ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม

ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม

last updateDernière mise à jour : 2025-07-29
Par:  กุญแจฟาEn cours
Langue: Thai
goodnovel18goodnovel
Notes insuffisantes
35Chapitres
1.1KVues
Lire
Ajouter dans ma bibliothèque

Share:  

Report
Overview
Catalog
Scanner le code pour lire sur l'application

จู่ ๆ ตื่นมาก็พบว่าตัวเองความจำเสื่อมกระทั่งชายตรงหน้าคือสามีก็ไม่อาจรู้ได้ ‘เหม่ยอิง’ ขมวดคิ้วมุ่นมองดูคนที่เอาแต่ตั้งแง่ใส่กันแล้วด่าเธอว่าร้ายนักร้ายหนา ทั้ง ๆ ที่เธอยังนอนใส่สายน้ำเกลืออยู่เลย!

Voir plus

Chapitre 1

บทนำ

สองชั่วโมงก่อนหน้า

เหม่ยอิงตื่นขึ้นพร้อมกับอาการชาไปทั่วร่าง แพขนตายาวกระพริบถี่ พยายามปรับโฟกัสกระทั่งรับรู้ถึงกลิ่นยาและเสียงพูดคุยข้างหัวเตียง คลับคล้ายคลับคลาว่าคนพวกนั้นจะไร้ความเกรงใจว่ากำลังมีคนป่วยนอนอยู่ตรงนี้

“ทำไมถึงหาสาเหตุรถที่ชนไม่ได้?” ดวงตาสวยค่อย ๆ ช้อนขึ้นมองชายสองคนที่กำลังสนทนากันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาสวมชุดดูเป็นทางการ รูปร่างใหญ่บึกบึน ท่าทีน่าเกรงขามจนกระทั่งเหม่ยอิงไม่กล้าส่งเสียงบอกว่าเธอตื่นแล้ว

“กล้องเสีย ซวยชะมัดถ้าคุณเหวินรู้ว่าหาไม่เจอ คงโดนเล่นงานแน่” ชายอีกคนตอบ คราวนี้เหม่ยอิงขมวดคิ้วอีกครั้ง เธอไม่ค่อยเข้าใจบทสนทนาเท่าไหร่นัก แต่ก็พยายามจะลองเปล่งเสียงกระแอมเบา ๆ เผื่อจะทำให้ทั้งสองคนได้ยินบ้าง ทว่ากลับไม่เป็นผล

“คุณเหวินเจิ้งน่ะหรือที่จะทำแบบนั้นเพราะคุณเหม่ยอิง? ขนาดเธอนอนโรงพยาบาลมายี่สิบแปดวันแล้วก็ยังแวะมาแค่ครั้งเดียวเอง” คนบนเตียงสะดุ้งทันทีที่ประโยคนั้นเอ่ยจบ พวกเขาหมายความว่าอย่างไรที่เธอนอนมาถึงยี่สิบแปดวัน!

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะมองโลกในแง่ร้ายนักหรอก แต่ไม่ใช่เพราะเจ้านายเราใช่ไหมที่เป็นคนทำให้คุณเหม่ยอิงเป็นเช่นนี้” ทันทีที่จบประโยคคล้ายคำถามนั้น บรรยากาศในห้องพลันเงียบลงทันที ราวกับไม่มีใครอยากแตะต้องประเด็นนี้ เหม่ยอิงที่ได้ฟังก็พิจารณาสถานการณ์ไปพร้อม ๆ กัน

“พูดอะไรวะ พอ ๆ กลับไปทำหน้าที่ตัวเองได้แล้ว ใกล้จะได้เวลาหมอมาตรวจแล้วด้วย” คนโดนสั่งรับคำก่อนจะเดินไปทางหน้าประตูห้อง ส่วนผู้ชายอีกคนหนึ่งก็คล้ายจะก้มมาตรวจดูว่าเธอยังหมดสติอยู่ไหม แต่ดันสบสายตากับเหม่ยอิงที่กระพริบตาปริบ ๆ มองอยู่ก่อนแล้ว

“ไง...” เสียงหวานที่เอ่ยออกมานั้นบัดนี้ทั้งแหบแห้งและกระท่อนกระแท่น ร่างสูงใหญ่ที่เหม่ยอิงเดาว่าคงมีหน้าที่คล้ายจะเป็นบอดี้การ์ดสะดุ้งตัวโยน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“คุณเหม่ยอิง!” แล้วทั้งชั้นของโรงพยาบาลก็ดูจะวุ่นวายขึ้นมาทันที เพราะคนมีศักดิ์เป็นภรรยาของเหวินเจิ้งผู้นั้นได้สติแล้วหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อยี่สิบแปดวันก่อน!

ปัจจุบัน

หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจากจงเซ่อซึ่งอยู่ในตำแหน่งลูกน้องคนสนิทของสามีแล้ว เหม่ยอิงก็รู้สึกเหมือนตัวเองหัวสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ใช่...เธอคนนี้มีสามีและแต่งงานไปแล้วหกเดือน!

ต้องเล่าย้อนไปก่อนหน้านี้ว่าจริง ๆ ทั้งสองตระกูลของเหม่ยอิงและตระกูลของเหวินเจิ้งที่ว่ากันว่าเป็นผู้กุมอำนาจตระกูลไท่ ตระกูลอันดับต้นของจีน ประมุขคนปัจจุบันนามว่าไท่เหวินเจิ้ง ขึ้นแท่นเป็นผู้นำได้ไม่กี่ปีแต่กลับสร้างรายได้ให้ตระกูลมหาศาล เพียงแค่เขาเอ่ยปากไม่ว่าเรื่องอะไรแม้แต่คนใหญ่คนโตยังต้องรับฟัง คนเคารพกันทั่วหน้าหากแต่ติดสัญญาบางประการไว้ตั้งแต่รุ่นปู่ของเขาว่าถ้าวันใดที่ตระกูลไท่ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้แล้ว ทั้งยังสามารถเป็นใหญ่พอที่จะควบคุมอำนาจได้ หากถึงวันนั้นข้าง ๆ เหวินเจิ้งจะต้องมีภรรยาซึ่งเป็นลูกหลานของตระกูลจ้าวซึ่งก็คือตระกูลของเหม่ยอิง...

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เป็นที่พอใจของเหวินเจิ้งเท่าไรนัก เขาไม่ได้ติดเรื่องที่จะต้องมีภรรยาเพราะเดิมทีก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่คนที่ปู่เลือกไว้ดันเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้นำตระกูลจ้าวในปัจจุบัน ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจดั่งไข่ในหิน ใช้เงินฟุ่มเฟือยกระทั่งที่บ้านใกล้จะล้มละลายเพราะเรื่องธุรกิจแต่เหม่ยอิงก็ยังไม่รับรู้ และด้วยการถูกเลี้ยงดูที่ผิดทำให้นิสัยเจ้าตัวไม่ค่อยน่ารักเสียเท่าไหร่ เอาแต่ใจทั้งยังพยายามจะปั่นประสาทเหวินเจิ้งอยู่บ่อย ๆ กระทั่งคนเป็นสามีทนไม่ไหวจับมัดมือมัดเท้าไม่ให้ไปไหนครึ่งวันยังทำมาแล้ว

“พอ...พอก่อน” มือเรียวยกขึ้นคล้ายจะห้ามไม่ให้จงเซ่อพูดต่อ เพราะหลังจากเล่าประวัติคร่าว ๆ เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเธอและคนที่มีศักดิ์เป็นสามีคนนั้นให้ฟังแล้ว จงเซ่อยังเล่าต่อว่าเมื่อยี่สิบแปดวันก่อนเหม่ยอิงแอบขโมยรถของเหวินเจิ้งไปใช้ เที่ยวเตร่จนกระทั่งดึกดื่น นอกจากนี้ดูเหมือนจะซัดแอลกอฮอล์ไปมากพอสมควรเลยเช่นกัน

จนสุดท้ายสภาพคุณหนูเอาแต่ใจก็มาเป็นอย่างที่เห็น เกิดอุบัติเหตุนอนนิ่งเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่เกือบเดือน แถมคุณหมอมาตรวจร่างกายให้เมื่อครู่ก็พบว่าเหม่ยอิงมีภาวะความจำเสื่อม จดจำคนรอบข้างและเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ ยกเว้นชื่อตัวเองและการใช้ชีวิตประจำวันที่ดูเหมือนจะยังทำทุกอย่างได้ตามปกติ

“แล้วเขาอยู่ไหน” จงเซ่อขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถาม แต่เพียงครู่เดียวก็เหมือนจะเข้าใจว่าคืออะไร

“ตอนนี้คุณเหวินทำงานอยู่ครับ เทียวไปเทียวมาระหว่างปักกิ่งกับมาเก๊า กำลังจะถึงช่วงสำคัญก็เลยวุ่นวายพอตัว” เหม่ยอิงถอนหายใจ ทุกอย่างตีรวนอยู่ในหัวจนยากจะปะติดปะต่อให้เข้าใจได้ในทันที แต่ก่อนอื่นเรื่องที่เธอจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คือการฟื้นฟูร่างกายตัวเอง นอนบนเตียงมาเป็นเดือนจนอาจจะลืมวิธีการเดินไปแล้วก็เป็นได้

จงเซ่อหลังจากที่อยู่เล่าเรื่องราวและสั่งงานลูกน้องที่เหลือไว้แล้วก็ต้องขอตัวกลับไปหาเหวินเจิ้งต่อ เขากล่าวว่าจะไปรายงานเรื่องนี้ให้กับเจ้านายตัวเองได้ทราบ ทิ้งท้ายด้วยการค้อมศีรษะให้อย่างสุภาพทำเอาเหม่ยอิงตกใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้เธอได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาตลอดเลยหรือ?

กระทั่งพอไร้บุคคลอื่นในห้องอื่น เหม่ยอิงจึงพยายามมองนู่นมองนี่ให้คุ้นชิน ก่อนที่จะเห็นกระจกอยู่ไม่ไกล ในนั้นสะท้อนภาพของตัวเองซึ่งกำลังนั่งพิงอยู่บนเตียง

คุณหนูจ้าวเหม่ยอิง ผู้มีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกว่า ๆ จัดว่าเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสูงทีเดียว เธอมีนัยน์ตาสีฟ้าอมเทา ใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตากลมโตหากแต่จมูกนิดริมฝีปากหน่อย ดูแล้วจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตาเคลือบ ผมยาวสลวยถูกย้อมให้คล้ายกับสีดวงตาของเจ้าตัว ผิวขาวเนียนราวกับเกล็ดของหิมะเพียงแต่ตอนนี้ผิวที่ดูอิ่มน้ำสมบูรณ์กลับซีดเซียวเพราะอุบัติเหตุและการนอนยาวนานถึงยี่สิบแปดวัน

ไหนจะรอยแผลซึ่งมีผ้าพันแผลเป็นจุด ๆ เหม่ยอิงมองภาพนั้นอย่างพิจารณาก่อนจะถอนหายใจแผ่ว พยายามนึกย้อนความทรงจำตัวเองแต่ก็ยิ่งปวดหัวหนักจึงล้มเลิก

คราวนี้เธอจึงพยายามยกแขนยกขาดู แต่ก็ต้องยู่หน้าเบ้ปากพลางบ่นอุบอิบ

“อืม...ให้ตาย ขามันชาจนละลายไปกับเตียงไปแล้วหรือไง” เพราะไม่ว่าจะพยายามยกมันเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล หญิงสาวอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ต้องอดทนไว้ เธอหวังว่าเหวินเจิ้งคงจะมาหากันเร็ว ๆ นี้เพราะอย่างไรเสียสามีก็ต้องมาดูภรรยาหน่อยจริงไหม?

แต่เปล่า...เวลาล่วงเลยมาถึงครึ่งเดือนแล้วก็ไม่มีทีท่าของเหวินเจิ้งคนนั้นให้เห็นเงาเลยแม้แต่น้อย คนที่คอยมาเยี่ยมดูอาการก็มีแต่จงเซ่อ กระทั่งครอบครัวของเธอก็ไม่ได้มาเพราะจงเซ่อบอกว่าเหวินเจิ้งปิดเรื่องนี้เอาไว้ไม่ให้พวกเขารู้

“ตอนนี้อาการคงที่แล้วครับ พรุ่งนี้ก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว” ประโยคเดียวของคุณหมอที่ทำให้เหม่ยอิงพอจะยิ้มได้หลังจากผ่านมาครึ่งเดือน เธอเบื่ออาหารและบรรยากาศของโรงพยาบาลเต็มทีแล้ว ตอนนี้นอกจากอาการของเหม่ยอิงที่ดีขึ้น รูปร่างภายนอกก็ไม่ได้ซีดเซียวเหมือนวันแรก รอยแผลต่าง ๆ ก็หายไปเยอะ แก้มนวลเริ่มมีเลือดฝาดให้เห็น

จงเซ่อที่ได้ฟังเช่นนั้นก็เอ่ยขอบคุณคุณหมอ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ซึ่งเหม่ยอิงคิดว่าคงไปแจ้งเรื่องให้เจ้านายเหมือนทุกที

เมื่อได้อยู่ส่วนตัวในห้องพักผู้ป่วยแบบพิเศษที่สามีเป็นคนจัดการทุกอย่างให้ (คงเพราะกลัวเรื่องนี้หลุดออกไปมากกว่าไม่ใช่เพราะความห่วงใย เหม่ยอิงคิดเช่นนั้น)

คนตัวเล็กคิดว่าจะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย เธอพอจะเดินด้วยตัวเองได้แล้ว ค่อย ๆ พยุงไปกับเสาน้ำเกลือก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากวุ่นวายอะไร

ขาเรียวก้าวลงสู่พื้นอย่างระมัดระวัง กระทั่งเดินได้หลายก้าวจนเหม่ยอิงรู้สึกใจชื้น หลังจากที่ทำธุระในห้องน้ำเสร็จแล้วก็กลับออกมา แต่เดินได้เพียงนิดเดียวก็เห็นแผ่นหลังกว้างของใครบางคนอยู่ตรงหน้า เธอพยายามจะเอื้อมมือไปแตะ แต่เขาดันหันกลับมาเสียก่อน

“อ๊ะ!” เหม่ยอิงเสียการทรงตัวไปชั่วขณะเมื่อเขาคนนั้นเอนหลบมือของเธอ จนร่างบางเซถอยหลังกระทั่งกำลังจะลงไปนั่งกับพื้น เสี้ยววินาทีนั้นเหม่ยอิงรู้ว่าถ้าเขาคว้ากันไว้ก็จะช่วยได้ทัน

แต่ไม่...นอกจากจะเอาแต่มองกันด้วยสายตาเย็นชาแล้วก็ไม่ขยับมือเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายเธอก็ต้องล้มลงนั่งกับพื้นไม่เป็นท่าจนรู้สึกเจ็บไปเสียหมด

“คุณเหม่ยอิง” แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อนที่จะได้มีบทสนทนาอะไรระหว่างเธอและเขา นั่นก็คือจงเซ่อที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีตกใจ เขาเข้ามาช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นแล้วพากลับไปที่เตียง

ร่างสูงย้ายตัวเองไปนั่งที่โซฟาแล้วยกขาขึ้นไขว่ห้างมองมาทางเหม่ยอิงด้วยท่าทีนิ่งเฉย เขาอยู่ในชุดคอจีนสีดำกับกางเกงเนื้อดีสีเดียวกัน ใบหน้าหล่อคมฉายความเย็นชาและไม่ชอบต่อกันอย่างชัดเจน อาจเพราะไม่มีใครพูดอะไรก่อนทำให้บรรยากาศในห้องผู้ป่วยเงียบเชียบ

เหม่ยอิงลอบสำรวจใบหน้าของเขาคนนั้นซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเครื่องหน้าไร้ที่ติ คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ผมเซ็ทเป็นทรงสีดำขลับที่รู้ว่าเจ้าของดูแลมาอย่างดีแค่ไหน ดวงตาดุดันสีน้ำตาลคล้ายไม้สนอันเป็นเอกลักษณ์ฤดูหนาว ชวนให้คนมองอย่างเธอจ้องลึกหลายนาที ทั้งร่างกายสูงโปร่งดูกำยำและแข็งแรง ไม่รวมถึงบรรยากาศรอบตัวที่ดูดุดันและน่าเกรงขาม แม้จะเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก กระทั่งริมฝีปากเริ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนทำลายความเงียบระหว่างกัน

“สาแก่ใจหรือยังที่สามารถเรียกร้องความสนใจได้?” เริ่มประโยคแรกไม่ใช่คำถามถึงเรื่องสุขภาพหรืออาการใด ๆ ของเธอเลยแม้แต่น้อย เหวินเจิ้งหมุนแหวนที่นิ้วตัวเองไปมา

“คะ?...เรียกร้องความสนใจ?”

“ก็ที่ลงทุนขโมยรถของฉันไป…ตั้งใจจะเรียกร้องความสนใจ หรือแค่อยากประชดฉันที่ไม่สนใจกันแน่? ไม่รู้หรือไงว่าคันนั้นกี่สิบล้านหยวน” เพียงได้ยินราคาของมันเหม่ยอิงก็สะดุ้งตัวโยน ใบหน้าซีดลงจนเห็นได้ชัด

“มีปัญญาเอาไปทำพังแต่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะพยุงตัวเองให้ยืนไหว ภรรยาฉันช่างเป็นคนที่น่าภูมิใจเธอว่าไหม” ประโยคเหน็บแนมต่อมาทันที เหม่ยอิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ก่อนหน้านี้จงเซ่อไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอมาก่อน

หมายถึงเรื่องราคาน่ะนะ...

“เอาแต่ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต คิดว่าป๊าเธอจะคอยช่วยทุกอย่างแล้วจะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ได้หรือไง” เหม่ยอิงขมวดคิ้วมุ่น ขนาดคนที่เขาพูดว่าเป็นป๊าเธอเธอยังจำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ตัวเหวินเจิ้งเองที่เป็นสามีเธอก็จำไม่ได้ เหม่ยอิงอยากจะตะโกนใส่หน้าหล่อ ๆ นั่นสักทีว่าหยุดว่าเธอร้ายนักร้ายหนาก่อนได้ไหมเพราะตอนนี้เธอลืมสิ้นทุกการกระทำของตัวเองไปหมดแล้ว!

“ฉันว่าคุณจงเซ่อคงบอกคุณเรื่องอาการของฉันไปแล้วว่าตอนนี้ฉันอยู่ในสภาวะไหน เรื่องที่คุณกำลังต่อว่ากันตอนนี้ฉันไม่สามารถตอบอะไรได้เพราะจำไม่ได้เลยสักอย่าง” ประโยคแรกจากร่างระหงที่นั่งอยู่บนเตียงยิ่งทำให้เหวินเจิ้งแสยะยิ้มร้ายเข้าไปใหญ่ เพิ่งจะเคยได้ยินเธอเรียกคนอื่นแบบสุภาพเช่นนั้นแล้วแปลกหูไม่ใช่น้อย

เขาคงลืมคำรายงานจากลูกน้องคนสนิทไปเสียได้...ตอนนี้ภรรยาเขาสูญเสียความทรงจำนี่?

“งั้นก็รู้ไว้ซะสิว่าเมื่อก่อนทำอะไรเอาไว้ ฉันไม่สนว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในสภาพไหน คนเราทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำตัวเอง จริงไหม?” เหม่ยอิงพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็น สูดหายใจลึก ๆ เพื่อไม่ให้เผลอด่าแรง ๆ ใส่เหวินเจิ้งไปเสียก่อน เขาตั้งแง่ใส่กันได้แม้กระทั่งคนความจำเสื่อมเนี่ยนะ?

“ค่ะ แน่นอนว่าฉันจะรับผิดชอบให้ถ้าเกิดว่าแข็งแรงกว่านี้แล้ว” เหวินเจิ้งแค่นหัวเราะ เขายักไหล่หนึ่งครั้งคล้ายจะบอกว่ารอดูให้เธอทำตามที่พูดก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เหม่ยอิงอยากจะรู้นักว่าก่อนหน้านี้หกเดือนเธออยู่กับชายผู้นี้ได้อย่างไร?

“พรุ่งนี้จงเซ่อจะเป็นคนมารับ” เหวินเจิ้งทิ้งท้ายด้วยประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินออกไป หญิงสาวอยากจะเอ่ยเถียงนักว่าต่อให้ไม่บอกเธอก็รู้เองได้ ก็นอกจากจงเซ่อเธอมีใครอื่นอีกหรือไง?

ทำไมสามีเธอไม่เป็นจงเซ่อซะให้จบ ๆ ไปเลยนะ ให้ตายเถอะ...แล้วแบบนี้เธอจะทนอยู่กับไท่เหวินเจิ้งไปได้อีกนานแค่ไหน แล้วไหนจะค่าเสียหายอีก เธอควรจะทำเช่นไรเพื่อเอามาชดใช้ดีล่ะเนี่ย...

To be continued...

Déplier
Chapitre suivant
Télécharger

Latest chapter

Plus de chapitres

Commentaires

Pas de commentaire
35
บทนำ
สองชั่วโมงก่อนหน้าเหม่ยอิงตื่นขึ้นพร้อมกับอาการชาไปทั่วร่าง แพขนตายาวกระพริบถี่ พยายามปรับโฟกัสกระทั่งรับรู้ถึงกลิ่นยาและเสียงพูดคุยข้างหัวเตียง คลับคล้ายคลับคลาว่าคนพวกนั้นจะไร้ความเกรงใจว่ากำลังมีคนป่วยนอนอยู่ตรงนี้“ทำไมถึงหาสาเหตุรถที่ชนไม่ได้?” ดวงตาสวยค่อย ๆ ช้อนขึ้นมองชายสองคนที่กำลังสนทนากันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาสวมชุดดูเป็นทางการ รูปร่างใหญ่บึกบึน ท่าทีน่าเกรงขามจนกระทั่งเหม่ยอิงไม่กล้าส่งเสียงบอกว่าเธอตื่นแล้ว“กล้องเสีย ซวยชะมัดถ้าคุณเหวินรู้ว่าหาไม่เจอ คงโดนเล่นงานแน่” ชายอีกคนตอบ คราวนี้เหม่ยอิงขมวดคิ้วอีกครั้ง เธอไม่ค่อยเข้าใจบทสนทนาเท่าไหร่นัก แต่ก็พยายามจะลองเปล่งเสียงกระแอมเบา ๆ เผื่อจะทำให้ทั้งสองคนได้ยินบ้าง ทว่ากลับไม่เป็นผล“คุณเหวินเจิ้งน่ะหรือที่จะทำแบบนั้นเพราะคุณเหม่ยอิง? ขนาดเธอนอนโรงพยาบาลมายี่สิบแปดวันแล้วก็ยังแวะมาแค่ครั้งเดียวเอง” คนบนเตียงสะดุ้งทันทีที่ประโยคนั้นเอ่ยจบ พวกเขาหมายความว่าอย่างไรที่เธอนอนมาถึงยี่สิบแปดวัน!“ฉันก็ไม่ได้อยากจะมองโลกในแง่ร้ายนักหรอก แต่ไม่ใช่เพราะเจ้านายเราใช่ไหมที่เป็นคนทำให้คุณเหม่ยอิงเป็นเช่นนี้” ทันทีที่จบประโยค
last updateDernière mise à jour : 2025-07-26
Read More
บทที่ 1 ภรรยาขี้เมา
สมกับที่จงเซ่อเล่าเรื่องของเหวินเจิ้งให้ฟัง คฤหาสน์ตระกูลไท่ยิ่งใหญ่เสียจนเหม่ยอิงหน้าซีด ตั้งแต่ทางเข้าก็หรูหราทอดยาว มันกว้างขวางและใหญ่โต แม้กระทั่งที่จอดรถซึ่งเป็นห้องกระจกเรียงรายด้วยซุปเปอร์คาร์หลายสิบคัน มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าแต่ละคันราคาไม่ธรรมดาแน่นอนทางเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ประดับด้วยเครื่องตกแต่งหรูหราและฟุ่มเฟือย เฟอร์นิเจอร์ราคาแพง ทุกอย่างดูใหญ่โตและเจิดจ้าสำหรับเหม่ยอิงในตอนนี้กระทั่งเหม่ยอิงเข้าไปด้านในจนถึงโถงทางเดินซึ่งเธอก็ต้องชะงัก เพราะตรงกลางมีรูปของเหวินเจิ้งตระหง่านต้อนรับแขก เขาอยู่ในชุดคอจีนสีขาวปักดิ้นด้วยลวดลายสีทอง ร่างสูงนั่งไขว่ห้างบนเบาะนวม ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉย หากแต่รับรู้ได้ถึงความดุดัน เขาทอดดวงตามองตรง ยิ่งเสริมบบรรยากาศทำให้คนที่ยืนมองรู้สึกได้ถึงอำนาจบารมีที่อีกคนถือไว้สมกับเป็นผู้นำตระกูลไท่...ชวนให้น่าเคารพและเกรงขามไปในทีคนตัวเล็กหยุดมองอยู่สักพักหนึ่ง จนจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอ เป็นผลให้คนที่อยู่ในภวังค์สะดุ้งตัวโยน“ทางนี้ค่ะคุณหนูเหม่ย แต่ว่าก่อนอื่นให้ฉันช่วยเปลี่ยนรองเท้านะคะ” สาวใช้ผู้รับหน้าที่นำทางเธอขึ้นไปยังห้องนอนย่อตัวล
last updateDernière mise à jour : 2025-07-26
Read More
บทที่ 2 ไท่เหวินเจิ้งคนปากแข็ง
วันต่อมาเหม่ยอิงที่ได้พักและรู้สึกว่าอาการปวดหัวดีขึ้นแล้วเธอจึงตื่นตั้งแต่เช้า บรรยากาศภายในคฤหาสน์ตระกูลไท่ช่วงเช้านี้เหม่ยอิงพอจะเห็นลูกน้องของสามีเดินผ่านไปมากันประปราย ตอนแรกเธอคิดจะนั่งอ่านประวัติครอบครัวของตัวเองที่เหวินเจิ้งมอบให้ภายในห้องนั่งเล่น แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ ขาเรียวก้าวไปถึงสวนในบริเวณคฤหาสน์ของสามี ยามเช้ามันดูร่มเย็นเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนโดยไม่มีคนอื่นมารบกวน พลันสายตาก็เห็นเก้าอี้ไม้ยาวซึ่งตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ เหม่ยอิงเคลื่อนตัวลงนั่งทันที ดวงตากลมโตกระพริบเชื่องช้าในขณะที่กวาดสายตามองรอบ ๆ เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เธอตื่นเช้าขนาดนี้ ไม่แปลกนักหากจะเพิ่งได้รู้ว่าคฤหาสน์ตระกูลไท่มีสวนที่น่านั่งเช่นนี้อยู่ด้วย “คุณเหม่ย คุณหนูเหม่ย” หากแต่เพิ่งได้นั่งไม่นานก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะเสียงเรียกชื่อของตนเอง เหม่ยอิงไม่ได้ขานตอบกระทั่งสาวใช้ที่เรียกหาเธอเดินเข้ามาใกล้ “มีอะไร” เสียงหวานเอ่ยถามโดยไม่ได้หันไปมอง เหม่ยอิงค่อย ๆ เปิดซองสีน้ำตาลแล้วหยิบกระดาษข้อมูลด้านในขึ้นมาเตรียมอ่าน “ไม่ได้นะคะคุณหนู สวนนี้คุณท่านไม่ค่อยให้ใครเข้ามา หากคุณท่านทราบ…” เธอเว้นประโยคไว้
last updateDernière mise à jour : 2025-07-29
Read More
บทที่ 3 ต้องลองขอสามี
วันต่อมาเหม่ยอิงที่คิดว่าจะตื่นเช้าเพื่อไปนั่งเล่นที่สวนอีกครั้งกลับผิดแผนเพราะวันนี้เธอตื่นสาย อาจเพราะเมื่อคืนทานข้าวมื้อดึกไปหน่อยกว่าจะได้นอนก็ช้ากว่าปกติหลายชั่วโมง วันนี้พอเหม่ยอิงลงมาด้านล่างก็พบว่าเหวินเจิ้งไปทำงานเสียแล้ว “คุณหนูเหม่ยทานมื้อเช้าเลยไหมคะ” สาวใช้นามหลันเดินเข้ามาถาม หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ยังไม่ค่อยหิวน่ะ เอาอะไรแก้ง่วงให้ฉันหน่อยสิ” เหม่ยอิงร้องขอ ซึ่งหลันก็ดูกระตือรือร้นขึ้น เธอรีบพูดว่าจะไปชงกาแฟมาให้ “ได้แล้วค่ะคุณหนูเหม่ย” ผ่านไปเพียงครู่เดียวแก้วสีขาวขุ่นก็ถูกวางลงตรงหน้า เหม่ยอิงพูดขอบคุณเสียงเบา “นั่งข้างฉันก็ได้นะ” “ฉะ ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ” เหม่ยอิงไม่ซักไซ้ เธอยกแก้วกาแฟขึ้นจนได้กลิ่นในระยะใกล้ ครั้นจะดื่มแต่ก็ต้องเบ้หน้าแล้วเขวี้ยงทิ้งอย่างแรงกระทั่งกาแฟหกรดเต็มพื้นบ้าน เสียงแก้วแตกทำให้ลูกน้องของเหวินเจิ้งวิ่งเข้ามาทันที “เกิดอะไรขึ้น!” เสียงดังโวยวายและความชุลมุนทำให้หลันหน้าซีด เธอมองนายหญิงตัวเองที่บัดนี้หน้าถอดสีทั้งยังยกมือขึ้นกุมศีรษะคล้ายจะปวดร้าวอย่างรุนแรง “คุณหนู คุณหนูเหม่ย” หลันพูดตะกุกตะกัก สีหน้าซีดเผือด “เธอเสิร์ฟอะไรใ
last updateDernière mise à jour : 2025-07-29
Read More
บทที่ 4 งานอดิเรกใหม่ของเหม่ยอิง
กิจวัตรประจำวันของนายหญิงตระกูลไท่เริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ตารางการทานของว่างถูกจัดแจงอย่างเคร่งครัดมากขึ้น แม้รู้สึกอึดอัดแต่เหม่ยอิงก็ทำอะไรไม่ได้ “คุณหนูเหม่ยจะทำอะไรดีคะวันนี้” คำถามถูกเอ่ยขึ้นทันทีที่เธอเดินลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เหม่ยอิงพรูลมหายใจเล็กน้อย เธออ่านประวัติของตระกูลตัวเองจนจำได้ทุกตัวอักษรแล้ว งานการก็ยังไม่มีให้ทำ ครั้นจะตอบคำถามนั้นก็เต็มกลืน “อืม นั่นสินะ” “ไปดูดอกไม้กันดีไหมคะ ฉันพอรู้มาว่าก่อนหน้านี้คุณหนูเหม่ยสั่งให้ปลูกมันไว้ที่หน้าคฤหาสน์นี่เอง” เหม่ยอิงเลิกคิ้วขึ้นก่อนทวนถาม “ฉันเนี่ยนะ?” อาหลันหัวเราะก่อนพยักหน้า เมื่อเป็นเช่นนั้นเหม่ยอิงจึงยอมตกลงไปดูดอกไม้ตามที่สาวใช้เสนอ พื้นที่อีกฝั่งซึ่งไม่ใช่สวนที่เหวินเจิ้งหวงแหนนั้น ดูเหมือนว่าจะมีดอกไม้โปรดปรานของเธอปลูกอยู่จริง ๆ ซึ่งดอกไม้ที่ว่าก็คือกุ้ยฮวาหรือดอกหอมหมื่นลี้นั่นเอง เหม่ยอิงซึ่งเพิ่งได้รับรู้ว่าตนในเมื่อก่อนก็มีงานอดิเรกน่ารักกับเขาบ้างจึงสนใจขึ้นมา “ดูเหี่ยวไปบ้างแต่ก็เหมือนว่าก่อนหน้านี้จะได้รับการดูแลอย่างดีเลยนะ” คงเพราะช่วงที่เธอประสบอุบัติเหตุไป แม้ยังไม่ใช่ฤดูที่กุ้ยฮวาจ
last updateDernière mise à jour : 2025-07-29
Read More
บทที่ 5 ออกงานกับเหวินเจิ้ง
โชคดีที่แม้จะปะทะฝีปากกันแต่เหวินเจิ้งก็ยอมทำอะไรง่าย ๆ ให้ทาน ไม่เช่นนั้นเหม่ยอิงคงจะไม่ได้นอนเพราะทนหิวทั้งคืนเป็นแน่ เช้าวันต่อมาเหม่ยอิงก็ต้องแปลกใจเพราะเธอโดนปลุกตั้งแต่เช้า ในขณะที่ยังไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรดีนักก็ถูกจับขึ้นมานั่งบนรถในตำแหน่งข้างเหวินเจิ้งเสียแล้ว “เราจะไปไหนกันเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม ก่อนจะหันไปมองเหวินเจิ้งซึ่งกำลังเลื่อนไอแพดด้วยท่าทีสบายอยู่ เขาไม่คิดจะตอบ ซึ่งกลายเป็นว่าจงเซ่อต้องเป็นคนรับหน้าที่นั้นเอง “ห้องเสื้อครับ...ร้านประจำของคุณเหวิน” “ห้องเสื้อ?” เธอทวนอีกครั้ง “ใช่...เย็นนี้เราต้องไปงานเลี้ยงของคนตระกูลหวง คู่ค้าของฉัน” คราวนี้เป็นเหวินเจิ้งที่ตอบ ซึ่งเหม่ยอิงก็ทวนคำอีกครั้งว่าทำไมเหวินเจิ้งถึงใช้คำว่าเรา? “ก็หมายถึงเธอไปกับฉัน สงสัยตรงไหน” จงเซ่อได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาหวังว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นในรถ “ตระกูลหวงสนิททั้งกับฉันและตระกูลจ้าวของเธอ สถานการณ์บีบบังคับแบบนี้ฉันก็คงจะเฉไฉไปคนเดียวไม่ได้” และก่อนหน้านี้ตอนที่เหม่ยอิงยังไม่ฟื้นจากการประสบอุบัติเหตุฝั่งนั้นก็ถามถึงมาโดยตลอด ถึงเหวินเจิ้งจะหาข้ออ้างไปได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าครั้ง
last updateDernière mise à jour : 2025-07-29
Read More
บทที่ 6 บ้านตระกูลจ้าว
วันต่อมาเรียกได้ว่าหน้าสื่อข่าวแทบทุกสำนักต้องมีข่าวงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ของฮุ่ยหมิง และแขกคนสำคัญอย่างไท่เหวินเจิ้งและจ้าวเหม่ยอิงกันทุกช่อง ถึงจะมีรูปให้เอามาลงได้แค่ไม่กี่รูปแต่กลับทำรายได้พอสมควร เพียงแค่พาดชื่อไท่เหวินเจิ้งก็เรียกยอดคนดูมากมาย ส่วนคนที่เป็นหัวข้อร้อนแรงอยู่ตอนนี้กลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะกำลังจิบชาและทานมื้อเช้าอย่างสบายใจ เมื่อคืนเขาก็ทำรายได้ให้ตัวเองพอสมควรกับการได้พูดคุยกับคนในงานของฮุ่ยหมิง ทั้งการร่วมลงทุน ทั้งส่วนแบ่งรายได้ที่เสนอให้เขาช่วยเป็นหุ้นส่วนนั้นเหวินเจิ้งพิจารณาและดูท่าจะรับข้อเสนอได้จากหลายบริษัท “อย่าเขี่ยเต้าหู้ออกเหม่ยอิง” สุรเสียงทุ้มของสามีทำเอาคนที่นั่งทานมื้อเช้าด้วยกันอยู่สะดุ้ง นึกว่าเขาจะไม่ได้สนใจกันอยู่เสียอีก ใบหน้าหวานฉายความแง่งอนครู่หนึ่ง “ก็ฉันไม่ชอบนี่คะ” “ทำตัวเป็นเด็กไปได้” เหม่ยอิงมองเหวินเจิ้งด้วยสายตาไม่พอใจ แค่ไม่ชอบเต้าหู้ไม่เห็นต้องว่ากันแบบนั้นก็ได้นี่? มีแค่เด็กหรือไงที่ไม่ชอบทาน ผู้ใหญ่บางคนก็ไม่ทานเหมือนกันนั่นแหละ! “หยุดด่าฉันในใจ” “แหม เดี๋ยวนี้รู้ถึงความคิดฉันแล้วเหรอคะ อีกอย่างใครจะกล้าด่าคุณเหว
last updateDernière mise à jour : 2025-07-29
Read More
บทที่ 7 ให้สามีจูบ
ไอ้ประโยคขออนุญาตก่อนหน้านี้นอกจากจะทำคนฟังตกใจแล้วเหม่ยอิงก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป หวังฝูดูจะงง ๆ แต่ก็ยอมตอบรับประโยคของลูกสาว และเพราะห้องนอนสำหรับรับแขกไม่ได้ทำความสะอาดไว้ล่วงหน้าทำให้ตอนนี้คนที่ดูจะดีใจกลับกลายเป็นหนักใจแทน ก็เพราะม๊าเสนอให้เหวินเจิ้งนอนห้องเดียวกันกับเธอนี่ไง! “ก็เป็นสามีภรรยากันนี่นา ม๊าว่านอนด้วยกันก็คงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหมลูก?” คุณผู้หญิงฉีถงเอ่ยพูดอย่างสดใสผิดกับทั้งสามคนที่ยืนด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหม่ยอิงและเหวินเจิ้งมีความรู้สึกเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ถึงจะอยู่คฤหาสน์ตระกูลไท่ร่วมกันเกือบปีแต่ก็ยังไม่ได้เหยียบห้องนอนหรือพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ส่วนหวังฝูนั้นค่อนข้างหวงลูกสาวเป็นทุนเดิม ความจริงคืนนี้เขาอยากนอนกับลูกสาวพร้อมภรรยาแต่ทุกอย่างดูจะผิดแผนไปเสียหมด “เอาล่ะ ๆ ตามนี้นะ อาบน้ำแล้วก็เข้านอนกันนะลูก” คุณนายฉีถงรีบดันหลังสามีออกจากห้องเก่าลูกสาว มอบเวลาและความเป็นส่วนตัวให้กับทั้งคู่ แต่หารู้ไม่ว่าบรรยากาศยิ่งอึดอัดกว่าเดิม “ฉะ...ฉันไปอาบน้ำนะคะ” เหม่ยอิงพูด มีความติดขัดในประโยคอีกทั้งยังไม่กล้าสบตาสามี หลังจากค
last updateDernière mise à jour : 2025-07-29
Read More
บทที่ 8 ห้ามแพ้ใครนอกจากสามี
หลังจากที่กลับมาจากบ้านของเหม่ยอิงแล้ว จงเซ่อซึ่งสังเกตท่าทีของเจ้านายตัวเองพลันต้องแปลกใจ หมู่นี้ดูคุณไท่เหวินเจิ้งมักมองหานายหญิงอยู่เสมอ เวลาทานมื้อเช้าด้วยกันก็ชอบทอดมองภรรยาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอด ดั่งเช่นเช้าวันนี้ก็เหมือนเคย... “...” บรรยากาศนิ่งเงียบในห้องทานอาหารพาลทำให้เหม่ยอิงเลิ่กลั่กไม่น้อย เธอกำลังเขี่ยเต้าหู้ออกจากจานจำต้องสะดุ้งเพราะรู้สึกถึงสายตาของคนตรงหัวโต๊ะที่เอาแต่มองกัน นี่คงคิดจะดุที่เธอเขี่ยเต้าหู้ออกอีกแล้วล่ะสิ? “ฉันไม่ได้จะเขี่ยทิ้งนะคะ แค่จะกินทีหลั--” คำพูดยังไม่จบประโยคดีกลับโดนสามีแทรกขึ้น “แผลที่ปากหายหรือยัง?” พลันก็ทำให้คนที่ได้ยินสะดุ้งกันทั้งหมด สาวใช้มองหน้ากันไปมา จงเซ่อขมวดคิ้ว ส่วนเหม่ยอิงอ้าปากค้างไปแล้ว นี่เหวินเจิ้งจะมาถามเธอทำไมตอนนี้! “...” แก้มเนียนพลันซับสีแดงระเรื่อ เหตุเพราะวันนั้นทั้งโดนเหวินเจิ้งรังแกทั้งได้แผลกลับมา ก็เขาทนไม่ไหวกัดปากเธอไปตั้งหลายหน! ทว่าจะโทษแค่เหวินเจิ้งก็ไม่ได้ เพราะคนที่ไหลตามน้ำตัวอ่อนอยู่บนตักสามีก็คือเธอนี่เอง “หะ หายแล้วค่ะ” ตอบเสร็จก็รีบยัดเต้าหู้เข้าปาก ไม่ได้สนใจแล้วว่ามันเป็
last updateDernière mise à jour : 2025-07-29
Read More
บทที่ 9 หวงเหม่ยอิง
หลังจากที่ได้เจอแขกเหวินเจิ้งที่บริษัทไปเมื่อวานนี้ วันนี้จงเซ่อก็แจ้งว่าจะมีแขกอีกคนหนึ่งมาหาเขาอีก และดูท่าว่าคนนี้คงจะสำคัญไม่น้อยเหวินเจิ้งถึงอนุญาตให้เข้ามาในคฤหาสน์ได้ “คุณหนูเหม่ยจะไปที่สวนเหรอครับ” จงเซ่อเอ่ยถามเมื่อเห็นเหม่ยอิงกำลังเดินอยู่ตรงโถงทางเดิน หญิงสาวส่ายหน้าก่อนตอบ “เปล่าหรอก ก็แค่ตามหาอาหลันอยู่น่ะ เห็นเธอบ้างหรือเปล่า?” “อ้อ คงกำลังเตรียมของว่างอยู่น่ะครับ” “ของว่าง? แขกเหวินเจิ้งมาแล้วงั้นหรือ” ลูกน้องคนสนิทของสามีพยักหน้าตอบ “ใช่ครับ ผมกำลังจะไปตามคุณเหวินอยู่พอดี” “ดูแล้วเขาน่าจะสนิทกันมากเลยนะ คุณเหวินถึงอนุญาตให้เข้ามาที่นี่ได้น่ะ” “ใช่ครับ ความจริงคุณหนูเหม่ยก็เคยเจอเขานะครับ ดูคุยกันถูกคอไม่น้อยเพราะคุณหยุนโจวน่ะค่อนข้างโปรดปรานแอลกอฮอล์พอ ๆ กับคุณหนูเหม่ยก่อนหน้านี้เลยครับ” หญิงสาวชะงักครั้นได้ยินชื่อที่แสนคุ้นเคยนั้น ทว่าในตอนที่กำลังจะถามต่อ แขกของเหวินเจิ้งที่สมควรอยู่ในห้องรับแขกกลับโผล่มาขัดบทสนทนาเสียได้ “อ้าว คุณหนูเหม่ยอิงนี่นา ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” ชายผู้นั้นคือหยุนโจว เขามีส่วนสูงไล่เลี่ยกับเหวินเจิ้ง ใบหน้าหล่อคมติดเล่น ผิวสี
last updateDernière mise à jour : 2025-07-29
Read More
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status