แชร์

ตอนพิเศษ 2 อย่าทำให้สามีหึง

ผู้เขียน: กุญแจฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-29 12:42:54

เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา หมู่นี้นายหญิงเหม่ยอิงจึงมีงานล้นมือเป็นพิเศษ เธอต้องคิดทั้งคอลเลคชั่นใหม่ต้อนรับเทศกาล และออกแบบแพ็กเกจแบบใหม่ด้วยตัวเอง

“ยังไงฉันก็อยากให้ลวดลายของกล่องมีสัญลักษณ์กวางเรนเดียร์” เสียงหวานยามนี้เคร่งขรึม เหม่ยอิงกำลังหารือกับเหล่าลูกน้องที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนต่างช่วยเสนอไอเดียเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของเธอ

“ค่ะ งั้นดิฉันคิดว่า…”

“ครับ ทางผมก็มีเรื่องเสนอ…”

ร่างบางกวาดสายตามองตามสไลด์ที่พนักงานกำลังอธิบาย บางไอเดียก็ดูน่าสนใจ ทว่าก็ยังมีหลายเรื่องให้ต้องปรับปรุง

การคุยงานผ่านไปอีกเป็นชั่วโมง กระทั่งได้ข้อสรุปที่ทำให้สีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เธอจึงเอ่ยปิดวาระการประชุม ดวงตากลมโตดูเหนื่อยล้านิด ๆ จนลี่ถิงต้องเอ่ยถามอย่างห่วงใย

“พักสักหน่อยดีไหมคะคุณหนูเหม่ย” คนงามส่ายหน้า

“ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวออกแบบเสร็จแล้วค่อยพักทีเดียว” เมื่อห้ามไม่ได้ก็มีแต่จะต้องช่วยให้นายหญิงไม่กดดันตัวเองเกินไปก็เท่านั้น ลี่ถิงจึงจัดการเตรียมน้ำชาและขนมมาไว้ให้ เผื่อเหม่ยอิงอยากพักก็จะได้ทานได้ทันที

“ฉันจะทำงานรอที่ด้านนอกนะคะ มีอะไรเรียกได้ตลอดเวลาเลยค่ะ”

“ขอบคุณมากจ้ะ” เมื่อคล้อยหลังลี่ถิงเดินออกไปแล้ว เหม่ยอิงก็นั่งลุยร่างแบบของแพ็กเกจต่อคนเดียวในห้อง ทั้งมือที่วาด ทั้งคิ้วที่ขมวดแสดงถึงสมาธิเต็มที่ จนเธอลืมเวลาทานมื้อกลางวันไปเสียสนิท

จนเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ พนักงานชายคนหนึ่งนามว่าซือหาวซึ่งเป็นฝ่ายออกแบบก็มาขอเข้าพบ เขานำแบบร่างที่ตนทำต่อยอดจากไอเดียของเหม่ยอิงมาเสนอให้เธอดู

“คุณหนูเหม่ยครับ ผมลองใส่เขากวางเป็นโลโก้ดู ไม่แน่ใจว่าคุณหนูเหม่ยโอเคไหม” คนงามรับแบบร่างมา ก่อนจะยกยิ้มบาง ๆ อย่างใจดี

“สวยดีนะ ลายเส้นก็เหมาะกับคอนเซปต์ด้วย” คนโดนชมถึงกับกระตือรือร้นทันที เพราะการได้รับการยอมรับจากเหม่ยอิงไม่ใช่เรื่องง่าย เขารีบออกตัวอธิบายถึงสาเหตุที่เลือกสไตล์นี้ ท่าทางดูแข็งขันและไฟแรง เหม่ยอิงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับหลุดยิ้มเอ็นดู เธอตั้งใจฟังที่เขาอธิบาย บรรยากาศระหว่างกันก็ดูเป็นกันเองอย่างมาก

“แล้วที่ผมเลือกสีนี้เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากสีตาของคุณเหม่ย…เอ่อ แหะ ๆ ผมคิดว่ามันสวยดีน่ะครับ” ซือหาวพูดไปก็เกาท้ายทอยไป เขาเองก็เป็นแฟนคลับเหม่ยอิงเช่นกัน ในตอนที่ได้รับการตอบรับให้เข้าทำงานที่นี่ ซือหาวถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว

“หือ ขอบคุณมากนะ” คนงามว่าพลางยกยิ้ม ก่อนจะยื่นแบบร่างของตนให้ชายหนุ่มดูบ้าง

“อันนี้ที่ฉันออกแบบไว้ คิดว่าไง พอจะเอามาผสมกันได้หรือเปล่า” ซือหาวถึงกับตาโต ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิดคือเขาได้เห็นเป็นคนแรกใช่หรือเปล่า? ในฐานะคนออกแบบและในฐานะแฟนคลับเหม่ยอิง ซือหาวรู้สึกเป็นเกียรติที่สุด!

“ไม่ค่อยสวยเหรอ” ทว่าความเงียบนั้นกลับทำให้เหม่ยอิงเข้าใจผิด ซือหาวรีบส่ายหน้ารัว เขารับแบบร่างของเจ้านายตนมาชื่นชมเต็มตา

“สวยมากเลยครับ! ถ้าเป็นผมผมจะเก็บกล่องไว้จนวันสุดท้ายของชีวิต”

“โอเว่อร์ไปแล้ว ฮ่า ๆ แต่ก็ขอบคุณมากนะ” หลังจากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันต่อ เหม่ยอิงยอมรับเลยว่าซือหาวเป็นคนที่มีหัวคิดดีมาก ความสามารถของเขาถ้าไปตกอยู่กับบริษัทอื่นเธอคงต้องเสียใจมากแน่ ๆ

อีกฝั่งหนึ่งทางเหวินเจิ้ง เขาเพิ่งประชุมเสร็จและแวะดูมือถืออย่างอัตโนมัติ วันนี้เขาและภรรยาต้องทำงานแยกกัน แถมเจินจูก็ไปอยู่กับคุณตาคุณยาย

มือหนาเปิดโทรศัพท์ขึ้น สิ่งแรกที่ดูคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้เพื่อดูแลความปลอดภัยในห้องทำงานของเหม่ยอิง ทว่าร่างหนาก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย เพราะภาพที่เห็นคือผู้ชายคนหนึ่งกำลังโน้มตัวชี้อะไรสักอย่างบนกระดาษ ในขณะที่เหม่ยอิงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

“ชิดกันเกินไปไหม?” เขาพึมพำเสียงต่ำ สีหน้าไม่สบอารมณ์จนจงเซ่อถึงกับขมวดคิ้วตาม

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณเหวิน แขกคุณหนูเหม่ยเหรอครับ? ให้ผมสืบให้ไหมครับ” ลูกน้องฝีมือดีอย่างเขาย่อมเข้าใจอารมณ์ของเจ้านายอย่างดี แค่เห็นสายตาของเหวินเจิ้งก็รู้แล้วว่าเขากำลังไม่พอใจ

“ไม่ต้อง ดูจากเสื้อผ้าคงเป็นพนักงานใหม่ของอาเหม่ย”

“เอ่อ…ครับ” จงเซ่อตอบนอบน้อม แต่ก็สงสัยว่าทั้ง ๆ ที่รู้แล้วจะหงุดหงิดทำไม?

“แต่ต่อให้หัวดีแค่ไหน ถ้าเข้ามายุ่งกับอาเหม่ยเกินความจำเป็น ฉันก็คงต้องพิจารณาพนักงานเผื่อไปถึงบริษัทนู้นเลยจริงไหม” คำพูดนั้นทำเอาคนฟังยิ้มมุมปากอย่างห้ามไม่ได้

ที่แท้ก็หึงภรรยานี่เอง…

คนอื่นอาจคิดว่าเหวินเจิ้งเป็นคนเยือกเย็นและสุขุมจนน่ากลัว แต่มีเรื่องเดียวที่เขาไม่มีเหตุผลเลยสักนิด…นั่นก็คือเรื่องของภรรยาเขานั่นแหละ

พอได้คุยกับซือหาวแล้วก็มีไอเดียเพิ่มขึ้นเต็มไปหมด หายเครียดก็เริ่มหิว เหม่ยอิงจึงนั่งพักกินของว่าง ในระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นสามีเธอนี่เอง

“คุณเหวิน” เสียงหวานเอ่ยทัก ทว่าอีกฝั่งกลับแทรกขึ้น

(อยู่กับใคร) คำถามเอ่ยทันทีแบบไม่มีบทนำ น้ำเสียงทุ้มต่ำไม่ได้ห้วน แต่เจือไปด้วยการข่มอารมณ์บางอย่างไว้

“อยู่คนเดียวในห้องทำงานค่ะ” เหม่ยอิงตอบตามจริง เธอวางแก้วน้ำลงแล้วเอนหลังกับพนักเก้าอี้

(เมื่อกี้มีคนเข้าไป?)

“ค่ะ ก็พวกลูกน้อง ลี่ถิงก็เพิ่งเอาของว่างมาให้”

(ใครอีก)

“อืม…ก็ซือหาวค่ะ คุณเหวินคงไม่รู้จัก แต่เขาเป็นพนักงานใหม่ เขาเอาแบบร่างมาให้ดูน่ะค่ะ” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงเรียบ ๆ จะเอ่ยขึ้น

(ดูเก่งดีนะ) เหม่ยอิงชะงักไปเสี้ยววิ เริ่มจับกระแสความแปลกประหลาดนี้ได้ เธอรู้ทันทีว่านั่นไม่ใช่คำชม แต่มันคือคำเตือนต่างหากล่ะ

“คุณดูกล้องวงจรปิดเหรอ”

(ดูความปลอดภัยของเธอ) แต่สีหน้าของเขาตอนนี้คงจะไม่ปลอดภัยแน่นอน เหม่ยอิงได้แต่คิดในใจ

“ก็ไม่มีอะไรค่ะ ซือหาวเป็นแค่เด็กใหม่ที่ขยันดี เขาช่วยอิงได้เยอะเลย”

(ก็อย่าให้ขยันกับภรรยาเฮียมากเกินหน้าที่ก็แล้วกัน) เสียงนั้นดูราบเรื่อย ทว่ากลับทิ้งน้ำหนักแรงกดดันไว้ไม่น้อย เหม่ยอิงที่ได้ฟังถึงกับนิ่งไปเสี้ยววิ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเพราะจับสังเกตได้

“คุณหึงอิงเหรอ?”

(…เปล่า)

“แปลว่าใช่”

(…ไว้เจอกันคืนนี้แล้วกัน) ว่าจบเหวินเจิ้งก็เหมือนจะตัดสายไป แต่เหม่ยอิงรีบรั้งไว้ เธอหลุดขำเล็กน้อยเมื่อรับรู้ปฏิกิริยาของสามีที่กำลังหวงตนอยู่

“อย่าเพิ่งวางสิคะ คุณจะโทรมาแค่นี้เลยหรือไง” ได้ยินเสียงปลายสายถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง

(ไหนบอกวันนี้มีประชุมสำคัญ ทำไมถึงคุยกับเด็กนั่นแค่สองคน)

“เปล่าสักหน่อย อิงประชุมเสร็จตั้งแต่เที่ยงแล้วต่างหาก” เหวินเจิ้งเหมือนยังไม่พอใจอยู่นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรออกมา

“จริง ๆ อิงมีเรื่องจะบอกคุณด้วยค่ะ”

(หืม?)

“คืนนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่ ลี่ถิงก็เลยชวนอิงไปด้วย อิงคิดว่ามันก็ดีที่ได้สนิทกับคนในทีมเร็ว ๆ” คนปลายสายเงียบไปสักพัก กระทั่งเหม่ยอิงต้องถามย้ำ

“คุณเหวินคิดว่าไงคะ อิงกลัวคุณจะดูลูกไม่ไหว”

(เรื่องหมวยเจินไม่ใช่ปัญหา แต่เธอคิดดีแล้วหรือที่จะไปงานเลี้ยง)

“ทำไมคะ ก็คนในทีมของอิงทั้งนั้น”

(รวมถึงเด็กนั่นด้วยใช่ไหม) ดูท่าเหวินเจิ้งจะหงุดหงิดกับซือหาวมากจริง ๆ เหม่ยอิงถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับ

“ไหนบอกไม่หึงคะ?”

(เฮียโกหก พอใจหรือยัง? เพราะงั้นคืนนี้ก็กลับให้ตรงเวลา อย่าให้เหล่ากงของเธอรอนาน และมาอธิบายด้วยว่าเวลาทั้งหมดที่เธอให้คนอื่นน่ะ…มันมากกว่าที่ให้เหล่ากงเธอหรือเปล่า) คำสั่งถูกเอ่ยมายาวยืด ก่อนสายจะตัดไปดื้อ ๆ เหม่ยอิงได้แต่กระพริบตาปริบ และมองมือถือแบบพูดไม่ออก

ไม่กี่นาทีต่อมาลี่ถิงก็เข้ามาอีกครั้ง พอเห็นท่าทีนายหญิงตนเองแปลก ๆ จึงถามขึ้นอย่างห่วงใย

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เหม่ยอิงช้อนตามองสบเธอ ก่อนส่ายหน้า

“เปล่า ๆ แค่คิดว่าคืนนี้ฉันคงอยู่งานเลี้ยงดึกมากไม่ได้น่ะ”

“เสียดายจังเลยค่ะ ฉันได้ยินมาว่ามีแขกวีไอพีมาด้วยนะคะ เป็นถึงบรรณาธิการนิตยสารต่างประเทศ ได้ยินมาว่าเขาชอบลงพวกเครื่องประดับ แถมแบรนด์ไหนที่ได้ลงก็จะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในต่างประเทศด้วยค่ะ” ลี่ถิงพูดยาว ทว่าเรื่องที่พูดก็น่าสนใจไม่น้อย เหม่ยอิงฟังจบถึงกับตาโต

“ทำไมมีคนแบบนั้นมางานเลี้ยงเล็ก ๆ ด้วยล่ะ”

“งานเล็กที่ไหนกันล่ะคะคุณหนูเหม่ย ฉันเห็นว่าไหน ๆ มันก็ใกล้คริสต์มาสแล้วด้วย ก็เลยจะจัดงานเพื่อโปรโมทสินค้าไปด้วยเลยค่ะ พอฉันเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาคุณจงเซ่อ คุณจงเซ่อก็เลยเอาไปแจ้งคุณท่าน แล้วก็ทำเรื่องเบิกงบมาน่ะค่ะ”

“หา? คุณเหวินเป็นคนอนุญาตเหรอ”

“ใช่ค่ะ งบเหลือเฟือจะจัดสักครึ่งเดือนก็ยังได้เลยนะคะ” ลี่ถิงพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ในขณะที่เหม่ยอิงปวดหัวตุบ ๆ จากตอนแรกที่คิดว่าเป็นงานทานข้าวกันเฉพาะในทีม เหตุใดถึงได้ไปไกลขนาดมีแขกวีไอพีมาด้วยเล่า?

กลายเป็นว่าจากที่จะไปแบบสบาย ๆ ก็ต้องแต่งตัวให้สมฐานะเจ้าของแบรนด์ แถมงานในคืนนั้นก็ดันเป็นหนึ่งงานสำคัญที่เหม่ยอิงจะได้เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ของเธอ เหม่ยอิงจึงต้องอยู่รับแขกเสียจนดึก แต่มันก็เป็นที่น่าพึงพอใจเพราะได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม

กระทั่งกลับถึงบ้าน เหม่ยอิงรู้สึกเหนื่อยมากเพราะวันนี้ใช้ทั้งความคิดและพลังงานจนเกือบหมดหลอด และในขณะที่เดินขึ้นบันไดจะเข้าห้องนั้น จู่ ๆ ก็เห็นเหวินเจิ้งยืนรออยู่ที่ด้านบนสุด

“ยังไม่นอนอีกเหรอคะ” ร่างบางยืดตัวตรงพลางถามพร้อมส่งยิ้มน่ารักให้ ทว่าหากดูดี ๆ เหงื่อกลับไหลซึมที่กรอบหน้า แถมยังไม่กล้าสบสายตาสามีตรง ๆ อีก

“ตรงเวลา?” คล้ายจะทวนคำพูดที่เขาเคยสั่งไว้ก่อนหน้านี้ เหวินเจิ้งยกข้อมือที่สวมนาฬิกาแล้วเคาะเบา ๆ ราวกับอยากให้รู้ว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว

“คือแบบนี้นะคะคุณเหวิน” ว่าพลางก็ขยับตัวเดินขึ้นมาให้อยู่ในระดับเดียวกับสามี ทว่าจู่ ๆ เหวินเจิ้งก็ยกมือห้ามไว้

“ดื่มมาด้วย?”

“นะ นิดหน่อยค่ะ” ก็เธอปฏิเสธแขกในงานไม่ได้นี่นา! แต่ก็ดื่มมาแค่แก้วเดียวเองนะ แถมไม่ได้ขับรถเองแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีด้วย

“เฮียไม่ได้พูดชัดเจนไปแล้วหรือว่าคืนนี้เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน” น้ำเสียงนั้นทั้งดุและแข็งกระด้าง จนคนฟังเกือบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“อิงก็นึกว่างานนี้จะเป็นงานเลี้ยงภายในทีมเหมือนกัน แต่ลี่ถิงเพิ่งมาบอกว่าคุณเหวินจ่ายงบให้จัดงานเลี้ยงใหญ่โตเองไม่ใช่เหรอคะ อิงก็เลยต้องอยู่จนดึกไง”

“…”

“เงียบแบบนี้ อย่าบอกนะคะว่าคุณไม่ได้อ่านรายละเอียด” คราวนี้เป็นเหวินเจิ้งที่เบือนสายตาหนี ก็ตอนนั้นเขาได้ยินจงเซ่อพูดว่าเบิกงบให้เหม่ยอิงอะไรสักอย่างนี่แหละ เขาก็เลยเซ็นอนุมัติแบบไม่ได้อ่านอะไรทั้งนั้น

เหม่ยอิงหลุดขำเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าสามีก็มีมุมนี้เหมือนกัน ปกติเหวินเจิ้งออกจะสุขุมและรอบคอบอย่างมาก ทว่าพอเห็นเขาเป็นห่วงแล้วรอกันจนดึก เสียงหวานก็เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด

“อิงขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกคุณตั้งแต่แรก ไม่คิดว่าคุณจะรอจนดึกแบบนี้ด้วย” เหวินเจิ้งยังคงเงียบเพื่อรอฟังภรรยาพูดต่อ

“แล้วก็ขอโทษเรื่องที่ดื่มมาด้วยค่ะ แต่อิงก็ระวังตัวมาก ๆ เลย ครั้งหน้าอิงจะแจ้งทุกอย่างให้คุณรู้ก่อนนะคะ” ว่าจบก็ยิ้มแป้นเพื่อจะให้สามีหายหงุดหงิดลงไปบ้าง เหวินเจิ้งเห็นแบบนั้นก็ลอบถอนหายใจ ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เขาก็แค่มีความขุ่นเคืองเรื่องซือหาวอยู่ในอกจึงพาให้พาลไปถึงเรื่องอื่น

“ไม่ต้องมายิ้ม เฮียรอเธอกลับบ้านตั้งแต่เย็น” เหวินเจิ้งยังดุต่อ ทว่าน้ำเสียงอ่อนลงมากแล้ว

“สรุปให้เฮียคอยเก้อ ทั้งกลับดึกทั้งดื่มเหล้า ไหนจะเรื่องเด็กคนนั้นอีก”

“ซือหาวน่ะเหรอคะ?”

“เฮียไม่ได้อยากรู้ชื่อสักหน่อย”

“นี่หึงจริงเหรอคะ?”

“แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกหรือไง?” ร่างบางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดันตัวกอดแขนสามี พลางเกยคางไว้บนไหล่กว้าง และช้อนสายตามองคล้ายจะออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย” เหวินเจิ้งพูด ก่อนจะฟาดเบา ๆ ที่สะโพกภรรยาเป็นเชิงดุ ทว่าแทบไม่ออกแรงเลยสักนิด ราวกับมีแต่ความเอ็นดูเต็มไปหมด

“ไม่มีอะไรจริง ๆ นะคะ คุณคิดมากเกินไปแล้ว ซือหาวก็แค่กระตือรือร้นกับงานมากไปหน่อย อีกอย่างใครจะอยากยุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้วกันคะ” พูดจบมือขาวก็ยกขึ้นให้ดูแหวนแต่งงานที่นิ้วนางข้างซ้าย ดวงตากลมโตคู่นั้นใสซื่อเสียจนร่างสูงเถียงไม่ออก

“พูดจ้อนักนะ เหมือนหมวยเจินไม่มีผิด” ว่าจบมือหนาก็ยกขึ้นบีบปลายจมูกเธอคล้ายมันเขี้ยว เหม่ยอิงหลับตาปี๋พลางหัวเราะเบา ๆ

“หายโกรธกันแล้วใช่ไหมคะ” ได้ทีก็รีบถามเอาอกเอาใจ พร้อมกับส่งยิ้มน่ารักราวกับไม่ให้เหวินเจิ้งปฏิเสธ

“แล้วเฮียโกรธเธอได้อีกหรือ” คนฟังหลุดขำ ทว่าในจังหวะที่จะผละตัวออกจากเหวินเจิ้ง มือหนากลับกระชับเอวบางแน่นขึ้น พลางโน้มตัวมาใกล้

“อ๊ะ” คนตัวเล็กหลุดร้องด้วยความตกใจ

“ถึงหายโกรธแต่เธอก็ยังมีความผิด เวลาของเธอที่มอบให้เฮียในสองสามวันมานี้น้อยกว่าคนในบริษัทเธออีกไม่ใช่หรือ?”

“ก็ช่วงนี้อิงงานยุ่งนี่คะ มีหลายอย่างให้ต้องจัดการ”

“แล้วเหล่ากงเธอเล่า? ไม่มีอยู่ในแผนของเธอบ้างหรือไง” เหม่ยอิงมีสีหน้าอ่อนลง พอคิดกลับกันดูแล้ว ยามที่เหวินเจิ้งมีงาน ต่อให้ยุ่งแค่ไหนเขาก็จะหาเวลามาให้ภรรยาและเจินจูเสมอ

มือเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอสามี ก่อนจะเกลี่ยปลายนิ้วไปตามท้ายทอยร่างสูงแผ่วเบา

“ทำไมจะไม่มีล่ะคะ จริง ๆ อิงกะว่าจะให้คุณในวันคริสต์มาส” เสียงหวานเอ่ยราบเรื่อย เธอละมือข้างหนึ่งแล้วล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า

เหวินเจิ้งมองตาม ก่อนจะพบว่าสิ่งนั้นคือแหวนแต่งงานของเขาที่เหม่ยอิงยืมไปเมื่อหลายวันก่อน หญิงสาวบอกว่าจะเอาไปทำความสะอาด แน่นอนว่าเขาตามใจภรรยาทุกอย่าง และมอบมันให้เธอโดยไม่ต้องคิด

“ที่จริงแล้วอิงแอบไปทำของเซอร์ไพรส์คุณมาด้วยนะ” ว่าจบปลายนิ้วก็ชี้ให้ดูด้านในของแหวน ซึ่งจะเห็นเป็นข้อความเล็ก ๆ สลักไว้

มันคือลายมือของหมวยเจินที่หัดเขียนชื่อเขาเป็นครั้งแรก

เหวินเจิ้งมองสิ่งนั้นแล้วดวงตาดุดันพลันสั่นไหวครู่หนึ่ง เขารับมันมาพิจารณาใกล้ ๆ และมันก็คือลายมือของลูกสาวจริง ๆ

“อิงยังไม่ได้หากล่องของขวัญมาใส่ดี ๆ เลย”

“…”

“คราวนี้เชื่อหรือยังคะ ว่าเวลาที่อิงมอบให้คุณน่ะมันมากกว่าใครทั้งนั้น” คำพูดน่ารักทำให้เหวินเจิ้งหลุดหัวเราะแผ่ว เขาเอาแต่ทอดมองของขวัญที่ภรรยามอบให้ด้วยสีหน้าพึงใจ

“ก็ได้ เฮียแพ้เธอแล้ว” ว่าจบก็ประคองเอวภรรยามาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง ก่อนจะมอบจุมพิตอย่างรวดเร็ว เหม่ยอิงตกใจเล็กน้อยแต่ก็ตอบรับรอยจูบนั้นอย่างเต็มใจ

“อืมม” เสียงครางดังคลอผะแผ่ว เมื่อโดนสามีดูดดึงกลีบปากคล้ายกำลังมันเขี้ยวเต็มที สัมผัสนั้นเนิบนาบทว่าเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและต้องการทะนุถนอมกัน

เหวินเจิ้งผละตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะกดริมฝีปากย้ำเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นเขาก็สวมแหวนกลับไปที่นิ้วนางดังเดิม

“เฮียชอบของขวัญของเธอมาก ขอบคุณนะ” เหม่ยอิงยิ้มกว้าง พอเห็นว่าสามีหายโกรธแล้วก็เอ่ยทีเล่นทีจริง

“วันนี้อิงเหนื่อยมากเลย คืนนี้ขอไปนอนกอดอาจูได้ไหมคะ”

“ไม่ใช่ว่าเธอต้องชดเชยเวลาให้สามีหรือไง”

“งั้น…พวกเราไปนอนกอดอาจูกันดีไหมคะ”

“อาเหม่ย” เหวินเจิ้งเรียกชื่อเธอเบา ๆ อย่างระอาใจเมื่อรู้ตัวว่าถูกแกล้งอีกแล้ว ในขณะที่เหม่ยอิงหัวเราะคิกคัก ใบหน้าซุกลงกับอกกว้างอย่างอารมณ์ดี

ร่างสูงมองคนในอ้อมแขนด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะโน้มลงหอมเส้นผมนุ่มเธอเบา ๆ แล้วกระชับกอดแน่นขึ้น

สุดท้ายในคืนนี้เขาก็ไม่ได้รังแกภรรยาอย่างที่เธอคิดไว้ เพราะรู้ดีว่าเหม่ยอิงเหนื่อยมาทั้งวัน และในยามที่ภรรยาหลับปุ๋ย ร่างสูงก็เอาแต่นอนมองใบหน้าน่ารักนั้นอย่างอ่อนใจ

ทว่าเหม่ยอิงคงไม่รู้หรอกว่า…ศึกของจริงมันกำลังรอเธออยู่ในวันพรุ่งนี้ต่างหาก

วันถัดมา

ใครจะไปคาดคิดว่าหลังจากเมื่อวานที่เพิ่งง้อสามีได้ วันนี้เหม่ยอิงกลับต้องมาหูตกอีกครั้ง ก็เพราะข่าวงานเลี้ยงเมื่อวานเพิ่งถูกปล่อยภาพออกมา

มันเป็นรูปที่เหม่ยอิงในชุดเดรสแหวกหลังสีแดงเข้มเหมาะกับสีเทศกาล ยืนโดดเด่นในหมู่แขกเหรื่อ แต่หนึ่งในหลายรูปนั้นคือเธอกำลังยืนคุยกับชายต่างชาติคนหนึ่ง เขาโน้มตัวมาคุยใกล้ ๆ และเหมือนว่าเหม่ยอิงกำลังส่งยิ้มให้เขา…

นี่หรือเปล่าคือบาปกรรมของคนที่เมื่อก่อนชอบหาเรื่องกับสื่อข่าวบ่อยนัก?

“เจ้านั่นเป็นใคร?” ทันทีที่เข้ามาในห้องทำงานของเหวินเจิ้ง ร่างบางก็ต้องสะดุ้งตัวโยน เพราะทั้งน้ำเสียงและรังสีกดดันถาโถมเข้ามาทันทีที่เขาเห็นภรรยา

เหม่ยอิงคาดไว้แล้วว่าเหวินเจิ้งจะต้องเห็นแล้วแน่นอน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วถึงขนาดนี้

“บรรณาธิการนิตยสารจากต่างประเทศค่ะ เขาชมว่าชอบธีมงานที่อิงออกแบบแล้วก็ถามถึงไอเดียนิดหน่อย”

“แล้วต้องพูดใกล้ขนาดนั้นเลยหรือไง?”

“ไม่ได้ใกล้สักหน่อย ตอนนั้นเสียงมันดังเขาก็เลยต้องถามย้ำก็แค่นั้นเอง” เหวินเจิ้งไม่ตอบรับ ดวงตาเข้มยังฉายความหงุดหงิด คิ้วก็ยังขมวดแน่น จนเหม่ยอิงต้องพูดอีกครั้ง

“ไม่มีอะไรจริง ๆ นะคะ เขาถามเสร็จก็ไปให้สัมภาษณ์สื่อเลย” แน่นอนว่าเหวินเจิ้งเชื่อที่ภรรยาพูดทุกคำ แต่เขาแค่ไม่ใจกว้างพอจะเห็นรูปภาพอะไรแบบนี้

รูปผู้ชายที่ได้ถ่ายคู่กับเหม่ยอิงต้องเป็นเขาคนเดียวเท่านั้น…

“แล้วงานเลี้ยงคืนนี้อีกคืนคืออะไร?”

“อ๋อ ลี่ถิงบอกว่ามีสองวันน่ะค่ะ” จริง ๆ เหม่ยอิงก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้ ในตอนแรกเธอกะว่าจะมาชวนสามีไปด้วย แต่ดูท่าแล้วเขาคงหงุดหงิดไม่หายเป็นแน่

“แต่คืนนี้อิงไม่ไปก็ได้นะคะ”

“ช่างเถอะ มันเป็นงานของเธอนี่” เหวินเจิ้งเอ่ยแทรก แม้ตนจะงุ่นง่านกับภาพที่เห็นไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะรั้งภรรยาไว้ด้วยเหตุผลไร้สาระ

เหม่ยอิงเงียบไปพักหนึ่ง เธอมองสามีที่หมุนตัวกลับไปนั่งประจำโต๊ะทำงานอีกครั้ง แม้เอ่ยอนุญาต ทว่ามวลอารมณ์กลับไปในทิศทางตรงข้าม

“แต่คุณยังโกรธอิงใช่ไหม”

“เฮียไม่ได้โกรธ”

“…”

“…ก็แค่ไม่ชอบสายตาของเขาที่มองเธอ” เหวินเจิ้งยอมรับตามตรง ตอนนี้งานแทบไม่เข้าสมอง เพราะความสนใจทั้งหมดวางไว้ให้ภรรยาทั้งสิ้น

“อิงขอโทษนะคะถ้ามันทำให้คุณรู้สึกไม่ดี” คนงามเริ่มหงอยลง ตอนนั้นเธอแค่พูดคุยตามมารยาท ไม่ได้คิดเลยว่าจะมีภาพแปลก ๆ แบบนั้นออกมา

เหวินเจิ้งพ่นลมหายใจช้า ๆ หมู่นี้เขารู้สึกว่าตนชักจะใช้อารมณ์เหนือเหตุผลบ่อยเกินไป เหม่ยอิงก็แค่ต้องทำงาน ถ้าจะมีผู้ชายมาอยู่ใกล้บ้างก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลก

แต่กลับให้จงเซ่อตามสืบประวัติของชายคนนั้นมาเรียบร้อยแล้ว…

“เอาไว้เราค่อยมาคุยหลังเธอเสร็จจากงานทั้งหมดก็ได้ เฮียไม่เป็นไร”

ไม่เป็นที่ไหนล่ะ…คืนนี้เขาคงเอาแต่ดูมือถือไม่หยุดเป็นแน่

“เฮียกับหมวยเจินจะรอเธออยู่ที่บ้าน ให้จงเซ่ออยู่ใกล้ตัวไม่ห่างล่ะ” ถึงแม้จริง ๆ เขาจะอยากทำหน้าที่นั้นมากกว่าก็เถอะ แต่หากทำแบบนั้นเหม่ยอิงอาจคิดว่าเขาทำตัวเป็นเด็ก และอีกอย่างเจินจูก็นอนดึกไม่ได้ด้วย

ความใจกว้างที่ไม่สมกับเป็นเหวินเจิ้งทำให้เหม่ยอิงลอบยิ้ม เธอถามย้ำอีกครั้ง

“อิงไปได้จริง ๆ เหรอคะ?”

“…”

“…”

“อืม” กว่าจะขานรับก็ทิ้งเวลาไปหลายนาที แน่นอนว่าผู้เป็นภรรยาย่อมเข้าใจถึงมวลอารมณ์ของเหวินเจิ้งตอนนี้

ดูท่าจะยังโกรธอยู่แฮะ…

เหม่ยอิงไม่ได้คิดจะไปงานอีกแล้ว แค่เห็นสามีไม่สบายใจเธอก็ยกเลิกตารางงานทันที เธอส่งข้อความหาลี่ถิงให้ช่วยดูแลแขกให้ เพราะยังไงความรู้สึกของเหวินเจิ้งก็สำคัญที่สุด

ทว่าต่อให้พูดกับเหวินเจิ้งยังไงก็เหมือนเขาจะยังตอบเพียงคำสั้น ๆ เท่านั้น แถมมือหนายังเอาแต่เซ็นเอกสารไม่พัก

“คุณเหวิน…”

“…”

“ถ้าไม่โกรธก็มองอิงหน่อยสิคะ”

“เฮียทำงานอยู่” เขาว่าเสียงเรียบ ทว่าจังหวะมือกลับช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะความสนใจไปอยู่ที่ภรรยาทั้งหมด

เหม่ยอิงยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ปกติเหวินเจิ้งจะไม่ค่อยโกรธ เธอจึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่ท่าทีแสนงอนของสามีก็ทำเอาคนมองยิ้มอ่อน

เหมือนกับหมวยเจินไม่มีผิด…

ขาเรียวก้าวไปใกล้ ก่อนจะย่อตัวลงช้า ๆ ข้างเก้าอี้ของเขา จากนั้นก็ก้มหน้าจนระดับสายตาเท่ากัน ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“งั้น…ถ้าอิงอยากให้คุณสนใจอิงมากกว่างานต้องทำยังไงคะ”

“…”

“หอมแก้มได้หรือเปล่า” มือหนาที่กำลังจับปากกาอยู่ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมเหลือบมองภรรยาที่ช้อนมองขึ้นมาด้วยแววตาออดอ้อน ริมฝีปากแดงเรื่อเม้มเข้าหากันแน่นคล้ายจะขัดเขินกับคำถามของตน ทว่าเจ้าตัวก็ขยับตัวเข้ามาใกล้อีกนิด

เหวินเจิ้งถอนหายใจ ร่างสูงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีนิ่งเฉย ทว่ากลับเอียงแก้มข้างหนึ่งมาหาภรรยาแบบเงียบ ๆ

“ทำสิ” คำพูดคล้ายดุ แต่โทนเสียงกลับนุ่มเสียจนเหม่ยอิงกลั้นยิ้มแทบไม่ไหว เธอค่อย ๆ โน้มตัวไปใกล้ กระทั่งจรดปลายจมูกหอมแก้มสามีแผ่วเบา โดยไม่ได้เห็นเลยว่าเหวินเจิ้งยามนี้ดวงตาเต็มไปด้วยประกายพึงพอใจแค่ไหน

“หายโกรธอิงบ้างรึยังคะ” เสียงหวานถามกระซิบ ก่อนจะผละตัวออกมาเล็กน้อย พลางส่งยิ้มน่ารักไปให้

“อิงไม่ให้อะไรสำคัญไปกว่าสามีหรอกนะ” คำพูดนั้นชะงักฝ่ามือเหวินเจิ้งที่จะหยิบเอกสารอีกครั้ง เขาเหลือบมองเธออยู่ครู่หนึ่ง คราวนี้ไม่ได้เอ่ยประชดอะไรอีก เพียงแค่เริ่มถามเสียงเบา

“…แล้วจะไปแต่งตัวหรือยังล่ะ” เหม่ยอิงยิ้มบาง

“อีกนิดค่ะ” ว่าจบก็ยืดตัวขึ้นแล้วโน้มตัวหอมข้างหน้าผากเขาอีกหนึ่งครั้ง ส่งท้ายเป็นสัญญาณบางอย่างที่เหวินเจิ้งไม่อาจคาดเดาได้ จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกจากห้องอย่างเบาสบาย ทิ้งไว้แค่กลิ่นหอมจาง ๆ ให้ผู้เป็นสามีจมอยู่กับสัมผัสเหล่านั้น

เหวินเจิ้งมองตาม ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเสียงต่ำ

“แสบนักนะ…”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 4 หนึ่งวันกับเจินจู

    ไท่เจินจู เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีดวงตากลมโตสีน้ำตาลสวยเป็นเอกลักษณ์ เส้นผมหยักศกนิด ๆ เป็นสีน้ำตาลอ่อนเฉดเดียวกับดวงตา ใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย คิ้วเรียวโค้งได้รูปเสริมให้ใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งละม้ายคล้ายผู้เป็นแม่เข้าไปใหญ่ และที่สำคัญที่ไม่ว่าใครได้พบเป็นต้องชม คือผิวเนียนขาวราวไข่มุกตามความหมายชื่อของเจ้าตัว ตอนนี้เธออายุได้หกขวบแล้ว เป็นช่วงที่อยู่ในวัยเจื้อยแจ้ว ช่างสังเกต และมีคำถามมากมายเต็มหัวสมกับวัยเจ้าหนูช่างจ้อ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อยากรู้ไปเสียหมด ตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ไปจนถึงเรื่องที่ปะป๊ามักแอบจุ๊บหม่าม๊าในตอนที่คิดว่าไม่มีใครเห็น แม้จะซนเกินเด็กผู้หญิงไปบ้าง แต่เจินจูก็เป็นพลังงานที่ใสซื่อของเหวินเจิ้งและเหม่ยอิง รวมถึงคนอื่น ๆ เช่นหวังฝูและฉีถง หรือแม้กระทั่งสาวใช้ในบ้าน เพราะยามเสียงสดใสนั้นเอ่ยว่า ‘รักป๊าที่สุดในโลก’ ‘หม่าม๊าสวยเหมือนเจ้าหญิง’ ‘คุณยายขา อาจูอยากนอนด้วย’ ‘พี่การ์ด อาจูขอจ๊อกโกแลต’ อะไรแบบนั้นก็ทำให้ใครต่อใครพร้อมใจกันหลงรักหนูน้อยคนนี้หัวปักหัวปำ แม้กระทั่งชายฉกรรจ์แบบบอดี้การ์ดหน้าโหดของเหวินเจิ้งก็ไม่อาจสู้ได้ งานอดิเรกของคุณหน

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 3 เหม่ยอิงกับผ้าปิดตา

    หลังจากที่รู้ว่าเหวินเจิ้งโกรธกัน เหม่ยอิงก็ต้องล้มเลิกการไปงานเลี้ยงในคืนนี้แล้วหาวิธีง้อสามีแทน “คุณเหวินล่ะ?” เธอเอ่ยถามหลันที่เพิ่งลงมาจากชั้นสอง “กำลังพาคุณหนูจูเข้านอนค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณหนูเหม่ยต้องไปงานเลี้ยงอีกคืนใช่ไหมคะ? งั้นให้ฉันช่วยเตรียมชุดดีไหมคะ” เหม่ยอิงส่ายศีรษะก่อนตอบ “ไม่ไปแล้วล่ะ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” ถึงจะงง ๆ แต่หลันก็ยอมค้อมศีรษะรับคำสั่ง เมื่อคล้อยหลังสาวใช้คนสนิทไปแล้ว เหม่ยอิงก็พรูลมหายใจและครุ่นคิดกับตัวเอง เธอควรจะเอาใจเหวินเจิ้งอย่างไรดี? คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวรู้ว่าหากสามีกำลังกล่อมลูกนอนก็คงจะใช้เวลาสักพักหนึ่ง ในระหว่างนี้เธอก็เลยกลับเข้าห้องนอนใหญ่ ในโซนสำหรับไว้แต่งตัวนั้นยังพบชุดที่ลี่ถิงเตรียมไว้ให้สำหรับงานคืนนี้ “ดูท่าแกคงต้องกลับไปนอนในตู้อีกครั้งแล้วล่ะ” เสียงหวานว่าแกมหัวเราะเจื่อน ๆ ทว่าในตอนที่กำลังเก็บชุดนั้น เหม่ยอิงก็ต้องผงะไปเมื่อเจอของที่อยู่ด้วยกัน มันคือชุดชั้นในลูกไม้เข้าเซ็ท พร้อมกับถุงน่องสีดำ… ร่างขาวเม้มปากแน่น ปลายนิ้วเรียวยังแตะอยู่ที่ดีเทลของลูกไม้ในผ้าผืนบางนั้น ในใจก็เริ่มครุ่นคิดไปเรื่อย ก่อนดวงตาก

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 2 อย่าทำให้สามีหึง

    เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา หมู่นี้นายหญิงเหม่ยอิงจึงมีงานล้นมือเป็นพิเศษ เธอต้องคิดทั้งคอลเลคชั่นใหม่ต้อนรับเทศกาล และออกแบบแพ็กเกจแบบใหม่ด้วยตัวเอง “ยังไงฉันก็อยากให้ลวดลายของกล่องมีสัญลักษณ์กวางเรนเดียร์” เสียงหวานยามนี้เคร่งขรึม เหม่ยอิงกำลังหารือกับเหล่าลูกน้องที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนต่างช่วยเสนอไอเดียเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของเธอ “ค่ะ งั้นดิฉันคิดว่า…” “ครับ ทางผมก็มีเรื่องเสนอ…” ร่างบางกวาดสายตามองตามสไลด์ที่พนักงานกำลังอธิบาย บางไอเดียก็ดูน่าสนใจ ทว่าก็ยังมีหลายเรื่องให้ต้องปรับปรุง การคุยงานผ่านไปอีกเป็นชั่วโมง กระทั่งได้ข้อสรุปที่ทำให้สีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เธอจึงเอ่ยปิดวาระการประชุม ดวงตากลมโตดูเหนื่อยล้านิด ๆ จนลี่ถิงต้องเอ่ยถามอย่างห่วงใย “พักสักหน่อยดีไหมคะคุณหนูเหม่ย” คนงามส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวออกแบบเสร็จแล้วค่อยพักทีเดียว” เมื่อห้ามไม่ได้ก็มีแต่จะต้องช่วยให้นายหญิงไม่กดดันตัวเองเกินไปก็เท่านั้น ลี่ถิงจึงจัดการเตรียมน้ำชาและขนมมาไว้ให้ เผื่อเหม่ยอิงอยากพักก็จะได้ทานได้ทันที “ฉันจะทำงานรอที่ด้านนอกนะคะ มีอะไรเรียกได้ตลอดเวลาเลยค่ะ” “ขอบคุ

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 1 อดีตของผู้ชิงชังภรรยา

    หลายปีก่อน ว่ากันว่าในทศวรรษนี้ หากพูดถึงคนกุมอำนาจและชายผู้มีอิทธิพลที่สุดในปักกิ่ง เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตระกูลไท่ ประมุขคนปัจจุบันนามว่าไท่เหวินเจิ้ง ชายผู้เพียบพร้อมทั้งเรื่องรูปลักษณ์ ชาติตระกูลและการศึกษาที่ทำให้สเปคผู้หญิงจีนเกินครึ่งสูงจนติดเพดาน ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นก็ย่อมแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่างเสมอ นั่นก็คือนิสัยอันเลื่องชื่อของเขาที่ทำให้ใครหลายคนต้องยกธงขอยอมแพ้ ความเย็นชาที่ไม่เปิดช่องให้ใครก้าวข้ามเข้ามาได้ง่าย ๆ แต่แล้วในช่วงเวลาที่หลายตระกูลชิงดีชิงเด่น พยายามขายลูกสาวกันสุดฤทธิ์ จู่ ๆ ก็เกิดการประกาศแต่งงานของไท่เหวินเจิ้งแบบสายฟ้าแลบ! ‘ว่าที่เจ้าสาวของไท่เหวินเจิ้งคือคุณหนูจากตระกูลจ้าว…จ้าวเหม่ยอิง’ ทันทีที่มีหัวข้อนั้นเผยแพร่ออกไป เสียงส่วนมากก็คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างจ้าวเหม่ยอิงน่ะหรือคือว่าที่ภรรยาของเหวินเจิ้ง? นิสัยฝั่งสามีเลื่องชื่อยังไง อีกฝั่งทางภรรยาก็ไม่แพ้กัน คุณหนูจ้าวเหม่ยอิงผู้เป็นนางร้ายแห่งยุค ไม่ว่าขยับตัวทำอะไรก็ดูจะเป็นข่าวได้เสียหมด…โดยเฉพาะข่าวไม่ดี แม้ใบหน้าของเธอคนนั้นจะงดงามจนผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา หรือรูปร่าง

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนจบ กันและกันตลอดไป

    ข่าวเรื่องทายาทตระกูลไท่ถูกพูดถึงอย่างมากในหลายสัปดาห์นี้ มีตระกูลน้อยใหญ่ส่งของขวัญมาให้มากมายจนเหล่าสาวใช้แทบจะช่วยกันรับไม่หวาดไม่ไหว เหม่ยอิงอยู่ในช่วงพักผ่อนหลังคลอด งานใด ๆ หรือธุรกิจใด ๆ ถูกเหวินเจิ้งสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเป็นอันขาด ส่วนเขาก็เป็นคนคอยดูแลแทนทั้งหมด “ของขวัญชิ้นสุดท้ายของรอบเช้าค่ะคุณหนูเหม่ย” “ขอบคุณจ้ะ” เหม่ยอิงหันไปตอบอาหลันที่วางกล่องของขวัญชิ้นสุดท้ายเสร็จ ในอ้อมแขนคนงามกำลังประคองเจินจูพลางกล่อมนอน คุณหนูน้อยหลับตาพริ้ม ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก “เสร็จแล้วใช่ไหม นั่งเล่นในนี้ก่อนก็ได้นะ” เหม่ยอิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ที่นี่คือห้องของเจินจูที่เหวินเจิ้งสั่งทำใหม่เป็นพิเศษ เขาทุบสองห้องเข้าด้วยกัน พื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยของใช้เด็กอ่อน ทั้งเตียงทั้งตู้ก็สั่งทำไว้เรียบร้อย เรียกได้ว่ามีใช้ยันอายุเจ็ดขวบเลยทีเดียว หลันนั่งลงข้างกัน เธอมองเจินจูที่ยังหลับอยู่แล้วยกยิ้ม ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสดใส “คุณหนูน้อยน่ารักน่าชังมากเลยค่ะ โตมาจะต้องงามเหมือนคุณหนูเหม่ยแน่เลย” เหม่ยอิงหัวเราะนิดหน่อย “หน้าตาไม่เท่าไหร่หรอก อย่าเอานิสัยหม่าม๊าไปแล้วกันนะอาจู” เธอเอ่

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   บทที่ 29 ครอบครัวของเรา

    ครรภ์ของคุณหนูเหม่ยตอนนี้ล่วงเลยมาถึงห้าเดือนแล้ว จากเดิมที่แค่มีน้ำมีนวล แต่ตอนนี้เหม่ยอิงกลายเป็นคุณแม่ตุ้ยนุ้ยน่าฟัด ไม่ว่าใครอยู่ใกล้ก็อยากกัดแก้มกลมนั้นสักทีให้หายมันเขี้ยว อาการแพ้ท้องของเธอก็ดีขึ้นมาก เหม่ยอิงเริ่มกลับมาได้กลิ่นกุ้ยฮวาได้อีกครั้ง เธอไม่ได้รู้สึกคลื่นไส้บ่อยอีกต่อไป ยิ่งทำให้เจริญอาหารจนท้องกลมแก้มกลม นอกจากเรื่องครรภ์แล้ว หมู่นี้เหม่ยอิงก็เริ่มรู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ กลับมาทีละนิด ภาพแฟลชแบ็คของเหตุการณ์ในอดีตค่อย ๆ ทำให้เธอคุ้นเคยทีละน้อย คุณหมอบอกว่ามันอาจใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็มีสิทธิ์ที่เหม่ยอิงจะได้ความทรงจำทั้งหมดกลับมา ในตอนที่หวังฝูและฉีถงรู้เรื่องนี้ก็ดีใจกันอย่างมาก พวกเขาเอ่ยว่าเด็กในท้องคือพรอันวิเศษและเป็นโชคของเหม่ยอิง “พร้อมหรือยัง?” เสียงของสามีดึงให้คนที่กำลังสวมต่างหูอยู่หันไปมอง เหม่ยอิงพยักหน้ารับ “อื้อ” เหวินเจิ้งมองภาพภรรยาที่สะท้อนในกระจก เหม่ยอิงที่อายุครรภ์เพิ่มขึ้นจนหน้าท้องนูนอาจดูแปลกตาไปบ้าง เพราะปกติแล้วคุณหนูเหม่ยของเขาจะมีทรวดทรงองค์เอวที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ทว่าตอนนี้ร่างบางกลับดูเปลี่ยนไปด้วยความโค้งเว้าของร่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status