แชร์

ตอนจบ กันและกันตลอดไป

ผู้เขียน: กุญแจฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-29 12:41:19

ข่าวเรื่องทายาทตระกูลไท่ถูกพูดถึงอย่างมากในหลายสัปดาห์นี้ มีตระกูลน้อยใหญ่ส่งของขวัญมาให้มากมายจนเหล่าสาวใช้แทบจะช่วยกันรับไม่หวาดไม่ไหว

เหม่ยอิงอยู่ในช่วงพักผ่อนหลังคลอด งานใด ๆ หรือธุรกิจใด ๆ ถูกเหวินเจิ้งสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเป็นอันขาด ส่วนเขาก็เป็นคนคอยดูแลแทนทั้งหมด

“ของขวัญชิ้นสุดท้ายของรอบเช้าค่ะคุณหนูเหม่ย”

“ขอบคุณจ้ะ” เหม่ยอิงหันไปตอบอาหลันที่วางกล่องของขวัญชิ้นสุดท้ายเสร็จ ในอ้อมแขนคนงามกำลังประคองเจินจูพลางกล่อมนอน คุณหนูน้อยหลับตาพริ้ม ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก

“เสร็จแล้วใช่ไหม นั่งเล่นในนี้ก่อนก็ได้นะ” เหม่ยอิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ที่นี่คือห้องของเจินจูที่เหวินเจิ้งสั่งทำใหม่เป็นพิเศษ เขาทุบสองห้องเข้าด้วยกัน พื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยของใช้เด็กอ่อน ทั้งเตียงทั้งตู้ก็สั่งทำไว้เรียบร้อย เรียกได้ว่ามีใช้ยันอายุเจ็ดขวบเลยทีเดียว

หลันนั่งลงข้างกัน เธอมองเจินจูที่ยังหลับอยู่แล้วยกยิ้ม ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสดใส

“คุณหนูน้อยน่ารักน่าชังมากเลยค่ะ โตมาจะต้องงามเหมือนคุณหนูเหม่ยแน่เลย” เหม่ยอิงหัวเราะนิดหน่อย

“หน้าตาไม่เท่าไหร่หรอก อย่าเอานิสัยหม่าม๊าไปแล้วกันนะอาจู” เธอเอ่ยแกมหยอกเย้า หลันถึงกับขำพรืด

“คุณหนูเหม่ยใจดีมากนะคะ ไม่อย่างงั้นฉันคงไม่กล้าคุยเล่นขนาดนี้หรอกค่ะ” หลันว่าอย่างจริงใจ ทำเอาคนโดนชมอดจะเขินเสียไม่ได้

“นี่แหละน้า…ทั้งสวยทั้งใจดี ผู้ชายคงติดคุณหนูเจินจูกันหนักแน่ ๆ” หลันคิดตามที่พูดจริง ๆ แค่คิดก็ดีอกดีใจเหมือนเป็นลูกตัวเอง ทว่า…

“มีคนที่ไม่รักชีวิตขนาดนั้นอยู่ด้วยหรือไง” สุรเสียงทรงอำนาจจากทางหน้าประตูทำให้ทั้งคู่หันไปมอง หลันถึงกับเบิกตากว้างแล้วรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้เจ้านายทันที ในขณะที่เหม่ยอิงยกยิ้มกับคำพูดนั้น

“ไม่เห็นต้องพูดขู่เลยนี่คะ”

“เฮียไม่ได้ขู่ ก็แค่คำถาม” เหม่ยอิงส่ายหน้าระอากับความขี้หวงของสามี เหวินเจิ้งเดินเข้ามาหาก่อนจะนั่งลงข้างกัน ทำเอาอาหลันถึงกับเลิ่กลั่กเลยทีเดียว

ก็เธอไม่เคยจะชินเวลาต้องอยู่ต่อหน้าคุณท่านเลยนี่นา!

“หลับนานแล้วหรือ?”

“อื้อ กินนมเสร็จก็หลับเลย” ดวงตาดุดันทอดมองลูกสาวอย่างอ่อนโยน มือหนายกขึ้นเกลี่ยปลายจมูกน้อย ๆ อย่างมันเขี้ยว ท่าทางเหล่านั้นทำเอาสาวใช้คนเดียวในที่นี่ถึงกับมองตาค้าง เพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นไท่เหวินเจิ้งในแง่มุมนี้

“คุณเหวินต้องไปคุยงานไม่ใช่เหรอคะ ฉันได้ยินจงเซ่อพูดตอนทานมื้อเช้า” เหม่ยอิงถามพลางเอียงคอเล็กน้อย ซึ่งเหวินเจิ้งก็พยักหน้ารับ จริง ๆ เขาเคลียร์ตารางงานออกไปเยอะแล้ว เหลือก็แค่งานสำคัญบางงานที่เกี่ยงไม่ได้

“อืม เฮียพาลูกไปได้ไหม?” เสียงนั้นดูอ่อนเสียจนน่าสงสาร ใบหน้าหล่อเหลาก็มองภรรยาคล้ายขอความเห็นใจ

เหวินเจิ้งยอมรับว่าตนติดลูกสาวมาก อยากนั่งมองทั้งวันทั้งคืนเลยจริง ๆ

“ไม่ได้สิ ที่นั่นมีแต่พวกตระกูลใหญ่ ๆ ทั้งนั้น คุณจะอุ้มลูกแล้วคุยงานไปด้วยหรือไง” บทสนทนาเหล่านั้นยังคงลื่นไหลไปเรื่อย โดยเหมือนทั้งสองคนจะลืมไปเสียแล้วว่ายังมีคนนอกอยู่ตรงนี้

หลันแทบไม่กล้าขยับตัว เอาความจริงเธอก็อยากอยู่กับนายหญิงอีกสักหน่อย แน่นอนว่าเวลาส่วนตัวของนายท่านกับนายหญิงแบบนี้คงไม่มีใครเคยได้เห็น

เธอคือคนที่ได้รับโชคครั้งนี้เลยนะ!

“มีแต่พวกเลียขาน่ารำคาญ ถ้าเฮียไม่ได้เห็นหน้าลูกคงต้องหงุดหงิดมากแน่” เหวินเจิ้งยังคงหาข้ออ้างไม่หยุด ทำเอาคนฟังทึ่งไม่น้อยที่เขาเป็นถึงขนาดนี้

“ปกติคุณก็คุยได้นี่นา”

“อาเหม่ย…” เสียงนั้นอ่อนลงกว่าเดิม เหม่ยอิงถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

“วันนี้คงไม่ได้ค่ะ อาจูเพิ่งจะได้หลับไปเอง แต่ถ้าครั้งหน้าก็คงได้อยู่” เมื่อได้ข้อสรุปที่พึงพอใจทำให้เหวินเจิ้งยกยิ้มมุมปาก เขารีบตอบรับแบบไม่รีรอ

“อืม เอาเป็นครั้งหน้าก็ได้” เขาว่าจบก็โน้มตัวลงจูบลูกสาวเบา ๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่เหม่ยอิงเลื่อนสายตากลับไปหาอาหลัน

“ขอโทษทีนะ เดี๋ยวฉันจะพาอาจูไปที่เตียง อาหลันช่วยเตรียมมื้อเที่ยงง่าย ๆ ให้หน่อยได้ไหม” คนฟังได้ยินเช่นนั้นก็รีบพยักหน้าทันที ก่อนตอบว่าจะรีบไปทำให้ พูดเสร็จก็เดินออกไป

“หิวหรือ?”

“อือ คุณทานด้วยกันไหมคะ” เหวินเจิ้งส่ายหน้าแทนคำตอบ ใบหน้าหล่อเหลายังโน้มอยู่ในระดับเดียวกับลูกสาว

“ถ้าหมวยเจินตื่นแล้วโทรบอกเฮียได้หรือเปล่า เฮียจะได้รีบกลับ” เหม่ยอิงมองสามีด้วยแววตาที่อ่อนลง มือเรียวยกขึ้นลูบแผ่นหลังของเขาเบา ๆ

“ได้ค่ะ ถ้าลูกตื่นแล้วอิงจะโทรหา” เหวินเจิ้งยกยิ้ม เขายืดตัวขึ้นจูบกลีบปากบางของภรรยาหนึ่งครั้ง

“อยู่กันดี ๆ นะทั้งแม่ทั้งลูก เฮียจะรีบไปแล้วรีบกลับ”

“อื้อ”

“เดี๋ยวป๊ากลับมานะ อาหมวยเจิน” กว่าจะร่ำลาเสร็จก็ผ่านไปสักพัก หลังจากนั้นเหม่ยอิงก็ลงไปทานข้าวส่วนเหวินเจิ้งก็ออกไปทำงาน ในระหว่างนั้นคุณหนูเจินจูก็ได้สาวใช้ช่วยดูแลให้

กิจวัตรส่วนใหญ่ในทุก ๆ วันก็ประมาณนั้น เจินจูเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายจนใครที่ได้เจอก็ต่างเอ็นดู ถึงขนาดที่ตกหยุนโจวผู้ไม่ค่อยชอบเด็กเท่าไหร่นัก ให้สามารถโอนค่าทำขวัญหลานได้ถึงสิบล้านหยวน ส่วนหวังฝูและฉีถงก็ทำเรื่องมอบมรดกให้เจินจูเป็นที่เรียบร้อย นี่ยังไม่รวมของผู้เป็นบิดาเองอย่างไท่เหวินเจิ้งที่ปูทางทุกอย่างให้ลูกสาวไว้หมดแล้ว เกิดมายังไม่ทันข้ามเดือนทว่าทั้งบัญชี ทั้งสินทรัพย์แบบอสังหาฯ มีชื่อเป็นเจ้าของไปแล้วหลายแห่ง ครองพื้นที่ในปักกิ่งไปไม่น้อยด้วยชื่อคุณหนูไท่เจินจู

“แอ้!” เสียงร้องดังลั่นเรียกให้เหม่ยอิงผุดลุกขึ้นจากที่นอนในกลางดึก แม้เจินจูจะมีห้องของตนแล้วแต่ก็ยังเด็กมากเกินกว่าจะแยกนอนกับพ่อแม่ ดังนั้นหมวยเจินจึงยังนอนอยู่บนเตียงสำหรับทารกที่อยู่ติดกับเตียงของเหวินเจิ้งและเหม่ยอิง

“อาจู หม่าม๊าอยู่นี่ค่ะ” เหม่ยอิงรีบอุ้มลูกสาวขึ้นจากที่นอน ซึ่งทันทีที่หมวยเจินได้อยู่ในอ้อมอกมารดาก็หยุดร้องทันที และมองเหม่ยอิงตาแป๋วทำเอาเธอหลุดหัวเราะ

“ตื่นกลางดึกแบบนี้หม่าม๊าก็แย่สิ”

“แอ๊ะ!”

“อ๋อ อยากเล่นกับม๊างั้นหรือ” พูดกันเป็นตุเป็นตะทั้ง ๆ ที่พูดได้ไม่เป็นคำ แต่พอเห็นผู้เป็นแม่หัวเราะหมวยเจินก็หัวเราะตาม เสียงคิกคักของสองแม่ลูกทำให้คนที่นอนหลับอยู่ตื่นขึ้น

เหวินเจิ้งมองแผ่นหลังภรรยาที่นั่งอยู่ข้างเตียง พอสายตาปรับโฟกัสได้ก็เห็นว่าเธอกำลังอุ้มเจินจูอยู่ ทั้งยังพูดหยอกเย้ากับลูกสาวอย่างอารมณ์ดี

“ทำอะไรกันแม่กับลูก” เสียงทุ้มแหบพร่าเพราะเพิ่งตื่น เขาเอ่ยถามพลางเอื้อมมือเขี่ยแผ่นหลังภรรยาเบา ๆ เพราะเธอนั่งอยู่ไม่ไกลกันนัก

“อาจูตื่นกลางดึกค่ะ คงเพราะนอนผิดเวลาหรือเปล่านะวันนี้” เหม่ยอิงตอบพลางขยับตัวกลับมานั่งตรงกลางเตียง เหวินเจิ้งก็ดึงผ้าห่มลงเล็กน้อย ร่างกายกำยำส่วนบนปรากฏแด่ครรลองสายตาของภรรยา เนื่องจากเขาสวมแค่กางเกงเนื้อดีเพียงตัวเดียวเท่านั้น

“แอ้!” ทายาทผู้เป็นดวงใจเอ่ยทักทายบิดาทันทีที่เหวินเจิ้งรับเธอมาไว้ในอ้อมแขน

“อยากได้อะไรหืม?” เขาถาม ก่อนจะหลุดหัวเราะเมื่อเจินจูส่งเสียงโต้ตอบมาทันควัน

“พูดเก่งเสียจริง” เหม่ยอิงมองพ่อลูกที่คุยกันสนุก เธอเอนตัวลงนอนข้างกัน

“เธอนอนต่อก็ได้ เดี๋ยวเฮียดูลูกเอง” เหวินเจิ้งเอ่ยขึ้น แต่เหม่ยอิงก็ส่ายหน้า

“อิงก็ไม่ง่วงแล้วเหมือนกัน”

“งั้นเฮียต้องกล่อมทั้งแม่ทั้งลูกเลยหรือเปล่า” ร่างบางหลุดขำ ทว่าก็ต้องยอมรับว่าถ้าให้เหวินเจิ้งกอดกันไว้มันหลับได้ง่ายดายนัก

สามคนพ่อแม่ลูกคุยเล่นกันไปมา แม้เวลาจะดึกดื่นทว่าภายในห้องนอนหลังใหญ่กลับยังมีเสียงหัวเราะร่า ส่วนใหญ่เหม่ยอิงจะชอบพูดหยอกลูกสาว พอได้ยินหมวยเจินส่งเสียงอ้อแอ้ก็ยิ่งดีใจ ในขณะที่เหวินเจิ้งรับหน้าที่เป็นผู้ฟัง เขาเอาแต่ทอดมองแม่ลูกด้วยแววตาเอ็นดู

จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เจินจูกระพริบตาปริบมองพ่อและแม่ตัวเองราวอยากเล่นต่อ ทว่าปากน้อย ๆ กลับเริ่มหาวออกมาเสียแล้ว

“งั้นเราเล่นต่อพรุ่งนี้นะอาจู นอนได้แล้วค่ะ” เหม่ยอิงว่าพลางกล่อมลูกเข้านอนอีกครั้ง แต่เมื่อเจินจูหลับแล้วก็กลายเป็นว่าเหวินเจิ้งและเหม่ยอิงตื่นเต็มตาเสียเอง

“อิงว่าพรุ่งนี้เราต้องตื่นสายแน่ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น ซึ่งเหวินเจิ้งก็เห็นด้วย สรุปกลายเป็นว่ายิ่งตื่นดึกก็ยิ่งหิว ทั้งคู่จึงลงมาหาอะไรทานกันที่ห้องครัว

“เฮียทำซุปให้ไหม เธอหิวมากหรือเปล่า” เหวินเจิ้งถามอย่างใจดี ในขณะที่ค้นหาวัตถุดิบไปด้วย

“เอาแค่ไส้กรอกก็พอค่ะ อิงเจอไอศกรีมด้วย คุณทานไหม”

“ระวังปวดท้อง”

“นิดเดียวหน่า…อิงอยากกินของหวาน” เหวินเจิ้งยอมตามใจภรรยา เขาไม่ได้เอ่ยแย้งอะไรอีก เสร็จแล้วก็หันกลับไปหั่นไส้กรอกให้เหม่ยอิงต่อ

แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่ขยับไปมาเพราะกำลังทำอาหารอยู่ เหม่ยอิงปีนขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ตัวยาวแล้วกินไอศกรีมพร้อมมองภาพนั้นเงียบ ๆ เหวินเจิ้งติดนิสัยไม่สวมเสื้อในตอนกลางคืน ปกติเหม่ยอิงก็เห็นบ่อยในที่มืด ทว่าตอนนี้ในห้องสว่างจ้าก็ยิ่งทำให้เห็นรอยสักเทพเจ้าที่แผ่นหลังสามีชัดขึ้น

“เอาขนมปังด้วยไหม”

“…”

“หรืออยากได้นมอุ่น”

“…”

“หืม?” เขาเอี้ยวหน้ากลับมาเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ แล้วก็ต้องเลิกคิ้วอย่างมีคำถามเมื่อเห็นสายตาภรรยาที่มองกันไม่ละไปไหน

“ทำไมมองแบบนั้น” น้ำเสียงที่ถามกันเต็มไปด้วยความเอ็นดู

“อิงแค่ชอบรอยสักของคุณ” เมื่อได้รับคำตอบร่างสูงก็หันกลับไปทำอาหารต่อ หากภรรยาพึงพอใจเช่นนั้นเขาก็ไม่คิดขัด ทว่าผ่านไปไม่กี่วินาทีเขาก็ต้องชะงักเมื่อคนงามมาเล่นซนอยู่ที่แผ่นหลังของตน

“ดูสิ ดวงตามังกรตรงนี้สวยมากเลย”

“…”

“อ๊ะ อันนี้มีตัวอักษรเล็ก ๆ อยู่ด้วย” เสียงนั้นเจื้อยแจ้วเสียจนน่ามันเขี้ยว ทั้งฝ่ามือน้อย ๆ ก็เอาแต่ลากผ่านไปมา เหวินเจิ้งวางของในมือลง ก่อนจะหันตัวกลับมาประจันหน้ากับเหม่ยอิงโดยตรง

“อ๊ะ” นิ้วเรียวที่เอาแต่จิ้มตามรอยสักที่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สัมผัสนั้น เมื่อร่างสูงหันกลับมาจึงกลายเป็นว่าเหม่ยอิงกำลังวางมือบนแผ่นอกหนั่นแน่น เธอหลุดร้อง ก่อนจะช้อนสายตามองสามีพลางเลิกคิ้ว

เหวินเจิ้งเหลือบมองถ้วยไอศกรีมในมือภรรยาเป็นคำตอบกลาย ๆ เหม่ยอิงที่เห็นแบบนั้นก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามือเธอคงได้รับอุณหภูมิจากไอศกรีม พอเอาไปสัมผัสสามีก็เลยทำให้หนาวได้

“อ้อ จริงด้วย ขอโทษค่ะ” เหม่ยอิงหลุดหัวเราะนิดหน่อย ทว่าในตอนที่จะดึงมือกลับ สายตาดันหลุดโฟกัสไปตามแผ่นอกและหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสามี มันทั้งขาวและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ รู้ตัวอีกทีมือก็เลื่อนต่ำจนเหวินเจิ้งห้ามไม่ทัน

“อาเหม่ย-”

“สามีอิงนี่กลายเป็นพวกชอบอวดไปแล้วหรือไง” ว่าพลางก็หัวเราะคิกคัก เรียวนิ้วก็ไต่ไปตามลอนกล้าม เหวินเจิ้งดุนลิ้นไปกับข้างแก้ม พลางมองภรรยาด้วยความมันเขี้ยว

“ขนาดไม่ค่อยออกกำลังกายหุ่นยังดีขนาดนี้ได้ยังไง” เสียงหวานบ่นอุบอิบ วัน ๆ เห็นเอาแต่ทำงานไม่พักยังมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบนี้ได้ยังไงกัน? ว่าแล้วก็อิจฉาตัวเองเสียจริงที่มีสามีเพียบพร้อมถึงขนาดนี้

“อยากรู้หรือว่าเฮียผลาญพลังงานในร่างกายออกยังไง?” เหวินเจิ้งกระซิบถามเสียงพร่า ก่อนที่วินาทีต่อมาเหม่ยอิงจะต้องเบิกตาโต เพราะโดนคนสูงกว่าจับล็อกเอวพลางอุ้มขึ้นจนลอยหวือไปนั่งที่เคาน์เตอร์ตัวยาว

“อ๊ะ”

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ อุ้มเธอเอารอบห้องครัวเป็นการออกกำลังกายยามดึกดีไหม” คำถามลามกถูกเอ่ยออกมาตรง ๆ จนเหม่ยอิงหน้าแดงแปร๊ด ในมุมมองคนนอกเหวินเจิ้งคือคนปากหนัก เข้มงวดและขี้ดุ ทว่าในสายตาภรรยานั้นเขาก็แค่สามีผู้จอมเจ้าเล่ห์ ลามกและคิดแต่จะรังแกภรรยาก็เท่านั้น!

“เหวินเจิ้ง!” เธอเอ่ยดุเสียงสูง เป็นผลให้ประมุขตระกูลไท่หลุดหัวเราะเสียงต่ำ มือหนาลูบเบา ๆ อยู่ที่บั้นเอวคนงาม และใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มอยู่ในระดับเดียวกับภรรยา

“ทำไมเล่า ก็เฮียอยากเข้าห้องหอกับเธออีกครั้งจะแย่แล้ว” คราวนี้น้ำเสียงนั้นเปลี่ยนเป็นออดอ้อน จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่แก้มนิ่มของภรรยา

“เธอบอกว่าถ้าคลอดแล้วจะยอมแต่งงานใหม่กับเฮียไม่ใช่หรือ” เรื่องที่เหวินเจิ้งเคยขอแต่งงานไว้ตอนนั้น แม้มีโอกาสอยู่หลายครั้งแต่เหม่ยอิงก็ปฏิเสธ เธอบอกว่าอยากรอให้ลูกคลอดก่อน ซึ่งเหวินเจิ้งก็อดทนรอมาตลอดหลายเดือน

“คราวนี้มาทำให้ถูกต้องตามที่ควรเป็น”

“…”

“เฮียอยากยกน้ำชากับเธอใหม่ อยากมองเธอในชุดแต่งงานให้เต็มตากว่าครั้งที่แล้ว และที่สำคัญ…เฮียอยากกอดเธอให้เต็มอกในคืนเข้าหอของเรา” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความมั่นคง งานแต่งงานครั้งแรกของทั้งคู่เกิดจากความไม่เต็มใจ เหวินเจิ้งยังจำได้ดีว่าตอนนั้นตนแทบไม่ชายตามองภรรยา คืนเข้าหอก็แยกฝั่งกันนอนแทบจะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกคนภายในห้องเลยด้วยซ้ำ

เหม่ยอิงยกมือขึ้นโอบรอบลำคอสามี ความรู้สึกเหล่านั้นสะท้อนอยู่ในดวงตาคมจนรู้สึกได้ เธอยิ้มสดใส ก่อนยืดตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อจุมพิตสามีเป็นการปลอบใจ

เหวินเจิ้งตอบรับทันที เกลียวลิ้นชื้นเกี่ยวกันไปมาราวหยอกล้อ คลอไปด้วยเสียงครางหวานและเสียงของน้ำลายดังสลับไปมา

“อื้ออ” เมื่อเห็นว่าสามีชักจะเครื่องติด เหม่ยอิงจึงผละตัวออกแล้วดันอกแกร่งไว้ ในตอนนั้นเหวินเจิ้งก็ยังเอาแต่มองริมฝีปากอิ่มแดงไม่วางตา ราวกับอยากจะรังแกเพิ่มอีก

“ที่อิงบอกให้รอก็เพราะไม่อยากใส่ชุดแต่งงานตอนพุงป่องก็เท่านั้น”

“จะท้องกลมแก้มกลม เธอก็ยังสวยอยู่ดี” เขาตอบแบบแทบไม่หยุดคิด ไม่ใช่แค่เพราะคลั่งรักภรรยา แต่ตอนที่เหม่ยอิงตั้งครรภ์นั้นใครได้เห็นก็ต่างต้องชมกันทุกคน เพราะตอนนั้นเหม่ยอิงสวยมากจริง ๆ

คนงามยิ้มขำ ถึงจะว่าแบบนั้นแต่ด้วยความเป็นผู้หญิง อย่างไรในตอนที่สวมชุดแต่งงานก็อยากดูดีมากที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้นหลังคลอดอาจูเหม่ยอิงก็เลยพยายามดูแลตัวเองอยู่ทุกวัน เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้พูดกับเหวินเจิ้ง

วันที่จะกล้าเป็นฝ่ายพูดออกมาเองเสียที…

“เหวินเจิ้ง”

“…”

“อิงอยากแต่งงานกับคุณ”

“…”

“เรามา…แต่งงานกันไหม” เหวินเจิ้งชะงักไปในเสี้ยวนาทีนั้น เขามองภรรยาที่ยกยิ้มจนตาหยี ภาพนั้นทำให้ประมุขตระกูลไท่ฟุ่บหน้าลง ก่อนสบถเบา ๆ ในลำคอ

“เธอนี่มัน…” ไร้คำจะสรรหามาพูดกับภรรยา เหวินเจิ้งยอมรับเลยว่าไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็พ่ายแพ้เหม่ยอิงมากจริง ๆ ทว่ามุมปากก็ยกยิ้มกว้าง มือหนารวบกอดร่างบางไว้แน่น

“คราวนี้เฮียจะเป็นสามีที่คู่ควรกับเธอ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ก็ยังเป็นคำพูดที่ทรงอิทธิพลมากอยู่ดี เหม่ยอิงได้ยินเช่นนั้นก็ลูบหลังร่างสูงเบา ๆ ก่อนตอบประโยคนั้นที่ทำให้เหวินเจิ้งทนไม่ไหวก้มลงฟัดภรรยาเสียจนเธอหัวเราะร่า

“คุณก็เป็นสามีที่ดีมาตลอดสำหรับอิงอยู่แล้ว” คือคำพูดนี้นี่เอง…

หลังจากนั้นหลายเดือน งานแต่งงานแบบส่วนตัวของสามีภรรยาตระกูลไท่ก็เริ่มขึ้น วันนั้นคนที่ได้รับอนุญาตให้ร่วมงานก็มีแค่บุคคลใกล้ชิดเท่านั้น เพราะทั้งเหวินเจิ้งและเหม่ยอิงมีความเห็นตรงกันว่ารอบนี้อยากจัดงานแต่งตามความตั้งใจของตนทั้งหมด

คุณหนูเหม่ยอิงในชุดเจ้าสาวทำให้หลายคนต้องหลั่งน้ำตา เพราะครั้งนี้เธอสวมชุดและประดับรอยยิ้มเต็มหน้า ไม่ได้ถูกบังคับอย่างรอบที่แล้ว เหวินเจิ้งเองก็เกือบหยุดหายใจยามที่เห็น วันนั้นเขาแทบจะไม่ได้สนใจพิธีหรือคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ดวงตาคมเอาแต่ทอดมองคนงามทุกวินาที

ในขณะที่ผู้เป็นประมุขอย่างเขาก็ไม่แตกต่างกัน ชุดคอจีนสีขาวที่ถูกตัดเย็บอย่างเรียบหรูและสง่า เส้นผมสีดำขลับถูกเสยขึ้นเผยหน้าผากและกรอบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีไม้สนทอแสงอ่อนโยนแม้ไม่ยิ้ม ยิ่งในวินาทีที่เขาก้าวเท้าไปรับมือเหม่ยอิงจากหวังฝูนั้น ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้คงไม่มีวันรักใครได้เท่าคุณหนูเหม่ยอิงอีกแล้ว

วันนั้นหนูน้อยเจินจูเองก็อยู่ในชุดดีไซน์เดียวกับคุณแม่ ในตอนที่ยกน้ำชาเสร็จแล้วมาถ่ายรูปด้วยกันเจินจูก็แทบไม่งอแง แถมยังยิ้มแป้นจนสามารถตกช่างกล้องได้อีกคน เรียกได้ว่าเป็นหนูน้อยอารมณ์ดีที่ใครได้พบก็ต้องหลงหัวปักหัวปำ

หลังจบพิธีก็เข้าสู่การเข้าห้องหอ ดูจะเป็นช่วงที่เหวินเจิ้งตั้งตารอที่สุด คืนนี้เจินจูไปนอนกับคุณตาคุณยาย นั่นจึงเป็นโอกาสให้เหวินเจิ้งสามารถรังแกภรรยาได้เต็มที่ เหม่ยอิงจำได้ว่าคืนนั้นเธอร้องครางจนเสียงหาย บั้นเอว หน้าอก หรือแม้กระทั่งตรงซอกขาเต็มไปด้วยรอยรักของผู้เป็นสามี แม้กระทั่งแสงแดดลอดผ่านผ้าม่านมาแล้วในรูแคบก็ยังโดนเหวินเจิ้งรังแกไม่พัก

สาแก่ใจคนที่ไม่ได้กอดภรรยามานาน แต่หลังจากนั้นเหม่ยอิงก็สั่งห้ามงดการทำรักไปอีกนานเช่นกัน ทำเอาไท่เหวินหางลู่หูตก เรียกได้ว่าเป็นการทำโทษของคนที่ไม่รู้จักความพอดี ปากก็พูดว่าอยากถนอมภรรยาทว่าตอนอยู่บนเตียงแทบจะสิงร่างกันก็ไม่ปาน

จบเรื่องงานแต่งชีวิตประจำวันของครอบครัวไท่ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนผ่านมาอีกหลายเดือน กระทั่งตอนนี้คุณหนูเจินจูมีอายุได้เกือบจะสองขวบแล้ว เป็นช่วงที่กำลังซุกซนเลยทีเดียว

“อาจูขา ได้เวลาทานข้าวแล้วนะลูก” เสียงของหม่าม๊าทำให้คนดื้อรีบวิ่งเตาะแตะหาที่ซ่อนทันที เจินจูที่โดนเรียกไปทานข้าว แต่ตอนนี้เธออยากเล่นซ่อนหากับหม่าม๊ามากกว่า

“ว้ายย คุณหนูจู” ร่างน้อย ๆ ที่พยายามเบี่ยงตัวหลบพี่ ๆ สาวใช้ซึ่งกำลังทำงานกันอยู่ เสียงหัวเราะร่าดังตามทางราวถูกอกถูกใจคนดื้อเสียเหลือเกิน

“จะไปไหนครับ” กระทั่งวิ่งเตาะแตะมาถึงหน้าห้องนั่งเล่น เจินจูช้อนตามองลูกน้องคนสนิทของปะป๊าแล้วกระพริบตาปริบ ๆ คล้ายออดอ้อน

“ไป” เสียงน่ารักตอบสั้น ๆ เพียงหนึ่งคำ ทว่าจงเซ่อก็พอเข้าใจได้ เขาย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับคุณหนูน้อย

“หมายถึงให้ผมพาไปซ่อนเหรอครับ?”

“อื้อ!” ทั้งมือน้อย ๆ ก็แบไปตรงหน้า เผยให้เห็นลูกอมช็อกโกแลตอยู่หนึ่งเม็ด

“ไปเอามาตอนไหนครับเนี่ย…แล้วอีกอย่าง จะให้ลูกอมผมเป็นของตอบแทนเหรอครับ?”

“อื้อ!” ไม่รู้ว่าเข้าใจที่พูดจริงหรือเปล่า ทว่าเจินจูก็พยักหน้ารับทุกคำ ทำเอาคนที่ตั้งใจจะห้ามปรามก็ถึงกับพูดไม่ออก

ก็คุณหนูเจินจูมีใบหน้าน่ารักที่ทำให้ใครก็ดุไม่ลงนี่นา…

“อยู่นี่นี่เอง ได้เวลากินข้าวแล้วนะคะ” เหม่ยอิงเดินมาตามกันถึงที่ ทำให้คนที่ยังอยากเล่นถึงกับหน้างอเล็กน้อย ร่างบางที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะนิดหน่อย ก่อนย่อตัวลงพูดกับลูกสาวเสียงนุ่ม

“ไว้ค่อยเล่นต่อ ไปทานข้าวกับหม่าม๊าก่อนนะคะ”

“ไม่อาว”

“แล้วอาจูอยากได้อะไร”

“เล่น!” ใบหน้าน่ารักพูดกับแม่อย่างจริงจัง ทั้งยังขยับเข้ามาใกล้หม่าม๊าแล้วยกมือขึ้นเกาะแขนเธอไว้ ท่าทางน่ารักจนเหม่ยอิงต้องแพ้ไปอีกคน

“ทำอะไรกันอยู่” ทว่าในจังหวะนั้น เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากทางหน้าบ้าน เจินจูรีบชะโงกหน้าผ่านหลังเหม่ยอิงทันที พอเห็นว่าผู้มาใหม่คือปะป๊าของตัวเองก็ฉีกยิ้มกว้าง

“ป๊า!” เสียงใส ๆ ดังลั่นจนคนในคฤหาสน์ตระกูลไท่ต่างต้องหลุดยิ้ม เหวินเจิ้งขานรับในลำคอ ก่อนจะเดินเข้ามาหาพลางยื่นมือไปรับลูกสาวขึ้นมาในอ้อมแขน

“ดื้อกับหม่าม๊าอีกแล้วหรือ”

“ม่ายย” รีบปฏิเสธทันควันจนเหม่ยอิงหลุดหัวเราะ

“เหรอคะ ไม่ดื้อกับม๊าเลยเหรอ หืม?” เธอลุกขึ้นยืนข้างสามีพลางยื่นมือไปเขี่ยปลายจมูกลูกสาวเบา ๆ เจินจูหลับตาปี๋พลางหัวเราะคิกคัก

“ป๊ามาแล้ว งั้นเราไปทานข้าวกันดีไหม”

“กินข้าว ๆ!” เหวินเจิ้งกดจมูกหอมคนในแขนอย่างมันเขี้ยว นับวันเจินจูก็ยิ่งน่ารักเหมือนเหม่ยอิง ทั้งใบหน้าจิ้มลิ้มและรอยยิ้มกระชากใจคนมอง

จากที่ดื้อก็กลายเป็นยอมทานข้าวโดยง่าย คุณหนูน้อยร่าเริงจนภายในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และมันก็มักจะเป็นเช่นนี้ทุกวัน เหวินเจิ้งจะกลับมาทานมื้อเที่ยงพร้อมครอบครัว ต่อให้งานล้นมือหรือมีประชุมสำคัญแค่ไหนก็ตาม

หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จเหวินเจิ้งก็ไม่ได้ไปทำงานอีก เขาเลื่อนการประชุมให้เปลี่ยนเป็นออนไลน์ตอนกลางคืน เหตุผลก็เพราะว่าอยากอยู่กับลูกสาว ทำเอาเหม่ยอิงหนักใจนิดหน่อยแต่ก็ห้ามอะไรไม่ได้

“หม่าม๊า”

“ขา” เหม่ยอิงที่กำลังคุยงานกับลี่ถิงจำต้องหยุดบทสนทนาไว้ เมื่อปลายชุดกระโปรงโดนมือน้อย ๆ มาดึงรั้งพลางเรียกกัน

“อุ้ม!” เจินจูพูดพร้อมกับยกมือเป็นสัญญาณ เหม่ยอิงจึงย่อตัวลงอุ้มลูกสาวตามคำขอ

“ม๊าขอคุยงานแป๊บนึงนะคะ”

“ค่ะ!” ดวงตาสดใสมองผู้เป็นแม่สลับกับลี่ถิงไปมา แล้วจู่ ๆ เธอก็ชี้ไปยังแบบร่างจิวเวลรี่แบบใหม่ของเหม่ยอิง

“อันนี้”

“ทำไมคะ อาจูอยากทำเครื่องประดับให้ม๊าหรือ?”

“อื้อ! ม๊าสวย”

“ดูเถอะ ไปฟังใครพูดมานักนะ” คนงามว่าอย่างมันเขี้ยว ยิ่งตอนหมวยเจินถูแก้มตนกับแก้มเหม่ยอิง คนโดนกระทำก็ยิ่งอยากทิ้งงานไปซะให้รู้แล้วรู้รอด

ในขณะที่เหวินเจิ้งซึ่งนั่งรอภรรยาคุยงานอยู่ที่โซฟาได้แต่ยกยิ้ม จริง ๆ แล้วเจินจูเป็นเด็กที่ติดทั้งพ่อและแม่ แถมยังมีนิสัยขี้หวงเหม่ยอิงอยู่ไม่น้อย

ก็นะ…ลูกเขาก็เหมือนเขานั่นแหละ

พอเหม่ยอิงคุยกับลี่ถิงจบแล้วเธอก็ก้าวมาหาสามี ภาพสามีภรรยาตระกูลไท่นั่งข้างกันแล้วทอดมองเจ้าตัวเล็กที่ช่างพูดช่างเจรจานั้นเป็นภาพที่ดูคุ้นตา ทว่าถึงจะเห็นกี่ครั้งเหล่าลูกน้องก็อยากหยุดดูกันทุกครั้ง เจินจูทั้งพูดทั้งหัวเราะแถมยังเล่นกับพ่อแม่จนหมดแรง กระทั่งรู้ตัวอีกทีเสียงเจี๊ยวจ๊าวก็เงียบไปเสียแล้ว

เหวินเจิ้งลูบศีรษะลูกสาวแผ่วเบา ดวงตาทอประกายความอ่อนโยนอย่างมาก

“ก่อนหน้านี้เฮียไม่เคยคิดอยากจะมีลูกเลยแม้แต่น้อย” จู่ ๆ เหวินเจิ้งก็เอ่ยขึ้นจนเหม่ยอิงขมวดคิ้ว ทว่าเธอก็ไม่ได้เอ่ยแทรก และรอฟังสามีพูดต่อ

“เพราะไม่อยากมีพันธะ ไม่ชอบสิ่งที่มารบกวนความคิด และที่สำคัญเฮียไม่อยากแบ่งความรักไปให้ใคร” เหวินเจิ้งเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจมาตลอด เขาไม่เคยกล้าบอกภรรยาตรง ๆ แต่ตอนนี้กลับอยากพูดออกมาทั้งหมด

“จนวันนี้ถึงได้รู้ ว่าต่อให้เป็นเธอหรือหมวยเจิน ไม่ว่าใครก็แทนใครไม่ได้ทั้งนั้น”

“…”

“เฮียจะรักและเคารพเธอในฐานะภรรยาของไท่เหวิน และจะรักหมวยเจินในฐานะของขวัญที่ล้ำค่าในชีวิต” เสียงนั้นแผ่วเบาและราบเรื่อย ทว่าก็เต็มไปด้วยความหนักแน่นของสัจจะ เหม่ยอิงมองเสี้ยวใบหน้าของสามีแล้วยกยิ้มบาง ๆ

“เฮียจะอยู่ด้านหลังเธอสองคนเสมอ” ถ้อยคำนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือหวือหวา ทว่ามันกลับเด่นชัดในใจผู้ฟังเสียเหลือเกิน ร่างบางโน้มตัวเข้าหาสามีพลางเอนศีรษะซบเขา ดวงตาสีสวยทอดมองลูกสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนตัก

“อื้อ อิงก็จะอยู่ข้างคุณเสมอ ในฐานะภรรยาและในฐานะบ้านของคุณ” เหวินเจิ้งยกยิ้มมุมปาก ก่อนเอียงหน้าจุมพิตที่เส้นผมนุ่มของภรรยาเบา ๆ

หนึ่งวันแสนเรียบง่ายของครอบครัวไท่เป็นเช่นเคย เหวินเจิ้งอุ้มเจินจูแนบอกพลางก้าวเดินไปยังห้องนอนของพวกเขา ตรงโถงทางเดินปรากฏรูปที่ตั้งตระหง่าน ก่อนหน้านี้เคยเป็นรูปของเหวินเจิ้งเพียงคนเดียว แสดงถึงผู้ปกครองที่แน่วแน่ต่ออำนาจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผู้ซึ่งมีแววตาที่เย็นเหยียบและนิ่งสงบ เรียกได้ว่าไร้ความรู้สึกก็คงไม่ผิดนัก

ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นรูปคู่ของเขาและภรรยาที่ยืนเคียงข้างกัน จากหญิงสาวที่เขาเคยมองข้าม แต่สุดท้ายกลับเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเขายิ่งกว่าผู้ใด ในตอนนั้นเหวินเจิ้งก็คิดว่าตนเองได้เปลี่ยนไปอย่างมากแล้ว

ทว่าตอนนี้กรอบรูปใบใหญ่ใบนั้นถูกเปลี่ยนใหม่อีกครั้ง มันคือรูปครอบครัวที่ทั้งชีวิตเขาไม่เคยคาดคิดว่าตนจะมีได้ เป็นภาพของเหม่ยอิงที่นั่งหลังตรงบนบัลลังก์ของผู้นำตระกูลไท่ ด้านข้างคือเหวินเจิ้งที่ยืนเคียงกัน ส่วนบนตักของภรรยาคือหมวยเจินตัวน้อยในชุดกระโปรงฟูฟ่องพร้อมรอยยิ้มน่ารัก มือเล็ก ๆ ของเธอจับแน่นอยู่ที่นิ้วของปะป๊า

และถ้าหากถามว่า ‘ตระกูลไท่มีอะไรล้ำค่ายิ่งกว่าอำนาจและทรัพย์สมบัติ?’

เหวินเจิ้งก็คงจะตอบว่าคำตอบอยู่ในกรอบรูปนั้นแล้ว

ครอบครัวของเขา…ไท่เหม่ยอิงและไท่เจินจูคือทุกอย่างที่เหวินเจิ้งจะยอมแลกมา ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม

จบบริบูรณ์

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 4 หนึ่งวันกับเจินจู

    ไท่เจินจู เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีดวงตากลมโตสีน้ำตาลสวยเป็นเอกลักษณ์ เส้นผมหยักศกนิด ๆ เป็นสีน้ำตาลอ่อนเฉดเดียวกับดวงตา ใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย คิ้วเรียวโค้งได้รูปเสริมให้ใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งละม้ายคล้ายผู้เป็นแม่เข้าไปใหญ่ และที่สำคัญที่ไม่ว่าใครได้พบเป็นต้องชม คือผิวเนียนขาวราวไข่มุกตามความหมายชื่อของเจ้าตัว ตอนนี้เธออายุได้หกขวบแล้ว เป็นช่วงที่อยู่ในวัยเจื้อยแจ้ว ช่างสังเกต และมีคำถามมากมายเต็มหัวสมกับวัยเจ้าหนูช่างจ้อ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อยากรู้ไปเสียหมด ตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ไปจนถึงเรื่องที่ปะป๊ามักแอบจุ๊บหม่าม๊าในตอนที่คิดว่าไม่มีใครเห็น แม้จะซนเกินเด็กผู้หญิงไปบ้าง แต่เจินจูก็เป็นพลังงานที่ใสซื่อของเหวินเจิ้งและเหม่ยอิง รวมถึงคนอื่น ๆ เช่นหวังฝูและฉีถง หรือแม้กระทั่งสาวใช้ในบ้าน เพราะยามเสียงสดใสนั้นเอ่ยว่า ‘รักป๊าที่สุดในโลก’ ‘หม่าม๊าสวยเหมือนเจ้าหญิง’ ‘คุณยายขา อาจูอยากนอนด้วย’ ‘พี่การ์ด อาจูขอจ๊อกโกแลต’ อะไรแบบนั้นก็ทำให้ใครต่อใครพร้อมใจกันหลงรักหนูน้อยคนนี้หัวปักหัวปำ แม้กระทั่งชายฉกรรจ์แบบบอดี้การ์ดหน้าโหดของเหวินเจิ้งก็ไม่อาจสู้ได้ งานอดิเรกของคุณหน

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 3 เหม่ยอิงกับผ้าปิดตา

    หลังจากที่รู้ว่าเหวินเจิ้งโกรธกัน เหม่ยอิงก็ต้องล้มเลิกการไปงานเลี้ยงในคืนนี้แล้วหาวิธีง้อสามีแทน “คุณเหวินล่ะ?” เธอเอ่ยถามหลันที่เพิ่งลงมาจากชั้นสอง “กำลังพาคุณหนูจูเข้านอนค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณหนูเหม่ยต้องไปงานเลี้ยงอีกคืนใช่ไหมคะ? งั้นให้ฉันช่วยเตรียมชุดดีไหมคะ” เหม่ยอิงส่ายศีรษะก่อนตอบ “ไม่ไปแล้วล่ะ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” ถึงจะงง ๆ แต่หลันก็ยอมค้อมศีรษะรับคำสั่ง เมื่อคล้อยหลังสาวใช้คนสนิทไปแล้ว เหม่ยอิงก็พรูลมหายใจและครุ่นคิดกับตัวเอง เธอควรจะเอาใจเหวินเจิ้งอย่างไรดี? คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวรู้ว่าหากสามีกำลังกล่อมลูกนอนก็คงจะใช้เวลาสักพักหนึ่ง ในระหว่างนี้เธอก็เลยกลับเข้าห้องนอนใหญ่ ในโซนสำหรับไว้แต่งตัวนั้นยังพบชุดที่ลี่ถิงเตรียมไว้ให้สำหรับงานคืนนี้ “ดูท่าแกคงต้องกลับไปนอนในตู้อีกครั้งแล้วล่ะ” เสียงหวานว่าแกมหัวเราะเจื่อน ๆ ทว่าในตอนที่กำลังเก็บชุดนั้น เหม่ยอิงก็ต้องผงะไปเมื่อเจอของที่อยู่ด้วยกัน มันคือชุดชั้นในลูกไม้เข้าเซ็ท พร้อมกับถุงน่องสีดำ… ร่างขาวเม้มปากแน่น ปลายนิ้วเรียวยังแตะอยู่ที่ดีเทลของลูกไม้ในผ้าผืนบางนั้น ในใจก็เริ่มครุ่นคิดไปเรื่อย ก่อนดวงตาก

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 2 อย่าทำให้สามีหึง

    เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา หมู่นี้นายหญิงเหม่ยอิงจึงมีงานล้นมือเป็นพิเศษ เธอต้องคิดทั้งคอลเลคชั่นใหม่ต้อนรับเทศกาล และออกแบบแพ็กเกจแบบใหม่ด้วยตัวเอง “ยังไงฉันก็อยากให้ลวดลายของกล่องมีสัญลักษณ์กวางเรนเดียร์” เสียงหวานยามนี้เคร่งขรึม เหม่ยอิงกำลังหารือกับเหล่าลูกน้องที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนต่างช่วยเสนอไอเดียเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของเธอ “ค่ะ งั้นดิฉันคิดว่า…” “ครับ ทางผมก็มีเรื่องเสนอ…” ร่างบางกวาดสายตามองตามสไลด์ที่พนักงานกำลังอธิบาย บางไอเดียก็ดูน่าสนใจ ทว่าก็ยังมีหลายเรื่องให้ต้องปรับปรุง การคุยงานผ่านไปอีกเป็นชั่วโมง กระทั่งได้ข้อสรุปที่ทำให้สีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เธอจึงเอ่ยปิดวาระการประชุม ดวงตากลมโตดูเหนื่อยล้านิด ๆ จนลี่ถิงต้องเอ่ยถามอย่างห่วงใย “พักสักหน่อยดีไหมคะคุณหนูเหม่ย” คนงามส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวออกแบบเสร็จแล้วค่อยพักทีเดียว” เมื่อห้ามไม่ได้ก็มีแต่จะต้องช่วยให้นายหญิงไม่กดดันตัวเองเกินไปก็เท่านั้น ลี่ถิงจึงจัดการเตรียมน้ำชาและขนมมาไว้ให้ เผื่อเหม่ยอิงอยากพักก็จะได้ทานได้ทันที “ฉันจะทำงานรอที่ด้านนอกนะคะ มีอะไรเรียกได้ตลอดเวลาเลยค่ะ” “ขอบคุ

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 1 อดีตของผู้ชิงชังภรรยา

    หลายปีก่อน ว่ากันว่าในทศวรรษนี้ หากพูดถึงคนกุมอำนาจและชายผู้มีอิทธิพลที่สุดในปักกิ่ง เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตระกูลไท่ ประมุขคนปัจจุบันนามว่าไท่เหวินเจิ้ง ชายผู้เพียบพร้อมทั้งเรื่องรูปลักษณ์ ชาติตระกูลและการศึกษาที่ทำให้สเปคผู้หญิงจีนเกินครึ่งสูงจนติดเพดาน ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นก็ย่อมแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่างเสมอ นั่นก็คือนิสัยอันเลื่องชื่อของเขาที่ทำให้ใครหลายคนต้องยกธงขอยอมแพ้ ความเย็นชาที่ไม่เปิดช่องให้ใครก้าวข้ามเข้ามาได้ง่าย ๆ แต่แล้วในช่วงเวลาที่หลายตระกูลชิงดีชิงเด่น พยายามขายลูกสาวกันสุดฤทธิ์ จู่ ๆ ก็เกิดการประกาศแต่งงานของไท่เหวินเจิ้งแบบสายฟ้าแลบ! ‘ว่าที่เจ้าสาวของไท่เหวินเจิ้งคือคุณหนูจากตระกูลจ้าว…จ้าวเหม่ยอิง’ ทันทีที่มีหัวข้อนั้นเผยแพร่ออกไป เสียงส่วนมากก็คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างจ้าวเหม่ยอิงน่ะหรือคือว่าที่ภรรยาของเหวินเจิ้ง? นิสัยฝั่งสามีเลื่องชื่อยังไง อีกฝั่งทางภรรยาก็ไม่แพ้กัน คุณหนูจ้าวเหม่ยอิงผู้เป็นนางร้ายแห่งยุค ไม่ว่าขยับตัวทำอะไรก็ดูจะเป็นข่าวได้เสียหมด…โดยเฉพาะข่าวไม่ดี แม้ใบหน้าของเธอคนนั้นจะงดงามจนผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา หรือรูปร่าง

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนจบ กันและกันตลอดไป

    ข่าวเรื่องทายาทตระกูลไท่ถูกพูดถึงอย่างมากในหลายสัปดาห์นี้ มีตระกูลน้อยใหญ่ส่งของขวัญมาให้มากมายจนเหล่าสาวใช้แทบจะช่วยกันรับไม่หวาดไม่ไหว เหม่ยอิงอยู่ในช่วงพักผ่อนหลังคลอด งานใด ๆ หรือธุรกิจใด ๆ ถูกเหวินเจิ้งสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเป็นอันขาด ส่วนเขาก็เป็นคนคอยดูแลแทนทั้งหมด “ของขวัญชิ้นสุดท้ายของรอบเช้าค่ะคุณหนูเหม่ย” “ขอบคุณจ้ะ” เหม่ยอิงหันไปตอบอาหลันที่วางกล่องของขวัญชิ้นสุดท้ายเสร็จ ในอ้อมแขนคนงามกำลังประคองเจินจูพลางกล่อมนอน คุณหนูน้อยหลับตาพริ้ม ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก “เสร็จแล้วใช่ไหม นั่งเล่นในนี้ก่อนก็ได้นะ” เหม่ยอิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ที่นี่คือห้องของเจินจูที่เหวินเจิ้งสั่งทำใหม่เป็นพิเศษ เขาทุบสองห้องเข้าด้วยกัน พื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยของใช้เด็กอ่อน ทั้งเตียงทั้งตู้ก็สั่งทำไว้เรียบร้อย เรียกได้ว่ามีใช้ยันอายุเจ็ดขวบเลยทีเดียว หลันนั่งลงข้างกัน เธอมองเจินจูที่ยังหลับอยู่แล้วยกยิ้ม ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสดใส “คุณหนูน้อยน่ารักน่าชังมากเลยค่ะ โตมาจะต้องงามเหมือนคุณหนูเหม่ยแน่เลย” เหม่ยอิงหัวเราะนิดหน่อย “หน้าตาไม่เท่าไหร่หรอก อย่าเอานิสัยหม่าม๊าไปแล้วกันนะอาจู” เธอเอ่

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   บทที่ 29 ครอบครัวของเรา

    ครรภ์ของคุณหนูเหม่ยตอนนี้ล่วงเลยมาถึงห้าเดือนแล้ว จากเดิมที่แค่มีน้ำมีนวล แต่ตอนนี้เหม่ยอิงกลายเป็นคุณแม่ตุ้ยนุ้ยน่าฟัด ไม่ว่าใครอยู่ใกล้ก็อยากกัดแก้มกลมนั้นสักทีให้หายมันเขี้ยว อาการแพ้ท้องของเธอก็ดีขึ้นมาก เหม่ยอิงเริ่มกลับมาได้กลิ่นกุ้ยฮวาได้อีกครั้ง เธอไม่ได้รู้สึกคลื่นไส้บ่อยอีกต่อไป ยิ่งทำให้เจริญอาหารจนท้องกลมแก้มกลม นอกจากเรื่องครรภ์แล้ว หมู่นี้เหม่ยอิงก็เริ่มรู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ กลับมาทีละนิด ภาพแฟลชแบ็คของเหตุการณ์ในอดีตค่อย ๆ ทำให้เธอคุ้นเคยทีละน้อย คุณหมอบอกว่ามันอาจใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็มีสิทธิ์ที่เหม่ยอิงจะได้ความทรงจำทั้งหมดกลับมา ในตอนที่หวังฝูและฉีถงรู้เรื่องนี้ก็ดีใจกันอย่างมาก พวกเขาเอ่ยว่าเด็กในท้องคือพรอันวิเศษและเป็นโชคของเหม่ยอิง “พร้อมหรือยัง?” เสียงของสามีดึงให้คนที่กำลังสวมต่างหูอยู่หันไปมอง เหม่ยอิงพยักหน้ารับ “อื้อ” เหวินเจิ้งมองภาพภรรยาที่สะท้อนในกระจก เหม่ยอิงที่อายุครรภ์เพิ่มขึ้นจนหน้าท้องนูนอาจดูแปลกตาไปบ้าง เพราะปกติแล้วคุณหนูเหม่ยของเขาจะมีทรวดทรงองค์เอวที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ทว่าตอนนี้ร่างบางกลับดูเปลี่ยนไปด้วยความโค้งเว้าของร่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status