แชร์

ตอนที่ 7

ผู้เขียน: ทิวลิป สีชมพู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-12 23:30:26

ร้านอาหารย่านใจกลางเมือง

บรรยากาศยามบ่าย

หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอเลือกโต๊ะริมกระจกที่มองออกไปเห็นถนนที่รถพลุกพล่านตรงหน้า หญิงสาวนั่งเงียบ ๆ พลางกอดแขนตัวเองไว้หลวม ๆ ราวกับต้องการที่พึ่งทางใจ เสียงช้อนส้อมกระทบกันและเสียงพูดคุยจอแจรอบข้างไม่สามารถกลบความเหงาลึก ๆ ในใจได้

ไม่นานนัก ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทีร่าเริง ผมยาวสลวยปลิวไหวตามแรงก้าวเดิน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใสจนมาลินีเผลอลุกขึ้นยืนต้อนรับทันที

“แพรว” น้ำเสียงของมาลินีสั่นเครือ แต่เต็มไปด้วยความดีใจ

“ลิน” เพื่อนสาวโผเข้ามากอดทันที แรงกอดแน่นนั้นทำให้หัวใจที่แหลกสลายของมาลินีอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ราวกับได้รับกำลังใจที่ไม่เคยมีในบ้านหลังนั้น

“คิดถึงเธอที่สุดเลย...แกสบายดีมั้ย” แพรวเอ่ยพลางผละออกมามองหน้าเพื่อนอย่างสำรวจ

"อืม...ฉันสบายดี" หญิงสาวตอบกลับเพื่อนสาวด้วยรอยยิ้มแต่ภายในใจเธอแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี

"แต่ฉันดูออกว่าแกไม่มีความสุข..แกไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน" แพรวมองหญิงสาวด้วยสายตากังวล สีหน้าเธอเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อยากรู้ แต่ก็พยายามไม่จี้จุดจนเกินไป

หญิงสาวไม่ตอบ เพียงแค่ก้มลงมองแก้วน้ำตรงหน้า มือบางเผลอกำขอบแก้วแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้น เธอรู้ว่าคำถามนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายยังไงดี ความจริงที่ต้องอยู่ในฐานะภรรยาที่ไม่มีตัวตนมันบอกใครไม่ได้ง่าย ๆ

“ถ้าไม่อยากเล่าตอนนี้ก็ไม่เป็นไรนะ” แพรวรีบยื่นมือมากุมมือเพื่อนไว้แน่น ดวงตาของเธอฉายชัดถึงความห่วงใย

“ฉันกลับมาแล้วนะลิน คราวนี้ฉันจะอยู่กับเธอ ไม่ปล่อยให้เธอเผชิญอะไรคนเดียวอีกแล้ว” แค่ประโยคนั้น น้ำตาที่มาลินีเฝ้ากลั้นเอาไว้ก็เอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามยิ้ม แต่ริมฝีปากกลับสั่นระริก

“ขอบคุณนะ…แพรว” เสียงสั่นพร่าหลุดออกมาพร้อมกับหยดน้ำตา เธอหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ราวกับว่าการกลับมาของแพรวเป็นแสงสว่างเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตที่มืดมิดของเธอ

"พี่เหนือเขาไม่รักฉันเลยแพรว...ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยมองฉันเลย ในใจเขามีแต่คุณปริม...มีแต่ฉันที่รักเขามากขึ้นทุกวัน เขาทั้งเย็นชา ไม่เคยมองฉันด้วยสายที่อ่อนโยนเลย ฉันควรทำยังไง" สุดท้ายหญิงสาวก็ยอมบอกความในใจที่อัดอั้นมานานให้เพื่อนสาวฟัง แพรวฟังเพื่อนสาวพูดจบแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง มือที่กุมมือหญิงสาวแน่นขึ้น ราวกับพยายามส่งพลังใจผ่านสัมผัสนั้น

“ลิน…ฉันเข้าใจความรู้สึกแกนะ” แพรวเอ่ยเสียงเบา แต่หนักแน่น

“มันเจ็บปวดมากเลยใช่มั้ย ที่รักใครไปหมดใจ แต่กลับไม่ได้รับอะไรตอบแทนกลับมา” หญิงสาวพยักหน้า น้ำตาไหลรินลงแก้มอย่างช่วยไม่ได้ ความเงียบในร้านอาหารเหมือนขยายความเศร้าออกไป ทำให้หัวใจเธอปวดร้าวราวกับมีมีดกรีดกลางอก

“ฉันไม่อยากให้แกอยู่คนเดียวอีกต่อไป ลิน…ฉันอยากอยู่ข้าง ๆ แกในทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม” แพรวเอ่ยอย่างจริงใจ ดวงตาของเธอฉายแววมั่นคง เหมือนต้องการย้ำกับมาลินีว่ามีคนที่เข้าใจเธอจริง ๆ

“แต่ฉัน…ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองแล้ว…ทุกครั้งที่เขามองฉันเหมือนไม่มีค่า ฉันก็ยิ่งเจ็บ…ยิ่งสับสน” หญิงสาวสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมความเข้มแข็ง แต่หัวใจที่แหลกสลายก็ยังสั่นระริกอยู่

“ไม่เป็นไรนะลิน…ไม่ต้องคิดให้ตัวเองเจ็บเพิ่มตอนนี้ก็ได้ แค่เราอยู่ตรงนี้ด้วยกัน ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว แค่เราได้พูดคุย ให้ใจได้ระบายมันออกมาก็พอแล้ว” แพรวจับมือเพื่อนสาวแน่นขึ้นอีกครั้ง

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองแพรว น้ำตาไหลพราก ริมฝีปากสั่นระริก แต่ในสายตากลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่เกิดขึ้นเพราะเพื่อนคนนี้ เธอไม่ต้องสู้คนเดียวอีกต่อไป

“แพรว…ฉันดีใจที่แกกลับมา…ฉัน…ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันสว่างขึ้นนิด ๆ เพราะแกอยู่ตรงนี้” หญิงสาวพูดด้วยเสียงแผ่ว แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ

“ดีแล้วลิน…จำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะไม่ทิ้งแกอีกแล้ว” แพรวยิ้มบาง ๆ แล้วบีบมือเพื่อนอีกครั้ง

ความอบอุ่นจากคำพูดของแพรวเหมือนแสงอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามาในใจมาลินี แม้ความเจ็บปวดจะยังอยู่ แต่รอยแผลในใจเริ่มคลายลงบ้าง เธอรู้สึกได้ว่าอย่างน้อยตอนนี้ เธอไม่ต้องแบกรับทุกอย่างคนเดียว

"ไม่เอาไม่ร้องแล้ว...สั่งอาหารดีกว่าฉันหิวแล้ว แกต้องกินเยอะๆ นะดูซูบลงไปเยอะเลย" แพรวยื่นมือไปเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าขาวนวลของเพื่อนด้วยความอ่อนโยน

"อืม..." หญิงสาวพยักหน้ายิ้มทั้งน้ำตา ถึงชีวิตจะโหดร้ายขนาดไหนก็ยังมีเพื่อนคนนี้คอยปลอบใจเธอเสมอ

"จริงๆ พี่พีทจะมาด้วยนะ..แต่ติดงานเสียก่อน" แพรวเอ่ยขึ้นอย่างน่าเสียดาย พีท คือพี่ชายของเธอเอง

"เหรอ...พี่พีทสบายดีมั้ยฉันไม่ได้เจอพี่เขาเลย"

"สบายดี...แถมหล่อขึ้นเยอะเลย~" หญิงสาวยิ้มให้กับทะเล้นของเพื่อนสาว

"กินข้าวเสร็จเราไปเดินที่ห้างกันดีมั้ย"

"ได้สิ...ฉันว่างทั้งวันอยู่แล้วกลับไปก็อยู่คนเดียว" หญิงสาวหน้าเจื่อนลงทันเมื่อนึกถึงที่ต้องกลับเรือนหอที่เงียบงัน

"ไม่เอาสิ...อย่าเศร้า" แพรวรีบเอ่ยห้ามเพื่อนทันทีเมื่อใบหน้าที่เศร้าหมองของมาลินี

ห้างสรรพสินค้า

บรรยากาศในห้างยามบ่ายคลี่คลายจากความวุ่นวายของถนนด้านนอก แสงไฟสว่างไสวตลอดแนวเพดานทำให้ทุกมุมดูมีชีวิตชีวา ผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่ เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และเสียงดนตรีเบา ๆ จากลำโพงของร้านค้าแทรกซึมเข้ามา

มาลินีเดินเคียงข้างแพรวไปอย่างช้า ๆ ดวงตากวาดมองรอบด้าน เธอไม่ได้มาที่ห้างนานแล้วเพราะชีวิตแต่งงานที่เต็มไปด้วยความเหงาและความว่างเปล่า วันนี้กลับรู้สึกเหมือนหลุดออกจากกรงที่กักขังหัวใจเอาไว้

“ลิน แกอยากไปโซนไหนก่อน เสื้อผ้า รองเท้า ” แพรวหันมาถามพร้อมรอยยิ้มสดใส

“แล้วแต่แกเลย ฉันไม่มีอะไรอยากได้หรอก” หญิงสาวยิ้มบาง แต่แพรวกลับทำหน้ามุ่ยทันที

“ไม่ได้หรอก วันนี้แกต้องได้ของติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง อย่างน้อยชุดใหม่สักชุดก็ยังดี จะได้รู้สึกสดใสขึ้นไง” เพื่อนสาวลากแขนมาลินีตรงไปยังร้านเสื้อผ้าทันที

ภายในร้านเต็มไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ แพรวหยิบโน่นนี่มาเทียบกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ส่วนมาลินีก็ได้แต่ยิ้มขื่น ๆ ยอมให้เพื่อนเลือกให้

“อันนี้สวยนะ สีนี้เหมาะกับแกมากเลย ลองใส่ดูสิ” แพรวยื่นเดรสสีพาสเทลอ่อนให้

“จะดีเหรอ…” หญิงสาวมองหน้าเพื่อนกับชุดสลับไปมาอย่างลังเล

“ดีสิ ไปลองเลย เดี๋ยวฉันรออยู่ตรงนี้” หญิงสาวยอมรับชุดมาอย่างเสียไม่ได้แล้วเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อ กระจกตรงหน้าเผยให้เห็นร่างบางในชุดใหม่ที่ช่วยขับผิวเธอให้ดูสดใสขึ้นกว่าที่เคย เธอเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้หัวใจจะยังบอบช้ำ แต่การได้แต่งตัวสวย ๆ อีกครั้งก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองยังมีคุณค่าอยู่บ้าง

“โห…สวยมากลิน ฉันพูดจริงนะ ดูดีสุด ๆ ไปเลย” เมื่อเดินออกมาจากห้องลองเสื้อ แพรวถึงกับปรบมือเบา ๆ

“แกก็พูดเกินไป” หญิงสาวหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย

“ไม่เกินหรอก คนสวยก็คือคนสวย” เพื่อนสาวหัวเราะแล้วดันให้เธอไปยืนส่องกระจกอีกครั้ง

หลังจากเลือกซื้อเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งสองก็เดินไปยังโซนร้านกาแฟ กลิ่นหอมของกาแฟคั่วสดลอยอบอวล แพรวสั่งเครื่องดื่มหวาน ๆ ส่วนมาลินีเลือกเพียงโกโก้อุ่น เธอยกแก้วขึ้นจิบเบา ๆ ความหวานละมุนช่วยกลบความขมขื่นในใจได้บ้าง

“เห็นมั้ยล่ะ พอออกมาข้างนอกบรรยากาศมันก็เปลี่ยนเนอะ” แพรวเอนตัวพิงเก้าอี้พลางมองเพื่อน

“อืม…อย่างน้อยก็ทำให้ฉันลืมความรู้สึกแย่ ๆ ไปบ้าง ขอบคุณนะที่พาฉันออกมา” หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ

“อย่าพูดแบบนั้นสิลิน” แพรวเอื้อมมือไปจับมือเพื่อนอีกครั้ง

“แกไม่จำเป็นต้องอยู่คนเดียวแล้วนะ ต่อไปไม่ว่าอะไร ฉันจะอยู่กับแก” ดวงตาของหญิงสาวพร่าเลือนด้วยหยดน้ำตาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเป็นเพราะความอบอุ่นที่เอ่อล้นในหัวใจมากกว่าความเศร้า

บรรยากาศในห้างที่เต็มไปด้วยผู้คนคึกคัก กลับกลายเป็นฉากหลังที่ทำให้การกลับมาของมิตรภาพระหว่างสองเพื่อนเก่ายิ่งชัดเจน มาลินีรู้ว่าเธอยังไม่เข้มแข็งพอ แต่เธอก็เริ่มเชื่อว่า อย่างน้อยการมีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอเดินต่อไปได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาที่ไร้ตัวตน   ตอนที่ 11

    เวลา 20:30 น.เรือนหอภายในห้องครัวที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงน้ำไหลจากก๊อกและเสียงจานกระทบกันเบา ๆ หญิงสาวร่างบางกำลังล้างจานอย่างเพลิดเพลิน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบาง ๆ อย่างไม่รู้ตัว เธอรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อยในหัวใจ… เป็นความสุขเล็ก ๆ ที่แทรกตัวขึ้นมาโดยไม่คาดคิดทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอรีบล้างมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายทันที เมื่อเห็นชื่อเพื่อนสนิทโชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ“ฮัลโหล… แพรว มีอะไรรึเปล่า” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสดใส“เปล่าหรอก แค่จะชวนแกไปเที่ยวทะเลด้วยกัน… อีกอย่าง พรุ่งนี้วันเกิดแกไม่ใช่เหรอ”น้ำเสียงปลายสายแฝงความสงสัยเล็กน้อยหญิงสาวชะงักไปชั่วครู่ เธอรีบหันไปมองปฏิทินตั้งโต๊ะที่วางอยู่ไม่ไกล ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ“จริงด้วย… ฉันลืมวันเกิดตัวเองไปได้ยังไงเนี่ย…” เธอพึมพำออกมาแผ่วเบา ราวกับเพิ่งตระหนักว่าเธอเศร้าจนหลงลืมแม้แต่วันสำคัญของตัวเอง“แกไม่มีนัดใช่มั้ย? พรุ่งนี้ฉันไปรับสิบโมงนะ โอเค บ๊ายบาย”“เดี๋ยว… ยัยแพรว”เธอยังพูดไม่ทันจบดี เพื่อนสาวก็วางสายไปเสียแล้ว“ก็ดีเหมือนกัน… ไม่ได้ไปทะเลนานแล้ว” หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะน้อย ๆ

  • ภรรยาที่ไร้ตัวตน   ตอนที่ 10

    เรือนหอรุ่งเช้า เสียงนาฬิกาดิจิทัลที่หัวเตียงดังแผ่ว ๆ บอกเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ร่างสูงที่นอนตะแคงอยู่พลิกตัวช้า ๆ เปลือกตาคมค่อย ๆ เปิดขึ้นรับแสงแดดยามเช้าที่ลอดเข้ามาทางผ้าม่านสีอ่อนชายหนุ่มถอนหายใจยาว มือหนายกขึ้นกดขมับ ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างยังคงวนเวียนอยู่ในอกตั้งแต่เมื่อคืน ความว่างเปล่าในห้องของเธอ ภาพห้องที่ถูกเก็บเรียบร้อยแต่ไร้ร่างของมาลินี ยังติดตาอยู่ไม่หาย เขาไม่ควรจะคิดอะไรเลยด้วยซ้ำไม่ควรจะใส่ใจ…แต่ก็หงุดหงิดอยู่อย่างบอกไม่ถูก“จะไปไหนก็เรื่องของเธอสิ…ฉันไม่จำเป็นต้องรู้” เขาพึมพำกับตัวเองเสียงต่ำ แต่พอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ ความเงียบที่รายล้อมกลับก่อให้เกิดความรำคาญเล็ก ๆ ราวกับข้างในมันคอยย้ำว่ามีบางอย่างขาดหายชายหนุ่มพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียงในที่สุด เขาเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เวลานานกว่าปกติในการล้างหน้า แช่ตัวอยู่กับสายน้ำเหมือนต้องการไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แต่กลับไม่สำเร็จเมื่อออกมาแต่งตัวเรียบร้อย เขาไม่ได้ตรงไปบริษัทเหมือนเช่นทุกวัน แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายหาเลขา“เอางานทั้งหมดของวันนี้มาส่งที่คอนโด ฉันจะทำที่นี่”เสียงทุ้มเอ่ยสั้น ๆ 'ครับท่านประธาน' เลขาหนุ่

  • ภรรยาที่ไร้ตัวตน   ตอนที่ 9

    เวลา 19 : 30 น.ห้องอาหารแสงไฟอุ่นในห้องอาหารขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้น โต๊ะยาวไม้สักถูกจัดวางอาหารที่แม่บ้านตั้งใจทำอย่างประณีต กลิ่นหอมของกับข้าวที่มาลินีชอบตั้งแต่เด็ก ๆ ลอยอบอวลอยู่ทั่วห้อง“คุณลุงคะ กลิ่นหอมมากเลยค่ะ ดูก็รู้ว่าเป็นอาหารโปรดของลินทั้งนั้น” แพรวพูดพร้อมรอยยิ้ม พลางช่วยแม่บ้านจัดจานเพิ่ม“ก็ต้องสิ…ลูกสาวพ่อกลับมาทั้งที จะให้พลาดได้ยังไง” คุณอภิสิทธิ์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองลูกสาวที่นั่งเงียบ ยกช้อนตักแกงจืดรสอ่อนที่เธอเคยโปรดปรานใส่ถ้วยของเธอ“กินเยอะ ๆ นะลูก ช่วงนี้ผอมไปหรือเปล่า พ่อเห็นแล้วไม่สบายใจเลย” คุณอภิสิทธิ์มองลูกสาวด้วยสายตาที่เป็นห่วง“ค่ะคุณพ่อ ลินจะกินเยอะ ๆ เลย” หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ฝืนยิ้มรับ แพรวนั่งมองเพื่อนพลางยิ้มบาง ๆ เธอเห็นได้ชัดว่าลินพยายามฝืนเก็บความเศร้าไว้ข้างใน แต่ต่อหน้าคุณอภิสิทธิ์ เธอก็ยังคงเป็น “ลูกสาวที่สดใส” ของคุณพ่ออยู่เสมอ“แพรวก็ทานเยอะ ๆ นะลูก อยู่เมืองนอกไม่ค่อยได้กินอาหารไทยแท้ ๆ แบบนี้ใช่ไหม” คุณอภิสิทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“ใช่เลยค่ะคุณลุง…ห่างบ้านทีไรก็คิดถึงอาหารฝีมือแม่บ้านที่นี่ทุกที” แพรวตอบด้วยความจริงใจ พลางเ

  • ภรรยาที่ไร้ตัวตน   ตอนที่ 8

    เสียงหัวเราะของแพรวยังคงดังคลอไปกับบรรยากาศในห้าง มาลินีพยายามยิ้มตาม แม้ในใจยังเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและว่างเปล่า แต่เธอก็รู้สึกว่าการมีเพื่อนอยู่ด้วยทำให้โลกไม่เงียบเหงาเหมือนเคยทั้งคู่เดินทอดน่องเรื่อยๆ เดินผ่านโซนอาหารของห้าง กลิ่นอาหารหอมกรุ่นจากร้านต่าง ๆ ลอยมาแตะจมูก ผู้คนมากมายจับจองโต๊ะ บางคนหัวเราะ บางคู่จับมือกันแน่น เสียงเหล่านั้นบาดลึกลงไปในหัวใจของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว สายตาของหญิงสาวเผลอกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างเลื่อนลอย ทว่าในเสี้ยววินาทีหนึ่ง เธอกลับชะงักฝีเท้าลงแทบจะทันทีที่มุมหนึ่งของร้านอาหารตกแต่งหรู โต๊ะริมกระจกซึ่งมีแสงไฟอุ่นส่องกระทบ เธอเห็นร่างสูงสง่าของชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามหญิงสาวอีกคน...'พี่เหนือ' หัวใจของหญิงสาวแทบหยุดเต้น ร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกตรึงเอาไว้ เธอไม่จำเป็นต้องกะพริบตาซ้ำก็รู้แน่ว่าเป็นเขา สามีในนามของเธอและผู้หญิงคนนั้น...ก็คือ ปริม หญิงสาวที่เขารักหมดใจปริมกำลังยิ้มอย่างสดใส ดวงตาทอประกายความสุขเมื่อมองชายหนุ่มตรงหน้า เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเธอเล็ดลอดออกมา ขณะที่เหนือเองก็ยกมือขึ้นตักอาหารป้อนปริมด้วยท่าทีอ่อนโยน แววตาที่เขาใช้มองผู้หญิงคนน

  • ภรรยาที่ไร้ตัวตน   ตอนที่ 7

    ร้านอาหารย่านใจกลางเมืองบรรยากาศยามบ่ายหญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอเลือกโต๊ะริมกระจกที่มองออกไปเห็นถนนที่รถพลุกพล่านตรงหน้า หญิงสาวนั่งเงียบ ๆ พลางกอดแขนตัวเองไว้หลวม ๆ ราวกับต้องการที่พึ่งทางใจ เสียงช้อนส้อมกระทบกันและเสียงพูดคุยจอแจรอบข้างไม่สามารถกลบความเหงาลึก ๆ ในใจได้ไม่นานนัก ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทีร่าเริง ผมยาวสลวยปลิวไหวตามแรงก้าวเดิน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใสจนมาลินีเผลอลุกขึ้นยืนต้อนรับทันที“แพรว” น้ำเสียงของมาลินีสั่นเครือ แต่เต็มไปด้วยความดีใจ“ลิน” เพื่อนสาวโผเข้ามากอดทันที แรงกอดแน่นนั้นทำให้หัวใจที่แหลกสลายของมาลินีอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ราวกับได้รับกำลังใจที่ไม่เคยมีในบ้านหลังนั้น“คิดถึงเธอที่สุดเลย...แกสบายดีมั้ย” แพรวเอ่ยพลางผละออกมามองหน้าเพื่อนอย่างสำรวจ "อืม...ฉันสบายดี" หญิงสาวตอบกลับเพื่อนสาวด้วยรอยยิ้มแต่ภายในใจเธอแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี"แต่ฉันดูออกว่าแกไม่มีความสุข..แกไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน" แพรวมองหญิงสาวด้วยสายตากังวล สีหน้าเธอเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อยากรู้ แต่ก็พยายามไม่จี้จุดจนเกินไปหญิงสาวไม่ตอบ เพียงแค่ก้มลงมองแก้วน

  • ภรรยาที่ไร้ตัวตน   ตอนที่ 6

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเวลาที่ล่วงเลยไปเหมือนไม่มีความหมายอะไรสำหรับมาลินี ทุกเช้าเธอยังคงตื่นขึ้นมาเจอเพียงความเชยชาของผู้เป็นสามี ทุกคืนยังคงจบลงด้วยน้ำตาที่ซึมเปื้อนผ้าห่ม ทุกวันเหมือนถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนหอที่ไร้ความอบอุ่น แม้จะมีสถานะว่าเป็น 'ภรรยา' แต่ในความจริงแล้วเธอไม่ต่างอะไรกับแขกที่ไร้ตัวตนเจ็ดวันที่ผ่านมา เขาแทบไม่พูดกับเธอเลยสักคำ วันหยุดเขาแทบจะไม่อยู่บ้านเลยเพราะเขาจะพาคนรักของเขาเที่ยวไปดินเนอร์ ทิ้งให้เธออยู่กับความเงียบที่กัดกินใจทีละน้อย เธอคิดว่าตัวเองคงชินแล้ว แต่ความเจ็บปวดบางอย่างต่อให้ซ้ำซากแค่ไหนก็ไม่เคยเบาบางลง มีแต่ทับถมจนหนาแน่นขึ้นทุกทีและวันนี้เธอไม่สามารถหลบหนีได้เหมือนทุกวันเพราะครอบครัวของเขานัดให้เธอและเขาไปรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้านเสียงล้อรถบดไปบนถนนราวกับเคลื่อนช้าเป็นพิเศษในความรู้สึกของเธอ หญิงสาวนั่งเบียดชิดประตูอีกฝั่ง ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวเข้าครอบคลุมทั่วทั้งรถ ร่างสูงที่นั่งข้างเธอขับรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาจับจ้องถนนตรงหน้าโดยไม่เหลือบมามองแม้แต่น้อยหญิงสาวบีบมือตัวเองแน่น พยายามควบคุมแรงสั่นของปลายนิ้ว วันนี้เธอต้องทำเหมือนท

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status