Share

บทที่ 76

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-09-18 06:18:56

เซียงหรงมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างห้ามไม่อยู่ “อันที่จริง ชาดที่ทาไว้ก็สีอ่อนไปจริงๆ รบกวนพี่หญิงช่วยทาชาดตลับนั้นให้ข้าได้หรือไม่”

“คุณหนู!” ซู่ซินมองตลับชาดเหม่ยกุยอย่างระแวงระวัง

ไม่ทันที่ซู่ซินจะได้พูดอะไร เฉินเหม่ยลี่ก็รีบปราดเข้าประชิด หยิบพู่กันจุ่มน้ำมัน แตะไล้ชาดที่ตนนำมา ทาลงบนริมฝีปากจิ้มลิ้มอิ่มงาม

เฉินเหม่ยลี่พลันแย้มยิ้ม “งดงามเหลือเกิน งามเหมือนกลีบเหม่ยกุยแรกแย้มไม่มีผิด” นางบรรจงแต้มชาดอย่างเอาใจใส่ “ที่ผ่านมาน้องสามมีของดีใดก็ล้วนมอบให้พวกเราพี่หญิงน้องหญิง ไม่หวงแหน ครั้งนี้ได้มอบชาดที่ทั้งหอมและงดงามนี้ให้ตอบแทนเจ้าบ้าง พี่หญิงดีใจนัก” เฉินเหม่ยลี่บรรจงแต้มชาดอยู่ครู่ใหญ่ หลังตรวจดูว่าแต้มได้งดงามดีแล้ว ก็พยักหน้าพึงพอใจ “น้องสามช่างงดงามนัก จวิ้นหวังจ๋างจื่อจะต้องตกหลุมรักน้องสามจนถอนตัวไม่ขึ้นเป็นแน่” เฉินเหม่ยลี่ปาดน้ำตา แย้มยิ้มงดงามยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

“พี่หญิง...” เหตุใดวันนี้พี่หญิงรองจึงได้อ่อนไหวนัก?

“พวกเราออกไปที่โถงรับแขกกันเถอะ” เฉินเหม่ยลี่ส่งตลับชาดให้สาวใช้ของตน ก่อนประคองน้องสาวต่างมารดาให้ลุกขึ้น

แม้เซียงหรงจะรักความสงบ แต่ก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวถึงขั้นที่จะยอมให้จวนเฉินกั๋วกงและบิดาเสียหน้า อีกทั้งยังไม่ต้องการสร้างความลำบากใจให้พี่หญิงรอง สุดท้ายจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน ยอมให้พี่หญิงรองและเหล่าสาวใช้ช่วยกันประคองมุ่งหน้าไปยังโถงรับแขกเรือนประธานอย่างไม่อิดเอื้อน

ในตอนที่คุณหนูรองประคองคุณหนูสามของจวนออกมา แขกเหรื่อฝ่ายตำหนักจวิ้นหวังก็มาถึงพอดี

วันนี้หลี่จือหลินสวมชุดสีขาวปักลายเมฆมงคล ตลอดทั้งร่างดูสง่างามสูงส่งราวกับเทพเซียนจากสวรรค์ชั้นฟ้า พาให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก

เซียงหรงอดรู้สึกไม่ได้ว่าสีขาวนั้นช่างเจิดจ้าโดดเด่นเหลือเกิน โดดเด่นเสียจนไม่อาจละสายตาไปจากคนผู้นั้นได้

หลี่จือหลินเองก็มองตรงมาที่นางเช่นกัน

เขาแย้มยิ้มทว่าไม่ได้กระทำตัวเสียมารยาทธรรมเนียม ทำเพียงเดินตามท่านลุงจวิ้นหวังและท่านป้าสะใภ้ของนางมานั่งยังที่ทางที่ถูกจัดเตรียมไว้ ทั้งสีหน้ากิริยาล้วนดูสงบไว้สง่า

หึ...ช่างสร้างภาพหลอกลวงผู้คนได้เก่งนัก!

เซียงหรงได้แต่ลอบเม้มริมฝีปากอย่างขัดใจ

งานเลี้ยงในวันนี้เป็นงานเลี้ยงสุราอาหารที่เรียบง่าย คนทั้งหมดก็เพียงแต่ร่วมกินอาหารและสนทนา ใช้ ‘ช่วงเวลาดีๆ’ ร่วมกันเท่านั้น

เซียงหรงไม่ได้รู้สึกว่าวันนี้คือ ‘ช่วงเวลาดีๆ’ ทั้งยังเหนื่อยหน่ายเต็มทีแล้ว จึงได้แต่คีบอาหาร ชิมน้ำแกง เลี้ยงดูปูเสื่อตนเองด้วยอาหารเลิศรส พยายามไม่มองไปทางจวิ้นหวังจ๋างจื่อบางคนที่เอาแต่จ้องมองตรงมาที่นาง

จ้องอยู่นั่นแหละ จ้องอยู่ได้ จ้องจนร่างจะพรุนอยู่แล้ว!

เซียงหรงหงุดหงิด ได้แต่คีบเนื้อปูจากต่างแดนที่ซู่ซินคอยแกะให้อย่างคล่องแคล่วเข้าปากอย่าง ‘สงบไว้สง่า’ อีกคำ

“ท่านลุง ท่านป้าสะใภ้ จวิ้นหวังจ๋างจื่อ ทุกท่าน” จู่ๆ พี่ใหญ่ของนาง เฉินจิ้งอี้ ก็เอ่ยขึ้นมา “นี่ก็คือสุราลูกเหมยที่ข้าเป็นผู้หมักด้วยตนเอง” เพียงเขาส่งสายตา เหล่าสาวใช้ก็ถือถาดบรรจุขวดและจอกสุราเข้ามาวางลงบนโต๊ะสุราอาหารของแขกเหรื่อตามลำดับศักดิ์ฐานะ

เฉินกั๋วกงส่ายหน้าน้อยๆ เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “บุตรชายของข้า แม้จะร่ำเรียนจนสอบได้เป็นทั่นฮวา แท้ที่จริงแล้วกลับหลงใหลในรสสุราเป็นอย่างยิ่ง”

เซียงหรงชะงักไปทันที

หืม...? พี่ใหญ่ชื่นชอบสุราด้วยหรือ?

ยามอยู่ในจวน ตั้งแต่เล็กจนโต พี่จิ้งอี้ของนางดื่มสุรานับครั้งได้ แล้วจะนับเป็นผู้หลงใหลในรสสุราได้อย่างไร? กลับเป็นพี่ชายรองต่างหาก ที่ระยะนี้ดื่มสุราเมามายไม่เว้นวัน กระทั่งวันนี้ก็ยังเมาสุราไม่สร่าง จึงไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงสุราอาหารในครั้งนี้

หรือว่า...ท่านพ่อกับพี่ใหญ่หมายใจจะให้ผู้อื่นมองว่าพี่ใหญ่เองก็เป็นบุรุษมีตำหนิ ไม่ได้สะอาดหมดจดเลิศล้ำไปทุกอย่าง?

เพราะเหตุใด? หรือพี่ใหญ่สอบเข้ารับราชการแล้วพบเจอปัญหาใด?

ไม่ถูก...แม้จะเป็นงานเลี้ยง งานเลี้ยงครั้งนี้ก็เป็นเพียงงานเลี้ยงเล็กๆ ต้อนรับคนจากตำหนักจวิ้นหวัง กล่าวว่าเป็นงานเลี้ยงเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลก็ยังได้ แล้วท่านพ่อกับพี่ใหญ่จะยังต้องเล่นละครพรรค์นี้ไปเพื่ออะไร?

หรือว่า...จะดูคน?

ขณะเซียงหรงครุ่นคิดอยู่นั้น หลี่จือหลินยกจอกสุราขึ้นคลึงใต้จมูก แล้วชิม

“กลิ่นดี รสดี เป็นสุราที่ดียิ่ง!” กล่าวจบ หลี่จือหลินก็กรอกสุราที่ว่าที่พี่ภรรยาเป็นผู้หมักด้วยจนเองเข้าปากจนหมดจอก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 104

    ไม่ทันที่นางจะได้ขยับตัว ตงหยางที่รัดท่อนแขนตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนาก็ก้มลงดูดที่แผลของตนเอง ดูดแล้วก็พ่นเลือดสีคล้ำเข้มออกมา ดูด แล้วก็พ่นเลือดสีคล้ำเข้มออกมา ทำวนซ้ำอยู่อย่างนี้จนเลือดที่ดูดออกมาจากปากแผลเป็นสีแดงสด ถึงยอมหยุดมือเขาปล่อยให้สายรัดเอวที่รัดท่อนแขนอยู่ค่อยๆ คลายออกเอง กระถดเข้าไปนั่งชิดผนัง ก่อนถอนหายใจออกมาตงหยางเหลียวมองซากงูตัวนั้นอีกครั้ง ก่อนจะตวัดสายตามองเฉินเซียงหรง เอ่ยอย่างหัวเสีย“ดีเหลือเกิน ข้าบอกให้อยู่นิ่งๆ เจ้าก็รีบขยับตัวทันที!”“ก็ข้านึกว่า...” นางละอายเกินกว่าจะกล้าพูดต่อเขาช่วยชีวิตนาง...อีกเป็นครั้งที่สอง นางกลับคิดว่าเขาจะฉวยโอกาสใช้กำลังข่มเหงรังแก ทำเรื่องที่นาง...ไม่ยินยอม...“คุณหนูเฉิน ข้าบอกเจ้าแล้ว ข้าไม่มีความจำเป็นต้องบังคับข่มเหงสตรีที่ไม่เต็มใจ” เขาแค่นหัวเราะ ก่อนกล่าวต่อไป “ทว่าเป็นเช่นนี้จะดีหรือ หากร่วมทางกันไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งข้าเกิดดื่มสุราเมามายจนขาดสติเล่า เจ้าจะทำอย่างไร เจ้าจะยังกล้าติดตาม ‘รับใช้’ ข้าอีกหรือ ข้าว่าเจ้ายอมกลั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 103

    วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนเซียงหรงเองยังอดตกใจไม่ได้คืนหนึ่ง ขณะหลบฝนอยู่ในถ้ำเล็กๆ ตงหยางจุดไฟให้แสงสว่าง อากาศในถ้ำเย็นชื้น และเสื้อผ้าของพวกเขาเปียกชื้นจนต้องพาดไว้ใกล้กองไฟ เซียงหรงนั่งกอดเข่าห่างออกไปเล็กน้อย ดวงตาของนางมองเปลวไฟนิ่งราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์กระทั่งตงหยางมองนางด้วยสายตาขบขัน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าเคยคิดบ้างไหม ว่าแม้จะหนีการแต่งงาน แต่ในที่สุดเจ้าก็ต้องหาสามีอยู่ดี” เขาเอ่ยเสียงเบาเช่นเดิม “คุณหนูเฉิน เจ้ากล่าวว่าต้องการแน่ใจว่าจะสามารถส่งจดหมายถึงมือบิดาและพี่ชายที่อยู่ต่างเมือง จะทำเพียงส่งจดหมายบอกล่าวเล่าความ ไม่พบพวกเขา เจ้ามีพ่อและพี่ชายกลับคิดหนีหน้า เจ้าบอกว่ามีคู่หมั้น แต่ก็ไม่ปรารถนาที่จะแต่งงานกับคู่หมั้นผู้นั้น กลับมุ่งหมายออกบวชละกิเลสเสียมากกว่า ช่างไม่รู้เสียเลยว่าต่อให้เจ้าจะโกนผมโกนคิ้ว บุรุษที่ได้พบเห็นเจ้า พูดคุยกับเจ้า พวกเขาไหนเลยจะลืมเลือนเจ้าได้ลง เจ้าคิดว่าหากได้ออกบวช จะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบได้จริงหรือ” เซียงหรงเงยหน้าขึ้นมองเขา สีหน้าของนางเย็นชา “ก็ยังดีกว่ามีสามี&rdquo

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 102

    ยามบ่ายคล้อย แดดร่ม ลมตก เป็นช่วงเวลาที่เซียงหรงรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวที่สุดในช่วงวัน พื้นอารมณ์จึงค่อนข้างดีทว่าอารมณ์ดีๆ ของนาง กลับถูกทำลายลงด้วยเสียงเฉยชาที่ดังขึ้นทำลายความเงียบ“เป็นเช่นไรล่ะ คุณหนูเฉิน ใช้ชีวิตแบบนี้สนุกดีหรือไม่ ไม่ต้องมีคนคอยรับใช้ ไม่ต้องมีที่นอนอุ่นๆ ไม่ต้องกินอาหารดีๆ ใช้สองขาเดินทาง ร่อนเร่พเนจร ค่ำไหนนอนนั่น” นั่นประไร! นางรู้ว่าเขาคงอดทนไม่ว่านางได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหรอก ยิ่งในตอนที่นางกำลังมี ‘ช่วงเวลาดีๆ’ รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวเช่นนี้ยิ่งแล้วใหญ่!เดินทางร่วมกันมาจนถึงตอนนี้ นางแทบจะนับเวลาที่เขาจะเอ่ยปากเหน็บแนมนางได้แม่นยำแล้ว!นางชำเลืองมองเขาด้วยสายตาขุ่นมัว “ไม่เห็นจะลำบากอะไร” นางตอบเสียงเรียบพลางรวบชายเสื้อที่ปลิวเพราะลมเย็นตงหยางหันมามองนาง หัวคิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อย “อ้อ เช่นนี้ไม่ลำบาก” เขาหัวเราะในลำคอ “เจ้านี่ช่างเป็นสตรีที่ดื้อดึงยิ่งนัก เจ้าอยากมีชีวิตแบบนี้ไปจนตายเช่นนั้นหรือ”นางหยุดเดิน หันไปสบตาเข

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 101

    “ข้าขอร้อง...” เซียงหรงเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ “ข้าไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ ที่บ้านของข้าในยามนี้ไม่มีใครที่ข้าจะไว้ใจได้อีก อีกทั้ง... อีกทั้งในเมืองหลวงยังมีสิ่งที่น่ากลัวมากๆ รอข้าอยู่ที่นั่น...” นางพยายามยื่นข้อเสนอ “ท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ขอเพียงท่านช่วยสะสางเรื่องที่ยังค้างคาใจและพาข้าหลบหนีจากฝันร้ายเหล่านั้น ข้ายินดีติดตามรับใช้ท่านในฐานะบ่าวคนหนึ่ง จะไม่สร้างความลำบากใดใดให้ท่านจอมยุทธสักนิด”“บ่าวคนหนึ่ง...” ชายสวมหน้ากากนิ่งเงียบไปอีกพักใหญ่ ก่อนถอนหายใจยาว “เอาเถิด หากเจ้าไม่สร้างปัญหาจริงดังปากว่า ข้าจะให้เจ้าเดินทางไปด้วย ระหว่างนั้นสบโอกาสค่อยหาทางส่งจดหมายไปถึงบิดาและพี่น้อง เรื่องคนของเจ้า สหายของข้าช่วยนางเอาไว้แล้ว”“จริงหรือ!”ได้ยินเช่นนี้ เซียงหรงโล่งใจเป็นอย่างยิ่งเขายังคงกล่าวต่อไป “ตงหลินผู้นี้เป็นสุภาพชน เชื่อถือได้ คนของเจ้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน หากเจ้าไม่มีความคิดอยากกลับบ้านก็ไม่ควรติดต่อ ‘คนของเจ้า’ ผู้นั้นอีก”แม้แว

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 100

    เซียงหรงมองชายแปลกหน้าเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง แม้จะรู้สึกหวาดระแวงอยู่ลึกๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายร่างใหญ่ชุดดำสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าผู้นี้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ ช่วยนาง...ทั้งในตอนที่นางเสี่ยงชีวิตกระโดดลงมาจากหน้าผาสูงชัน และตอนนี้สายตาของเฉินเซียงหรงกวาดมองไปรอบๆ อีกครั้งกระท่อมหลังนี้ดูเหมือนจะถูกปล่อยทิ้งร้างมานานแล้ว โต๊ะไม้ที่วางตะเกียงอยู่มีรอยถลอกลึก มุมหนึ่งของผนังมีช่องโหว่ที่ลมพัดผ่านเข้ามาได้ ดังนั้น นอกจากกลิ่นสาบภายในกระท่อมแล้ว ยามนี้นางได้กลิ่นสนเขาอ่อนๆ ลอยมากับสายลมนางเริ่มรู้สึกถึงความเย็นของกระแสลมที่กัดกินเนื้อหนัง“ข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้จนวันตาย...ข้าจำได้ว่าคล้ายจะเห็นท่านพลิ้วตัวมารับร่างข้าไว้ก่อนจะตกลงไปในแม่น้ำ ท่านเป็นจอมยุทธ์ใช่หรือไม่ จึงสามารถช่วยข้าไว้ได้เช่นนี้” นางถาม น้ำเสียงเจือความขอบคุณเขาไม่ตอบไม่เพียงไม่ตอบ ยังเบนสายตาไปทางอื่นด้วยซ้ำดวงตาที่มองลอดหน้ากากนั้นยังคงนิ่งลึกท่าทางเช่นนี้...ดูๆ ไปแล้ว ก็คล้ายองครักษ์ที่รับหน้าที่ติดตามคุ้มกันนางเช่นกันหรือว่า...นางอดถามไม่ได้ “ท่านคือองครักษ์จากตำหนักจวิ้นหวังที่คอยติดตามคุ้มกันข้าหรือ?”“ไม่ใช

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 99

    ยามเมื่อเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา นางรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แทรกซึมผ่านผิวกาย แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันเล็กๆ บนโต๊ะไม้ส่องประกายริบหรี่สะท้อนเงามืดบนผนังไม้ที่แตกร้าวราวกับภาพเขียนที่น่าขนลุกภาพหนึ่ง รอบตัวนางในยามนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านช่องว่างของกระท่อมเก่าคร่ำคร่า“ท่านแม่...” นางยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดมารดาด้วยซ้ำทว่า... เพียงฝันไปหรอกหรือ?“ที่นี่ที่ไหน...” นางพึมพำแผ่วเบา รู้สึกร้าวระบมไปทั่วทั้งตัว เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเสื่อเก่าขาด มีหมอนสีดำสนิทที่คล้ายจะทำขึ้นมาด้วยการเอาเสื้อคลุมเปียกๆ ตัวหนึ่งมาหุ้มฟางรองศีรษะ กลิ่นอับของไม้ผุและฝุ่นทำให้นางแสบจมูกจนแทบทนไม่ไหวดวงตาของนางเลื่อนไปหยุดที่ร่างของชายคนหนึ่ง เขาสวมชุดสีดำทั้งตัว ใบหน้าครึ่งบนกว่าแปดส่วน[1]ถูกปกปิดด้วยหน้ากากโลหะรูปพยัคฆ์ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคมดุสะท้อนแสงไฟสลัวเหมือนตาของสัตว์ร้ายเซียงหรงสะดุ้งเล็กน้อย ความหวาดกลัวไหลย้อนกลับมาบีบรัดหัวใจของนางไว้แน่นเสื้อคลุมที่ใช้ทำเป็นหมอนยังคงเปียกชุ่ม เสื้อผ้าผมเพ้าของคนผู้นี้เองก็ไม่ต่างกัน...สังเกตได้เท่านี้เฉินเซียงหรงก็ห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status