เข้าสู่ระบบเด็กสาวที่ไหนๆ ก็ชอบของน่ารักๆ เช่นนี้ทั้งนั้น เขามั่นใจว่าตนเองเดาไม่ผิด
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เสี่ยวเซียงหรงพยักหน้าเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม กล่าวเสียงหวาน สำเนียงติดจะอ้อน
“พี่ใหญ่...โคมกระต่ายอันนั้นน่ารักมากจริงๆ”
เห็นนัยน์ตาสุกสกาวของน้องสาวแล้ว เฉินจิ้งอี้ก็ยิ่งฮึกเหิม
ในที่สุดน้องสาวตัวน้อยของเขาก็เลิกเหม่อลอยแล้ว!
“ดี! ในเมื่อเจ้าอยากได้ พี่ใหญ่ก็จะชิงโคมกระต่ายมาให้เจ้า!” เฉินจิ้งอี้จูงมือน้องชายน้องสาวแยกจากคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปทายปริศนาชิงโคมไฟทันที
หึ...คนอื่นๆ ก็ล้วนมีคนติดตามกันทั้งนั้น เหมือนๆ กับที่เขาและน้องชายน้องสาวมี เหตุใดเขาจะต้องใส่ใจคนเหล่านั้น?
คนเหล่านั้นยามอยู่ในจวนล้วนเก่งกาจ หาเหตุมากลั่นแกล้งรังแกหรงเอ๋อร์ของเขาได้ทุกวัน ส่วนท่านพ่อแม้จะรักเอ็นดูเขาและน้องชายน้องสาวแล้วอย่างไร? วันทั้งวันท่านพ่อผู้นั้นก็เอาแต่ใส่ใจงานราชการ ไม่สนใจเรื่องในเรือนสักนิด เขาบอกกล่าวสิ่งใดกลับดุว่า กล่าวว่าบุรุษเช่นเขาสมควรใส่ใจศึกษาหาความรู้และความเจริญก้าวหน้า มิใช่คอยกล่าวหาคนในเรือนทั้งๆ ที่ไม่มีมูลเช่นนี้ ยามนี้ออกมานอกจวนก็เชิญเหล่าคนที่เก่งกาจทั้งหลายดูแลตนเองและกันและกันให้ดีก็แล้วกัน ส่วนบิดาที่เอาแต่หมกตัวอยู่กับงานราชการและเอาแต่มองทุกสิ่งทุกอย่างในแง่ดี ไม่เคยคิดจะฟังเขาผู้นั้น ให้เป็นห่วงกังวลเสียบ้างก็ดี! นอกจากน้องสาวและน้องชายของเขาสองคนนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกนึกคิดหรือชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้อื่นก็คือของผู้อื่น หาใช่ธุระกงการอะไรของเขาเฉินจิ้งอี้ไม่!
คุณชายใหญ่ คุณหนูสาม คุณชายสาม แยกออกไปเช่นนี้ ซู่ซินที่ติดตามมาดูแลร่วมกับชิงเสียพร้อมกับบ่าวรับใช้ของคุณชายใหญ่และคุณชายสาม รีบส่งสายตาพยักหน้าให้ผู้ติดตามคนหนึ่งของคุณชายใหญ่ นึกไม่ถึงว่าผู้ติดตามของคุณชายใหญ่กลับหันไปมองชิงเสีย บุ้ยใบ้ให้ชิงเสียซึ่งเป็นสาวใช้ที่อ่อนอาวุโสที่สุดในกลุ่มเป็นผู้ไปรายงานต่อท่านกั๋วกงที่กำลังต่อบทกวีชิงรางวัล โดยมีอนุภรรยาทั้งสามและบุตรสาวบุตรชายคนอื่นๆ คอยเอาใจช่วยอยู่ข้างๆ
“เป็นดั่งสหายชอบล้อเลียน แม้บางครั้งไม่แสดงตัว กลับไม่เคยห่างหาย ตีไม่ตาย ฟันไม่เข้า...” เฉินจิ้งอี้อ่านปริศนาที่คนอื่นๆ กำลังขบคิดแล้วใคร่ครวญ
ชอบล้อเลียน...บางครั้งไม่แสดงตัวแต่ไม่เคยห่างหาย ซ้ำยังตีไม่ตาย ฟันไม่เข้า...
เบื้องหน้ามีแสงสว่างจากโคมไฟ เบื้องหลังพวกเขาจึงมีสหายตามติด เฉินจิ้งอี้พลันยกมุมปากยิ้ม กล่าวอย่างมั่นใจ
“เถ้าแก่ คำตอบของปริศนาข้อนี้ก็คือ ‘เงา’ ”
“ถูกต้อง!” เจ้าของร้านเฉลยพลางยกโคมในมือขึ้นโบกซ้ายขวาอย่างช้าๆ “สิ่งที่ตามติดไม่ห่าง คอยล้อเลียนผู้คนอย่างน่าโมโห ทว่าทั้งข้าและพวกท่านต่างไม่อาจทำสิ่งใดได้ก็คือเงา!”
ผู้คนโดยรอบพลันโห่ร้องสรรเสริญทันที
“ที่แท้คำตอบกลับอยู่ใกล้ตัวถึงเพียงนี้! คุณชายท่านนี้อายุยังน้อยแต่ปราดเปรื่องยิ่งนัก พวกเราเหล่าผู้ใหญ่ต้องขายหน้าแล้ว!”
เฉินจิ้งอี้ประสานมือคำนับรับคำสรรเสริญ กล่าวใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“มิกล้า มิกล้า เพียงแต่โชคดีตอบถูกเท่านั้น”
เซียงหรงแย้มยิ้มดีใจ ภาคภูมิใจในตัวพี่ชายใหญ่ยิ่งนัก
“เฒ่าแก่ ข้าอยากไขปริศนาชิงโคมกระต่ายอันนั้น” เฉินจิ้งอี้ชี้ไปยังโคมกระต่ายที่น้องเล็กของตนเคยจ้องมอง
จู่ๆ ก็เกิดมีคุณชายที่ยังเยาว์ผู้หนึ่ง ก้าวขาออกมาทายปริศนาที่ไม่มีผู้ใดตอบได้ ซ้ำยังตอบถูกในครั้งเดียวจนได้โคมดอกบัวที่งดงามคู่หนึ่งไปครอง ได้แล้วก็ยังอยากได้เพิ่ม ร้องขอทายปริศนาชิงโคมกระต่ายที่แขวนอยู่ด้านบน เถ้าแก่นึกเอ็นดูคุณชายทั้งสองและคุณหนูรูปโฉมงดงามกลุ่มนี้ ทว่ากฎที่ตั้งไว้ก็มีอยู่ หากให้คุณชายน้อยที่เฉลียวฉลาดผู้นี้ได้สมใจโดยง่ายก็จะดูลำเอียงเกินไปหน่อย ซ้ำผู้ออกร้านเช่นเขา ยามนี้ร้านของตนกำลังได้รับความสนใจ ที่ไหนเลยจะไม่อยากสร้างความบันเทิงให้ตนเองและผู้คน หลังขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ลูบเคราแพะของตน กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ที่จริงแล้ว ร้านของข้ามีกฎอยู่ว่า ผู้ใดทายถูกแล้ว จะไม่ให้ทายอีก ทว่าเห็นแก่คุณชายที่อายุยังน้อย ซ้ำยังรูปงามเกินวัย ข้าจะอนุโลมให้ท่านเป็นกรณีพิเศษ หากคุณชายทายปริศนาของข้าได้ถูกต้องถึงห้าข้อติดต่อกัน และทายปริศนาบนโคมกระต่ายที่ท่านต้องการได้ถูกต้อง ข้าจะมอบโคมกระต่ายนี้ให้ท่านก็แล้วกัน!”
เซียงหรงไม่อยากให้พี่ชายใหญ่ต้องเผชิญเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย นางรีบบอกเสียงใส “พี่จิ้งอี้ โคมดอกบัวนี้ก็งดงามไม่น้อย ไม่สู้พวกเรา...”
“เจ้าอย่าห้ามข้า วันนี้พี่ใหญ่จะต้องชิงโคมกระต่ายมาให้เจ้าให้จงได้!”
ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย
“ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล
หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั
“หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ
ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั
หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ







