แชร์

บทที่ 24

ผู้เขียน: Karawek House
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-22 14:39:50

ซู่ซินใจแป้ว แต่เซียงหรงกลับไม่ได้คิดไปไกลถึงเพียงนั้น

“ดูท่าท่านป้าสะใภ้คงมีธุระต้องเร่งไปสะสางกระมัง” เซียงหรงทอดถอนใจ อดเสียดายไม่ได้ที่ครั้งนี้ไม่ได้สนทนากับท่านป้าสะใภ้ให้มากสักหน่อย ทำให้พลาดโอกาสฟังเรื่องราวต่างๆ ดังเช่นทุกครั้ง

กล่าวได้ว่า ที่ทุกวันนี้ นาง เฉินเซียงหรง มิได้หูตาคับแคบเช่นสตรีที่ถูกกักตัวไว้ในเรือนหลังทั่วๆ ไป กึ่งหนึ่งเพราะได้ท่านอาจารย์ทั้งสองของตน พี่ชายใหญ่เฉินจิ้งอี้ น้องเล็กเฉินจิ้งเสียน และพี่ซู่ซินของนาง คอยบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกจวนให้ฟัง อีกกึ่งหนึ่งก็เพราะมีท่านป้าสะใภ้เป็นสตรีที่สูงศักดิ์และกว้างขวาง ต้องเข้าร่วมงานพบปะสังสรรค์ในแวดวงสังคมและต้อนรับแขกที่มาเยือนตำหนักแทบไม่เว้นวัน ยามแวะเวียนมาเยี่ยมมาหานางคราใด ท่านป้าสะใภ้ซึ่งแม้จะมีคนรู้จักมากมายกลับขาดสหายผู้รู้ใจ มักพกพาเรื่องตลกร้ายในแวดวงสังคมมาบ่นระบายให้นางฟังอยู่เสมอ

เอาเถิด...ใช่ว่าท่านป้าสะใภ้ของนางจะไม่กลับมาเยี่ยมเยียนนางอีกแล้วสักหน่อย ที่สำคัญกว่านั้นคือสิ่งที่คุณหนูสามอย่างนางต้องเร่งมือทำในยามนี้ต่างหาก

“พี่ซู่ซิน พวกเรากลับเรือนกันเถอะ ระยะเวลาในการส่งผลงานเพื่อคัดเลือกเข้าลงประชันขันแข่งชิงตำแหน่งโฉมงามยอดเมธีเหลือน้อยเต็มทีแล้ว หากข้าปักผ้าให้พี่หญิงใหญ่เสร็จไม่ทัน พี่หญิงใหญ่จะต้องโกรธข้ามากแน่ๆ” นึกถึงตรงนี้แล้ว เซียงหรงก็หดหู่ใจเล็กน้อย

บรรดาพี่หญิงน้องหญิงของนาง โดยปกติแล้วจะยิ้มแย้มให้นางอยู่เสมอ ทว่าเมื่อใดก็ตามที่นางทำให้พี่หญิงน้องหญิงเหล่านั้นต้องผิดหวัง พวกนางก็ล้วนมีวิธีระบายความไม่พอใจในแบบของพวกนาง เป็นต้นว่าน้องห้ามักโวยวายเสียงดัง น้องสี่มักกลับเรือนไปขว้างปาข้าวของ พี่หญิงรองมักเฉยชาต่อนาง ส่วนพี่หญิงใหญ่นั้น...โดยที่ไม่รู้ตัว พี่หญิงใหญ่มักจะลอบกำหมัดแน่นจนทำเล็บอันงดงามของตนเองจิกเนื้อ อีกทั้งรอยยิ้มที่มีให้ก็มักเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่...กล่าวโดยสรุปก็คือ เห็นแล้วชวนให้ใจคอไม่ดีและหวาดกลัว

ไม่ว่าจะเป็นพี่หญิงน้องหญิงคนใดก็ดี เซียงหรงล้วนไม่อยากขัดใจทั้งนั้น

นับตั้งแต่ท่านย่าของนางตายจาก ท่านพ่อที่ไม่เคยคลายความเสียใจก็มักดื่มสุรา ขว้างปาข้าวของอยู่ในเรือนอยู่เป็นประจำ หากนางยังทำให้พี่หญิงน้องหญิงโกรธเคืองจนทำให้จวนเฉินกั๋วกงเกิดความไม่สงบ ก็ไม่รู้ว่าท่านพ่อที่ยามอยู่ในจวนมักเมาสุรา ขาดสติ จะโมโหโกรธาลุกขึ้นมาลงโทษนางหรือพี่หญิงน้องหญิงของนางหรือไม่

นึกถึงบิดาแล้ว เซียงหรงก็หดหู่ใจนัก

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ท่านพ่อไม่ชายตามองนางแม้สักนิด ซ้ำยังสั่งห้ามนางก้าวขาออกนอกจวนแม้เพียงครึ่งก้าว ยามจะย่างเท้าไปไหนมาไหนล้วนต้องมีบ่าวชายสาวใช้ติดตามควบคุมตลอดเวลา...

นี่กระมัง ที่ผู้คนเรียกกันว่า ‘กระทำเรื่องผิดพลาดเพียงครั้ง ความไว้เนื้อเชื่อใจก็พลันสูญหาย มลายสิ้น’

จนถึงตอนนี้ พอลองมาขบคิดดูแล้วก็พลันมองเห็นข้อเท็จจริงข้อหนึ่งกระจ่างชัด...

ดูเหมือนท่านพ่อของนางจะไม่หลงเหลือความไว้เนื้อเชื่อใจให้บุตรสาวอย่างนางเลยสักนิด...

เซียงหรงทุ่มเทแรงกายแรงใจปักผ้าให้พี่หญิงใหญ่ของตนแทบไม่หยุดพัก ผ่านไปเพียงสองสัปดาห์ ผ้าปักที่เฉินชิวเยว่ต้องการก็เสร็จสมบูรณ์ เฉินชิวเยว่เห็นผ้าปักแล้วยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางถึงกับยิ้มไม่หุบ กล่าวแต่ว่าประเสริฐ ประเสริฐ ไม่ขาดปาก กล่าวจบก็บีบมือขอบอกขอบใจน้องสาวต่างมารดาอย่างเซียงหรงที่ยามนี้นิ้วมือมีรอยเข็มตำเต็มไปหมด หลังกล่าวชื่นชมผู้ปักอยู่ครู่หนึ่ง เฉินชิวเยว่ก็เร่งให้บ่าวชายนำผ้าปักลายผืนนี้ และภาพเหมือนของตนที่จ้างให้จิตรกรชื่อดังของเมืองหลวงมารังสรรค์ รวมถึงใบแจ้งชื่อ แจ้งตระกูล และวันเดือนปีเกิด ไปส่งยังสำนักศึกษาที่เหล่าราชบัณฑิตก่อตั้ง ซึ่งยามนี้กลายเป็นสถานที่คัดเลือกสาวงามผู้มีความสามารถเข้าประชันขันแข่งชิงตำแหน่งโฉมงามยอดเมธี

บ่าวชายผู้นั้น หลังหายออกจากจวนเฉินกั๋วกงราวสองชั่วยามถึงสามารถกลับมารายงาน ว่าได้ส่งของทั้งหมดที่คุณหนูใหญ่มอบให้ ถึงมือผู้รับสมัคร ณ สถานศึกษาแห่งนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บ่าวชายผู้นั้นยังกล่าวอีกว่า เหตุที่ตนหายไปนานเช่นนี้ ก็เพราะยามนี้มีผู้เดินเข้าเดินออกสถานศึกษาเพื่อไปส่งงานฝีมือ ภาพเหมือน ตลอดจนใบแจ้งชื่อ ตระกูล และวันเดือนปีเกิดของสตรีในเรือนตนไม่ได้หยุด นับได้ว่าสถานศึกษากลางแห่งเทียนจินในยามนี้ ครึกครื้นยิ่ง

เมื่อระยะเวลาในการยื่นสมัครเข้าคัดเลือกสิ้นสุดลง ครึ่งเดือนถัดมาก็มีใบแจ้ง ‘ผ่านการคัดเลือก’ และเทียบเชิญเข้าร่วมงานเทศกาลชมบุปผา ณ สวนชิงหลิงซึ่งเป็นสถานที่ประชันขันแข่ง ส่งไปยังตระกูลต่างๆ ที่บุตรหลานผ่านการคัดเลือก

จวนเฉินกั๋วกงเองก็มีใบแจ้งที่ว่านี้ส่งมาถึงเช่นกัน ทว่าที่เหนือความคาดหมายก็คือ เซียงหรงที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขา และแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าตนเองไม่เคยส่งสิ่งใดไปยังสำนักศึกษามาก่อน กลับผ่านการคัดเลือกเช่นเดียวกับพี่หญิงใหญ่และพี่หญิงรองของตน สร้างความไม่พอใจให้พี่หญิงใหญ่และพี่หญิงรองของนางไม่น้อย โดยเฉพาะพี่หญิงใหญ่ เฉินชิวเยว่ ที่ใช้เส้นสายจากตระกูลฝ่ายมารดา สืบจนรู้มาว่า ‘คุณหนูสาม เฉินเซียงหรง’ เองก็ส่งผ้าปักลายเข้าคัดเลือกเช่นเดียวกันกับตนเอง นางถึงกับบุกมาอาละวาดที่เรือนอี้หรงอย่างที่ไม่เคยกระทำ ตอนนั้นเอง เซียงหรงถึงได้รู้ว่าตนเองก็ผ่านการคัดเลือกเช่นเดียวกับพี่หญิงใหญ่และพี่หญิงรองของตนอย่างน่าอัศจรรย์

หลังพี่หญิงใหญ่ที่โกรธจนขาดสติ อาละวาดฟาดหัวฟาดหางจนพอใจ สะบัดหน้าเดินจากไป ซู่ซินถึงกับคุกเข่าคำนับดินและฟ้า กล่าวแต่ว่า “สวรรค์เมตตาแล้ว สวรรค์เมตตาแล้ว!” ไม่หยุด

สวรรค์เมตตาหรือ...

นึกถึงพี่หญิงใหญ่ เฉินชิวเยว่ ที่บุกมาอาละวาดด่าทอนางอย่างที่ไม่เคยกระทำมาก่อนเช่นนั้นแล้ว เซียงหรงก็อดคิดไม่ได้ว่า เรื่องครั้งนี้เป็นสวรรค์เมตตาหรือฟ้าดินลงโทษกันแน่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 111

    ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 110

    “ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 109

    หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 108

    “หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 107

    ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 106

    หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status