Share

บทที่ 10

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-15 11:48:09

ถูกแล้ว น้องสาวตัวน้อยคนนี้ไม่ใช่คนเขลา แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องปักผ้า ทำขนม พิณ ภาพ หมาก อักษร โคลงกลอน กับหลักคุณธรรมจริยามารยาทเท่านั้น... กับเรื่องการใช้ชีวิต กับเรื่องสันดานร้ายเร้นในจิตใจปุถุชน ตลอดจนเล่ห์เหลี่ยมของพวกใจบาปหยาบช้า นางกลับไม่เคยรู้จัก ไม่รู้เท่าทันสักนิด

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด เซียงหรงก็คอยแต่จะคิดไปในทางที่ดี จิตใจนางสะอาดบริสุทธิ์ราวกับหยาดน้ำค้าง นางที่ไหนจะคิดได้ว่าตนเองกำลังถูกกลั่นแกล้งรังแก ถูกเหล่าสตรีเจ้ามารยาจอมเสแสร้งเหล่านั้นเจตนาทำให้ต้องลำบาก ทั้งยังโดนเบียดบัง แย่งชิงเอาของของนางไปแทบทั้งหมด!

นึกถึงเสื้อผ้าของหรงเอ๋อร์ แม้เสื้อผ้าอาภรณ์ที่นางสวมจะดูดีอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าของพี่สาวน้องสาวจากเรือนอื่นแล้วกลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ราวกับคุณหนูที่มาจากตระกูลอันร่ำรวยกับคุณหนูที่เกิดในตระกูลยาจก เฉินจิ้งอี้ก็ยิ่งขุ่นเคืองยิ่งขึ้น

หากโตขึ้น มีกำลังและความสามารถมากพอ พี่ชายอย่างเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมารังแกหรงเอ๋อร์ มาเบียดบัง มาแย่งชิงเอาข้าวของของนางไปง่ายๆ เช่นนี้แน่

ต่อไปหากมีเงินทองในมือมากกว่านี้ เขาจะซื้อของให้หรงเอ๋อร์ให้มากๆ และหากมีอำนาจในมือมากพอเมื่อใด พี่ชายอย่างเขาก็จะจัดการคนเหล่านั้นที่มารังแกหรงเอ๋อร์ให้หมดทุกคน เขาจะสั่งสอนบทเรียนอันเจ็บแสบ จนคนเหล่านั้นไม่กล้ามากลั่นแกล้งรังแกน้องสาวของเขาอีกเลย ไม่เชื่อก็คอยดู!

“พี่ใหญ่” จู่ๆ น้องเล็กก็พูดขึ้นมา น้องเล็กเฉินจิ้งเสียนตัวน้อยย่นหัวคิ้วเข้าหากัน  กล่าวอย่างหนักใจ “ข้ามาคิดๆ ดูแล้ว ก็รู้สึกว่าพี่หญิงสามอ่อนต่อโลกเกินไปสักเล็กน้อย วันหนึ่งหากพี่หญิงสามที่เป็นเช่นนี้แต่งออกจากตระกูลไปอย่างที่ท่านอาจารย์ของพวกเรากล่าว อาจมีผู้กลั่นแกล้งรังแกนาง ไม่สู้...พวกเราช่วยกันพูดกับท่านพ่อ ขอให้พี่หญิงสามไปร่วมศึกษาเล่าเรียนกับพวกเราเหล่าบุรุษ ดีหรือไม่?”

เฉินจิ้งอี้เข้าใจความคิดน้องเล็กของตนเองทันที...

กระทั่งน้องเล็กก็ยังดูออกว่าพี่สาวของตนเองโดนผู้อื่นกลั่นแกล้งรังแก

ทุกเรื่องล้วนโจ่งแจ้งชัดเจนถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าตัวกลับทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวกับใครเขาเสียบ้าง?

นี่ต้องเรียกว่าอ่อนต่อโลกเกินไป หรือเป็นคนเรียบง่ายทั้งยังจิตใจดีเสียจนน่าใจหาย จึงไม่รู้จักถือสาผู้ใดเลยสักนิด?

สมควรออกปากขอเรื่องนี้กับท่านพ่อและท่านย่าจริงๆ นั่นละ...

ถ้าหากหรงเอ๋อร์ของเขาได้ร่ำเรียนความรู้นอกตำราจากท่านอาจารย์เหลียงคงเช่นพี่ใหญ่อย่างตนและน้องเล็ก ไม่แน่ว่าอะไรๆ อาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็เป็นได้...

สำคัญที่ว่าบุรุษหัวโบราณคร่ำครึผู้มองโลก มองผู้คน มองอะไรต่อมิอะไรในแง่ดีแต่ถ่ายเดียวอย่างท่านพ่อของเขาจะยอมหรือไม่...

นึกถึงตรงนี้แล้ว เฉินจิ้งอี้ก็ทั้งเหนื่อยหน่ายและสะท้อนใจยิ่งนัก

งานเทศกาลหยวนเซียวของเมืองหลวงเทียนจินยิ่งกว่ายิ่งใหญ่งามตระการ ทั่วทุกตรอก ทั่วทุกสะพาน ล้วนประดับประดาเอาไว้ด้วยโคมไฟ ทั้งยังมีการปล่อยโคมลอยเป็นระยะ สองข้างทางในย่านร้านค้าใจกลางเมืองมีร้านรวงต่างๆ เปิดร้านทำการค้าผิดไปจากทุกวัน ทั้งยังมีผู้มาตั้งแผงออกร้านให้เสี่ยงโชค ทายปริศนา และต่อบทกวีชิงรางวัล ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือร้านขายโคม ร้านขายขนม เป็นต้นว่าถังหูลู่[1] ซานจา[2] น้ำตาลปั้น[3] เซาปิ่ง[4] ทั้งยังมีหมั่นโถว[5]อุ่นร้อนและขนมซึ่งมีเฉพาะในเทศกาลหยวนเซียวอย่าง ‘หยวนจึ[6]’ ที่สมัยก่อนมีทำขึ้นเฉพาะในวังหลวงขายอยู่หลายร้าน ครึกครื้นยิ่ง

ในเทศกาลหยวนเซียว คล้ายกับว่าช่องว่างระหว่างชายหญิงจะลดลงอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่นับอีกว่าเซียงหรงและเฉินจิ้งอี้เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา วันนี้ผู้ที่คอยจูงมือน้อยๆ ของนางจึงมิใช่สาวใช้ข้างกาย แต่เป็นพี่ใหญ่อย่างเขา

นับตั้งแต่นั่งรถม้าออกจากจวนมา เฉินจิ้งอี้ก็จูงมือน้องชายน้องสาวร่วมมารดาเอาไว้ไม่ปล่อย ทำหน้าที่พี่ชายใหญ่ได้ทั้งสมบูรณ์แบบและลำเอียงต่อพี่น้องต่างมารดาเป็นอย่างยิ่ง

ทว่าเฉินจิ้งอี้ก็คือเฉินจิ้งอี้ เขามีความคิดเป็นของเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซ้ำนับตั้งแต่มารดาตายจาก ท่านย่ายังพร่ำสอนให้เขารู้จักปกป้องน้องชายและน้องสาว ยังกล่าวอีกว่าเขาซึ่งเป็นพี่ชายใหญ่จะรักน้องชายน้องสาวร่วมมารดาลำเอียงสักเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงพะวงเรื่องพี่น้องในเรือนอื่นที่มีมารดาปกป้องให้มากนัก

สิ่งที่ท่านย่ากล่าว เหตุใดเขาจะไม่เข้าใจ

เป็นธรรมดาที่ปุถุชนย่อมรักปกป้องสายเลือดของตนเอง สนับสนุนส่งเสริมสายเลือดของตนเองเป็นอันดับแรก อนุหาน อนุซู และอนุจาง ที่ไหนเลยจะเห็นเขาและน้องชายน้องสาวที่เกิดจากฟูเหรินผู้ล่วงลับดีกว่าบุตรชายบุตรสาวของตน

บิดาเป็นกั๋วกง มักงานยุ่งอยู่เสมอ ในเมื่ออยู่ในจวนไร้มารดาคอยปกป้อง ตัวเขาที่เป็นพี่ใหญ่ก็ต้องกระทำหน้าที่แทนมารดา คอยปกป้องน้องๆ ของตนเอาไว้ให้ดี

เซียงหรงก้มลงมองมือที่พี่ใหญ่กุมเอาไว้แล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้

ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...มือของพี่ใหญ่ช่างอบอุ่นยิ่งนัก...

เซียงหรงไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มนั้นละลายหัวใจใครหลายคนในบริเวณนั้น ต่างอดคิดกันไม่ได้ว่าคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงที่บิดาหวงแหนจะต้องเติบใหญ่ขึ้นเป็นโฉมงามอันดับหนึ่ง ไม่ผิดแน่

แม้จะยังเยาว์นัก ทว่ารูปลักษณ์เช่นนี้...ราวกับจะล่มบ้านล่มเมืองได้เลยทีเดียว... มิน่าเล่า เฉินกั๋วกงจึงได้รักและหวงแหนบุตรสาวคนนี้ ไม่ยอมรับการหมั้นหมายจากตระกูลพี่ภรรยาอย่างจวิ้นหวังเถี่ยเม่าจื่อ[7]เพียงหนึ่งเดียวของเทียนจินเราเสียที อืม...

ระยะนี้นั่งปักผ้าหลังขดหลังแข็งอยู่ทุกวัน มาวันนี้ได้ออกมาเที่ยวเล่นถึงนอกจวน เซียงหรงทั้งตื่นเต้น ทั้งมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง เสียดายเพียงอย่างเดียวที่ถุงเงินที่ท่านย่าและท่านพ่อมอบให้ ล้วนถูกน้องหญิงสี่และน้องหญิงห้าขอไปแล้ว ยามนี้นางจึงไม่มีเงินติดตัวเลยสักนิด ต่อให้อยากกินขนมเลิศรสใดก็ต้องอดทน ไม่กล้ารบกวนพี่ชายใหญ่ที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับงานเทศกาล

เห็นน้องเล็กของตนคล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ดูเหม่อลอย เฉินจิ้งอี้ก็เข้าใจไปว่านางเกิดเบื่อหน่ายขึ้นมาจนอยากกลับไปนั่งปักผ้าในเรือนแล้ว

ขณะกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดีนั้น หางตาเฉินจิ้งอี้ก็สังเกตเห็นร้านทายปริศนาชิงโคมไฟ ความคิดดีๆ จึงพลันบังเกิดขึ้นมาทันที

“น้องเล็ก ทางโน้นมีผู้ออกร้านให้ทายปริศนาชิงโคมไฟ คืนนี้พี่ใหญ่จะใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาจากท่านอาจารย์เหลียงคง ชิงโคมไฟที่งดงามแปลกตาให้เจ้ากับน้องเล็กเยอะๆ ดีหรือไม่!”

โคมไฟหรือ?

เซียงหรงมองตามสายตาของพี่ชายใหญ่ ก็เห็นโคมกระต่ายน่ารักน่าเอ็นดูแขวนอยู่อย่างโดดเด่น

“เจ้าอยากได้โคมกระต่ายนั่นหรือ” เฉินจิ้งอี้คาดเดาได้ไม่ยาก

[1] คือขนมที่ทำขึ้นโดยการเอาผลไม้ เช่นพุทธรา หรือแอปเปิ้ล มาเคลือบน้ำตาล

[2] ผลไม้ที่ฝานเป็นแผ่นๆ แล้วเอาไปตากให้แห้ง

[3] ขนมที่ทำขึ้นโดยการเอาน้ำตาลมาผสมสี น้ำ และแบะแซ เคี่ยวให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเอามาปั้นเป็นรูปต่างๆ เช่น รูปมังกร รูปนกกระเรียน รูปหงส์ รูปคนนั่งตกปลา เป็นต้น

[4] ขนมแป้งทอด ภายในแป้งมักใส่ไส้ต่างๆ เช่น ไส้มัน ไส้เผือก ไส้ถั่วเหลือง ที่นำมาต้มและบด  บางคนอาจคลุกเคล้ากับน้ำตาลลงไปด้วย เป็นต้น

[5] ขนมแป้งนึ่งชนิดหนึ่งที่มีสีขาวและมีสัมผัสอ่อนนุ่ม มักไม่มีไส้

[6] ก็คือขนมหยวนเซียว หรือขนมบัวลอยนั่นเอง

[7] อ๋องหมวกเหล็ก(แปลตามคำ) หมายถึงท่านอ๋องที่สามารถส่งต่อบรรดาศักดิ์ของตนให้ทายาทได้ ทั้งๆ ที่ปกติแล้ว เมื่อมาถึงรุ่นทายาท บรรดาศักดิ์จะถูกลดลงหนึ่งขั้น ไม่ได้เป็นจวิ้นหวังเหมือนบิดา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 16

    “ของเหล่านั้นก็เพียงของนอกกาย ท่านเก็บไว้เถอะ!”“หรงเอ๋อร์...” หลี่จือหลินขยับมือที่กุมมือน้อยไว้ ยกมือของเซียงหรงข้างที่ถือถังหูลู่ขึ้นจรดริมฝีปากเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม “กัดสักคำสิ”เสี่ยวเซียงหรงตื่นตระหนก รีบส่ายหน้ายิกเห็นนางใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มทีแล้ว หลี่จือหลินยิ้มน้อยๆ ก่อนย่อตัวลงนั่งชันเข่า ปาดน้ำตาที่ใกล้จะร่วงหล่นให้นาง จุมพิตแก้มนุ่มละมุนที่เริ่มจะโดนความเย็นกัดจนขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนถังหูลู่ที่ถูกตนบังคับจับมือให้ถือเอาไว้เบาๆเซียงหรงพลันตกใจจนลืมร้องไห้อา...บอกนางเรื่องกำไลหยกที่ห้อยคอนางอยู่ดีไหมนะ? หลี่จือหลินไล้ปลายนิ้วเรียวงามไปตามกรอบหน้าเล็กๆ ที่ผิวพรรณขาวนวลผ่องใสราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้หลังชั่งใจอยู่ชั่วครู่ จวิ้นหวังจ๋างจื่อก็เลื่อนมือขึ้นลูบศีรษะน้อยๆ ของนางอย่างถนอมยังก่อนถูกแล้ว...เขายังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกนางในยามนี้ รอนางโตกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน...ทว่าเรื่องที่สมควรพูดก็ยังต้องพูด หว่านเมล็ดไปแล้วที่ไหนเลยคนชนชั้นตระหนี่ถี่เหนียวเช่นเขาจะปล่อยให้เสียเปล่า ไม่คิดเก็บเกี่ยวสักนิด ยามนี้เกาทัณฑ์ของเขาง้างสายเอาไว้แล้ว ลูกศรหรือก็ชี้ไปที่เป้า จะไม่ใ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 15

    “ข้าไม่แต่งให้ท่านนะ!!!” เสียงอันดังของเซียงหรง กับประโยคน่าตกใจ ทำเอาคนรอบข้างหันมามองพี่ชายจวิ้นหวังจ๋างจื่อกับนางเป็นตาเดียวกันสายตาของคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนด้านหน้า ทำเอาเสี่ยวเซียงหรงต้องกัดริมฝีปากแน่น ในใจได้แต่คิดว่า แย่แล้ว!นาง...เหตุใดนางกระทำการไม่ยั้งคิด โพล่งประโยคไร้มารยาทพรรค์นั้นออกมาต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้! ทำเช่นนี้...ทำเช่นนี้จวิ้นหวังจ๋างจื่ออย่างเขาคงเสียหน้ามากกระมัง?“เอ่อ...คือ...คือว่าข้า...” เซียงหรงอยากจะแก้ไขสถานการณ์ แต่ไม่รู้ว่าสมควรแก้ไขอย่างไรดีแล้วก็...ก็นางไม่อยากแต่งให้คนผู้นี้จริงๆ นี่นา!ไม่ใช่แค่กับคนผู้นี้ กับผู้ใดนางก็ไม่แต่งทั้งนั้น!หลี่จือหลินเห็นท่าทางของนางและสายตาคนรอบข้างแล้ว ก็แย้มรอยยิ้มที่ไม่พาดผ่านไปถึงดวงตา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“ของหมั้นก็รับไปแล้ว จะไม่แต่งให้ข้าได้อย่างไร”เอ๋!!! ของหมั้น? นางไปรับของพรรค์นั้นมาตั้งแต่เมื่อใด???หลี่จือหลินลดสายตาลงมองถังหูลู่ในมือนางเสี่ยวเซียงหรงเห็นสายตาเขาแล้วก็มองตามนะ นี่มัน หรือ...หรือว่า...“ต่อให้เจ้าโยนทิ้งลงพื้น ก็ถือว่าเจ้ารับของจากข้าไปแล้ว” หลี่จือหลิน ชิงดักคอ“ข้าจะคืน

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 14

    เซียงหรงพยายามกวาดตามองหาพี่หญิงรอง น้องสี่ ท่านพ่อ และพี่ชายใหญ่ ทว่ากลับมองไม่เห็นใครสักคนแม้เงา“เป็นอะไรไป” เจ้าของร้านพลันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องหรือเด็กสาวคนนี้จะพลัดหลงกับสาวใช้?ประเดี๋ยวนะ...เด็กสาวผู้นี้มีเงินติดตัวมาหรือไม่ ได้ยินมาว่าพวกคุณหนูตัวน้อยเช่นนี้มักไม่ค่อยพกถุงเงิน เป็นหญิงรับใช้ต่างหากที่คอยดูแลชำระค่าสินค้าต่างๆ ให้พวกนาง...หากนางพลัดหลงกับสาวใช้และครอบครัวจริง เช่นนั้นความหวังที่จะได้เงินห้าตำลึงของตนคงหมดลงแล้ว! ไม่ถูก อย่าว่าแต่ห้าตำลึงเลย กับแค่เงินห้าอีแปะนางจะมีจ่ายให้หรือไม่ก็ยังไม่รู้!เจ้าของร้านพลันหงุดหงิดขึ้นมา วันนี้ค้าขายไม่ดียังไม่พอ ยังถูกคุณหนูตัวน้อยไม่รู้ความจากเรือนใดก็ไม่รู้มาก่อกวนเช่นนี้อีก!เขารีบเอ่ยเสียงแข็ง “คุณหนู จะไม่เอาถังหูลู่ทั้งหมดนี้แล้วก็ไม่เป็นไร ทว่าถังหูลู่ที่ท่านทำตกพื้นไม้นั้นเป็นของซื้อของขาย ท่านจะเก็บขึ้นมากินหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ทว่าท่านสมควรจ่ายค่าถังหูลู่ไม้นั้นมา” เจ้าของร้านแบมือ กระดิกนิ้ว เอ่ยเสียงขรึม “ข้าคิดค่าเสียหายกับค่าเสียเวลารวมทั้งหมดห้าอีแปะก็แล้วกัน! กับแค่เงินห้าอีแปะ อย่าบอกเชียวนะว่าคุณห

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 13

    เฉินเซียงหรงหันกลับไปมองทางพี่ใหญ่และท่านพ่อที่ยืนอยู่คนละฟากฝั่งเล็กน้อยเอาเถอะ...แยกจากไปซื้อถังหูลู่ครู่เดียว ทั้งยังมีสาวใช้ตามมาด้วยถึงสี่คน คงไม่เกิดเรื่องไม่ดีใดให้ทุกคนต้องเดือดร้อนวุ่นวายใจกระมัง?เสี่ยวเซียงหรงหันกลับไปยิ้มให้พี่หญิงรองและน้องสี่ แปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้รอยยิ้มของพี่หญิงรองกับน้องสี่ดูแปลกนักล้วนคิดมากไป...ล้วนคิดมากเกินไปทั้งนั้น...เสี่ยวเซียงหรงสลัดความคิดในแง่ร้ายที่ก่อตัวขึ้นอย่างน่ารังเกียจทิ้งไป ก้าวขาเดินไปพร้อมๆ กับพี่หญิงน้องหญิงด้วยหัวใจที่เป็นสุขอา...ถังหูลู่...แค่นึกถึงรสหวานของน้ำตาลที่เคลือบอยู่บนผิงกั่ว[1] นางก็แทบอดใจรอลิ้มชิมรสชาติที่ไม่ได้สัมผัสมานานไม่ไหวในจวนของพวกนางไม่เคยทำขนมชนิดนี้เลยสักครั้ง ด้วยท่านพ่อและท่านย่าเกรงว่าจะทำให้ฟันของพวกนางไม่งาม ซ้ำยังปวดฟัน ยามออกมาข้างนอกเช่นนี้ ท่านพ่อก็ยังห้ามปรามไม่ให้นางแตะต้อง กล่าวว่านอกจากจะทำให้ฟันเสียได้แล้ว ยังไม่แน่ว่าจะสะอาด...กินถังหูลู่ไม้หนึ่งเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจ คงไม่ถึงกับนับว่าเป็นเด็กไม่ดีกระมัง?อื้อ! ถูกแล้ว นางทำเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจอย่างไรล่ะ!

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 12

    เสี่ยวเซียงหรงเห็นพี่ชายใหญ่ดูฮึกเหิมจริงจังก็อดขำไม่ได้ดูเหมือนพี่ใหญ่ของนางจะถูกเกมทายปริศนาทำให้เพลิดเพลินจนไม่อาจถอนตัวโดยง่ายแล้วเมื่อเห็นว่ามีการท้าทายกันเกิดขึ้น คนทั้งหลายในบริเวณนั้นต่างก็พากันแห่เข้ามาร่วมฟังคำถามจากเถ้าแก่ และรอลุ้นว่าคุณชายที่ยังเยาว์ผู้นี้จะตอบคำถามไปได้สักกี่ข้อ ชั่วอึดใจเดียวหน้าร้านทายปริศนาก็มีผู้คนมามุงแน่นขนัดเซียงหรงเองก็เพลิดเพลินไปกับการละเล่นทายปริศนาครั้งนี้ นางยืนฟังคำถามอย่างสงบ ขณะฟังไปก็คิดตามไปด้วย เถ้าแก่ถามมาสองข้อ นางก็ตอบในใจถูกทั้งสองข้อ ขณะกำลังตั้งใจฟังคำถามข้อที่สาม คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีมือคู่หนึ่งมาปิดปาก พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่หญิงรอง เฉินเหม่ยลี่ และน้องสี่ เฉินเหม่ยเซียงกำลังจะเอ่ยทัก พี่หญิงรองกลับดึงนางออกไปจากกลุ่มคนทั้งอย่างนั้นเซียงหรงเห็นว่าพี่ใหญ่และน้องเล็ก รวมถึงบ่าวชายสาวใช้ที่ติดตามมาล้วนกำลังเพลิดเพลินกับการทายปริศนา ซ้ำพี่หญิงรองและน้องหญิงสี่ยังมีสาวใช้ตามมาด้วยคนละสองคน รวมเป็นสี่คน นางจึงไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่รบกวนความสนุกของผู้คน ยอมเดินตามพี่หญิงน้องหญิงของตนออกไปอย่างเงียบๆเดินห่างออกมามากห

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 11

    เด็กสาวที่ไหนๆ ก็ชอบของน่ารักๆ เช่นนี้ทั้งนั้น เขามั่นใจว่าตนเองเดาไม่ผิดและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเสี่ยวเซียงหรงพยักหน้าเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม กล่าวเสียงหวาน สำเนียงติดจะอ้อน“พี่ใหญ่...โคมกระต่ายอันนั้นน่ารักมากจริงๆ”เห็นนัยน์ตาสุกสกาวของน้องสาวแล้ว เฉินจิ้งอี้ก็ยิ่งฮึกเหิมในที่สุดน้องสาวตัวน้อยของเขาก็เลิกเหม่อลอยแล้ว!“ดี! ในเมื่อเจ้าอยากได้ พี่ใหญ่ก็จะชิงโคมกระต่ายมาให้เจ้า!” เฉินจิ้งอี้จูงมือน้องชายน้องสาวแยกจากคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปทายปริศนาชิงโคมไฟทันทีหึ...คนอื่นๆ ก็ล้วนมีคนติดตามกันทั้งนั้น เหมือนๆ กับที่เขาและน้องชายน้องสาวมี เหตุใดเขาจะต้องใส่ใจคนเหล่านั้น?คนเหล่านั้นยามอยู่ในจวนล้วนเก่งกาจ หาเหตุมากลั่นแกล้งรังแกหรงเอ๋อร์ของเขาได้ทุกวัน ส่วนท่านพ่อแม้จะรักเอ็นดูเขาและน้องชายน้องสาวแล้วอย่างไร? วันทั้งวันท่านพ่อผู้นั้นก็เอาแต่ใส่ใจงานราชการ ไม่สนใจเรื่องในเรือนสักนิด เขาบอกกล่าวสิ่งใดกลับดุว่า กล่าวว่าบุรุษเช่นเขาสมควรใส่ใจศึกษาหาความรู้และความเจริญก้าวหน้า มิใช่คอยกล่าวหาคนในเรือนทั้งๆ ที่ไม่มีมูลเช่นนี้ ยามนี้ออกมานอกจวนก็เชิญเหล่าคนที่เก่งกาจทั้งหลายดูแลตนเองและกันและกันให้ดีก็

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status