หลี่ถิงรีบหลบหลังเสาทันที ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะเดินมาหาตน แล้วหาเรื่องแบบเมื่อกลางวัน
‘ฉันยังไม่พร้อมทะเลาะกับใครตอนนี้’
หญิงสาวถอนหายใจโล่งอกทันที เมื่อร่างสูงของหยางซานหลางได้หายเข้าไปภายในห้องซึ่งอยู่ฝั่งขวามือของห้องเธอ ด้วยลักษณะของเรือนหลังนี้เป็นรูปทรงตัวยู โดยห้องของเธอจัดอยู่ตรงกลางที่เป็นส่วนของตัวยูนั่นเอง
‘ไหนในหนังสือนิยายหรือละครบอกว่าสามีภรรยาในยุคโบราณ เขาจะแยกอยู่คนละหลังนี่! ยิ่งสามีไม่รักก็มิสมควรนอนหลังเดียวกัน แต่ทำไมสามีของโม่ไป๋หลานถึงได้มาอยู่ที่นี่’
“หลบทำไม! หรือคิดว่าข้าจะไปหาเจ้ากัน ถึงมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงนี้ เพื่อเฝ้ารอข้าอย่างนั้นใช่ไหม คิดว่าข้าจะหลงกลมารยาของสตรีใจสกปรกอย่างเจ้าหรืออย่างไรกัน”
หยางซานหลางปรากฏตัวขึ้นอีกด้านของเสาต้นใหญ่ที่หลี่ถิงหลบอยู่ พร้อมน้ำเสียงกึ่งเย้ยหยัน
“ว้าย! ท่านคิดจะทำอะไรข้าอย่างนั้นหรือ ไยถึงได้มาเงียบ ๆ เช่นนี้”
หลี่ถิงหวีดร้องด้วยความตกใจ จนดวงตามืดไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดประชดอีกฝ่าย ที่ยังยืนนิ่งมองเธออยู่
“อย่าใส่ความข้าเพียงเพราะอับอายกับความคิดของตนเอง ไป๋หลาน มีหรือว่าข้าจะมิรู้ว่าเจ้าออกมายืนทำอะไรตรงนี้ ถ้าไม่ใช่มารอให้
ข้าร่วมห้อง อย่างเจ้าข้าไม่แตะต้องให้เสียมือหรอกนะ หึ…ทำร้ายหรือ รู้จักกลัวเป็นด้วย ไยเวลาเจ้าทำร้ายผู้อื่นไม่คิดถึงใจคนที่หวังดีกับเจ้าบ้าง”
หลี่ถิงเบะปากน้อย ๆ โดยที่เธอไม่คิดที่จะหลบสายตาหรือแอบซ่อนการกระทำที่ใช่ตัวตนของโม่ไป๋หลานเลยแม้แต่น้อย เพราะสุดท้าย โม่ไป๋หลานก็เป็นนางร้ายในสายตาชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ดี ทุกคำพูดก็ไม่พ้นปกป้องจีกวานฮวา ต่อให้ไม่เอ่ยชื่อ ฟังแค่นี้ก็ชัดเจนมากแล้ว
“สามีข้าอย่าหลงตนเองให้มากนัก มิใช่ท่านหรือที่คิด ไม่อย่างนั้นท่านจะมาอยู่ตรงนี้ทำไม ได้โปรดดูให้ดีว่าสองเท้าของข้ายืนอยู่ที่ส่วนใดของเรือน หน้าห้องข้าหรือของท่านกันแน่ ได้โปรดพิจารณาดูให้ดี ๆ หากข้ารอร่วมห้องกับท่านจริง คงไม่ยืนอยู่ตรงนี้ให้เมื่อยขาหรอกนะ ป่านนี้คงไปนอนรอท่านบนเตียงในห้องของท่านนานแล้ว ไม่ใช่อยู่ตรงนี้ ช่วยไตร่ตรองก่อนจะกล่าวหาข้า ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ความจริง…อีกเรื่อง เวลาจะใส่ความผู้ใด ช่วยพูดให้มันตรงประเด็นด้วย ไม่ใช่พูดจาสับสน เพราะข้าฟังแล้วปวดหัว”
หยางซานหลางเผลอกวาดสายตามองไปโดยรอบ ซึ่งมันเป็นจริงอย่างที่ภรรยาของเขาพูด ใบหน้าของชายหนุ่มถึงกับชาวูบไปเลยทีเดียว นอกจากโม่ไป๋หลานจะมิหลบสายตา หนำซ้ำยังเย้ยหยันเขากลับมาอีกด้วย ไหนจะยังพูดความจริงเรื่องที่เขาพยายามหาข้ออ้างมากล่าวหานาง ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องเดียวกันด้วยช้ำไป
นับตั้งแต่ที่นางปรากฏตัวที่ลานฝึก เขาเหมือนจะเกิดความสับสนจนพูดจาวกวนอยู่หลายหน แม้แต่ตอนนี้ที่เขา ไยถึงได้พูดออกมาว่านางรอเขา ทั้ง ๆ ที่เขาแน่ใจว่ามันไม่ใช่อย่างที่กล่าวออกมาแม้แต่น้อย แม้ในใจลึก ๆ ก็อยากให้เป็นเช่นนั้น
‘เจ้าคิดปั่นหัวข้าหรือไป๋หลาน’
ร่างสูงแสร้งขยับเข้าใกล้คนที่กำลังยืนเชิดหน้าเหยียดยิ้มเสมือนกำลังสมเพชเขาอยู่ เพื่อจะกลั่นแกล้งให้หญิงสาวคิดไปว่าเขาสนใจในตัวนาง และนั่นจะทำให้เขาคว้าชัยชนะในครั้งนี้
เขารู้ดีว่าคนอย่างโม่ไป๋หลานนั้น ชีวิตนี้มีสิ่งเดียวที่นางปรารถนา คือความรักและตัวเขาเท่านั้น
แต่ยังมิทันขยับเท้าเข้าหาอีกฝ่าย ทุกความคิดและการกระทำจำต้องหยุดลงเสียก่อน เมื่อมีใครอีกคนได้ก้าวเข้ามาในตัวเรือน
“ต้องขออภัยขอรับ ท่านแม่ทัพ ฮูหยินน้อย พอดีข้ามาตรวจตราความเรียบร้อย และได้นำยาบำรุงรวมทั้งน้ำแกงมาให้ฮูหยินน้อยและหรู่อี้
ขอรับ”หลี่ถิงถอนหายใจ ออกมาเบา ๆ เพราะด้วยกำลังในตอนนี้ของเธอ ไม่อาจสู้แม่ทัพที่มีร่างกายกำยำเช่นชายตรงหน้าได้แน่ หากเขาคิดใช้กำลังขึ้นมาจริง ๆ
“ขอบคุณท่านลุงเกามาก ถ้าเช่นนั้นเราเข้าไปหาหรู่อี้กันเถอะ อ้อ… หวังว่าท่านแม่ทัพคงรู้ที่ทางของตนเองแล้วนะเจ้าคะ”
พูดจบร่างระหงได้ก้าวเดินเฉียดกายแกร่งไปอย่างผู้ชนะตรงไปยังห้องนอนถัดไป
หยางซานหลางทำได้เพียงมองตามภรรยาที่หายเข้าไปในห้องของ
สาวใช้พร้อมกับพ่อบ้านเกา แม่ทัพหนุ่มสะบัดแขนเสื้อเดินกลับไปยังห้องของตนด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
หลี่ถิงก้าวพ้นประตูเข้ามาภายในห้อง หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่รอดพ้นจากเงื้อมมือของชายผู้นั้นมาได้
หากเธอแสดงอาการกลัวเขา ย่อมต้องกลายเป็นแบบโม่ไป๋หลานที่ตายไปแล้วแน่ แต่ใช่ว่าความปากกล้าของเธอจะเป็นเรื่องที่ฉลาดอย่างที่คิด มันเหมือนดาบสองคมนั่นเอง
แง่ดีคือเธอดูเป็นคนเข้มแข็งไม่อ่อนแอเช่นเมื่อก่อน ในทางร้ายคือเธอประกาศตัวเป็นศัตรูกับสามีของโม่ไป๋หลานอย่างชัดเจน รวมทั้งญาติผู้น้องเจ้าของร่างอีกคน และในสายตาผู้คนบางส่วนเธอดูมีอำนาจ แต่ในอีกด้านเธอจะกลายเป็นคนก้าวร้าว ดูไม่เคารพสามีในฐานะภรรยาที่ดี
แต่ถ้าเธอยอมเหมือนโม่ไป๋หลานคนเก่าก็ไม่พ้นต้องเกิดเรื่องแบบเดิม ๆ อย่างที่เคยมีมานับครั้งไม่ถ้วน หากจะรับมือคนเสแสร้งอย่างจีกวานฮวานั้น โม่ไป๋หลานคนใหม่ต้องทำให้เหนือชั้นกว่า ถึงจะกำชัยเอาไว้ในมือ
พ่อบ้านเกายื่นถ้วยยาให้แก่สาวใช้ที่ได้มาคอยดูแลหรู่อี้ ก่อนที่ตนเองจะยกน้ำแกงหอมกรุ่นมาวางบนโต๊ะตรงหน้านายสาว
ใช่ว่า…วันนี้ เขาหูหนวกตาบอด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เขาย่อมรับรู้ทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้ เพื่อคอยปกป้องหญิงสาวตรงหน้าตามคำสั่งของผู้เป็นนายที่แท้จริง
ห้าวันต่อมา
เสียงหัวเราะดังมาจากด้านนอกห้องนอน ทำให้คนที่ยังปรับตัวกับสถานที่ไม่ได้ ลุกขึ้นนั่งหัวยุ่งฟูฟ่อง ใบหน้างามส่อแววไม่สบอารมณ์นัก
หรู่อี้ในวันนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว ได้ย้ายมานอนอยู่ในห้องชั้นนอก เฝ้าเจ้านายตามคำขอของเธอ หลี่ถิงไม่อาจไว้ใจใครได้ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสามีที่เธอกำลังหาทางกำจัดออกจากวงจรชีวิต หรือสาวใช้ที่หมายปลิดชีวิตเจ้าของร่างนี้ และเธอไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ ว่ามีใครอีกบ้างไหมต้องการให้โม่ไป๋หลานตาย
“ฮูหยินน้อย ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
เสียงหวานของหรู่อี้ดังอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของหญิงสาวดูดีขึ้นกว่าเมื่อวันแรกที่พบกัน หากมองให้ดี หรู่อี้มีความสวยที่นับว่ามากทีเดียว เป็นรองแค่โม่ไป๋หลานเท่านั้นเอง
หลี่ถิงเอามือลูบหน้าไล่ความมึนงง เพราะตอนนี้ เธอยังเมาขี้ตา
อยู่เลย ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้สาวใช้คนงาม“อืม! เสียงใครอยู่ด้านนอกหรือ”
หรู่อี้หลบตาผู้เป็นนาย พร้อมก้มหน้าลงยืนนิ่งอยู่หน้าเตียงด้วยอาการลังเลที่จะเอ่ยปากพูด หญิงสาวกำลังคิดทบทวนว่าควรพูดอย่างไร จึงจะถนอมความรู้สึกของผู้เป็นนายให้มากที่สุด
“คือว่า….”
“ไม่ต้องบอกแล้ว…เดี๋ยวข้าไปดูเอง”
ภายในจวนสกุลเชี่ยดูจะสงบเงียบกว่าที่เคย แต่ถึงกระนั้นก็มิใช่เรื่องที่คนภายนอกจะรับรู้ได้ เจ้าของบ้านสองสามีภรรยากำลังดื่มด่ำกับการจิบชาชั้นยอด พร้อมการสนทนากันตามประสา ซึ่งทำให้แขกผู้มาเยือนถึงกับส่ายหน้าด้วยความเอือมระอากับลีลาการเฝ้ารอศัตรูของคนสกุลใหญ่ หากนางปรากฏกายต่อหน้าทั้งสองคนนั้น เพียงครู่คงมีทหารในจวนโผล่ออกมาล้อมรอบ‘หึ ๆ’ นางมีดีกว่านั้น“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เงียบ ๆ มันดูมิตื่นเต้นเท่าใดนัก พวกเจ้าช่วยปลุกพวกเขาให้ตื่นกันเลยจะดีกว่า”จบคำพูดจากการแฝงตัวในเงามืด เพื่อเฝ้ารอเวลาลงมือ กลับเปลี่ยนเป็นการลงมืออย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำวางกำลังไว้อีกชั้นเพื่อการเก็บกวาด“อ๊ากก!”เพียงครึ่งก้านธูป เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็เกิดขึ้น ทหารในจวนแท้จริงคือนักฆ่ารับจ้าง ทว่า จอมโจรผู้บุกรุกก็คือกลุ่มมือสังหารชั้นยอดเช่นกัน การมาปล้นในครั้งนี้ ผู้นำมิคิดที่จะนำคนมาเพียงหยิบมือเสียเมื่อไหร่กัน การจบหมากกระดานเล็กให้สิ้นซากก็คือทุบกระดานหมากให้แหลกคามือเท่านั้น“มิต้องเชิญข้า ใต้เท้าเชี่ย ฮูหยินเชี่ย ข้าดื่มกินมาอิ่มหนำสำราญมาจากบ้านแล้ว”“กำแหงนัก กล้าบุกรุกบ้านขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ช่างรนหาที่ตายโดยแท
“พวกเจ้ามันปีศาจ คนสกุลโม่ช่างไร้ความเมตตา ข้ามิทัน...อัก!”พูดได้เพียงเท่านั้น ลำคอกลับมีเลือดพุ่งออกมามากมาย โดยมิได้ถูกตัวหยวนฟางสักนิด ความเร็วดุจสายลมทำให้ร่างสูงออกมายืนอยู่ห่างพอสมควรโดยในมือมีบางสิ่งติดมาด้วย ก่อนที่ชายหนุ่มจะกางมือออก สิ่งนั้นจึงร่วงลงสู่พื้นดิน“คิดจะกลืนกินคนของข้า มิเจียมตน สกุลโม่หรือไร้เมตตา หึ! ไม่คิดบ้างหรือว่ากว่าจะทำให้แผ่นดินนี้เป็นปึกแผ่นได้ คนสกุลโม่ต้องแลกมาด้วยสิ่งใดบ้าง เพื่อรักษาชีวิตของประชาชนทั้งแคว้นเอาไว้ ปู่ข้าต้องตายเพื่อปกป้องขอทานเพียงคนเดียว เพราะนั่นคือประชาชนของพระองค์ แล้วพวกเจ้าตายเพื่อปกป้องใครบ้าง”หนึ่งในคนร้ายถึงกับตาค้าง เพราะสิ่งที่ร่วงจากมือของโม่หยวนฟาง มันคือหลอดลมของชายชุดดำ คนร้ายที่ยังมีลมหายใจอยู่เพียงหนึ่งถึงกับตัวสั่นงันงก ด้วยความหวาดกลัว คนแรกว่าอำมหิตแล้ว แต่อ๋องน้อยผู้นี้มันปีศาจชัด ๆ ชายชุดดำขยับตัวหวังจะหลบหนีฉึก! ร่างสูงของคนร้ายทรุดลงกับพื้นก่อนจะทันได้ก้าวขา“คิดจะแทงข้างหลัง! คนเช่นโม่หยวนฟาง เจ้าควรคิดให้ดีก่อน”หากมีผู้ใดมาได้ยินคำพูดของโม่หยวนฟางคงอยากตายไปสักพันครั้ง คนร้ายคิดหนี แต่ท่านอ๋องน้อยกลับกล
“จะบุรุษหรือสตรี หากรู้จักการพลิกแพลงสถานการณ์ มิใช่เรื่องยากที่จะคว้าชัยในสนามรบ อ๊ะ!”โม่ฟางเล่อหมุนกายออกห่างจากคู่ต่อสู้ เมื่อรับรู้ถึงการจู่โจมจากทางด้านหลัง แม้จะเพียงเฉียดผ่าน ทว่ากระบี่ของศัตรูก็ได้ดื่มเลือดของนางเสียแล้ว โม่ฟางเล่อกลับมิได้สนใจบาดแผล หญิงสาวรีบล้วงขวดหยกใบเล็กออกมาจากอก ก่อนจะรีบกลืนสิ่งที่อยู่ในขวดลงไปอย่างรวดเร็ว นางยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องพิษ แต่การป้องกันเอาไว้ก่อนเป็นเรื่องที่ผู้เป็นอาจารย์คอยกำชับและย้ำเตือนนางอยู่บ่อยครั้ง“การที่มั่นใจเกินไป มันก็มิใช่สิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่รึท่านหญิงโม่ ฮา ๆ”“สุนัขก็ยังเป็นสุนัขอยู่วันยังค่ำ ต่อให้พยายามทำตัวดั่งราชสีห์ เจ้าก็มิอาจเป็นได้ดั่งใจหมาย”จากรอยยิ้มกลับกลายเป็นใบหน้าบึ้งตึงด้วยความขุ่นเคืองใจกับคำพูดของหญิงสาว“หลีกไป ข้าจะจัดการนางด้วยตนเอง”เชี่ยหยาโถวคว้าแขนของผู้คุ้มกันออกจากการบังเขาจากหญิงสาวตรงหน้า เขาถูกสตรีอ่อนแอหยามเกียรติจนไม่เหลือชิ้นดี อย่างไรเสียวันนี้ เขาจะพิสูจน์ให้นางได้เห็นว่าคำพูดพล่อย ๆ ของสตรีเช่นนางนั้นมิใช่ความจริง“มาจบเรื่องกันเถอะ คุณชาย อย่าถ่วงเวลาพวกข้าให้มากไปกว่านี้อีกเลย”มือบางใช
คล้อยหลังโม่หยวนฟางไปเพียงครู่เดียว ร่างสูงของชายหนุ่มในชุดสีขาวได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของคนที่กำลังสั่นระริกไปทั้งร่างด้วยความรู้สึกอันหลากหลายที่ถาโถมเข้ามา เขาพ่ายแพ้ได้อย่างน่าอับอายเป็นที่สุด การต่อสู้เพียงแค่เวลาสั้น ๆ เขากลับกลายเป็นคนพิการ และรอเพียงเวลาถูกลงทัณฑ์จากผู้เป็นนายที่แท้จริง“หึ ๆ คนเก่งของท่านพ่อ ไยตอนนี้ถึงกลายมาเป็นเพียงคนไร้ค่าเช่นนี้ เจ้าก็ดีแต่ปาก หลงเป่า”“คนที่ดีแต่ปาก ข้าว่าน่าจะเป็นเจ้ามากกว่า หึ ๆ นึกว่าผู้ใดกัน แท้จริงก็เป็นคุณชายขี้โรคจากสกุลเชี่ยนี่เอง เชี่ยหยาโถว”ขวับ! ชายหนุ่มในชุดสีขาว หันกลับไปตามเสียงในทันที ทว่ากลับไร้วี่แววของเจ้าของเสียง ก่อนจะหันกลับมายังร่างของหลงเป่าที่ตอนนี้ถูกจับตัวเอาไว้โดยโม่หยวนฟาง“เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เห็นทีคงมิอาจปล่อยท่านอ๋องน้อยให้มีลมหายใจต่อไปไม่ได้แล้วสินะ”“ฮา ๆ ปล่อยให้ข้ามีลมหายใจรึ ช่างกล้าพูดนะ คุณชายเชี่ย เจ้าไม่ใช่ตั้งใจจะกำจัดข้าอยู่ก่อนแล้วหรืออย่างไรกัน คนที่ขี้ขลาดแท้จริงคือตัวเจ้า อย่าได้โทษใครอื่นอีกเลย”“อย่าพูดให้มากความท่านอ๋องน้อย ข้ามาถึงขนาดนี้ย่อมต้องมีของพิเศษรอต้อนรับท่านอ๋องอยู่ก่อนแล
คนชุดดำไถลตัวลงมาจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว พร้อมกระบี่ยาวชี้ตรงสู่กลางศีรษะของเมี่ยวจ้าน แม้จะสวมหมวกเอาไว้ แต่ทว่า ประสาทสัมผัสของนางนั้นเป็นเลิศมิแพ้ฝีมือเลยแม้แต่น้อย แส้ทองถูกสะบัดฟาด ไปด้านบนศีรษะด้วยกำลังภายในอันมหาศาลร่างของชายชุดดำที่กำลังคิดจะปลิดชีวิตของหญิงสาว มิอาจหลบได้ทัน ด้วยความเร็วที่ไม่ทันได้คาดคิดว่าจะถูกตอบโต้อย่างกะทันหันเช่นนี้ สำหรับเมี่ยวจ้านแล้ว นางไม่จำเป็นต้องมองขึ้นไปเลยด้วยซ้ำตุบ! ร่างของคนร้ายตกกระแทกพื้น โดยที่ศีรษะตกกลิ้งหลุน ๆ ไปอีกทาง ตอนนี้ธนูถูกวางลง อาวุธประจำกายถูกนำออกมาใช้แทน ทุกอย่างต้องทำให้เร็ว ด้วยจำนวนคนของฝ่ายนางมีน้อยกว่า ดังนั้นจำต้องจบทุกอย่างให้เร็ว หากยืดเยื้อมากไปกว่านี้รังแต่จะเสียเปรียบมากกว่าจะคว้าชัยมาอย่างปลอดภัย“ท่านเมี่ยวจ้าน”“อย่าแตกตื่นไป ท่านพี่ม่อตู เมี่ยวจ้านมิใช่เด็กน้อยแล้วนะ”ฟึบ!ม่อตูสะบัดผ้าคลุมกันอาวุธลับเพื่อมิให้ต้องกายผู้เป็นนาย ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของนายสาวของตนเอง สำหรับเขาแล้ว องค์หญิงเมี่ยวจ้านคือน้องสาวตัวน้อยที่เขาเฝ้าปกป้องมานับตั้งแต่พบเจอกัน เมื่อนางยังเป็นเพียงทารกจนเติบโตขึ้นมาเป็นผู้
‘โดยเฉพาะเจ้า โม่หยวนฟาง ข้าจะต้องทำให้เจ้าก้มหัวแทบเท้าข้าให้จงได้’โม่หยวนฟางซึ่งเบนหัวม้าให้ตนเองถอยกับมารั้งท้ายทุกคน โดยมีคนสนิทเคียงข้างกายอยู่เพียงสองคน ทั้งสามไม่เอ่ยวาจาใด ๆ ต่อกันแม้แต่ครึ่งคำ ทว่าแค่เพียงสบตาพวกเขาก็รู้ดีว่าต้องทำสิ่งใดชายหนุ่มมั่นใจในตัวของสหายรักว่าจะปกป้องน้องสาวของเขาได้เป็นอย่างดี โม่ฟางเล่อเล่อทำสิ่งที่ควรได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะพลาดพลั้งก็แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นคือการระวังหลังซึ่งเขามั่นใจว่าสองสาวคงต้องการให้เป็นเขาที่ทำหน้าที่นี้แทนโม่หยวนฟางแอบชำเลืองมองไปยังคนรักของตนที่อยู่อีกฝั่งของถนน โดยมีองครักษ์คู่ใจของนางคอยประกอบข้างมิห่างกาย ชายหนุ่มทั้งห้าผู้มาจากจิ้งหนาน ซึ่งมีหัวหน้าองครักษ์ม่อตูเป็นผู้เอ่ยปากขอติดตามนายของตนมา มิเช่นนั้นจำต้องใช้อำนาจที่มีนำตัวหญิงสาวกลับสู่แคว้นในทันทีแต่ทว่าเวลาเช่นนี้ เขากลับรู้สึกอุ่นใจอย่างไรไม่รู้ที่มีคนคอยปกป้องนางเมื่อยามต้องเจอศึกที่มิอาจคาดเดาได้ว่าจะมีโอกาสรอดมากน้อยเพียงใด“ข้าอีกแล้ว ไยต้องมาลงที่ชายหนุ่มผู้น่ารักเช่นข้าตลอดเลย”เสมือนว่าคำพูดของโม่หยวนฟางเป็นการเปิดศึกในครั้งนี้ก็มิปาน เพียงจบคำพ