงักค้าง ก่อนค่อย ๆ ไล้สายตาลงต่ำตามเรือนร่างเย้ายวน เหม่ยอิงเอนกายพิงอ่างล้างหน้า เธออยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวของสามีที่ยามนี้เปียกเล็กน้อย จากละอองน้ำนั้นทำให้เห็นร่างบางในชุดชั้นในลูกไม้สีดำสนิท ซึ่งเปียกชื้นและแนบชิดไปกับผิวขาวเนียนกระทั่งมองเห็นสัดส่วนได้ทั้งหมด เรียวขาสวยสวมถุงน่องตาข่ายสีดำที่ไล่ตั้งแต่ปลายเท้าไปจนถึงโคนขา ผิวขาวผ่องตัดกับสีดำอย่างชัดเจน เหวินเจิ้งมองภาพนั้นนิ่งงัน กระทั่งเหม่ยอิงค่อย ๆ ขยับกายเข้ามาหา ผมสีหม่นเคลื่อนตามจังหวะ คลอเคลียไปกับต้นแขนยิ่งทำให้คนมองตกอยู่ในภวังค์ “คุณอยากอาบน้ำกับอิงไหม?” น้ำเสียงรื่นหูเอ่ยเชื่องช้า เหวินเจิ้งเลียริมฝีปาก ดวงตาเข้มขึ้นจนเป็นประกายดุดัน ยิ่งเข้ามาใกล้ก็ยิ่งทำให้เห็นทรวดทรงของภรรยามากขึ้น กระดุมเสื้อถูกปลดลงสองเม็ด เผยให้เห็นหน้าอกขาวเนียนที่สวมชั้นในลูกไม้อย่างเย้ายวน เหวินเจิ้งยิ่งไม่อาจละสายตา ทั้งความยาวของเสื้อที่ปิดได้เพียงหมิ่นเหม่ ยามขยับตัวทีนึงก็เห็นไปถึงไหนต่อไหน “อ๊ะ” ทันทีที่อยู่ในระยะให้เหวินเจิ้งคว้าได้ถึง ร่างสูงไม่รอช้า มือหนาตวัดเอวบางมาไว้ในอ้อมแขน สายตาที่มองกันอยู่นั้นเต็มไปด้วยมวลอารมณ์ “อาเหม่ยกำลังเล่นอะไรอยู่หืม? ทำแบบนี้จะยิ่งไปงานสายนะรู้ไหม” เสียงต่ำกระซิบพร่าอยู่ข้างหู เหม่ยอิงกัดริมฝีปากแน่นเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของสามีที่รินรดตรงซอกคอ “อะ อิงไม่ได้เล่นสักหน่อย” “…” “เสื้ออิงเปียกหมดแล้ว…คุณอยากถอดให้หรือเปล่า” ทันทีที่จบประโยคคล้ายคำถามนั้น ร่างบางก็ถูกผู้เป็นสามีดันจนแผ่นหลังแนบชิดไปกับผนังห้องน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาประกบจูบกันทันที ราวกับมีไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วร่าง เหม่ยอิงหลับตาลง ก่อนจะอ้าปากรับปลายลิ้นชื้นของสามีที่แทรกเข้ามา ในขณะที่ฝ่ามือหนาก็ลูบไล้ไปทั่ว เหวินเจิ้งค่อย ๆ เกี่ยวชายเชิ้ตเสื้อขึ้น พลันก็ต้องคำรามในลำคอเมื่อได้เห็นชุดชั้นในที่อีกคนสวมใกล้ ๆ “อ่า…เธอนี่มัน” “อ๊ะ!” “ช่างหัวงานเลี้ยงนั้น แล้วอยู่ให้เหล่ากงเอาเธอจนเช้าดีกว่าไหม” คำถามตรงไปตรงมาทำเอาคนฟังหน้าแดงแปร๊ด ทว่าเหม่ยอิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะความตั้งใจของเธอก็ไม่ได้ต่างจากคำพูดของเหวินเจิ้งเท่าไรนัก มือเรียวยกขึ้นลูบแผ่นอกสามีแทนคำตอบ ปลายนิ้วเรียวก็ค่อย ๆ ตวัดกระดุมเชิ้ตของเหวินเจิ้งไปพลาง ส่วนดวงตากลมโตก็ช้อนมองสามีอย่างออดอ้อน เหวินเจิ้งดุนลิ้นไปกับข้างแก้ม ความอึดอัดจากส่วนนั้นค่อย ๆ เพิ่มขึ้น แค่เห็นภรรยาขยับตัวนิดหน่อยก็ทำเขามีอารมณ์ได้ไม่ยากเย็น อยากจะจับคนดื้อมาฟัดให้สาแก่ใจ “อา” เสียงทุ้มหลุดคำราม เมื่อเหม่ยอิงสามารถปลดกระดุมเขาออกได้เรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็ขยับมาใกล้ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงจูบที่แผ่นอกเปลือยเปล่าหนึ่งครั้ง “ครั้งนี้อิงขอทำให้” “…” “นะคะ” คำพูดออดอ้อนเปล่งออกมาอีกครั้ง เหวินเจิ้งไม่ได้ตอบรับ แต่สายตาที่จดจ้องภรรยาอยู่นั้นก็ดูจะเชื้อเชิญเต็มที่ เหม่ยอิงค่อย ๆ กดใบหน้าลงอีกครั้ง คราวนี้ปากอิ่มอ้าออกพลางตวัดลิ้นเลียลงที่จุกนมสีเข้ม กระทั่งคนโดนกระทำเผลอเกร็งจนหน้าท้องปรากฏเป็นลอนกล้ามชัดเจน เหวินเจิ้งขบกรามแน่นและมองภาพนั้นไม่วางตา “อื้อ” คนงามครางผะแผ่ว เมื่อจู่ ๆ ก็โดนฝ่ามือหนาเอื้อมไปบีบบั้นท้ายตนอย่างทนไม่ไหว “คุณเหวินอยู่เฉย ๆ” “เธอสั่งเฮียหรือ?” “อื้อ อิงสั่ง” “ได้ค่ะทูนหัว” ไม่มีคำว่าดุด่าหรือไม่พอใจที่โดนกดให้อยู่ต่ำกว่าภรรยา เพราะเหวินเจิ้งยามนี้นั้นทั้งเทิดทูนและให้ภรรยาอยู่เหนือกว่าใคร เหม่ยอิงกัดปากเบา ๆ เมื่อได้ยินสรรพนามที่ไม่คุ้นเคย แต่เธอก็ไม่ได้ต่อความยาวอะไรอีก เพียงแค่ค่อย ๆ เล้าโลมสามีด้วยรอยจูบหวาน ๆ นี้ไปทั่วร่างกายกำยำ และเห็นได้ชัดจากเสียงครางทุ้มนั้นว่าเหวินเจิ้งนั้นพึงพอใจแค่ไหน มือขาวค่อย ๆ ลากลงต่ำเรื่อย กระทั่งถึงขอบกางเกงเนื้อดีของสามี เหม่ยอิงช้อนตามองเขาครู่หนึ่ง พอเห็นเหวินเจิ้งเลียริมฝีปากจ้องตัวเองอยู่ก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว “ดะ เดี๋ยวนะ” “มีอะไร หืม?” เขาเลิกคิ้วถาม พลันก็ต้องผงะไปเล็กน้อย เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาเหม่ยอิงนั้นขยับตัวไปหยิบอะไรบางอย่างจากกล่องหน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า “อาเหม่ย” มันคือผ้ากำมะหยี่สีดำผืนหนึ่ง… “คุณเหวิน…ก้มลงมาสิ” “เธอจะทำอะไร หืม?” เขาลองถาม ทั้ง ๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจ “อิงขอปิดตาคุณ…ได้หรือเปล่า” “…” “หรือคุณไม่ชอบ-” “หึ ชอบมากจนอดทนรอดูเธอเล่นซนไม่ไหวแล้วค่ะ” ประโยคนั้นพูดจบเหวินเจิ้งก็โน้มใบหน้าให้ภรรยาทำได้ตามใจ เหม่ยอิงเม้มปากแน่น แต่ก็รีบใช้ผ้าปิดตาสามีไว้ทันที “อา อุตส่าห์ใส่ลูกไม้แต่ไม่ให้เฮียมอง เธอไม่คิดว่ามันทรมานกันเกินไปหรือ?” เขาถามเสียงพร่า มุมปากยกยิ้มนิด ๆ เหมือนพอใจที่ได้แหย่ภรรยา แต่วินาทีต่อมาดันเป็นเขาเสียเองที่เป็นฝ่ายโดนเอาคืน “เหม่ยอิง?” เพราะมือเรียวของคนตัวบางค่อย ๆ จับมือเขาลูบไล้ไปตามขอบชั้นในของลูกไม้นั้น ด้วยความที่ถูกปิดตาก็ยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนขึ้น “อึก…แบบนี้ดีกว่าจริงไหม” คนถามถามเสียงสั่น “อา เล่นให้สนุกเลยค่ะ ถึงคราวเฮียเมื่อไหร่เราค่อยว่ากัน” เหวินเจิ้งเอ่ยคาดโทษ เขาขบกรามจนขึ้นเป็นสันอยู่หลายครั้ง ทั้งยังพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้กระชากผ้าปิดตานี้ออกแล้วจับแม่ตัวดีมากระแทกให้ร้อง เหม่ยอิงกลืนน้ำลายลงคอ ทว่าก็ต้องการเอาใจสามีมากขึ้น เธอจึงค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทั้งหมด ก่อนจะถอดมันทิ้งอย่างไม่ไยดี “ตะ ตรงนี้ก็ลูกไม้นะ” มือหนายังคงลูบไล้ไปมา จนเลื่อนต่ำถึงกางเกงในตัวจิ๋วที่ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นแค่วับแวม เพียงแค่ฝ่ามือร้อนของเหวินเจิ้งพาดผ่านเบา ๆ คนงามก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที “แฉะหรือยัง” คำถามหยาบโลนถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง เหม่ยอิงครางเบา ๆ แทนคำตอบ แล้วก็ต้องบีบมือลงที่บ่ากว้างแน่น เมื่อจู่ ๆ เหวินเจิ้งใช้ก้านนิ้วยาวแหวกชั้นในเข้ามาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว ปลายนิ้วเลื่อนผ่านกลีบฉ่ำแฉะ บัดนี้เต็มไปด้วยน้ำหล่อลื่นจากแรงอารมณ์ พลันริมฝีปากของประมุขตระกูลไท่ก็กระตุกยิ้มขึ้นมา “แฉะขนาดนี้ เธอรอแกล้งเฮียไหวหรือ?” “อึก คุณเหวินเอามือออก อ๊ะ อย่ากดแบบนั้น” “เธอแน่ใจที่ให้เฮียเอาออก? ไม่ใช่อยากให้กระแทกเข้าไปหรอกหรือ?” เหม่ยอิงกัดปากจนแดงเรื่อ แต่เพราะตั้งใจว่าจะเป็นฝ่ายง้อสามีจึงเป็นฝ่ายบดเบียดตัวเข้าไปหา เหวินเจิ้งยอมละมือออก เพราะอยากรอดูว่าคนดื้อจะทำอะไรตนอีก ทว่าอยู่ดี ๆ เหม่ยอิงก็โน้มท้ายทอยเขาให้ลงไปรับจูบ พลางค่อย ๆ ดันแผ่นอกให้เหวินเจิ้งเดินถอยหลังออกจากห้องอาบน้ำ ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาหยุดที่ปลายเตียง ริมฝีปากยังไม่ละกันไปไหน เสียงน้ำลายฉ่ำแฉะดังแข่งกับเสียงของเครื่องปรับอากาศ “อื้อออ” เสียงหวานหลุดร้อง เมื่อโดนผู้เป็นสามีบีบหน้าอกผ่านชั้นในแบบเต็มมือ คราวนี้เหม่ยอิงดันให้เขานอนลงบนเตียง ส่วนตัวเองก็ก้าวขึ้นมานั่งทับที่ตักแกร่ง “เฮียอยู่แบบนี้ไม่ค่อยถนัด ถอดผ้าปิดตาออกไม่ได้หรือ?” “ไม่ได้ อ๊ะ คุณเหวินห้ามถอด” เสียงหวานขู่แง้วเหมือนแมวพองขน เหวินเจิ้งจึงทำได้เพียงนอนรอและรับฟังคำสั่งจากภรรยาก็เท่านั้น คราวนี้คนงามเริ่มเล้าโลมเขาอีกครั้ง เหม่ยอิงกดหน้าลงประทับรอยจุมพิตไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้องกำยำ ดูดเม้มจุกนมสีเข้มของสามีจนเขาครางต่ำ ก่อนที่ในนาทีต่อมา มือซุกซนจะเลื่อนลงไปดึงขอบกางเกงของอีกฝ่าย กระทั่งแก่นกายที่กำลังแข็งชันปรากฏสู่สายตา เหม่ยอิงลอบกลืนน้ำลาย ลมหายใจติดขัดเล็กน้อยยามเห็นส่วนนั้นของสามี “หะ ห้ามดึงผ้าปิดตาออกนะ” เหวินเจิ้งหลุดหัวเราะแผ่ว ครั้นได้ยินคำสั่งเช่นนั้น เขาไม่ได้ตอบรับ ทว่ามือหนาก็ลูบไล้บั้นเอวคอดไปมาจนเหม่ยอิงสั่นสะท้าน คนงามขยับตัวไปด้านหลัง กระทั่งฝ่าเท้าที่สวมถุงน่องสัมผัสกับแก่นกายแข็งขืนจนเหวินเจิ้งกัดฟันกรอด ยิ่งปิดตาก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้น ทั้งกลิ่นหอมอบอวลในห้อง ทั้งสัมผัสที่ไม่ว่าภรรยาจะแตะตรงไหนก็ทำให้รู้สึกมากเกินไปเสียทุกส่วน เหม่ยอิงขยับเท้าขึ้นลงตามความยาวส่วนนั้นของสามี ถุงน่องตาข่ายครูดไปมาจนร่างสูงสูดปากเสียงต่ำ เหวินเจิ้งเริ่มหอบหายใจถี่ เหม่ยอิงที่เห็นเช่นนั้นก็เล่นซนมากขึ้น ฝ่าเท้าขาวภายใต้ถุงน่องขยี้ไปที่หัวมนแดงก่ำของสามีที่ยามนี้ปริ่มน้ำฉ่ำแฉะ “ซี๊ด ใครสั่งใครสอนให้เธอทำแบบนี้กันหืม” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสั่นเครือของแรงอารมณ์ “ก็คุณโกรธอิง” “…” “อิง…อิงก็เลยง้อ” จบประโยคนั้นร่างสูงถึงกับทนไม่ไหว เหวินเจิ้งดึงฝ่าเท้าของภรรยาไว้ ก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วโน้มใบหน้าลงจูบที่ข้อเท้าเธออย่างหวงแหน ถึงแม้โดนปิดตาก็ยังสามารถทำได้ “ดูท่าคงต้องหาเรื่องมาโกรธเธอเพิ่มเสียแล้ว” “อ๊ะ!” “ง้อแบบนี้บ่อย ๆ นะคะ เฮียชอบ” เหม่ยอิงค่อย ๆ ดันตัวเองกลับมานั่งทับบนหน้าท้องของสามีอีกครั้ง เอวบางขยุกขยิกไปมา จากที่ต้องการเอาใจเหวินเจิ้ง ตอนนี้กลับเป็นเธอเองที่เริ่มทนไม่ไหว “อ๊ะ” เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง เหวินเจิ้งยังโดนปิดตาอยู่จึงไม่รู้ว่าภรรยากำลังทำอะไร ทว่าความเปียกชื้นแถวหน้าท้องของเขานั้นก็ทำให้จินตนาการไปได้ไหนต่อไหน เหม่ยอิงอ้าขากว้าง ชั้นในถูกแหวกออกแล้วโดนนิ้วเรียวของหญิงสาวแทรกเข้าไป เหม่ยอิงค่อย ๆ ใช้นิ้วบรรเทาความคับแน่นส่วนนั้นด้วยตัวเอง เสียง แจ๊ะ แจ๊ะจากน้ำภายในยิ่งทำให้คนที่ถูกปิดตาอยู่ขบกรามแน่น “อาเหม่ยอิง” “มันแน่นจัง ฮื่ออ คุณเหวิน นิ้วมันขยับยาก” “แม่งเอ้ย” เสียงทุ้มสบถอย่างหัวเสีย ทั้งทรมานทั้งอึดอัดจนแก่นกายปวดหนึบ เหวินเจิ้งพยายามจะใช้มือช่วยภรรยาทว่าก็โดนปัดออก “อิงบอกว่า อ๊ะ ให้อยู่เฉย ๆ ไง” “ก็เธอมาช่วยตัวเองบนตัวเฮีย จะให้อยู่เฉย ๆ ไหวหรือ?” “อื้อออ เสียวจัง คุณเหวิน” คนโดนเร้าพรูลมหายใจยาว ยามนี้เขารับรู้แค่ความเปียกชื้นที่หน้าท้อง เสียงของกิจกรรมอย่างว่า และเสียงครางหวานของภรรยาที่สลับกัน แต่แค่นั้นก็ทำให้เหวินเจิ้งมีอารมณ์ถึงขีดสุด ร่างกายร้อนรุ่มจนต้องส่งมือหนาไปกอบกุมท่อนลำร้อนผ่าวของตน “อา” แค่แตะเบา ๆ ส่วนนั้นก็กระตุกหงึก เหม่ยอิงที่เห็นดังนั้นจึงดึงมือสามีออก ก่อนขยับกายไปใกล้ ถดสะโพกให้ถูไถไปตามท่อนลำใหญ่โตของสามี กระทั่งทั้งสองร่างสั่นระริก “อูย” “ซี๊ด…” ความต้องการมันท่วมท้น เพียงแค่สัมผัสนิดหน่อยก็เหมือนจะเสร็จสมเสียให้ได้ เหม่ยอิงขาสั่นระริก ช่องทางตอดตุบราวกับต้องการอะไรที่ใหญ่กว่านิ้วตัวเองมาเติมเต็ม ร่างขาวยกสะโพกขึ้น เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย บั้นเอวค่อย ๆ กดลงจนสามารถสอดใส่ส่วนหัวของแก่นกายฉ่ำเยิ้มนั้นมาภายในได้ วินาทีนั้นเหวินเจิ้งหลุดครางต่ำ ในขณะที่เหม่ยอิงก็เกร็งท้องด้วยความเสียดเสียว “ใหญ่จัง อ๊ะ แน่นกว่านิ้วอิงอีก ฮื่ออ” คนงามครางเพ้อ ดวงตาก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำ “แล้วชอบหรือเปล่า คับรูแบบนี้เหล่าโผชอบไหม?” “ชอบ อึก…อิงชอบ” คำพูดลามกยิ่งทำให้อารมณ์คนทั้งคู่สูงขึ้น ท่อนลำก็ค่อย ๆ คับตึงเต็มรูหวาน กระทั่งเหม่ยอิงสามารถควบขี่แก่นกายแข็งขืนของสามีได้ทั้งหมด เธอตัวสั่นระริก ไม่ต่างจากเหวินเจิ้งที่ขมวดคิ้วแน่น มันเสียวซะจนบรรยายได้ไม่เป็นคำ “อ๊ะ อ๊า” เอวบางเริ่มขยับไปมาอย่างทนไม่ไหว ส่วนนั้นตอดรัดแน่น ทั้งนุ่มและร้อนจนเหวินเจิ้งยั้งตัวเองไม่อยู่ เขาเผลอสวนเอวขึ้นจนเหม่ยอิงหวีดร้องเสียงหลง “ซี๊ด กะจะรัดกันให้ตายเลยหรือไง” “อ๊า เบาหน่อย คุณเหวินเบาหน่อย!” “รังแกเด็กดื้อ” ว่าจบก็ได้ยินเสียงเนื้อกระทบดังลั่น เหม่ยอิงศีรษะโยกไปตามจังหวะ เธอยันมือไปกับหน้าท้องสามี ถึงกระนั้นก็ยังพยายามบดเอวเข้าสู้ “อิงจะง้อ ให้อิงทำ…อ๊า” คนงามยังพยายามเปล่งเสียงสุดฤทธิ์ เหวินเจิ้งที่ฟังดังนั้นหลุดหัวเราะแผ่ว ก่อนจะยอมให้ภรรยาเป็นคนคุมอีกครั้ง “ตามใจทูนหัวค่ะ” เหม่ยอิงกัดปากแน่น ในรูยังรู้สึกคันยิบไม่หาย คราวนี้มือเรียวยอมยื่นไปปลดผ้าปิดตาของสามีออก ในจังหวะนั้นเหวินเจิ้งก็กระพริบช้าเชื่องช้า กระทั่งปรับโฟกัสได้ ภรรยาของเขากำลังคร่อมทับกันอยู่ ปากแดงเรื่อเผยอออกน้อย ๆ ดวงตากลมโตฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำ แต่แค่นั้นยังไม่ทำให้เหวินเจิ้งสติหลุดได้เท่ากับในตอนที่เขาเลื่อนสายตาลงต่ำ เพราะภาพตรงหน้าคือเหม่ยอิงที่แหวกกางเกงในไปด้านข้าง ส่วนนั้นกลืนกินท่อนลำเขาจนมิด เรียวขาขาวสวมถุงน่องกำลังขยับควบไปบนตัวอย่างเย้ายวน เหวินเจิ้งกัดฟันแน่น เขาจ้องภรรยาอย่างร้อนแรงเสียจนเหม่ยอิงหน้าแดงก่ำ ทว่าก็ยังพยายามจะเอาใจสามีมากขึ้น “ละ…เหล่ากง” เพียงเท่านั้นก็ทำให้คนที่มีความอดทนอยู่นานขาดสะบั้น เหวินเจิ้งประคองเอวบางไว้ ก่อนจะออกแรงเสยสะโพกขึ้นไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งเหม่ยอิงยกมือดันหน้าท้องเขาไว้เพราะความจุก “ดะ เดี๋ยว-” “เฮียให้เธอเล่นสนุกพอแล้วค่ะ คราวนี้เหล่ากงขอเอาเธอแรง ๆ ให้รูน้อย ๆ นี้หายคันดีหรือเปล่า” “อ๊า!” ไม่ทันให้ได้ตอบรับก็โดนสามีรั้งเอวไว้แน่น แรงกระแทกทำให้เหม่ยอิงตัวสั่นคลอน ดวงตาเลื่อนลอยด้วยความเสียวมากกว่าจะรับไหว เหวินเจิ้งลูบแผ่นหลังบางคล้ายอยากปลอบใจ ทว่าส่วนล่างกลับขยับในทางตรงกันข้าม ทั้งรัวเร็วและเน้นย้ำจนคนงามหายใจไม่ทัน เหม่ยอิงได้แต่ซบตัวลงที่แผ่นอกสามี ปากอิ่มส่งเสียงครางหวานซ้ำไปมา “แฮ่ก ลึกจัง มันเข้ามาลึกจัง” คนงามยังหลุดพูดเร้าโดยไม่รู้ตัว ยิ่งทำให้คนฟังหน้ามืดครึ้ม สุดท้ายทนไม่ไหว มือหนาฟาดลงไปที่ก้นงอนอย่างแรงจนเหม่ยอิงร้องเสียงหลง “อ๊า!!” “กินเก่งนักนะ ทั้งปากบนปากล่าง” “ฮื่ออ เอาอีก คนเหวินทำอีก” “ซี๊ดด เธอจะขี้ยั่วไปถึงไหน” คราวนี้ร่างบางถูกพลิกให้นอนราบไปกับเตียง เหวินเจิ้งตามมาคร่อมทับทันทีแบบไม่ให้ขาดช่วง ดวงตาดุดันจดจ้องรูหวานที่ยามนี้แดงแจ๋ แต่ก็ยังขมิบตอดรัดอากาศอยู่อย่างนั้น ไม่รอให้ภรรยาทรมานนานนัก หัวมนแดงก่ำก็ดันเข้าชิดแล้วถูไถไปมา เหม่ยอิงตาลอย เล็บจิกที่ผ้าปูที่นอนพลางหอบหายใจถี่ “อ๊ะ!” เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อสามีค่อย ๆ สอดท่อนลำเข้ามาเชื่องช้า ดวงหน้าหวานแหงนขึ้นทันที จุ๊บ! เหวินเจิ้งโน้มตัวลงจุมพิตที่มุมปากภรรยาเชิงปลอบใจ ก่อนจะค่อย ๆ ออกแรงย้ำเบา ๆ เสียงกระทบของหน้าขาดังขึ้นเป็นจังหวะ เคล้าไปกับเสียงครางเครือของผู้เป็นภรรยา “อา…” ร่างสูงกัดฟันแน่น เมื่อส่วนนั้นตอดรัดจนเกือบจะเสร็จอยู่รอมร่อ “คุณเหวิน…” ดวงตาคมเลื่อนมองภรรยาที่เอ่ยเรียกกัน พลันในนาทีนั้นก็ผงะไปชั่วครู่ เพราะเหม่ยอิงยามนี้กำลังถกเสื้อชั้นในลง กระทั่งเห็นเนินอกขาวล่อตาและจุกนมสีอ่อน “ดะ ดูดสิ อ๊ะ!” เหวินเจิ้งคำรามเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะโฉบใบหน้าลงแล้วป้อนส่วนนั้นเข้าปากอย่างหิวกระหาย สะโพกสอบก็ทำหน้าที่ไม่บกพร่อง กระทั่งเหม่ยอิงตัวสั่นระริก เพราะความเสียวจากทั้งด้านบนและด้านล่าง “อื้อออ” มือเรียวยกขึ้นลูบท้ายทอยสามีแผ่วเบา แม้ตอนนี้ทั้งตัวจะสั่นสะท้าน ทว่าก็พยายามบดเบียดร่างกายเข้าหาให้เหวินเจิ้งรังแกได้ถนัดถนี่ขึ้น “อา ป้อนนมเข้าปากเหล่ากงเองเลยหรือ หืม?” “อื้อชอบมั้ย คุณเหวินชอบมั้ย” เหวินเจิ้งเลียริมฝีปาก ท่อนลำยังกระแทกอยู่ในส่วนอ่อนไหวของภรรยาไม่หยุดพัก “ชอบค่ะ เหล่าโผใครหนอน่าเอาเป็นบ้า” “ฮึก อ๊า ของคุณไง” “อะไรนะ” ร่างสูงถามย้ำ แม้จะได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ เขารั้งเอวบางไว้แน่น และตอกสะโพกลงถี่ยิบกว่าเดิม “จะเสร็จ คุณเหวิน อิงจะเสร็จ!” เหม่ยอิงว่าเสียงหลง มือไม้ปัดป่ายไปมาจนน่าสงสาร ทว่าเหวินเจิ้งก็ยังไม่ยินยอมให้เป็นเช่นนั้น “พูดให้เฮียฟังอีกครั้ง แล้วคราวนี้เธอจะเสร็จแน่นอน” เขากระซิบพร่า ริมฝีปากพรมจูบไปตามข้างแก้มภรรยาอย่างรักใคร่ “ฮึก…ภรรยาของคุณ อื้ออ…ภรรยาของไท่เหวินเจิ้ง ได้ยินชัดหรือยัง” “ได้ตามที่ต้องการค่ะทูนหัว” “อ๊าาา!!” เหม่ยอิงแทบจะตั้งตัวไม่ทัน เพราะทันทีที่จบประโยค มือหนาทั้งสองข้างก็จับล็อกต้นขาเธอไว้แน่น แล้วส่งแรงกระแทกกระทั้นจนศีรษะเธอสั่นคลอน คนงามครางเสียงหลง ดวงตาเหลือกลอย ทว่าก็ยังแอ่นอกป้อนจุกนมให้สามีได้ดูดจนพึงพอใจ “อา…” เหวินเจิ้งเองก็หลุดครางกระเส่า เพราะช่องทางสีหวานนั้นตอดตุบถี่ยิบ เป็นสัญญาณว่าคนใต้ร่างกำลังจะถึงฝั่ง เขาจึงส่งแรงบี้ไปยังจุดเสียวซ้ำ ๆ ของภรรยา กระทั่งเธอทนไม่ไหว ร่างกายกระตุกเกร็งแล้วเสร็จสมออกมา “อ๊า!” เหม่ยอิงหอบหายใจถี่ เรียวขายังสั่นไม่หาย ทว่ามือเรียวก็พยายามจะคว้าสามีมาใกล้ “จะเอาอะไรหืม” เหวินเจิ้งถามเสียงนุ่ม แม้ตนจะยังไม่เสร็จแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ส่วนนั้นยังแข็งและร้อนผ่าวอยู่ในช่องทางของภรรยา “แฮ่ก คุณเหวินมาตรงนี้” มือเรียวชี้ที่ริมฝีปากของตัวเอง “อะไรนะ?” “เสร็จที่ปาก อิงให้คุณเสร็จในปากอิง” “แม่งเอ้ย” เป็นการสบถรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ได้ ทว่าคำพูดนั้นก็ทำให้เหวินเจิ้งหมดขีดความอดทน เขาดึงท่อนลำออกอย่างรวดเร็วกระทั่งภายในรู้สึกวูบโหวง “อ๊ะ” “อ้าปากค่ะ แล้วห้ามร้องไห้ทีหลังนะ” เสียงนั้นกดต่ำจนน่าขนลุก อาจเป็นเพราะเหวินเจิ้งพยายามกดข่มอารมณ์พลุ่งพล่านของตนเอาไว้ เหม่ยอิงที่ได้ยินดังนั้นก็กลืนน้ำลายลงคอ แต่ก็ยอมอ้าปากกว้างให้สามีป้อนส่วนนั้นเข้ามา “ซี๊ด” แค่เพียงปลายลิ้นแตะเบา ๆ เหวินเจิ้งก็ขบกรามแน่น เขาเงยหน้าขึ้นระบายความอึดอัดที่แทบจะปะทุของตน “อื้ออ” เหม่ยอิงครางอื้ออึง ท่อนลำคับแน่นเต็มปากจนหายใจไม่ออก ทว่าก็พยายามกลืนมันให้ลึกสุดคอ “มูมมามไม่ต่างจากปากล่างเลยสักนิด” เหวินเจิ้งเอ่ยเสียงลอดไรฟัน เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ยิ่งมีอารมณ์ขึ้นไปอีก เหม่ยอิงเริ่มขยับศีรษะ ดวงตาช้อนมองสามีบ้างเป็นครั้งคราว นัยน์ตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำ ทว่ากลับยิ่งดูน่ารังแกขึ้นไปอีก มือหนาสอดสางเข้าไปตามเส้นผมนุ่มของภรรยา ก่อนจะลูบเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “อา…” เขาหลุดครางอีกครั้ง ทั้งยังพยายามยั้งตัวเองไม่ให้เผลอกระแทกเข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำนั้น “ซี๊ด เก่งมาก เหล่าโผของเฮีย” เหม่ยอิงที่ได้รับคำชมก็ยิ่งได้ใจ พยายามดูดเลียส่วนนั้นของสามีจนเขาเกร็งหน้าท้องแน่น คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ขีดความอดทนค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ เหวินเจิ้งครางต่ำ ในปากภรรยานั้นดีไม่ต่างจากรูล่างเลยสักนิด ยิ่งโดนครอบครองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียวสะท้าน กระทั่งสุดท้ายทนไม่ไหว เขาดึงท่อนลำออก ก่อนจะใช้มือชักรูดอย่างรวดเร็ว ดวงตาดุดันมองภรรยาไม่ละไปไหน กระทั่งแก่นกายกระตุกปลดปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาเลอะไปทั่วใบหน้าและริมฝีปากแดงเรื่อนั้น “อา” ภาพนั้นชวนให้คนมองหอบหายใจถี่ ทว่าเหวินเจิ้งก็รีบดึงทิชชูข้างเตียงมาเช็ดหน้าให้ภรรยาอย่างรวดเร็ว “ดื้อนัก เลอะหมดแล้ว” เหม่ยอิงยกยิ้มบาง ๆ ยอมนั่งนิ่งให้สามีทำความสะอาดให้ ทว่าสายตาก็เหลือบเห็นส่วนนั้นที่ไม่ได้มีท่าทีจะอ่อนลงแม้แต่น้อย เมื่อเห็นดังนั้นร่างบางก็ขยับเบียดตัวเข้าไปหาอีกครั้ง ก่อนจะทำสิ่งที่เหวินเจิ้งต้องตกใจ เพราะเธอกดริมฝีปากไปจูบเม้มที่หัวแดงก่ำหนึ่งครั้ง ก่อนจะผลักให้เหวินเจิ้งนอนราบกับเตียง ส่วนตัวเองก็ขึ้นคร่อมทับ พลางเอ่ยประโยคต่อมาด้วยสีหน้ายั่วยวน “ครั้งต่อไป…เสร็จในตัวอิงนะ” เท่านั้นแหละ ทั้งคืนของเหม่ยอิงก็แทบไม่ได้พักเลยสักวินาทีเดียวไท่เจินจู เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีดวงตากลมโตสีน้ำตาลสวยเป็นเอกลักษณ์ เส้นผมหยักศกนิด ๆ เป็นสีน้ำตาลอ่อนเฉดเดียวกับดวงตา ใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย คิ้วเรียวโค้งได้รูปเสริมให้ใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งละม้ายคล้ายผู้เป็นแม่เข้าไปใหญ่ และที่สำคัญที่ไม่ว่าใครได้พบเป็นต้องชม คือผิวเนียนขาวราวไข่มุกตามความหมายชื่อของเจ้าตัว ตอนนี้เธออายุได้หกขวบแล้ว เป็นช่วงที่อยู่ในวัยเจื้อยแจ้ว ช่างสังเกต และมีคำถามมากมายเต็มหัวสมกับวัยเจ้าหนูช่างจ้อ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อยากรู้ไปเสียหมด ตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ไปจนถึงเรื่องที่ปะป๊ามักแอบจุ๊บหม่าม๊าในตอนที่คิดว่าไม่มีใครเห็น แม้จะซนเกินเด็กผู้หญิงไปบ้าง แต่เจินจูก็เป็นพลังงานที่ใสซื่อของเหวินเจิ้งและเหม่ยอิง รวมถึงคนอื่น ๆ เช่นหวังฝูและฉีถง หรือแม้กระทั่งสาวใช้ในบ้าน เพราะยามเสียงสดใสนั้นเอ่ยว่า ‘รักป๊าที่สุดในโลก’ ‘หม่าม๊าสวยเหมือนเจ้าหญิง’ ‘คุณยายขา อาจูอยากนอนด้วย’ ‘พี่การ์ด อาจูขอจ๊อกโกแลต’ อะไรแบบนั้นก็ทำให้ใครต่อใครพร้อมใจกันหลงรักหนูน้อยคนนี้หัวปักหัวปำ แม้กระทั่งชายฉกรรจ์แบบบอดี้การ์ดหน้าโหดของเหวินเจิ้งก็ไม่อาจสู้ได้ งานอดิเรกของคุณหน
หลังจากที่รู้ว่าเหวินเจิ้งโกรธกัน เหม่ยอิงก็ต้องล้มเลิกการไปงานเลี้ยงในคืนนี้แล้วหาวิธีง้อสามีแทน “คุณเหวินล่ะ?” เธอเอ่ยถามหลันที่เพิ่งลงมาจากชั้นสอง “กำลังพาคุณหนูจูเข้านอนค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณหนูเหม่ยต้องไปงานเลี้ยงอีกคืนใช่ไหมคะ? งั้นให้ฉันช่วยเตรียมชุดดีไหมคะ” เหม่ยอิงส่ายศีรษะก่อนตอบ “ไม่ไปแล้วล่ะ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” ถึงจะงง ๆ แต่หลันก็ยอมค้อมศีรษะรับคำสั่ง เมื่อคล้อยหลังสาวใช้คนสนิทไปแล้ว เหม่ยอิงก็พรูลมหายใจและครุ่นคิดกับตัวเอง เธอควรจะเอาใจเหวินเจิ้งอย่างไรดี? คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวรู้ว่าหากสามีกำลังกล่อมลูกนอนก็คงจะใช้เวลาสักพักหนึ่ง ในระหว่างนี้เธอก็เลยกลับเข้าห้องนอนใหญ่ ในโซนสำหรับไว้แต่งตัวนั้นยังพบชุดที่ลี่ถิงเตรียมไว้ให้สำหรับงานคืนนี้ “ดูท่าแกคงต้องกลับไปนอนในตู้อีกครั้งแล้วล่ะ” เสียงหวานว่าแกมหัวเราะเจื่อน ๆ ทว่าในตอนที่กำลังเก็บชุดนั้น เหม่ยอิงก็ต้องผงะไปเมื่อเจอของที่อยู่ด้วยกัน มันคือชุดชั้นในลูกไม้เข้าเซ็ท พร้อมกับถุงน่องสีดำ… ร่างขาวเม้มปากแน่น ปลายนิ้วเรียวยังแตะอยู่ที่ดีเทลของลูกไม้ในผ้าผืนบางนั้น ในใจก็เริ่มครุ่นคิดไปเรื่อย ก่อนดวงตาก
เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา หมู่นี้นายหญิงเหม่ยอิงจึงมีงานล้นมือเป็นพิเศษ เธอต้องคิดทั้งคอลเลคชั่นใหม่ต้อนรับเทศกาล และออกแบบแพ็กเกจแบบใหม่ด้วยตัวเอง “ยังไงฉันก็อยากให้ลวดลายของกล่องมีสัญลักษณ์กวางเรนเดียร์” เสียงหวานยามนี้เคร่งขรึม เหม่ยอิงกำลังหารือกับเหล่าลูกน้องที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนต่างช่วยเสนอไอเดียเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของเธอ “ค่ะ งั้นดิฉันคิดว่า…” “ครับ ทางผมก็มีเรื่องเสนอ…” ร่างบางกวาดสายตามองตามสไลด์ที่พนักงานกำลังอธิบาย บางไอเดียก็ดูน่าสนใจ ทว่าก็ยังมีหลายเรื่องให้ต้องปรับปรุง การคุยงานผ่านไปอีกเป็นชั่วโมง กระทั่งได้ข้อสรุปที่ทำให้สีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เธอจึงเอ่ยปิดวาระการประชุม ดวงตากลมโตดูเหนื่อยล้านิด ๆ จนลี่ถิงต้องเอ่ยถามอย่างห่วงใย “พักสักหน่อยดีไหมคะคุณหนูเหม่ย” คนงามส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวออกแบบเสร็จแล้วค่อยพักทีเดียว” เมื่อห้ามไม่ได้ก็มีแต่จะต้องช่วยให้นายหญิงไม่กดดันตัวเองเกินไปก็เท่านั้น ลี่ถิงจึงจัดการเตรียมน้ำชาและขนมมาไว้ให้ เผื่อเหม่ยอิงอยากพักก็จะได้ทานได้ทันที “ฉันจะทำงานรอที่ด้านนอกนะคะ มีอะไรเรียกได้ตลอดเวลาเลยค่ะ” “ขอบคุ
หลายปีก่อน ว่ากันว่าในทศวรรษนี้ หากพูดถึงคนกุมอำนาจและชายผู้มีอิทธิพลที่สุดในปักกิ่ง เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตระกูลไท่ ประมุขคนปัจจุบันนามว่าไท่เหวินเจิ้ง ชายผู้เพียบพร้อมทั้งเรื่องรูปลักษณ์ ชาติตระกูลและการศึกษาที่ทำให้สเปคผู้หญิงจีนเกินครึ่งสูงจนติดเพดาน ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นก็ย่อมแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่างเสมอ นั่นก็คือนิสัยอันเลื่องชื่อของเขาที่ทำให้ใครหลายคนต้องยกธงขอยอมแพ้ ความเย็นชาที่ไม่เปิดช่องให้ใครก้าวข้ามเข้ามาได้ง่าย ๆ แต่แล้วในช่วงเวลาที่หลายตระกูลชิงดีชิงเด่น พยายามขายลูกสาวกันสุดฤทธิ์ จู่ ๆ ก็เกิดการประกาศแต่งงานของไท่เหวินเจิ้งแบบสายฟ้าแลบ! ‘ว่าที่เจ้าสาวของไท่เหวินเจิ้งคือคุณหนูจากตระกูลจ้าว…จ้าวเหม่ยอิง’ ทันทีที่มีหัวข้อนั้นเผยแพร่ออกไป เสียงส่วนมากก็คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างจ้าวเหม่ยอิงน่ะหรือคือว่าที่ภรรยาของเหวินเจิ้ง? นิสัยฝั่งสามีเลื่องชื่อยังไง อีกฝั่งทางภรรยาก็ไม่แพ้กัน คุณหนูจ้าวเหม่ยอิงผู้เป็นนางร้ายแห่งยุค ไม่ว่าขยับตัวทำอะไรก็ดูจะเป็นข่าวได้เสียหมด…โดยเฉพาะข่าวไม่ดี แม้ใบหน้าของเธอคนนั้นจะงดงามจนผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา หรือรูปร่าง
ข่าวเรื่องทายาทตระกูลไท่ถูกพูดถึงอย่างมากในหลายสัปดาห์นี้ มีตระกูลน้อยใหญ่ส่งของขวัญมาให้มากมายจนเหล่าสาวใช้แทบจะช่วยกันรับไม่หวาดไม่ไหว เหม่ยอิงอยู่ในช่วงพักผ่อนหลังคลอด งานใด ๆ หรือธุรกิจใด ๆ ถูกเหวินเจิ้งสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเป็นอันขาด ส่วนเขาก็เป็นคนคอยดูแลแทนทั้งหมด “ของขวัญชิ้นสุดท้ายของรอบเช้าค่ะคุณหนูเหม่ย” “ขอบคุณจ้ะ” เหม่ยอิงหันไปตอบอาหลันที่วางกล่องของขวัญชิ้นสุดท้ายเสร็จ ในอ้อมแขนคนงามกำลังประคองเจินจูพลางกล่อมนอน คุณหนูน้อยหลับตาพริ้ม ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก “เสร็จแล้วใช่ไหม นั่งเล่นในนี้ก่อนก็ได้นะ” เหม่ยอิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ที่นี่คือห้องของเจินจูที่เหวินเจิ้งสั่งทำใหม่เป็นพิเศษ เขาทุบสองห้องเข้าด้วยกัน พื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยของใช้เด็กอ่อน ทั้งเตียงทั้งตู้ก็สั่งทำไว้เรียบร้อย เรียกได้ว่ามีใช้ยันอายุเจ็ดขวบเลยทีเดียว หลันนั่งลงข้างกัน เธอมองเจินจูที่ยังหลับอยู่แล้วยกยิ้ม ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสดใส “คุณหนูน้อยน่ารักน่าชังมากเลยค่ะ โตมาจะต้องงามเหมือนคุณหนูเหม่ยแน่เลย” เหม่ยอิงหัวเราะนิดหน่อย “หน้าตาไม่เท่าไหร่หรอก อย่าเอานิสัยหม่าม๊าไปแล้วกันนะอาจู” เธอเอ่
ครรภ์ของคุณหนูเหม่ยตอนนี้ล่วงเลยมาถึงห้าเดือนแล้ว จากเดิมที่แค่มีน้ำมีนวล แต่ตอนนี้เหม่ยอิงกลายเป็นคุณแม่ตุ้ยนุ้ยน่าฟัด ไม่ว่าใครอยู่ใกล้ก็อยากกัดแก้มกลมนั้นสักทีให้หายมันเขี้ยว อาการแพ้ท้องของเธอก็ดีขึ้นมาก เหม่ยอิงเริ่มกลับมาได้กลิ่นกุ้ยฮวาได้อีกครั้ง เธอไม่ได้รู้สึกคลื่นไส้บ่อยอีกต่อไป ยิ่งทำให้เจริญอาหารจนท้องกลมแก้มกลม นอกจากเรื่องครรภ์แล้ว หมู่นี้เหม่ยอิงก็เริ่มรู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ กลับมาทีละนิด ภาพแฟลชแบ็คของเหตุการณ์ในอดีตค่อย ๆ ทำให้เธอคุ้นเคยทีละน้อย คุณหมอบอกว่ามันอาจใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็มีสิทธิ์ที่เหม่ยอิงจะได้ความทรงจำทั้งหมดกลับมา ในตอนที่หวังฝูและฉีถงรู้เรื่องนี้ก็ดีใจกันอย่างมาก พวกเขาเอ่ยว่าเด็กในท้องคือพรอันวิเศษและเป็นโชคของเหม่ยอิง “พร้อมหรือยัง?” เสียงของสามีดึงให้คนที่กำลังสวมต่างหูอยู่หันไปมอง เหม่ยอิงพยักหน้ารับ “อื้อ” เหวินเจิ้งมองภาพภรรยาที่สะท้อนในกระจก เหม่ยอิงที่อายุครรภ์เพิ่มขึ้นจนหน้าท้องนูนอาจดูแปลกตาไปบ้าง เพราะปกติแล้วคุณหนูเหม่ยของเขาจะมีทรวดทรงองค์เอวที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ทว่าตอนนี้ร่างบางกลับดูเปลี่ยนไปด้วยความโค้งเว้าของร่