Share

บทที่ 29 ครอบครัวของเรา

last update Last Updated: 2025-07-29 12:40:32

ครรภ์ของคุณหนูเหม่ยตอนนี้ล่วงเลยมาถึงห้าเดือนแล้ว จากเดิมที่แค่มีน้ำมีนวล แต่ตอนนี้เหม่ยอิงกลายเป็นคุณแม่ตุ้ยนุ้ยน่าฟัด ไม่ว่าใครอยู่ใกล้ก็อยากกัดแก้มกลมนั้นสักทีให้หายมันเขี้ยว

อาการแพ้ท้องของเธอก็ดีขึ้นมาก เหม่ยอิงเริ่มกลับมาได้กลิ่นกุ้ยฮวาได้อีกครั้ง เธอไม่ได้รู้สึกคลื่นไส้บ่อยอีกต่อไป ยิ่งทำให้เจริญอาหารจนท้องกลมแก้มกลม

นอกจากเรื่องครรภ์แล้ว หมู่นี้เหม่ยอิงก็เริ่มรู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ กลับมาทีละนิด ภาพแฟลชแบ็คของเหตุการณ์ในอดีตค่อย ๆ ทำให้เธอคุ้นเคยทีละน้อย คุณหมอบอกว่ามันอาจใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็มีสิทธิ์ที่เหม่ยอิงจะได้ความทรงจำทั้งหมดกลับมา ในตอนที่หวังฝูและฉีถงรู้เรื่องนี้ก็ดีใจกันอย่างมาก พวกเขาเอ่ยว่าเด็กในท้องคือพรอันวิเศษและเป็นโชคของเหม่ยอิง

“พร้อมหรือยัง?” เสียงของสามีดึงให้คนที่กำลังสวมต่างหูอยู่หันไปมอง เหม่ยอิงพยักหน้ารับ

“อื้อ” เหวินเจิ้งมองภาพภรรยาที่สะท้อนในกระจก เหม่ยอิงที่อายุครรภ์เพิ่มขึ้นจนหน้าท้องนูนอาจดูแปลกตาไปบ้าง เพราะปกติแล้วคุณหนูเหม่ยของเขาจะมีทรวดทรงองค์เอวที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ทว่าตอนนี้ร่างบางกลับดูเปลี่ยนไปด้วยความโค้งเว้าของร่างกายที่ดูอ่อนละมุนขึ้น ผิวขาวเนียนก็เปล่งปลั่ง ริมฝีปากอิ่มดูแดงระเรื่อจนน่าหยอก ยิ่งตอนที่เธอเงยหน้าสวมต่างหู ผมสีหม่นก็เคลื่อนตามจังหวะส่งผลให้ลำคอดูระหงขึ้นไปอีก

เหวินเจิ้งทอดสายมองเงียบ ๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขารู้ว่าเหม่ยอิงแอบกังวลเรื่องรูปร่างที่เปลี่ยนไป ทว่าสำหรับเขาแล้ว ภรรยาตนยังงดงามเสมอ ยิ่งท้องก็ยิ่งงามกว่าเดิมอีกหลายเท่า

“มองอะไรคะ” เหม่ยอิงหันมาหาสามีที่ยืนซ้อนหลังแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม เพราะเธอเห็นเหวินเจิ้งเอาแต่มองกันเหมือนมีอะไรในใจ

ก้านนิ้วยาวเกี่ยวปอยผมนุ่มทัดใบหู ร่างสูงไม่ได้ตอบออกไปเป็นคำพูด แต่สายตาที่มองกันและสัมผัสแผ่วเบาก็ทำให้คนมองหน้าร้อนฉ่าได้

เหวินเจิ้งหลงภรรยาจนโงหัวไม่ขึ้น ไม่ว่าเหม่ยอิงจะขยับตัวทำอะไรเขาก็ใจเหลวและพ่ายแพ้เป็นทุกที เรียกได้ว่าเป็นกรรมของอดีตผู้ชิงชังภรรยาก็คงไม่ผิดไปนัก

“เฮียแค่กำลังคิดว่าลูกเราจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” เสียงทุ้มพูดอย่างเชื่องช้า มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนหน้าท้องเหม่ยอิงแผ่วเบา วันนี้ทั้งคู่มีนัดตรวจเพศของเจ้าก้อนในครรภ์ ทำเอาเมื่อคืนนี้ตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับ

“นั่นสิคะ”

“ถ้าเป็นหญิงเฮียอยากให้ออกมาเหมือนเธอ” ว่าพลางก็โน้มใบหน้ากดจูบหน้าผากภรรยาหนึ่งครั้ง

“แล้วถ้าเป็นผู้ชายล่ะ?” เหม่ยอิงร้องถาม ก่อนจะหันไปทางหน้ากระจกอีกครั้ง แล้วสวมต่างหูอีกข้างหนึ่ง

“ก็อยากให้ออกมาเหมือนเธออยู่ดี” ร่างบางหลุดหัวเราะเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ

“คนอื่นคงไม่ปลื้มนะคะ ถ้าจะไม่มีไท่เหวินในเวอร์ชั่นย่อส่วน” ว่ากันตามตรง การที่จะมีทายาทออกมาหน้าตาเหมือนเหวินเจิ้งนับว่าเรื่องที่ใครหลายคนปราถนา อย่างเช่นจงเซ่อหรือหยุนโจว พวกเขาคิดว่าชาตินี้เหวินเจิ้งคงจะไม่มีวันมีทายาทออกมาแน่นอน มีช่วงหนึ่งหยุนโจวถึงกับโอดครวญว่าเสียดายหน้าตาพระเจ้าสร้างแบบนี้ที่ไร้คนสืบทอด

“คนแบบสามีเธอมีคนเดียวก็พอแล้ว ไม่คิดงั้นหรือ?” เขาถามพลางสวมกอดภรรยาจากทางด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาวางไว้ที่ไหล่เล็ก ในขณะที่มือหนาลูบไล้ไปตามหน้าท้องกลมกลึง ก่อนจะค่อย ๆ ช่วยประคองใต้ท้องนูนอย่างแผ่วเบา แล้วออกแรงดันขึ้นเล็กน้อย

เหม่ยอิงรู้สึกได้ทันทีว่าน้ำหนักหน้าท้องทั้งหมดถูกแบ่งเบาไปบางส่วน ความหนักอึ้งที่สะสมไว้ถูกคลายออก

“อือ…” เสียงหวานครางรับ ก่อนจะเอนกายพิงอกแกร่งของเหวินเจิ้งพลางหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย สัมผัสอบอุ่นที่ช่วยพยุงเธอไว้มันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก และการกระทำแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้มันก็ทำให้หัวใจคนได้รับพองโต

“เฮียอ่านมา เขาว่าถ้าช่วยประคองแบบนี้เธอจะหนักน้อยลง”

“รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ” เหวินเจิ้งยิ้มบาง ๆ หากเป็นไปได้ก็อยากรับทุกความหนักอึ้งมาไว้ที่เขา ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเล็กน้อยแค่ไหน ถ้าเขาทำได้เขาก็ยินดีจะทำให้ภรรยาทุกอย่าง

ดวงตาสองดวงสบกันผ่านเงาที่สะท้อนในกระจก เหม่ยอิงวาดรอยยิ้มงาม ในขณะที่เหวินเจิ้งก็มองภรรยาอย่างรักใคร่

“ขอบคุณนะคะ”

“ยกเว้นดาวกับเดือน เธอก็รู้นี่ว่าเฮียให้เธอได้ทุกอย่าง” เสียงหวานหลุดหัวเราะกับความโอเว่อร์นั้น เหม่ยอิงเอี้ยวหน้าไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะกดจมูกที่แก้มสามีเป็นการตอบแทน

“อืม…แค่หอมหรือ? รู้สึกว่าจะไม่พอนะ” ร่างสูงพูดเสียงกระซิบ แววตาก็ฉายความเจ้าเล่ห์ขึ้นจนเหม่ยอิงต้องยกมือห้าม

“ไปกันได้แล้วค่ะ เดี๋ยวเราจะสาย” เหวินเจิ้งกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นภรรยาบ่ายเบี่ยง แต่เขาก็ยอมทำตาม สองสามีภรรยาตระกูลไท่จึงจับจูงมือกันลงมาชั้นล่างในเวลาต่อมา

“คุณหนูเหม่ย สู้ ๆ นะคะ!” เหม่ยอิงฟังคำอวยพรจากเหล่าสาวใช้แล้วหัวเราะ นี่พวกเธอคิดว่าการไปตรวจเพศของลูกมันต้องสู้กับอะไรกัน?

“เดี๋ยวพวกฉันจะทำมื้อเย็นกันสุดฝีมือ ขอให้คุณหนูน้อยแข็งแรงนะคะ”

“ขอบคุณจ้ะ เดี๋ยวฉันกลับมาเล่าให้ฟัง” เหล่าสาวใช้ดวงตาวาววับ พวกเธอรีบพยักหน้ารัวทันที ก่อนไปก็ยังไม่วายผลัดกันทายเพศของคุณหนูน้อยในครรภ์ แถมยังบอกกันอีกว่าถ้าใครทายถูกจะได้เป็นพี่เลี้ยงส่วนตัวให้นายน้อยตัวจิ๋ว

เหม่ยอิงได้แต่เกาหัว เธอยังไม่ได้บอกเลยสักนิดว่าอนุญาตให้ทำแบบนั้นได้ แต่ดูท่าพวกสาวใช้จะคิดกันเป็นตุเป็นตะ เหม่ยอิงจึงไม่อยากขัดบรรยากาศเหล่านั้น

ในระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล หยุนโจวก็โทรฯมาหาเหวินเจิ้งด้วย ทางนั้นคิดว่าเหวินเจิ้งรู้เพศของลูกแล้วก็เลยตื่นเต้นใหญ่ แต่พอโดนปฏิเสธไปว่ายังไม่ตรวจก็ถึงกับร้องอ้าวอย่างผิดหวัง โดยเขาทิ้งท้ายไว้แบบนี้

“ถ้าเป็นเพศชายฉันจะไปรับขวัญหลาน เอาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจอาวุธของฉันดีไหม?” หยุนโจวถามจบก็หัวเราะ ก่อนพูดต่อ

“แต่ถ้าหลานฉันเป็นหญิง ดูท่าตระกูลไท่คงต้องเป็นฝ่ายขอเป็นหุ้นส่วนธุรกิจอาวุธของฉันเอง”

“…”

“คงได้เห็นไท่เหวินถือปืน ใส่แว่นดำตามลูกสาวไม่ห่าง”

หลังจากวางสายจากหยุนโจวก็มาถึงโรงพยาบาล ภายในห้องตรวจยามนี้เงียบสงบ เหม่ยอิงตื่นเต้นจนมือเย็น เธอนอนอยู่บนเตียงโดยมีเหวินเจิ้งนั่งข้าง ๆ และจับมือบางไว้แน่น เขาเกลี่ยหลังมือเธอแผ่วเบาเมื่อเห็นภรรยาประหม่า

“พร้อมนะคะคุณเหม่ยอิง” คุณหมอหันมาถามด้วยรอยยิ้ม หลังจากเตรียมเครื่องอัลตราซาวด์เสร็จ

เหม่ยอิงพยักหน้ารับ คุณหมอจึงเริ่มทำหน้าที่ โดยอย่างแรกคือเทเจลเย็นบนหน้าท้องของเธอ เหม่ยอิงสะดุ้งเล็กน้อย ในขณะที่เหวินเจิ้งบีบมือเธอไว้

เครื่องอัลตราซาวด์เริ่มทำงาน หัวเครื่องเคลื่อนไปมาบนหน้าท้องของคุณหนูเหม่ย จนกระทั่งที่หน้าจอปรากฏภาพขาวดำของเจ้าตัวเล็ก เหม่ยอิงมองหน้าจออย่างตื่นเต้น เมื่อภาพที่สะท้อนอยู่ในนั้นคือลูกของเธอ

“คุณหนูน้อยแข็งแรงน่าดู ดูสิคะ กำลังเล่นซ่อนหาอยู่แน่เลย” คุณหมอเอ่ยหยอกเมื่อเด็กในครรภ์ขยับตัวให้เห็น เหม่ยอิงหลุดหัวเราะ ไม่ต่างจากเหวินเจิ้งที่เผลอยิ้มขึ้นมา

“อ่า ดูเหมือนเจ้าตัวน้อยจะขยับตัวเยอะเลย คุณหมอขอปรับมุมดูหน่อยนะคะ” เธอว่าพลางก็ขยับมือไปมา หัวใจของเหม่ยอิงเริ่มเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม เหวินเจิ้งก็เริ่มโน้มตัวเข้ามาดูใกล้ ๆ

ในระหว่างนี้คุณหมอก็อธิบายส่วนต่าง ๆ เรื่อย ๆ ในขณะที่ขยับหัวเครื่องไปด้วย สามีภรรยาตระกูลไท่ตั้งใจฟังอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้เจอลูก พวกเขาแทบไม่ละสายตาออกจากหน้าจอเลยสักวินาทีเดียว จนกระทั่งคุณหมอเอ่ยเรื่องสำคัญ

“ต่อไปเป็นเพศนะคะ ไหนดูซิ เพศของคุณหนูตัวจิ๋วคือ—” เสียงหยุดลงชั่วครู่ เพราะในขณะนั้น จู่ ๆ เจ้าตัวเล็กกลับขยับขาหุบหนีราวกับไม่อยากให้ใครเห็น เหม่ยอิงหัวเราะขำ ขณะที่เหวินเจิ้งก็เหมือนจะหลุดหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน

“ดื้อเหมือนเธอ” เขาเอ่ยกับเหม่ยอิง ทว่าสายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่น

คุณหมอขยับหัวของเครื่องตรวจอีกครั้ง ก่อนจะบอกให้เหม่ยอิงเปลี่ยนท่าเล็กน้อย คราวนี้ได้ผล เพราะเจ้าตัวเล็กในครรภ์ก็ขยับขาออกจากกัน เป็นผลให้คุณหมอยิ้มกว้าง พลางเอ่ยด้วยเสียงสดใส

“เห็นแล้วค่ะ! ยินดีด้วยนะคะคุณไท่ คุณนายไท่ คุณได้ลูกสาวค่ะ”

หัวใจผู้ฟังกระตุกวูบ เหม่ยอิงมองภาพตรงหน้าด้วยสมองขาวโพลนไปหมด เธอรู้สึกเหมือนมีม่านน้ำมาคลออยู่ในดวงตา ฝ่ายเหวินเจิ้งก็นิ่งไปชั่วขณะเหมือนประมวลผลไม่ทัน

ดูท่าคงจะได้อุดหนุนธุรกิจหยุนโจวไม่ผิดแน่…

ดวงตาสีไม้สนเลื่อนมามองภรรยา ก็เห็นเหม่ยอิงกำลังยิ้มให้กันอยู่ ในตอนนั้นมุมปากของประมุขตระกูลไท่ก็ยกขึ้น เหวินเจิ้งยิ้มกว้าง เป็นครั้งแรกที่เขาปล่อยอารมณ์ทั้งหมดของตนให้แสดงออกมาตรง ๆ

“คุณนี่อยากได้อะไรก็ไม่เคยไม่สมปรารถนาสินะคะ” เหม่ยอิงว่าพลางยกมือขึ้นลูบแก้มสามีที่นั่งข้างกัน คำพูดนั้นทำให้เหวินเจิ้งหลุดหัวเราะ ที่เขาบอกว่าอยากได้ลูกสาวก็แค่คิดว่าถ้ามีเหม่ยอิงแบบย่อส่วนก็คงดี แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิงจริง ๆ

“ลูกสาว…” เขาเอ่ยพึมพัม ราวกับย้ำว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด เหวินเจิ้งตอนนี้ทั้งรู้สึกโล่งใจและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน

“ขอบคุณนะ” เสียงทุ้มว่าพลางโน้มตัวลงจูบที่หน้าผากภรรยาหนึ่งครั้ง เหม่ยอิงตกใจจนหลุดร้อง

“อะ-” คนงามแก้มแดงก่ำ ขณะที่คุณหมอภายในห้องหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดูกับภาพนั้น

“จากที่ดู คุณหนูน้อยแข็งแรงดีนะคะ คงจะออกมาสดใสเหมือนคุณแม่” เหม่ยอิงเอ่ยขอบคุณ ดวงตายังเอาแต่มองที่หน้าจอ เช่นเดียวกับเหวินเจิ้งที่กำลังมองลูกสาวด้วยความรักอย่างท่วมท้น เขาสลักภาพนั้นไว้ในใจเต็มที่ มือหนาก็กระชับข้อมือภรรยาไว้แน่น

“ไว้เจอกันเร็ว ๆ นี้นะ ลูกสาวของป๊า”

หลังตรวจอัลตราซาวด์แล้วก็ได้ฟังเสียงหัวใจของทารก ตอนเหวินเจิ้งได้ยินครั้งแรกเขาถึงกับชะงักไป อะไรที่ตนไม่เคยทำก็เผลอทำออกมาหมด สร้างความแปลกใจให้เหม่ยอิงที่ได้เห็น

แต่ก็นะ…มันเหมือนเป็นข้อยืนยันว่าเหวินเจิ้งรักลูกมากจริง ๆ

เมื่อรู้เพศแล้วเหม่ยอิงก็ไม่ลืมที่จะโทรไปบอกหวังฝูและฉีถง ทั้งคู่ดีใจมากและบอกว่าจะมาหาในวันพรุ่งนี้ พวกเขาไม่ยอมให้เหม่ยอิงเดินทางไปไหน หวงทั้งลูกสาวและหลานสาว

“คุณเอาแต่ลูบท้องอิงนานมากแล้วนะ” เสียงหวานเอ่ยทัก ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลเหวินเจิ้งก็ไม่ทำอะไรเลย เขาเอาแต่นั่งลูบท้องภรรยาอยู่แบบนั้น ราวกับกลัวว่าลูกสาวจะเหงา

“เธอว่าลูกจะรู้ไหมว่าเฮียจับเขาอยู่” เสียงทุ้มเอ่ยถาม และเป็นอีกครั้งที่เหวินเจิ้งถามอะไรที่ไม่สมกับเป็นเขา

“อืม…เขาว่าเด็กจะรับรู้ได้นะคะ ถ้าคุณลูบแล้วพูดกับแกบ่อย ๆ ก็คงจะรู้มั้งคะ” เหม่ยอิงจำจากที่คุณหมอบอกมา เหวินเจิ้งฟังแบบนั้นก็ทำตาม

“อาหมวย ได้ยินป๊าหรือเปล่า?” เหม่ยอิงผงะไปเล็กน้อย เพราะน้ำเสียงนั้นทั้งแผ่วเบาและอ่อนโยน เหวินเจิ้งโน้มใบหน้าลงแล้วกระซิบที่หน้าท้องภรรยา

“ลูกตอบไหม?”

“อือ เหมือนจะขยับนิด ๆ นะ” คนฟังยกยิ้มทันที ดวงตาสีไม้สนก็ฉายแววตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด

อีกประมาณสี่เดือนเหม่ยอิงถึงจะคลอด จะว่านานก็นาน แต่จะว่าใกล้จนชวนใจหวิวก็ได้เช่นกัน

เหวินเจิ้งพรมริมฝีปากลงจูบผ่านเสื้อตัวบาง มือใหญ่ก็คอยลูบหน้าท้องอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าจะทำให้เจ้าตัวน้อยตกใจ

ความเงียบปกคลุมทั้งคู่อยู่หลายนาที เพราะต่างฝ่ายก็ต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง กระทั่งเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาก่อน

“เหม่ยอิง”

“หือ?” ร่างบางสบตาสามีที่มองกัน

“หลังจากเธอคลอดแล้ว…เราแต่งงานกันใหม่ดีไหม?” จู่ ๆ ก็โดนยิงคำถามแบบไม่ให้ตั้งตัว เหม่ยอิงชะงักไป ดวงตาพลันวูบไหวครู่หนึ่ง

“จริง ๆ เฮียจะถามตั้งแต่ที่เราไปเที่ยวกันแล้ว แต่ก็มีหลายเรื่องราวจนกว่าจะได้พูด” เหวินเจิ้งพูดต่อ เขายืดตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนใช้มือข้างหนึ่งโอบไหล่ภรรยาที่นั่งข้างกัน

“ก่อนหน้านี้เราแต่งงานกันเพราะสัญญาของผู้ใหญ่ แต่คราวนี้เรามาแต่งงานกันเพราะเราอยากทำดีหรือเปล่า?” คำถามนั้นยังเอ่ยออกมาราบเรื่อย ทว่ามันเต็มไปด้วยความหนักแน่นและมั่นคงจนคนฟังรู้สึกได้

“แต่งงานกันเพราะความตั้งใจของเธอจริง ๆ” เหม่ยอิงไม่ได้ตอบอะไรออกมาในทันที ดวงตาสีหม่นทำเพียงแค่มองสามีไม่ละไปไหน สีหน้าของเหวินเจิ้งคงยังทรงอำนาจเหมือนเหวินเจิ้งคนเดิมที่เธอเจอครั้งแรก ทว่าสิ่งที่แตกต่างออกไปในตอนนี้

คือดวงตาคู่นั้นสะท้อนเพียงแค่ภาพเหม่ยอิงคนเดียวเท่านั้น…

ไม่ใช่ไท่เหวินเจิ้งผู้ใจร้ายปากร้าย คนแสนดุดันและเข้มงวดกับทุกอย่างในชีวิต ยามนี้เขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการแสดงความรักมากกว่าใคร และเหม่ยอิงมั่นใจว่าเธอจะไม่ผิดหวัง

“ต้องแต่งสิ”

“…” คำตอบนั้นทำให้เหวินเจิ้งนิ่งงัน เขารอฟังภรรยาพูดต่อ

“อิงไม่ยอมยกคุณให้ผู้หญิงคนไหนหรอกนะ”

“…”

“ยกเว้นหมวยในท้องคนเดียวเท่านั้น” จบคำแล้วเหวินเจิ้งหลุดหัวเราะอย่างมันเขี้ยว เขาตวัดแขนรวบภรรยามากอดไว้

“ทำให้เฮียหลงขนาดนี้คิดว่าจะกล้าไปสนใจผู้หญิงคนอื่นหรือไง”

“ก็ไม่แน่นี่คะ ตระกูลน้อยใหญ่ชอบมาขายลูกสาวกับสามีอิงนัก” เหม่ยอิงบึนปาก พอคิดถึงช่วงที่ได้ไปออกงานกับเหวินเจิ้งแล้วได้ยินคนพยายามเสนอภรรยารองให้เหวินเจิ้งก็หงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ

“…”

“เงียบทำไม หรือคุณจะเถียงว่าไม่จริง?”

“เฮียชอบที่เธอหึง”

“…”

“คนอะไรหนอ หึงก็ยังน่ารัก” เขาว่าเสียงอ่อน ทำให้คนฟังแก้มแดงเรื่อขึ้นมาทันที ถึงได้รับคำชมบ่อย แต่เหม่ยอิงก็ไม่เคยชินเวลาเหวินเจิ้งชมแล้วมองกันด้วยสายตาแบบนี้เลยสักครั้ง

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็คุยนู่นคุยนี่ สลับกับหยอกล้อไปมา ประเด็นหลัก ๆ ของเหม่ยอิงจะเป็นเรื่องอนาคตเกี่ยวกับลูกสาว ทว่าทางเหวินเจิ้งนั้น…

“เราจะมีลูกคนที่สองกันเมื่อไหร่ดี?” ทั้ง ๆ ที่ความจริงตามนิสัยแล้ว เขาควรเป็นคนคิดไกลเกี่ยวกับอนาคตของหมวยในท้อง ทว่าเหม่ยอิงก็คิดผิด เธอส่ายหน้าระอา

คนอะไรไม่รู้ ในสมองมีแต่เรื่องลามก!

คุยเล่นกันอีกสักพักก็ถึงเวลาเข้านอน เหวินเจิ้งปลีกตัวไปคุยงานอยู่ครู่หนึ่ง ตอนเขากลับมาก็เห็นเหม่ยอิงขึ้นเตียงห่มผ้าเรียบร้อยแล้ว เหวินเจิ้งจึงปิดไฟแล้วก้าวไปหาภรรยา

“ฝันดีนะ” เขาเอ่ยเสียงเบาแล้วจูบที่ริมฝีปากแดงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบไปอาบน้ำ ตอนเข้านอนก็ไม่ลืมนวดขาให้ภรรยาเบา ๆ เผื่อกลางดึกเหม่ยอิงจะเป็นตะคริว ทุกการกระทำเป็นธรรมชาติเสียจนใครได้มาเห็นเหวินเจิ้งตอนนี้คงจะตกตะลึงกันเป็นแน่

“อือ” เหม่ยอิงสะลึมสะลือ ดวงตาปรือปรอยมองเงาสามีในความมืด เธอขยับตัวเล็กน้อยก่อนยกมือขึ้นเรียกเป็นสัญญาณให้เหวินเจิ้งมานอนกอดตน

แล้วท่าทางน่ารักแบบนั้นเขาจะทนไหวได้อย่างไรกัน…

เหล่าสาวใช้ต่างดีใจกันยกใหญ่ นายน้อยของพวกเธอจะเป็นต้องคุณหนูที่น่ารักน่าเอ็นดูมากเป็นแน่ เช่นเดียวกับจงเซ่อ และลี่ถิง พวกเขาต่างเอาของขวัญมาแสดงความยินดีให้นายหญิงของตน

“มันอาจจะเล็กน้อยนะครับคุณหนูเหม่ย” จงเซ่อว่าพลางเกาศีรษะแก้เก้อ ในขณะที่เหม่ยอิงวาดรอยยิ้มเต็มแก้ม

“ฉันชอบมาก และคิดว่าอาหมวยก็คงชอบเหมือนกัน” เธอตอบอย่างน่ารัก เพราะของขวัญที่จงเซ่อมอบให้คือสร้อยข้อมือสำหรับทารก ในนั้นสลักคำว่าขอให้สุขภาพแข็งแรง แค่ได้เห็นเหม่ยอิงก็ชอบมากแล้ว

จงเซ่อยิ้มเขิน ๆ ท่าทางของมือขวาประจำตัวของเหวินเจิ้งที่ดุพอ ๆ กับเจ้านายถูกลบทิ้งไป เขาคุกเข่าลงให้เสมอกับนายหญิงที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พวกเราดีใจที่คุณหนูเหม่ยเป็นนายหญิงของเรานะครับ”

“…”

“แล้วก็ดีใจมากจริง ๆ ที่อุ้มท้องคุณหนูน้อยของพวกเราไว้อย่างดีด้วยครับ” ว่าจบเขาก็คำนับให้เหม่ยอิง หญิงสาวที่เห็นแบบนั้นถึงกับชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้จากลูกน้องโดยตรง พาลทำให้ใจฟูขึ้นมา

ที่แท้เหล่าลูกน้องก็นับถือและเคารพเธอเสมือนเหวินเจิ้งเช่นกัน…

“ขอบคุณนะจงเซ่อ ฉันก็ดีใจที่คุณเหวินมีลูกน้องแบบนาย” นายหญิงคนงามว่าพลางยกยิ้ม เป็นผลให้คนได้มองขัดเขินจนต้องก้มหน้าหนี เหม่ยอิงเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ

บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นยามนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหล่าสาวใช้และลูกน้องของเหวินเจิ้งช่วยกันเสนอชื่อคุณหนูน้อยอย่างแข็งขัน แม้สุดท้ายจะรู้ดีว่ายังไงคนที่จะตั้งชื่อได้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือนายเหนือหัวของพวกตน

ว่ากันว่าพรข้อแรกของคนเป็นลูกที่ได้รับจากพ่อแม่ก็คือชื่อนี่ล่ะ…

เหวินเจิ้งมองภาพนั้นเงียบ ๆ เขาไม่ได้เข้าไปขัดบทสนทนาของเหม่ยอิงกับลูกน้องในอาณัติของตน เพราะเวลานี้ประมุขอย่างเขาก็ควรจะแบ่งภรรยาไปให้คนอื่นเสียบ้าง จะเอาแต่ใจแคบแย่งนายหญิงคนงามมาไว้ที่ตัวเองคนเดียวก็ไม่ได้

ว่าไปนั่น…

แม้ตั้งใจจะแค่ยืนมองที่หน้าประตูเฉย ๆ แต่เพียงครู่เดียวเหม่ยอิงก็หันมาเจอเขา เธอรีบเอ่ยเรียกให้สามีไปนั่งด้วยกัน

เหล่าลูกน้องทำความเคารพ กระทั่งร่างสูงใหญ่มาหยุดข้าง ๆ เหม่ยอิง ปกติเหวินเจิ้งไม่ใช่คนที่จะใช้เวลาอยู่กับลูกน้องในการนั่งดื่มชาหรือทำอะไรที่นอกเหนือจากการทำงาน

ทว่าตอนนี้ผู้นำแห่งตระกูลไท่กลับแค่อยากนั่งฟังภรรยาคุยกับเหล่าลูกน้องเสียอย่างนั้น เขาเท้าแขนมองเหม่ยอิงอย่างเงียบงัน พอเห็นหญิงสาวพูดอย่างออกรสชาติพลางยิ้มเต็มแก้มก็เผลอยิ้มตาม

ภาพนั้นประจักษ์แก่สายตาคนมอง ไม่ใช่แค่เหล่าสาวใช้ที่แอบยิ้ม แม้แต่จงเซ่อก็ยังอดไม่ได้ที่จะสบตากับลี่ถิงอย่างมีความหมาย

เพราะยามนี้แววตานายท่านของตนนั้นไม่เหมือนทุกที มันไม่ใช่แค่เย็นชา ดุดันหรือเฉยเมยตามฉบับไท่เหวิน ทว่ามีบางอย่างที่อ่อนลงราวกับผู้ชายธรมดาคนหนึ่งที่ยอมเฝ้ามองผู้หญิงของตัวเองได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องพูดสักคำเดียว

จงเซ่อไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงยืนอยู่เงียบ ๆ แต่ก็สามารถเข้าใจความคิดของลี่ถิงที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ และบางทีนี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ใครต่อใครในบ้านนี้ยอมจงรักภักดีต่อเหวินเจิ้งอย่างไม่มีเงื่อนไข

เพราะยามรัก เขาไม่เคยรักง่าย ๆ แต่เมื่อรักแล้วก็สามารถมอบให้ทั้งใจได้เลยเช่นกัน…

หลายเดือนผ่านไป

ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปอย่างไม่รู้ตัว ความอบอุ่นภายในคฤหาสน์ตระกูลไท่ก็ยิ่งทวีขึ้นตามอายุครรภ์ของเหม่ยอิงที่เข้าสู่เดือนที่เก้า ตอนนี้เรียกได้ว่าเธอนั้นเป็นคุณแม่ที่ใครได้เจอต่างก็ต้องเอ็นดู เพราะด้วยทั้งความงามและอ่อนโยนในฉบับคนเป็นแม่ที่เผลอแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ

แม้บางครั้งจะเหนื่อยง่าย ง่วงบ่อย เจ็บหลังหรือสารพัดความยากลำบากที่ต้องเผชิญ ทว่าคุณหนูเหม่ยก็ยังมีรอยยิ้มชวนมองประดับใบหน้าเสมอ แถมยังดูอารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนจนคนในบ้านแทบโงหัวไม่ขึ้นตามเจ้านายของตนไปแล้ว

ในขณะที่เหวินเจิ้งก็ยังเป็นเหวินเจิ้ง แต่คนที่ได้เห็นเขาประคองมือภรรยาในทุกเช้า ช่วยสวมถุงเท้าให้เธออย่างเงียบ ๆ หรือแม้กระทั่งยอมตื่นกลางดึกเพียงเพราะเหม่ยอิงอยากกินกล้วยราดนม ภาพเหล่านี้อาจดูไม่คุ้นตา ทว่ามันก็เกิดขึ้นจริงในตลอดหลายเดือนมานี้

คืนหนึ่งในขณะที่เหวินเจิ้งประคองกอดภรรยาไว้แนบอก ไออุ่นคุ้นเคยทำให้คุณแม่มือใหม่หลับอย่างสบายอยู่นั้น จู่ ๆ เหม่ยอิงก็ยกมือขึ้นบีบท่อนแขนเหวินเจิ้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาทว่าแทรกไปด้วยความเจ็บปวดและสั่นเครือ

“คุณเหวิน…ปวดท้อง อิงปวดท้อง” เหวินเจิ้งสะดุ้งตัวขึ้นเหมือนคนเปิดสวิตช์ ดวงตาดุดันสั่นไหวขณะหนึ่งด้วยความตกใจ เขารีบกระชากผ้าห่มออกแล้วประคองภรรยาไว้ทันที

“อาเหม่ย?”

“อึก…เหมือนจะคลอดเลย” เสียงนั้นแผ่วเบาเสียจนเกือบไม่ได้ยิน ทว่าเหวินเจิ้งก็ได้ยินชัด เขาเบิกตากว้าง และในเสี้ยววินาทีนั้นก็รีบลุกขึ้นพร้อมสุรเสียงตะเบ็งคำสั่งชัดเจนกับลูกน้องที่ให้เตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลาที่หน้าห้องนอน

“ใครอยู่ข้างนอก เรียกหมอ! เตรียมรถ!” พลันทั้งคฤหาสน์และโลกทั้งใบของเหวินเจิ้งที่เคยเงียบสงบก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

และในค่ำคืนนั้นเอง ที่เหวินเจิ้งตระหนักได้ว่าวินาทีการเป็นพ่อกำลังมาถึงแล้วจริง ๆ

หน้าห้องคลอดนั้นมีทั้งหวังฝู ฉีถง ลี่ถิง และจงเซ่อ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ ทว่าภายในใจนั้นต่างกำลังสวดภาวนาอย่างเต็มที่

ให้แลกอะไรก็ได้แต่ขอให้เหม่ยอิงและคุณหนูน้อยปลอดภัย…

เสียงรองเท้าดังมาตามทางละสายตาคนทั้งหมดให้หันไปมอง เหวินเจิ้งเดินเข้ามาด้วยชุดปลอดเชื้อเต็มตัวสีอ่อนสะอาดตัดกับร่างสูงสง่า เขาสวมหน้ากากและหมวกที่ปิดหน้าไปเกือบครึ่ง ทว่าก็ยังเห็นดวงตาคมได้ชัดเจน ยามนี้ในแววตาเต็มไปด้วยความกังวล

“ฉันฝากด้วยนะอาเหวิน” เสียงของหวังฝูทำให้เขาหันไปมอง เหวินเจิ้งพยักหน้ารับเบา ๆ เมื่อแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องคลอด วินาทีนั้นหัวใจผู้ที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกก็เต้นแรงไม่แพ้กัน

ภายในห้องเต็มไปด้วยมวลอารมณ์ที่ยากจะอธิบาย เหวินเจิ้งก้าวไปหาภรรยาทันที สีหน้าของเหม่ยอิงยามนี้ซีดเซียว เหงื่อไหลซึมเต็มกรอบหน้า เมื่อเธอเห็นสามีมือบางรีบคว้ามือเขาไปจับไว้แน่น แววตาเต็มไปด้วยความกังวล แต่พอเห็นเหวินเจิ้งอยู่ข้าง ๆ กันก็อุ่นใจ

“อาเหม่ยคนเก่ง” เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว เหวินเจิ้งอยากรับความเจ็บปวดนั้นมาให้ตัวเองอย่างมาก พอเห็นภรรยาทรมาน ใจเขาก็กระตุกวูบ

“หายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ เป่าออกแบบนี้นะคะคุณเหม่ยอิง” พยาบาลช่วยแนะนำวิธีการหายใจที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บและเกร็ง เหวินเจิ้งที่เห็นแบบนั้นก็ทำตามภรรยา ราวกับอยากช่วยแบ่งเบาความทรมานนี้ไปพร้อมกับเธอ

เหม่ยอิงสูดลมหายใจลึก ทั้งร่างสั่นระริก มันเจ็บเสียจนสมองขาวโพลนไปหมด ดวงตาก็พร่าเบลอ ในนาทีนั้นเธอได้ยินเสียงคุณหมอและพยาบาลสลับกันไปมา แต่ไม่สามารถจับใจความได้ว่าพูดอะไรอยู่ หางตาก็เห็นสีหน้าเหวินเจิ้งที่เป็นห่วงกันอย่างมาก เขาบีบมือเธอไว้แน่น

“ดีมากค่ะคุณเหม่ยอิง แบบนั้นค่ะ” เสียงของคุณหมอยังพูดอยู่เป็นระยะ สลับกับสัมผัสของสามีที่พยายามปลอบโยนกัน เหม่ยอิงรู้ได้เลยว่าเหวินเจิ้งพยายามทุกทางที่อยากจะช่วยแบ่งปันความรู้สึกนี้ไปกับเธอ บ่ากว้างถึงกับสั่นไหวไปชั่วขณะหนึ่ง

เวลาและจังหวะบีบหัวใจดำเนินต่อไปสักระยะหนึ่ง คุณหมอพยายามช่วยให้สัญญาณในการเบ่งคลอด กระทั่งห้วงเวลาแสนยาวนานเหล่านั้นสิ้นสุดลง เมื่อเสียงทารกชำแรกเข้ามาในโสตประสาทของสามีภรรยาตระกูลไท่ เหวินเจิ้งเบือนหน้าไปทางปลายเตียงด้วยแววตาสั่นระริก โลกทั้งใบของเขาเหมือนหยุดลงไปเสี้ยวนาที

“หนูน้อยเพศหญิง…แข็งแรงทั้งแม่และเด็กนะคะ” เหวินเจิ้งหันกลับมาทางเหม่ยอิง ก่อนโน้มหน้าผากลงแตะกับหน้าผากภรรยา เขาทั้งดีใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน

“ขอบคุณนะครับ” เขาเอ่ยเสียงเบา ทว่าคนงามก็ได้ยินชัด ริมฝีปากยกยิ้มบาง ๆ ด้วยความเจ็บผสมกับความเหนื่อยล้า

หนูน้อยถูกห่อตัวด้วยผ้าห่มสีอ่อนก่อนพยาบาลจะอุ้มมาให้ที่อกเหม่ยอิง ร่างบางยกยิ้มพลางมองลูกสาวด้วยน้ำตา ไม่ต่างจากเหวินเจิ้งที่ทำตัวไม่ถูก เขาดูประหม่ามากจนน่าขำเลยทีเดียว

“อาหมวย ในที่สุดก็ได้เจอกัน” เสียงหวานแหบพร่า เหม่ยอิงเริ่มงัวเงียจนอยากหลับ แต่ก็ยังอยากคุยกับลูกสาวต่ออีกนิด ใบหน้างามแม้มีเหงื่อไหลซึม ทว่ากลับยินดีที่มันเป็นเช่นนั้น ตลอดระยะเวลาเก้าเดือนกับความอดทนแสนยาวนาน ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง

เหวินเจิ้งมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย มือหนาวางที่แผ่นหลังเล็กของลูกสาวเบา ๆ เขาแทบไม่กล้าจับด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าแรงของตนจะทำให้เธอบาดเจ็บได้

ไท่เหวินเจิ้งผู้ผ่านการทำงานมาทุกรูปแบบ ต้องปกครองลูกน้องทั่วหล้า ต้องบริหารบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อย ไหนจะเจอมรสุมชีวิตมาจนนับแทบไม่ไหว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่า การเป็นพ่อคนอาจเป็นงานที่เขายากจะควบคุมที่สุด

“เฮียจะปกป้องพวกเธอให้ดีที่สุด” กว่าจะควานหาเสียงตนเองได้ก็ผ่านไปหลายนาที เหม่ยอิงช้อนตามองร่างสูง หากเป็นเหวินเจิ้งเธอก็ไม่มีข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น

“คุณจะต้องทำได้ดีแน่”

“…”

“สามีของอิงเก่งจะตายไป” ว่าจบความอ่อนเพลียก็ทำให้เหม่ยอิงผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น เป็นวินาทีเดียวกับที่เหวินเจิ้งปล่อยความอ่อนแอออกมาเป็นครั้งแรก

หยาดน้ำตาหนึ่งเม็ดร่วงลงสู่ข้างแก้มภรรยา เหวินเจิ้งฟุ่บหน้าลง มือหนาประคองลูกสาวไว้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยบอกรักคนงามซ้ำ ๆ และทอดมองผู้หญิงทั้งสองคนผู้เป็นดวงใจด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่กว่าครั้งไหน ๆ

และต่อจากนี้ไป เขาก็พร้อมจะสร้างครอบครัวไปกับทั้งคู่แล้วจริง ๆ

ใช้เวลาสักพักใหญ่เหม่ยอิงก็ถูกย้ายไปยังห้องพักฟื้น เหวินเจิ้งปล่อยให้ภรรยาพักผ่อน ส่วนตนก็เอาแต่ไปยืนเฝ้าลูกสาวหน้าห้องของเด็กแรกเกิด ดวงตาสีไม้สนแทบไม่ละสายตาไปมองสิ่งอื่นใด ราวกับว่าให้ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งวันก็ยินดี

“คุณเหวิน ยินดีด้วยนะครับ” กระทั่งเสียงของลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้น จงเซ่อยิ้มให้เขา ซึ่งเหวินเจิ้งก็พยักหน้ารับ เขาทิ้งเวลาไปครู่หนึ่งก่อนเริ่มพูด

“นายเคยถามฉันนี่…ว่าถ้าฉันมีทายาทสักคนจะเป็นยังไง” จงเซ่อก้มหน้าลงเล็กน้อย แน่นอนว่าเขายังจำได้ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เหวินเจิ้งพูดต่อ

“ฉันเพิ่งเข้าใจว่าทำไมถึงมีคำถามไร้สาระแบบนั้นออกมาจากปากนาย”

“…”

“เพราะเวลามีลูก เขารู้สึกแบบนี้กันสินะ” ยามนั้นจงเซ่อก็เลื่อนสายตาขึ้นมองเสี้ยวใบหน้าของเจ้านายตัวเอง เขาแน่ใจว่าตลอดหลายปีที่ทำงานกับคนผู้นี้มา เขาไม่เคยได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของเหวินเจิ้งเลยสักครั้ง ดวงตานั้นทอแสงความภาคภูมิใจไว้จนล้น และจากคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกให้ใครเห็น ยามนี้กลับยอมระบายความนึกคิดออกมาโดยง่าย

“เพิ่งได้รู้ว่าการมีครอบครัวมันดีถึงขนาดนี้” คนฟังเม้มปากแน่น มวลอารมณ์ผสมกันจนอยากร้องไห้และยิ้มในเวลาเดียวกัน ทว่าสุดท้ายจงเซ่อก็ยกยิ้ม สิ่งที่เด่นชัดในความรู้สึกยามนี้คือภูมิใจในไท่เหวินเจิ้งอย่างมาก

ทั้งสองคนยืนคุยกันได้ไม่นาน เหวินเจิ้งก็มีสายโทรศัพท์เข้า ซึ่งก็คือหยุนโจว และพอเขารู้ว่าเหม่ยอิงและลูกคลอดอย่างปลอดภัยแล้วเขาก็แสดงความยินดีมาทันที ก่อนเอ่ยว่าจะรีบมาหา

“จะเอาสัญญาไปให้เซ็นด้วย…ตระกูลไท่อยากจะเป็นหุ้นส่วนธุรกิจอาวุธฉันสักกี่หุ้นดีล่ะ” ไม่วายเอ่ยล้อเลียนเหวินเจิ้งมาเป็นของแถม ก่อนจะหัวเราะท้ายประโยคอย่างชอบอกชอบใจ

กรรมของพวกคนหัวแข็งและเย็นชา เป็นต้องตกม้าตายเพราะได้ลูกสาวทุกที หยุนโจวเดาไม่ผิดหรอก!

หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอีกหลายชั่วโมง เหม่ยอิงตื่นขึ้นพร้อมกับที่พยาบาลที่เข็นรถเข็นทารกมาให้ ฉีถงและหวังฝูดีใจจนมือสั่น พวกเขาเอาแต่มองหลานสาวทั้งยังเอ่ยชมไม่ขาดปาก

“น่ารักน่าชังเหมือนตอนอาเหม่ยเด็ก ๆ ไม่มีผิด” ฉีถงว่าพลางปาดน้ำตาเล็กน้อย

“ผิวก็ขาวราวไข่มุก ปากนิดจมูกหน่อย ทำให้คิดถึงอาเหม่ยตอนเด็กเสียจริง” หวังฝูพูดเสริม ในขณะที่เหวินเจิ้งยืนเงียบแต่ก็ยืดอกพอใจในทุกคำชม

เดี๋ยวก่อนพ่อคุณ…เขาไม่ได้ชมตัวเองหรือเปล่า?

“ว่าแต่ตั้งชื่อหรือยังล่ะอาเหวิน” หวังฝูหันมาถาม ซึ่งทั้งเหวินเจิ้งและเหม่ยอิงก็ส่ายหน้าพร้อมกัน

“ป๊าอยากตั้งหรือเปล่าคะ?” เหม่ยอิงถาม ทว่าหวังฝูก็ปฏิเสธ

“คงไม่ต้องแล้วมั้ง ดูอาเหวินจะมีชื่อในใจแล้วไม่ใช่หรือ” สิ้นประโยคร่างบางก็หันกลับมามองสามีที่นั่งกุมมือเธออยู่ข้างเตียง เหวินเจิ้งยกยิ้มเล็ก ๆ ก่อนยืนขึ้นแล้วก้าวไปหาลูกสาว มือหนาค่อย ๆ ขยับลงแตะที่นิ้วป้อมแสนบอบบางของเธอ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“เจินจู”

เหม่ยอิงมองภาพตรงหน้าเงียบงัน ถ้อยคำที่เอ่ยสลักออกมาเป็นชื่อของลูกสาวเธอนั้นมันไพเราะไม่หยอก และเหมือนเจ้าตัวก็จะพึงพอใจเช่นกัน เพราะเมื่อบิดาเอ่ยชื่อนั้น เจินจูที่กำลังหลับพริ้มก็ขยับตัวเล็กน้อย

“แปลว่าไข่มุก เพราะเจินจูคือของขวัญล้ำค่าที่สุดสำหรับผมและอาเหม่ย” ภายในห้องเกิดความเงียบไปขณะหนึ่ง หวังฝูและฉีถงมองหน้ากัน แม้ไม่ต้องพูดอะไรแต่ทั้งคู่ก็เข้าใจกันได้

หลังจากนี้พวกเขาคงไม่ต้องห่วงลูกสาวและหลานสาวอีกแล้วสินะ…

“เป็นชื่อที่เหมาะมากจริง ๆ ผิวก็ขาวเหมือนไข่มุก แถมจะเรียกอาจูหรือหมวยเจินก็คล่องปาก” ฉีถงเป็นคนเริ่มพูดขึ้น ซึ่งหวังฝูก็พยักหน้าเห็นด้วย

“อาเหม่ยชอบไหม” เหวินเจิ้งหันไปถามภรรยา และแน่นอนว่าเหม่ยอิงชอบมาก เรียกได้ว่าตกหลุมรักครั้งแรกที่ได้ยินเลย

“อื้อ เพราะมากค่ะ” เธอตอบ ก่อนขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อย เป็นจังหวะเดียวกับที่เหวินเจิ้งประคองลูกสาวขึ้นมาในอ้อมแขนและเดินมาหากัน ร่างสูงโปร่งและบึกบึนกับลูกสาวที่ตัวเล็กเสียจนราวกับจะหายไปในอ้อมแขนเหวินเจิ้งได้ตลอดเวลา ทว่าก็ไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะเธอจะปลอดภัยอย่างมากในอ้อมแขนของปะป๊า

เหวินเจิ้งนั่งลงที่เตียงข้างภรรยา เหม่ยอิงโน้มตัวเข้าไปใกล้ มือขาวเอื้อมแตะเจินจูที่ยังคงหลับอยู่ เป็นอย่างที่ฉีถงพูด เพราะลูกสาวเธอนั้นผิวขาวดั่งไข่มุก หน้าตาจิ้มลิ้มคล้ายเหม่ยอิง ทว่าหากลืมตา ก็จะเห็นว่าสีดวงตาของเธอนั้นเหมือนบิดาหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น เรียกได้ว่าหยิบยกความเหมือนของพ่อแม่ไปอย่างละครึ่ง

“อาหมวยเจิน” เหม่ยอิงลองเรียก พอเห็นลูกสาวขยับตัวตามเสียงก็หลุดยิ้ม

“ฉลาดเหมือนเธอ” ไม่วายโดนสามีเอ่ยยกยออีกครั้ง หวังฝูและฉีถงที่เห็นดังนั้นจึงค่อย ๆ ปลีกตัวออกจากห้อง ปล่อยให้ทั้งสามคนได้ใช้เวลาครอบครัวอยู่ด้วยกัน

“ก็ลูกสาวอิงนี่คะ”

“หึ” เหวินเจิ้งมองภรรยาที่เชิดหน้าอย่างภูมิใจ เขาขยับตัวจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งครั้ง ก่อนถามว่ายังเจ็บอยู่หรือเปล่า

“อื้อ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว ถ้าได้กอดลูกสาวน่าจะหาย” เหม่ยอิงพูดอย่างน่ารัก เหวินเจิ้งจึงใช้มือข้างหนึ่งค่อย ๆ ประคองภรรยาเข้ามาชิด

“กอดกันทั้งสามคนเลยดีไหม” ความอบอุ่นห้อมล้อม เหม่ยอิงซุกหน้าลงกับอกกว้างของสามี มือขาวก็จับมือเล็ก ๆ ของอาหมวยเจินไว้

“ดีจัง” เสียงหวานพูดเบาหวิว เหม่ยอิงปิดเปลือกตาลง ร่างกายกำยำของเหวินเจิ้งยามนี้จึงเป็นที่พักพิงให้กับภรรยาและลูกสาว มันทั้งอบอุ่นและปลอดภัย

“เฮียรักพวกเธอมากนะ” เขาพูด นัยน์ตาหลุบมองดวงใจทั้งคู่ในอ้อมแขน ได้ยินเสียงอ้อแอ้ของลูกสาวตอบกลับมา ราวกับจะตอบรับว่าตนก็รักบิดาไม่ต่างกัน

ความเงียบเข้าปกคลุม รู้ตัวอีกทีทั้งแม่และลูกก็หลับพริ้มคาอกเขาไปเสียแล้ว เหวินเจิ้งยกยิ้มกับภาพนั้น ก่อนประคองภรรยาให้นอนให้สบายขึ้น กดริมฝีปากจูบเธอหนึ่งครั้ง จากนั้นก็อุ้มลูกสาวกลับมาตรงที่นอน เขายังไม่กล้าจูบหรือหอมเพราะเด็กทารกยังมีภูมิต้านทานต่ำ จึงทำแค่แตะหน้าผากเบา ๆ

ตลอดหลายชั่วโมงที่รอสองคนแม่ลูกนอนหลับ เหวินเจิ้งแทบไม่ขยับตัวทำอะไรเลย เขาเอาแต่นั่งมองด้วยความอิ่มใจ

จะว่าเขาบ้าก็ได้ แต่เหวินเจิ้งยามนี้เห่อลูกสาวและคลั่งรักภรรยามากเกินไปจริง ๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 4 หนึ่งวันกับเจินจู

    ไท่เจินจู เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีดวงตากลมโตสีน้ำตาลสวยเป็นเอกลักษณ์ เส้นผมหยักศกนิด ๆ เป็นสีน้ำตาลอ่อนเฉดเดียวกับดวงตา ใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย คิ้วเรียวโค้งได้รูปเสริมให้ใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งละม้ายคล้ายผู้เป็นแม่เข้าไปใหญ่ และที่สำคัญที่ไม่ว่าใครได้พบเป็นต้องชม คือผิวเนียนขาวราวไข่มุกตามความหมายชื่อของเจ้าตัว ตอนนี้เธออายุได้หกขวบแล้ว เป็นช่วงที่อยู่ในวัยเจื้อยแจ้ว ช่างสังเกต และมีคำถามมากมายเต็มหัวสมกับวัยเจ้าหนูช่างจ้อ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อยากรู้ไปเสียหมด ตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ไปจนถึงเรื่องที่ปะป๊ามักแอบจุ๊บหม่าม๊าในตอนที่คิดว่าไม่มีใครเห็น แม้จะซนเกินเด็กผู้หญิงไปบ้าง แต่เจินจูก็เป็นพลังงานที่ใสซื่อของเหวินเจิ้งและเหม่ยอิง รวมถึงคนอื่น ๆ เช่นหวังฝูและฉีถง หรือแม้กระทั่งสาวใช้ในบ้าน เพราะยามเสียงสดใสนั้นเอ่ยว่า ‘รักป๊าที่สุดในโลก’ ‘หม่าม๊าสวยเหมือนเจ้าหญิง’ ‘คุณยายขา อาจูอยากนอนด้วย’ ‘พี่การ์ด อาจูขอจ๊อกโกแลต’ อะไรแบบนั้นก็ทำให้ใครต่อใครพร้อมใจกันหลงรักหนูน้อยคนนี้หัวปักหัวปำ แม้กระทั่งชายฉกรรจ์แบบบอดี้การ์ดหน้าโหดของเหวินเจิ้งก็ไม่อาจสู้ได้ งานอดิเรกของคุณหน

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 3 เหม่ยอิงกับผ้าปิดตา

    หลังจากที่รู้ว่าเหวินเจิ้งโกรธกัน เหม่ยอิงก็ต้องล้มเลิกการไปงานเลี้ยงในคืนนี้แล้วหาวิธีง้อสามีแทน “คุณเหวินล่ะ?” เธอเอ่ยถามหลันที่เพิ่งลงมาจากชั้นสอง “กำลังพาคุณหนูจูเข้านอนค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณหนูเหม่ยต้องไปงานเลี้ยงอีกคืนใช่ไหมคะ? งั้นให้ฉันช่วยเตรียมชุดดีไหมคะ” เหม่ยอิงส่ายศีรษะก่อนตอบ “ไม่ไปแล้วล่ะ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” ถึงจะงง ๆ แต่หลันก็ยอมค้อมศีรษะรับคำสั่ง เมื่อคล้อยหลังสาวใช้คนสนิทไปแล้ว เหม่ยอิงก็พรูลมหายใจและครุ่นคิดกับตัวเอง เธอควรจะเอาใจเหวินเจิ้งอย่างไรดี? คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวรู้ว่าหากสามีกำลังกล่อมลูกนอนก็คงจะใช้เวลาสักพักหนึ่ง ในระหว่างนี้เธอก็เลยกลับเข้าห้องนอนใหญ่ ในโซนสำหรับไว้แต่งตัวนั้นยังพบชุดที่ลี่ถิงเตรียมไว้ให้สำหรับงานคืนนี้ “ดูท่าแกคงต้องกลับไปนอนในตู้อีกครั้งแล้วล่ะ” เสียงหวานว่าแกมหัวเราะเจื่อน ๆ ทว่าในตอนที่กำลังเก็บชุดนั้น เหม่ยอิงก็ต้องผงะไปเมื่อเจอของที่อยู่ด้วยกัน มันคือชุดชั้นในลูกไม้เข้าเซ็ท พร้อมกับถุงน่องสีดำ… ร่างขาวเม้มปากแน่น ปลายนิ้วเรียวยังแตะอยู่ที่ดีเทลของลูกไม้ในผ้าผืนบางนั้น ในใจก็เริ่มครุ่นคิดไปเรื่อย ก่อนดวงตาก

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 2 อย่าทำให้สามีหึง

    เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา หมู่นี้นายหญิงเหม่ยอิงจึงมีงานล้นมือเป็นพิเศษ เธอต้องคิดทั้งคอลเลคชั่นใหม่ต้อนรับเทศกาล และออกแบบแพ็กเกจแบบใหม่ด้วยตัวเอง “ยังไงฉันก็อยากให้ลวดลายของกล่องมีสัญลักษณ์กวางเรนเดียร์” เสียงหวานยามนี้เคร่งขรึม เหม่ยอิงกำลังหารือกับเหล่าลูกน้องที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนต่างช่วยเสนอไอเดียเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของเธอ “ค่ะ งั้นดิฉันคิดว่า…” “ครับ ทางผมก็มีเรื่องเสนอ…” ร่างบางกวาดสายตามองตามสไลด์ที่พนักงานกำลังอธิบาย บางไอเดียก็ดูน่าสนใจ ทว่าก็ยังมีหลายเรื่องให้ต้องปรับปรุง การคุยงานผ่านไปอีกเป็นชั่วโมง กระทั่งได้ข้อสรุปที่ทำให้สีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เธอจึงเอ่ยปิดวาระการประชุม ดวงตากลมโตดูเหนื่อยล้านิด ๆ จนลี่ถิงต้องเอ่ยถามอย่างห่วงใย “พักสักหน่อยดีไหมคะคุณหนูเหม่ย” คนงามส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวออกแบบเสร็จแล้วค่อยพักทีเดียว” เมื่อห้ามไม่ได้ก็มีแต่จะต้องช่วยให้นายหญิงไม่กดดันตัวเองเกินไปก็เท่านั้น ลี่ถิงจึงจัดการเตรียมน้ำชาและขนมมาไว้ให้ เผื่อเหม่ยอิงอยากพักก็จะได้ทานได้ทันที “ฉันจะทำงานรอที่ด้านนอกนะคะ มีอะไรเรียกได้ตลอดเวลาเลยค่ะ” “ขอบคุ

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 1 อดีตของผู้ชิงชังภรรยา

    หลายปีก่อน ว่ากันว่าในทศวรรษนี้ หากพูดถึงคนกุมอำนาจและชายผู้มีอิทธิพลที่สุดในปักกิ่ง เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตระกูลไท่ ประมุขคนปัจจุบันนามว่าไท่เหวินเจิ้ง ชายผู้เพียบพร้อมทั้งเรื่องรูปลักษณ์ ชาติตระกูลและการศึกษาที่ทำให้สเปคผู้หญิงจีนเกินครึ่งสูงจนติดเพดาน ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นก็ย่อมแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่างเสมอ นั่นก็คือนิสัยอันเลื่องชื่อของเขาที่ทำให้ใครหลายคนต้องยกธงขอยอมแพ้ ความเย็นชาที่ไม่เปิดช่องให้ใครก้าวข้ามเข้ามาได้ง่าย ๆ แต่แล้วในช่วงเวลาที่หลายตระกูลชิงดีชิงเด่น พยายามขายลูกสาวกันสุดฤทธิ์ จู่ ๆ ก็เกิดการประกาศแต่งงานของไท่เหวินเจิ้งแบบสายฟ้าแลบ! ‘ว่าที่เจ้าสาวของไท่เหวินเจิ้งคือคุณหนูจากตระกูลจ้าว…จ้าวเหม่ยอิง’ ทันทีที่มีหัวข้อนั้นเผยแพร่ออกไป เสียงส่วนมากก็คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างจ้าวเหม่ยอิงน่ะหรือคือว่าที่ภรรยาของเหวินเจิ้ง? นิสัยฝั่งสามีเลื่องชื่อยังไง อีกฝั่งทางภรรยาก็ไม่แพ้กัน คุณหนูจ้าวเหม่ยอิงผู้เป็นนางร้ายแห่งยุค ไม่ว่าขยับตัวทำอะไรก็ดูจะเป็นข่าวได้เสียหมด…โดยเฉพาะข่าวไม่ดี แม้ใบหน้าของเธอคนนั้นจะงดงามจนผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา หรือรูปร่าง

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนจบ กันและกันตลอดไป

    ข่าวเรื่องทายาทตระกูลไท่ถูกพูดถึงอย่างมากในหลายสัปดาห์นี้ มีตระกูลน้อยใหญ่ส่งของขวัญมาให้มากมายจนเหล่าสาวใช้แทบจะช่วยกันรับไม่หวาดไม่ไหว เหม่ยอิงอยู่ในช่วงพักผ่อนหลังคลอด งานใด ๆ หรือธุรกิจใด ๆ ถูกเหวินเจิ้งสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเป็นอันขาด ส่วนเขาก็เป็นคนคอยดูแลแทนทั้งหมด “ของขวัญชิ้นสุดท้ายของรอบเช้าค่ะคุณหนูเหม่ย” “ขอบคุณจ้ะ” เหม่ยอิงหันไปตอบอาหลันที่วางกล่องของขวัญชิ้นสุดท้ายเสร็จ ในอ้อมแขนคนงามกำลังประคองเจินจูพลางกล่อมนอน คุณหนูน้อยหลับตาพริ้ม ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก “เสร็จแล้วใช่ไหม นั่งเล่นในนี้ก่อนก็ได้นะ” เหม่ยอิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ที่นี่คือห้องของเจินจูที่เหวินเจิ้งสั่งทำใหม่เป็นพิเศษ เขาทุบสองห้องเข้าด้วยกัน พื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยของใช้เด็กอ่อน ทั้งเตียงทั้งตู้ก็สั่งทำไว้เรียบร้อย เรียกได้ว่ามีใช้ยันอายุเจ็ดขวบเลยทีเดียว หลันนั่งลงข้างกัน เธอมองเจินจูที่ยังหลับอยู่แล้วยกยิ้ม ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสดใส “คุณหนูน้อยน่ารักน่าชังมากเลยค่ะ โตมาจะต้องงามเหมือนคุณหนูเหม่ยแน่เลย” เหม่ยอิงหัวเราะนิดหน่อย “หน้าตาไม่เท่าไหร่หรอก อย่าเอานิสัยหม่าม๊าไปแล้วกันนะอาจู” เธอเอ่

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   บทที่ 29 ครอบครัวของเรา

    ครรภ์ของคุณหนูเหม่ยตอนนี้ล่วงเลยมาถึงห้าเดือนแล้ว จากเดิมที่แค่มีน้ำมีนวล แต่ตอนนี้เหม่ยอิงกลายเป็นคุณแม่ตุ้ยนุ้ยน่าฟัด ไม่ว่าใครอยู่ใกล้ก็อยากกัดแก้มกลมนั้นสักทีให้หายมันเขี้ยว อาการแพ้ท้องของเธอก็ดีขึ้นมาก เหม่ยอิงเริ่มกลับมาได้กลิ่นกุ้ยฮวาได้อีกครั้ง เธอไม่ได้รู้สึกคลื่นไส้บ่อยอีกต่อไป ยิ่งทำให้เจริญอาหารจนท้องกลมแก้มกลม นอกจากเรื่องครรภ์แล้ว หมู่นี้เหม่ยอิงก็เริ่มรู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ กลับมาทีละนิด ภาพแฟลชแบ็คของเหตุการณ์ในอดีตค่อย ๆ ทำให้เธอคุ้นเคยทีละน้อย คุณหมอบอกว่ามันอาจใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็มีสิทธิ์ที่เหม่ยอิงจะได้ความทรงจำทั้งหมดกลับมา ในตอนที่หวังฝูและฉีถงรู้เรื่องนี้ก็ดีใจกันอย่างมาก พวกเขาเอ่ยว่าเด็กในท้องคือพรอันวิเศษและเป็นโชคของเหม่ยอิง “พร้อมหรือยัง?” เสียงของสามีดึงให้คนที่กำลังสวมต่างหูอยู่หันไปมอง เหม่ยอิงพยักหน้ารับ “อื้อ” เหวินเจิ้งมองภาพภรรยาที่สะท้อนในกระจก เหม่ยอิงที่อายุครรภ์เพิ่มขึ้นจนหน้าท้องนูนอาจดูแปลกตาไปบ้าง เพราะปกติแล้วคุณหนูเหม่ยของเขาจะมีทรวดทรงองค์เอวที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ทว่าตอนนี้ร่างบางกลับดูเปลี่ยนไปด้วยความโค้งเว้าของร่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status