Share

บทที่ 7

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-15 11:45:45

“คุณหนู...น้ำชากับขนมมาแล้วเจ้าค่ะ” ซู่ซิน อดีตคนสนิทข้างกายมารดานาง ที่กล่าวได้ว่าเป็นสาวใช้จากเรือนเหลียนฮวาเพียงคนเดียวที่ไม่ถูกท่านย่าของนางขายออกไปจากจวน ถือถาดน้ำชาและขนมเดินตรงมาหาด้วยรอยยิ้ม

คล้ายกับซู่ซินจะสังเกตเห็นภาพร่างผีเสื้อบนผืนผ้า จึงอดออกปากชื่นชมออกมาไม่ได้ “คุณหนูจะปักผีเสื้อเพิ่มเช่นนั้นหรือ ช่างคิดยิ่งนัก คุณหนูของซู่ซินนับว่าเป็นยอดสตรีโดยแท้ อายุเพียงเจ็ดขวบปี กลับออกแบบลายปักผ้าได้ด้วยตนเอง ซ้ำฝีเข็มยังละเอียดลออ ลายปักทุกลายที่ปักออกมาก็ล้วนงดงามสมจริงจนยากจะเชื่อว่าเป็นเพียงลายปักบนผืนผ้าเท่านั้น”

เซียงหรงแย้มรอยยิ้มงดงามรับคำชมนั้น

ก็แน่ล่ะสิ ในเมื่อท่านย่ากล่าวว่าสมัยก่อนท่านแม่ของนางปักผ้าได้งดงามไร้ที่ติ เหตุที่ท่านพ่อกับท่านแม่ได้พบรักและครองคู่กันก็เป็นเพราะลายปักผ้าของท่านแม่ที่ทำให้ท่านพ่อผู้ไม่เคยชายตาแลสตรีใดถึงกับหลงใหลพร่ำเพ้อ กล่าวว่าผู้ที่ปักผ้าเช่นนั้นได้จะต้องเป็นยอดสตรีที่จิตใจดีทั้งยังเป็นคนละเอียดลออช่างเอาใจใส่เป็นแน่...

ท่านแม่ของนางเก่งกาจปานนั้น ซ้ำผ้าปักลายยังนับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เชื่อมโยงบิดาและมารดาของนางเอาไว้ด้วยกัน นางที่เป็นบุตรสาวจะไม่หมั่นฝึกฝนปักผ้าให้เก่งกาจจนทำให้ท่านแม่ที่พักผ่อนอยู่บนสวรรค์ต้องเสียชื่อได้อย่างไร?

มองลายปักงดงามบนผืนผ้า เสี่ยวเซียงหรงก็ยิ่งสุขใจ

ทว่าสุขใจก็ส่วนสุขใจ นางไม่อาจรับคำชมเหล่านี้มาเป็นของตนเองทั้งหมดโดยไม่กล่าวถึงพี่หญิงใหญ่

“เป็นความคิดของพี่หญิงใหญ่น่ะ” เซียงหรงลูบลายผีเสื้อบนผืนผ้าเบาๆ “พี่หญิงใหญ่ช่างยอดเยี่ยมนัก มองปราดเดียวก็รู้ว่าหากเติมผีเสื้อลงไปสักเล็กน้อย ผ้าปักผืนนี้ก็จะยิ่งงดงามสมบูรณ์ยิ่งขึ้น...”

ซู่ซินมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันทันที “คุณหนู...หรือว่าเมื่อครู่ตอนที่บ่าวไปเตรียมน้ำชาและขนมเหล่านี้มาให้ท่าน คุณหนูใหญ่ก็เข้ามากลั่นแกล้งรังแกท่านอีกแล้ว?”

เสี่ยวเซียงหรงมุ่นหัวคิ้วตามทันที “พี่หญิงใหญ่ที่ไหนจะกลั่นแกล้งรังแกข้า พี่หญิงใหญ่เคยทำเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อใด พี่ซู่ซินกล่าวเช่นนี้ หากพี่หญิงใหญ่รู้เข้าจะต้องเสียใจมากแน่ๆ”

“คุณหนู...” ซู่ซินคับข้องใจเป็นอย่างมาก นางกัดริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่งก็สูดลมหายใจเข้าลึก ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก แย้มรอยยิ้มแข็งขืน เอ่ยเพียงสั้นๆ “คุณหนูกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เป็นบ่าวที่คิดมากจนเกินไปทั้งนั้น คุณหนู...คุณหนูสามของบ่าวช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน...ดีมากๆ ดีมากจริงๆ”

“พี่ซู่ซินก็เห็นเป็นเช่นนั้นหรือ!” เสี่ยวเซียงหรงถาม น้ำเสียงยิ่งกว่ายินดี

“เจ้าค่ะ คุณหนูของบ่าวเป็นเด็กดี...ดีเกินไปแล้ว...” ซู่ซินได้แต่ทอดถอนใจ

แม้นางจะชมชอบอุปนิสัยซื่อตรง เมตตาอารี น้ำใจงาม ใจกว้างยิ่งกว่ามหาสมุทร และความเป็นคนวางตัวเรียบง่าย จิตใจสงบผ่องใส ไม่เคยถือโทษโกรธผู้ใดของคุณหนูสามเป็นอย่างมาก จนไม่อยากทำลายความบริสุทธิ์ซื่อใสดีงามนั้นด้วยการยัดเยียดความคิดของตนเองให้คุณหนูสาม ทว่า...คุณหนูสามที่เป็นเช่นนี้ จะไม่นับว่าน่าสงสารจนเกินไปงั้นรึ? นี่นางกำลังร่วมด้วยช่วยคนเหล่านั้นกลั่นแกล้งรังแกคุณหนูสามของตนทางอ้อมหรือไม่?

มองดวงตากระจ่างใสของคุณหนูสามแล้ว ซู่ซินก็ได้แต่เก็บกลืนคำพูดมาก มายที่อัดแน่นอยู่ในใจลงท้อง

เอาเถิด...ต่อไปนางก็แค่ต้องระวังให้มากขึ้นอีกหน่อย และลอบบอกเรื่องนี้ให้นายหญิงชรารับรู้ นายหญิงชราจะได้ช่วยจัดหาคนที่ไว้ใจได้มาช่วยนางดูแลคุ้มครองคุณหนูอีกแรงหนึ่ง ระหว่างที่นางไปจัดเตรียมขนมและของว่างให้คุณหนูด้วยตนเองเช่นวันนี้จะได้มีคนคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูสาม คอยปกป้องคุณหนูสามที่ทั้งไร้เดียงสาและมองโลกมองผู้คนในแง่ดีมากเกินไปสักเล็กน้อยเอาไว้ ทำเช่นนี้...ก็น่าจะได้กระมัง?

จะอย่างไรนางก็เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง แม้ยามนี้จะมีนายหญิงชราคุ้มหัวคุ้มตัว ทว่าสาวใช้อย่างนางก็ไม่กล้าแข็งข้อต่ออนุทั้งสามที่แม้จะเป็นเพียงอนุ แต่ก็ล้วนมาจากตระกูลใหญ่อย่างสกุลหาน สกุลซู และสกุลจาง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตระกูลบัณฑิตเก่าแก่ที่สืบทอดชื่อเสียงและความมั่งคั่งมามากกว่าร้อยปีทั้งสิ้น

นางยังไม่อยากถูกหาเหตุกำจัดออกไปเช่นคนอื่นๆ รอบตัวคุณหนูสาม หลายครั้งจึงต้องคอยแกล้งเอาหูไปทางเอาตาไปทาง ไม่เช่นนั้นบ่าวที่ซื่อสัตย์อย่างนางก็คงถูกกำจัดออกไปจากข้างกายคุณหนูสามเช่นเดียวกับคนอื่นๆ นานแล้ว

ฟูเหรินที่ล่วงลับดีต่อนางกว่าใคร...คุณหนูสามจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ซื่อใสไร้เดียงสาเกินไป ไม่เคยคิดหรือมองสิ่งใดในแง่ร้าย หากกระทั่งนางก็ยังโดนกำจัดออกไป ต่อไปข้างกายคุณหนูสามก็จะไม่เหลือใครสักคนที่ไว้ใจได้คอยปกป้องดูแลให้ปลอดภัยอีกแล้ว...นางไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้น

ยอมรับตามตรงว่านับตั้งแต่ฟูเหรินของนางจากไป นางก็กลายเป็นคนมองโลกและผู้คนในแง่ร้าย ยิ่งสังเกตยิ่งมองเห็นสันดานร้ายเร้นที่แฝงอยู่ในตัวอนุทั้งสามและบุตรสาวของพวกนาง บ่าวอย่างนางก็ยิ่งหวาดกลัวและไม่อาจวางใจให้ผู้อื่นดูแลคุณหนูของตน กระทั่งจัดเตรียมอาหาร น้ำชา และขนม ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้น นางล้วนต้องจัดเตรียมเองกับมือ จึงจะวางใจได้

“คุณหนูเจ้าคะ ขนมนี่บ่าวทำขึ้นเองกับมือ คุณหนูวางผ้าปักลงสักครู่ แล้วลองชิมให้บ่าวได้ชื่นใจสักนิดได้หรือไม่”

เซียงหรงแย้มยิ้ม วางผ้าในมือ เริ่มเลี้ยงดูปูเสื่อตนเองอย่างว่าง่าย

เรื่องทำให้ผู้อื่นดีใจ นางชอบทำอยู่แล้ว!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 16

    “ของเหล่านั้นก็เพียงของนอกกาย ท่านเก็บไว้เถอะ!”“หรงเอ๋อร์...” หลี่จือหลินขยับมือที่กุมมือน้อยไว้ ยกมือของเซียงหรงข้างที่ถือถังหูลู่ขึ้นจรดริมฝีปากเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม “กัดสักคำสิ”เสี่ยวเซียงหรงตื่นตระหนก รีบส่ายหน้ายิกเห็นนางใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มทีแล้ว หลี่จือหลินยิ้มน้อยๆ ก่อนย่อตัวลงนั่งชันเข่า ปาดน้ำตาที่ใกล้จะร่วงหล่นให้นาง จุมพิตแก้มนุ่มละมุนที่เริ่มจะโดนความเย็นกัดจนขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนถังหูลู่ที่ถูกตนบังคับจับมือให้ถือเอาไว้เบาๆเซียงหรงพลันตกใจจนลืมร้องไห้อา...บอกนางเรื่องกำไลหยกที่ห้อยคอนางอยู่ดีไหมนะ? หลี่จือหลินไล้ปลายนิ้วเรียวงามไปตามกรอบหน้าเล็กๆ ที่ผิวพรรณขาวนวลผ่องใสราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้หลังชั่งใจอยู่ชั่วครู่ จวิ้นหวังจ๋างจื่อก็เลื่อนมือขึ้นลูบศีรษะน้อยๆ ของนางอย่างถนอมยังก่อนถูกแล้ว...เขายังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกนางในยามนี้ รอนางโตกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน...ทว่าเรื่องที่สมควรพูดก็ยังต้องพูด หว่านเมล็ดไปแล้วที่ไหนเลยคนชนชั้นตระหนี่ถี่เหนียวเช่นเขาจะปล่อยให้เสียเปล่า ไม่คิดเก็บเกี่ยวสักนิด ยามนี้เกาทัณฑ์ของเขาง้างสายเอาไว้แล้ว ลูกศรหรือก็ชี้ไปที่เป้า จะไม่ใ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 15

    “ข้าไม่แต่งให้ท่านนะ!!!” เสียงอันดังของเซียงหรง กับประโยคน่าตกใจ ทำเอาคนรอบข้างหันมามองพี่ชายจวิ้นหวังจ๋างจื่อกับนางเป็นตาเดียวกันสายตาของคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนด้านหน้า ทำเอาเสี่ยวเซียงหรงต้องกัดริมฝีปากแน่น ในใจได้แต่คิดว่า แย่แล้ว!นาง...เหตุใดนางกระทำการไม่ยั้งคิด โพล่งประโยคไร้มารยาทพรรค์นั้นออกมาต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้! ทำเช่นนี้...ทำเช่นนี้จวิ้นหวังจ๋างจื่ออย่างเขาคงเสียหน้ามากกระมัง?“เอ่อ...คือ...คือว่าข้า...” เซียงหรงอยากจะแก้ไขสถานการณ์ แต่ไม่รู้ว่าสมควรแก้ไขอย่างไรดีแล้วก็...ก็นางไม่อยากแต่งให้คนผู้นี้จริงๆ นี่นา!ไม่ใช่แค่กับคนผู้นี้ กับผู้ใดนางก็ไม่แต่งทั้งนั้น!หลี่จือหลินเห็นท่าทางของนางและสายตาคนรอบข้างแล้ว ก็แย้มรอยยิ้มที่ไม่พาดผ่านไปถึงดวงตา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“ของหมั้นก็รับไปแล้ว จะไม่แต่งให้ข้าได้อย่างไร”เอ๋!!! ของหมั้น? นางไปรับของพรรค์นั้นมาตั้งแต่เมื่อใด???หลี่จือหลินลดสายตาลงมองถังหูลู่ในมือนางเสี่ยวเซียงหรงเห็นสายตาเขาแล้วก็มองตามนะ นี่มัน หรือ...หรือว่า...“ต่อให้เจ้าโยนทิ้งลงพื้น ก็ถือว่าเจ้ารับของจากข้าไปแล้ว” หลี่จือหลิน ชิงดักคอ“ข้าจะคืน

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 14

    เซียงหรงพยายามกวาดตามองหาพี่หญิงรอง น้องสี่ ท่านพ่อ และพี่ชายใหญ่ ทว่ากลับมองไม่เห็นใครสักคนแม้เงา“เป็นอะไรไป” เจ้าของร้านพลันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องหรือเด็กสาวคนนี้จะพลัดหลงกับสาวใช้?ประเดี๋ยวนะ...เด็กสาวผู้นี้มีเงินติดตัวมาหรือไม่ ได้ยินมาว่าพวกคุณหนูตัวน้อยเช่นนี้มักไม่ค่อยพกถุงเงิน เป็นหญิงรับใช้ต่างหากที่คอยดูแลชำระค่าสินค้าต่างๆ ให้พวกนาง...หากนางพลัดหลงกับสาวใช้และครอบครัวจริง เช่นนั้นความหวังที่จะได้เงินห้าตำลึงของตนคงหมดลงแล้ว! ไม่ถูก อย่าว่าแต่ห้าตำลึงเลย กับแค่เงินห้าอีแปะนางจะมีจ่ายให้หรือไม่ก็ยังไม่รู้!เจ้าของร้านพลันหงุดหงิดขึ้นมา วันนี้ค้าขายไม่ดียังไม่พอ ยังถูกคุณหนูตัวน้อยไม่รู้ความจากเรือนใดก็ไม่รู้มาก่อกวนเช่นนี้อีก!เขารีบเอ่ยเสียงแข็ง “คุณหนู จะไม่เอาถังหูลู่ทั้งหมดนี้แล้วก็ไม่เป็นไร ทว่าถังหูลู่ที่ท่านทำตกพื้นไม้นั้นเป็นของซื้อของขาย ท่านจะเก็บขึ้นมากินหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ทว่าท่านสมควรจ่ายค่าถังหูลู่ไม้นั้นมา” เจ้าของร้านแบมือ กระดิกนิ้ว เอ่ยเสียงขรึม “ข้าคิดค่าเสียหายกับค่าเสียเวลารวมทั้งหมดห้าอีแปะก็แล้วกัน! กับแค่เงินห้าอีแปะ อย่าบอกเชียวนะว่าคุณห

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 13

    เฉินเซียงหรงหันกลับไปมองทางพี่ใหญ่และท่านพ่อที่ยืนอยู่คนละฟากฝั่งเล็กน้อยเอาเถอะ...แยกจากไปซื้อถังหูลู่ครู่เดียว ทั้งยังมีสาวใช้ตามมาด้วยถึงสี่คน คงไม่เกิดเรื่องไม่ดีใดให้ทุกคนต้องเดือดร้อนวุ่นวายใจกระมัง?เสี่ยวเซียงหรงหันกลับไปยิ้มให้พี่หญิงรองและน้องสี่ แปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้รอยยิ้มของพี่หญิงรองกับน้องสี่ดูแปลกนักล้วนคิดมากไป...ล้วนคิดมากเกินไปทั้งนั้น...เสี่ยวเซียงหรงสลัดความคิดในแง่ร้ายที่ก่อตัวขึ้นอย่างน่ารังเกียจทิ้งไป ก้าวขาเดินไปพร้อมๆ กับพี่หญิงน้องหญิงด้วยหัวใจที่เป็นสุขอา...ถังหูลู่...แค่นึกถึงรสหวานของน้ำตาลที่เคลือบอยู่บนผิงกั่ว[1] นางก็แทบอดใจรอลิ้มชิมรสชาติที่ไม่ได้สัมผัสมานานไม่ไหวในจวนของพวกนางไม่เคยทำขนมชนิดนี้เลยสักครั้ง ด้วยท่านพ่อและท่านย่าเกรงว่าจะทำให้ฟันของพวกนางไม่งาม ซ้ำยังปวดฟัน ยามออกมาข้างนอกเช่นนี้ ท่านพ่อก็ยังห้ามปรามไม่ให้นางแตะต้อง กล่าวว่านอกจากจะทำให้ฟันเสียได้แล้ว ยังไม่แน่ว่าจะสะอาด...กินถังหูลู่ไม้หนึ่งเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจ คงไม่ถึงกับนับว่าเป็นเด็กไม่ดีกระมัง?อื้อ! ถูกแล้ว นางทำเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจอย่างไรล่ะ!

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 12

    เสี่ยวเซียงหรงเห็นพี่ชายใหญ่ดูฮึกเหิมจริงจังก็อดขำไม่ได้ดูเหมือนพี่ใหญ่ของนางจะถูกเกมทายปริศนาทำให้เพลิดเพลินจนไม่อาจถอนตัวโดยง่ายแล้วเมื่อเห็นว่ามีการท้าทายกันเกิดขึ้น คนทั้งหลายในบริเวณนั้นต่างก็พากันแห่เข้ามาร่วมฟังคำถามจากเถ้าแก่ และรอลุ้นว่าคุณชายที่ยังเยาว์ผู้นี้จะตอบคำถามไปได้สักกี่ข้อ ชั่วอึดใจเดียวหน้าร้านทายปริศนาก็มีผู้คนมามุงแน่นขนัดเซียงหรงเองก็เพลิดเพลินไปกับการละเล่นทายปริศนาครั้งนี้ นางยืนฟังคำถามอย่างสงบ ขณะฟังไปก็คิดตามไปด้วย เถ้าแก่ถามมาสองข้อ นางก็ตอบในใจถูกทั้งสองข้อ ขณะกำลังตั้งใจฟังคำถามข้อที่สาม คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีมือคู่หนึ่งมาปิดปาก พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่หญิงรอง เฉินเหม่ยลี่ และน้องสี่ เฉินเหม่ยเซียงกำลังจะเอ่ยทัก พี่หญิงรองกลับดึงนางออกไปจากกลุ่มคนทั้งอย่างนั้นเซียงหรงเห็นว่าพี่ใหญ่และน้องเล็ก รวมถึงบ่าวชายสาวใช้ที่ติดตามมาล้วนกำลังเพลิดเพลินกับการทายปริศนา ซ้ำพี่หญิงรองและน้องหญิงสี่ยังมีสาวใช้ตามมาด้วยคนละสองคน รวมเป็นสี่คน นางจึงไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่รบกวนความสนุกของผู้คน ยอมเดินตามพี่หญิงน้องหญิงของตนออกไปอย่างเงียบๆเดินห่างออกมามากห

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 11

    เด็กสาวที่ไหนๆ ก็ชอบของน่ารักๆ เช่นนี้ทั้งนั้น เขามั่นใจว่าตนเองเดาไม่ผิดและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเสี่ยวเซียงหรงพยักหน้าเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม กล่าวเสียงหวาน สำเนียงติดจะอ้อน“พี่ใหญ่...โคมกระต่ายอันนั้นน่ารักมากจริงๆ”เห็นนัยน์ตาสุกสกาวของน้องสาวแล้ว เฉินจิ้งอี้ก็ยิ่งฮึกเหิมในที่สุดน้องสาวตัวน้อยของเขาก็เลิกเหม่อลอยแล้ว!“ดี! ในเมื่อเจ้าอยากได้ พี่ใหญ่ก็จะชิงโคมกระต่ายมาให้เจ้า!” เฉินจิ้งอี้จูงมือน้องชายน้องสาวแยกจากคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปทายปริศนาชิงโคมไฟทันทีหึ...คนอื่นๆ ก็ล้วนมีคนติดตามกันทั้งนั้น เหมือนๆ กับที่เขาและน้องชายน้องสาวมี เหตุใดเขาจะต้องใส่ใจคนเหล่านั้น?คนเหล่านั้นยามอยู่ในจวนล้วนเก่งกาจ หาเหตุมากลั่นแกล้งรังแกหรงเอ๋อร์ของเขาได้ทุกวัน ส่วนท่านพ่อแม้จะรักเอ็นดูเขาและน้องชายน้องสาวแล้วอย่างไร? วันทั้งวันท่านพ่อผู้นั้นก็เอาแต่ใส่ใจงานราชการ ไม่สนใจเรื่องในเรือนสักนิด เขาบอกกล่าวสิ่งใดกลับดุว่า กล่าวว่าบุรุษเช่นเขาสมควรใส่ใจศึกษาหาความรู้และความเจริญก้าวหน้า มิใช่คอยกล่าวหาคนในเรือนทั้งๆ ที่ไม่มีมูลเช่นนี้ ยามนี้ออกมานอกจวนก็เชิญเหล่าคนที่เก่งกาจทั้งหลายดูแลตนเองและกันและกันให้ดีก็

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status