LOGINไม่นานเท่าที่นางวาดหวัง บิดาก็จัดเตรียมงานเลี้ยงเล็กๆ ต้อนรับการเดินทางมามอบสินสอดอย่างเป็นทางการของตำหนักจวิ้นหวัง
เซียงหรงถูกซู่ซินและเหล่าสาวใช้จับแต่งตัวอยู่นาน กว่าที่พวกนางจะยอมรามือ ก็เป็นตอนที่บนศีรษะของนางมีปิ่นล้ำค่างดงามที่ไม่คุ้นตาชุดหนึ่งประดับประดาอยู่เต็มไปหมด
“ก็แค่การรับสินสอดเท่านั้น เหตุใดจึงถึงกับต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับ”
ซู่ซินอมยิ้มตอบ “บ่าวได้ยินมาว่าจวิ้นหวัง จวิ้นหวังเฟย และจวิ้นหวังจ๋างจื่อจะเป็นผู้นำสินสอดมามอบให้ด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
เซียงหรงอดบ่นงึมงำไม่ได้ “ได้ยินว่าโดยปกติแล้ว ยามมอบสินสอด ฝ่ายชายเพียงส่งแม่สื่อ พ่อบ้าน หรือใครสักคนมามอบสินสอดให้บ้านฝ่ายหญิงเท่านั้นก็ได้ไม่ใช่หรือ”
“เพราะตำหนักจวิ้นหวังเห็นความสำคัญของคุณหนูอย่างไรละเจ้าคะ”
ฟังคำตอบจากซู่ซินแล้ว เซียงหรงก็ได้แต่ทอดถอนใจ
“เหตุใดเรื่องดีๆ เช่นนี้ ไม่ตกไปถึงผู้ที่ต้องการเล่า ข้ากลับไม่อยากได้รับ ‘ความสำคัญ’ เช่นนี้จากผู้ใดทั้งนั้น”
“คุณหนู...” ซู่ซินได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เลิกคิดเรื่องอยู่เป็นสาวเทื้อเถิดเจ้าค่ะ”
“พี่ซู่ซินยังทำได้ เหตุใดข้าจะทำไม่ได้”
“ล้อบ่าวหรือเจ้าคะ”
กำลังจะพูดจาหยอกล้อกับพี่ซู่ซินของตน สาวใช้จากนอกห้องก็ร้องบอกเสียงไม่ดังไม่เบา
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูรองมาขอพบเจ้าค่ะ บอกว่าอยากจะเข้ามาหาคุณหนู...”
พี่หญิงมาทำไมกัน อีกเดี๋ยวก็ต้องพบหน้ากันอยู่แล้วแท้ๆ
“ให้พี่หญิงเข้ามา” เซียงหรงสั่งอย่างเสียไม่ได้
ไม่นานเกินรอ เฉินเหม่ยลี่แย้มยิ้มงดงาม เดินเข้ามากุมมือน้องสาวต่างมารดาอย่างนางนุ่มนวลแผ่วเบา
“น้องสาม...”
“พี่หญิงมีเรื่องใดหรือเจ้าคะ”
เฉินเหม่ยลี่แย้มยิ้มกว้างขึ้น “ข้าอยากมาแสดงความยินดีกับเจ้า”
เซียงหรงฝืนยิ้มตอบ
“อันที่จริง ข้าตั้งใจจะมอบปิ่นประดับให้เจ้า ทว่า...” เฉินเหม่ยลี่เหลียวมองชุดปิ่นประดับงดงามบนศีรษะน้องสาวต่างมารดาแล้วก็ยิ้มเจื่อน นางปรายตาไปทางสาวใช้คนสนิทที่ติดตามมาด้วย เพียงเท่านั้นสาวใช้คนสนิทก็รู้ความ รีบส่งตลับเครื่องเคลือบทรงกลมให้ผู้เป็นนาย
คุณหนูรองของจวนเปิดตลับออก บอกเสียงหวาน “นี่ก็คือชาดที่เพิ่งได้รับมา ที่ผ่านมาน้องสามไม่ค่อยแต่งหน้าทาปาก เครื่องประทินโฉมทั้งหมดที่ใช้ โดยเฉพาะชาด ล้วนเป็นสีอ่อนจาง พี่หญิงเห็นว่าครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงมงคล อีกทั้งชาดเหม่ยกุย[1]ที่ได้มาใหม่นี้ ทั้งหอม ทั้งสีสันงดงามยิ่ง จึงอยากนำมามอบให้เจ้าได้ใช้ อย่างน้อยๆ ก็ในงานเลี้ยงครั้งนี้”
ซู่ซินหนังตากระตุกยิบยิบ รีบขัดอย่างนุ่มนวล “คุณหนูสามเพิ่งจะแต่งหน้าเสร็จไปเมื่อครู่นี้เองเจ้าค่ะ ยามนี้งานเลี้ยงใกล้เริ่มเต็มที ชาดตลับนี้...เอาไว้ใช้ตอนจัดพิธีหมั้นดีหรือไม่เจ้าคะ”
เฉินเหม่ยลี่ตวัดสายตาค้อนขวับ “เป็นแค่สาวใช้ผู้หนึ่ง ช่างสำคัญนัก พี่หญิงน้องหญิงสนทนากัน สาวใช้ผู้หนึ่งก็ยังกล้าสอดปากด้วยหรือ หรือเพราะข้าเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุ กระทั่งสาวใช้ในจวนผู้หนึ่งจึงไม่เห็นหัวข้าเช่นนี้!”
เซียงหรงสีหน้าแข็งค้าง “พี่ซู่ซินไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ”
“หรือที่แท้น้องสามก็คิดเช่นนั้น” นางกัดริมฝีปากน้อยๆ เอ่ยเสียงสั่น น้ำตาคลอ “ยามมองมาที่ข้า เจ้าเองก็คิดเหมือนๆ กับที่คนข้างนอกคิดใช่หรือไม่?”
หมายถึงคนนอกจวนหรือ?
“พี่หญิง...จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร”
“หรือชาดตลับนี้จะด้อยค่าเกินไป ไม่คู่ควรกับน้องสาม” เฉินเหม่ยลี่ถึงกับน้ำตาหยดเผาะ นางกัดริมฝีปากแน่นขึ้น จ้องมองเซียงหรงอย่างผิดหวังสะเทือนใจ
[1] กุหลาบ
ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย
“ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล
หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั
“หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ
ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั
หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ







