Share

7.ผ่อนคลาย

last update Last Updated: 2025-10-06 23:39:34

จิ่นหรงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมนานกว่าหนึ่งก้านธูป  จนกระทั่งเสียงหวานของสนมเกาแว่วมาให้ได้ยิน  ร่างสูงจึงรีบลุกพรวดแล้วเดินขึ้นเรือนชายาของตนไปในทันที  ทำเอาสนมคนงามได้แต่ยืนนิ่งงัน  เพราะไม่กล้าตามขึ้นไป  

“บ้าจริง  ข้ามาช้าไปหรือนี่” นางบ่นพึมพำ  ก่อนจะเดินย่ำเท้าย้อนกลับไปยังเรือนพักด้วยอาการหงุดหงิด

ส่วนคนที่หนีขึ้นเรือนมาก็กำลังเดินตรงมายังห้องนอน  เมื่อเห็นเพียงสาวใช้ของชายาตนอยู่ก็ไม่เอ่ยถามอันใด  เพราะคิดว่าตันหยางคงกำลังอาบน้ำ  จิ่นหรงจึงเอ่ยสั่งว่า  

“เจ้าไปเอาชุดที่ตำหนักมาให้ข้าที”

“เพคะ”  มู่หลิงรับคำแล้วก็ออกไปจากห้อง  เมื่อประตูปิดลงร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังมุมห้องเพื่อเข้าไปยังห้องอาบน้ำ

“อยากดูก็เดินเข้ามาสิเพคะ ไม่เห็นต้องทำตัวเป็นพวกถ้ำมองเลย”  เสียงตำหนิดังขึ้นตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ก้าวขาเข้ามาเสียด้วยซ้ำ  ร่างสูงจึงชะงักเล็กน้อยแต่ก็เดินต่อ

จนมาหยุดที่ข้างขอบบ่อที่กว้างกว่าเตียงนอนเป็นเท่าตัว

“จะอาบด้วยกันไหมเพคะ”  ตันหยางเอ่ยเชิญชวน  เพราะนางไม่ได้เปลือยผ้าอาบเหมือนผู้อื่น  ยังมีผ้าพันผูกรอบกายอยู่  ทว่าหากนางลุกขึ้นมันย่อมเผยทรวดทรงองเอวให้เห็นเด่นชัดแน่

จิ่นหรงยกยิ้ม  หากเป็นแต่ก่อนเขาคงนึกรังเกียจคำเชิญชวนของนาง  ทว่าหลายคราแล้วที่เขาเห็นมู่ตันหยางทำท่าเชิญชวน  ใจหนึ่งเลยอยากรู้ว่านางปรารถนาอย่างปากพูดหรือไม่

เขาเปลื้องอาภรณ์ด้านบนต่อหน้านางจนเหลือเพียงกางเกงสีดำติดกาย  จากนั้นร่างกำยำก็ก้าวลงมาในบ่อ  และนั่งห่างจากนางไปเพียงแค่หนึ่งช่วงแขน

ตันหยางยกยิ้มก่อนจะปิดเปลือกตาลง  มือก็กวักน้ำใส่ตัวเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย  ราวกับในห้องนี้มีนางผู้เดียว

ด้านจิ่นหรงยามนี้เขาเอาแต่จ้องใบหน้างามที่พรมไปด้วยหยดน้ำปละปลาย  และเลื่อนต่ำลงมาที่ไหปลาร้า  กระทั่งถึงเนินขาวอวบที่ผูกผ้าเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่  หากนางลุกขึ้นมันจะหลุดไหมนะ  จู่ ๆ เขาก็มีความคิดสัปดนผุดขึ้นมา  มือเรียวจึงรีบกวักน้ำล้างหน้าตนเอง  เพื่อให้สติกลับคืนมา

ตันหยางหันมามองเขาเล็กน้อย  คิ้วสวยเริ่มชนกันอย่างไม่เข้าใจ  เพราะบัดนี้สามีเอาหัวจุ่มน้ำไปแล้ว

“ร้อนหรือเพคะ  ถึงได้ทำเช่นนั้น”  ใบหน้างามเอียงมอง

จิ่นหรงยกมือลูบหน้าตนก่อนจะหันมาหาชายาที่ยังคงจ้องตนอยู่  “ตั้งแต่วันนั้นยังไม่ได้อาบน้ำดีดีเลย”  เขาเอ่ยแก้ตัว

“เช่นนั้นอยากสระผมหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะจัดการให้  มีสมุนไพรที่เราทำขึ้นเองอยู่หลายกลิ่น  อยากลองไหมเพคะ”

“เจ้าหมายถึงจะล้างหัวให้ข้าหรือ”

“ตามนั้นแหละเพคะ”  ตันหยางยิ้มอ่อนให้อย่างเป็นมิตร  ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงนิ่ง  กระทั่งเขาตัดสินใจเอ่ย

“เมื่อครู่เจ้าไม่โกรธข้าหรือ”

“โกรธ!” ตันหยางหยุดคำพูดของตนไว้ก่อนจะเอ่ยอีก “แล้วได้อะไรหรือเพคะ  คำพูดคนไม่รู้จักคิด  ถือสาไปก็หนักเปล่า”

จิ่นหรงถึงกับสะอึกจนพูดอันใดไม่ออก  ชายาตัวน้อยจึงเอ่ยขึ้นมาเองว่า “มานั่งตรงนี้เพคะ  จะล้างผมให้”  น้ำเสียงนางยังคงราบเรียบ  แต่ก็แฝงความอบอุ่นเจือปนติดมา

และไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด  รัชทายาทจึงได้เชื่อฟังขยับเข้ามาใกล้  ก่อนจะถูกมือเล็กดันไหล่ให้เขาหันหลังแทน  จากนั้นร่างอรชรก็ลุกขึ้นนั่งบนขอบบ่อ  แล้วรั้งไหล่เขาพิงมาที่หว่างขาตน

“หลับตาไว้นะเพคะ ประเดี๋ยวสมุนไพรเข้าตามันจะแสบ”  บอกเขาเสียงอ่อน  อีกฝ่ายก็ทำตามราวกับต้องมนต์

จากนั้นตันหยางก็เทน้ำสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมลงบนฝ่ามือ  เมื่อถูจนเกิดฟองเล็กน้อยนางก็วางลงบนศีรษะเขา  นวดคลึงไปมาอยู่หลายหน  เพราะผมของจิ่นหรงนั้นหนามาก  เมื่อปล่อยสยายลงมายาสระขวดเดียวจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ

หลังจากศีรษะเต็มไปด้วยฟอง  กลิ่นหอมของสมุนไพรก็เริ่มโชยมาให้ได้สูดดม  บวกกับการนวดคลึงและเกาเบา ๆ องค์รัชทายาทก็ถึงกับครางพอใจในลำคอ

“ชอบหรือเพคะ”  

“อืม…” ตอบกลับเสียงแผ่ว ยามนี้เขาแทบจะหลับเลยก็ว่าได้  เพราะตลอดสองวันมานี้มีเรื่องเครียดมากมาย  เขาแทบจะหลับไม่เต็มอิ่มเลยด้วยซ้ำ  เมื่อถูกสัมผัสเบาสบายจึงทำให้เขาเผลอหลับไปในที่สุด  แต่ก็เพียงแค่หนึ่งเค่อ ตันหยางก็เอาน้ำราดเพื่อทำให้อีกฝ่ายตื่น เพราะเกรงแช่น้ำนานไปเขาจะเป็นหวัด

“ไยเจ้าไม่ปลุกข้า”

“ก็เห็นพระองค์ทรงหลับสบายจึงไม่อยากกวน ทรงถอยออกไปก่อนเพคะ ขอหม่อมฉันขยับขาหน่อย” นางรีบบอกเขา  เพราะผู้เป็นสามีเอนพิงมาทั้งตัวจนขาชาไปหมดแล้ว

ร่างกำยำจึงรีบเคลื่อนตัวออกมานั่งห่างนิดเดียว  พร้อมกับมองนางอย่างรู้สึกผิด  “ขอโทษ”

“เรื่องไหนล่ะเพคะ”  ตันหยางจ้องหน้าเขา

“ทุกเรื่อง”  เอ่ยแล้วใบหน้าคมคายก็หันหนี

“เพคะ” ตอบรับอย่างไม่ยี่หระ ทำเอาคนเอ่ยถึงกับหน้าเจื่อนไปเอง เพราะท่าทางของตันหยางดูไม่ใส่ใจจริง ๆ

‘นางไม่มีหัวใจหรืออย่างไร’  นึกในใจอย่างฉงน

“ขยับมาเพคะ  จะได้ล้างผม”  เสียงอ่อนเอ่ยขึ้น อีกฝ่ายก็ขยับมาใกล้ ปล่อยให้นางตักน้ำใส่ศีรษะพร้อมกับนวดคลึงอีกหน กระทั่งแล้วเสร็จ  นางก็ม้วนผมแล้วบีบน้ำออกให้  

“เอาผ้าคลุมไว้ก่อนนะเพคะ ขึ้นจากน้ำแล้วค่อยเช็ด” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับดันร่างกำยำออกห่าง จากนั้นนางก็ลงมาแช่น้ำเพื่อล้างเนื้อตัว ส่วนผู้เป็นสามีก็ก้าวขึ้นด้านบน และเปลี่ยนอาภรณ์ตรงฉากกั้นไม่นานก็แล้วเสร็จ ทว่าเขายังไม่ยอมออกไป

“จะอยู่ทำไมเพคะ”

“ทำไม  ไม่กล้าเดินขึ้นมาหรือ”  จิ่นหรงท้าทาย  

ตันหยางหลับตาค้อนไปหนึ่งที ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากน้ำโดยไม่ยำเกรงสายตาอีกฝ่ายแม้แต่น้อย จิ่นหรงก็ได้แต่ยืนนิ่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เมื่อได้เห็นรูปร่างของชายาตนที่ถูกผ้าเปียกแนบติดเนื้อกายจนเผยให้เห็นทุกสัดส่วน  

“คนชีกอ  สัปดน”  ตันหยางก่นด่าเขาซึ่งหน้า

ก่อนจะเดินเลี่ยงมาเปลี่ยนอาภรณ์ที่ถูกตระเตรียมเอาไว้แล้ว โดยมีพระสวามียืนนิ่งอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมมาก็คือโลหิตที่ไหลออกทางจมูก จนเขาต้องรีบเงยหน้าขึ้น เมื่อตันหยางเดินออกมาเห็นอาการเขาก็ได้แต่เม้มปากกลั้นขำ

“ไหวไหมเพคะ”  ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยว่า“ไม่น่าจะไหลแล้วเพคะ  ออกไปเช็คผมเถิด  หม่อมฉันง่วงแล้ว”  

“นอนตั้งสองวันยังจะง่วงอีกหรือ”

“ง่วงเพคะ” ตันหยางหันกลับมาตอบเขา  ผู้ที่เดินตามมาจึงหยุดชะงัก  ทำให้ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดติดกันโดยไม่ตั้งใจ ร่างอรชรจึงรีบขยับถอยแล้วหมุนตัวก้าวหนีออกไป

จิ่นหรงยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตามนางไปที่ริมหน้าต่าง  ซึ่งตันหยางนั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับเอาผ้าถูผมตนเอง

เขายืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ในใจอยากเอื้อนเอ่ยอาสาทำให้  ทว่าปากมันก็หนักเสียเหลือเกิน 'ไม่ได้  หากเราพูดไป  นางต้องคิดว่าข้าสนใจนางเป็นแน่’  นึกในใจก่อนจะเดินย้อนกลับมาที่โต๊ะ แล้วเขาก็นั่งเช็ดผมตนเองพร้อมกับเหลือบมองนางไปด้วย  และในบางครั้งทั้งคู่ก็สบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ  

“มานั่งตรงนี้เพคะ โดนลมจะได้แห้งไวไว”  ตันหยางร้องเรียกอีกฝ่ายที่ยังคงเช็ดผมอย่างเบามือ

 ร่างสูงจึงก้าวเดินไปนั่งตรงข้ามกัน  แต่ก็ถูกชายาตัวน้อยดันไหล่ให้หันไปทางอื่น  จากนั้นนางก็แย่งเอาผ้าในมือเขาไปเช็ดให้  บางครานางก็ใช้มือสางเพื่อไม่ให้มันยุ่งเหยิง

“หอมไหมเพคะ”  มือขาวจับกลุ่มผมมาให้เขาดม

“อืม…สมุนไพรนี่เจ้าทำเองหรือ”  เมื่อได้โอกาสชวนคุย  เขาจึงรีบเอ่ยทำลายความเงียบเสีย

“ใช่  หม่อมฉันกับพี่ตันหยงทำเก็บไว้ใช้ตั้งแต่อยู่เมืองผิงแล้ว เรากำลังคิดอยู่ว่าเมื่อใดที่หอการค้าเราเปิด หม่อมฉันจะทำเครื่องประทินโฉมเหล่านี้ขาย ทว่ายามนี้แต่งงานเข้าวังแล้ว ไม่รู้จะทำได้หรือไม่”  น้ำเสียงช่วงท้ายแผ่วลง

“หากเจ้าอยากทำก็แค่ลงมือ  ขอแค่ทำให้มันถูกต้องตามกระบวนการของกฏหมายบ้านเมืองก็เพียงพอ”

“ได้จริงหรือ?”  ตันหยางรีบขยับมานั่งข้างเขาจนแทบจะเกยเข่า  “มิได้ห้ามให้คนในราชวงศ์ทำการค้าหรือเพคะ”

“คะ… ใครบอกเจ้า  ราชวงศ์เจิ้งของเราไม่เคยห่วงห้าม  ขอเพียงจ่ายภาษีและไม่ขายสินค้าที่มีราคาสูงเกิน  ย่อมสามารถขายได้อยู่แล้ว” จิ่นหรงบอกกล่าวเสียงติดขัด  เพราะยามนี้เขากับนางใกล้กันมากเหลือเกิน  และเหมือนตันหยางจะรู้ตัวแล้ว  นางจึงรีบขยับลุกมายืนด้านหลังเพื่อเช็ดผมต่อ  

 

 

 

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   10. ทวงบุญคุณ

    ตันหยางยกยิ้มกับท่าทางของสตรีตรงหน้า ต่างจากฮองเฮาที่นั่งมึนงงด้วยความไม่เข้าใจ เพราะเมื่อครู่ญาติผู้น้องตนเอ่ยเองว่า ผู้ที่ช่วยคนไว้คือตันหยาง และคนที่เฝ้าไข้บุรุษแปลกหน้าทั้งวันคืนก็ยังเป็นตันหยาง แล้วเหตุใดยามนี้ กู้อิงเถาถึงได้เอ่ยว่าคนผู้นั้นคือตนเอง ความสงสัยมีมาก ฮองเฮาจึงหันกลับมาหาตันหยางที่นั่งนิ่งทว่าริมฝีปากกลับยกยิ้ม‘เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ แล้วนี่คนที่เสี่ยวอิงเอ่ยถึงคือรัชทายาทกระนั้นหรือ’ ฮองเฮาได้แต่นึกในใจเพราะไม่กล้าถาม ด้านจิ่นหรงเมื่อได้ฟังคำของสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ‘นางคือหญิงสาวที่ช่วยเราไว้กระนั้นหรือ’“รัชทายาทจำหม่อมฉันไม่ได้จริงหรือเพคะ ตอนเจ็บป่วยหม่อมฉันหรืออุตส่าห์นั่งเฝ้าพระองค์ทั้งวัน ไยถึงลืมกันง่ายเพียงนี้เพคะ” อิงเถาเอ่ยตัดพ้อพร้อมกับยกมือขึ้นมาทำทีสะอื้นไห้“ขะ… ข้าขอโทษ ยามนั้นเจ้าปิดหน้าไว้ข้าเลยจำไม่ได้ แล้วนี่เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร” เมื่อได้สติเขาก็รีบถาม“หม่อมฉันเป็นญาติผู้น้องฮองเฮาเพคะ”“อย่างนี้เองหรือ” จิ่นหรงยิ้มอ่อน ก่อนจะหันมาหาชายาตนที่นั่งก้มหน้ามองกล่องในมืออย่างไม่แยแสอันใด“ลุกสิ ไยเจ้า

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   9.หวง

    หลังจากจัดการตนเองเรียบร้อย ตันหยางก็รีบออกจากห้อง วันนี้นางตั้งใจจะไปเยี่ยมไทเฮาที่ตำหนักใหม่ เพราะนี่ก็สามวันแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนยังไม่ได้ไปถามไถ่อาการเลย แต่จะว่าไปนางเองก็เพิ่งฟื้นเมื่อบ่ายวาน จึงไม่ได้ไปเยี่ยมผู้ใด“เจ้าจะไปไหน” จิ่นหรงเอ่ยถามชายาตัวน้อยเสียงอ่อน วันนี้นางแต่งกายด้วยอาภรณ์พลิ้วไหวสีชมพูอ่อน มันช่างขับกับผิวพรรณขาวผ่องของนางดีเหลือเกิน เสียก็ตรงเนินอกมันดูล้นจนเกินไป ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเดินมาหา แล้วยกผ้าที่คล้องอยู่บนแขนขึ้นมาพาดลงปิดส่วนที่ล้นออกมา“ใครเขาทำอย่างนี้กันเพคะ” ตันหยางท้วง พร้อมกับดึงผ้าลงมาไว้ที่แขนตนตามเดิม แต่อีกฝ่ายก็ยังจับพาดบ่าเช่นเคย“อย่าดื้อ มันดูไม่งามมิเห็นหรือ” เอ่ยพร้อมกับจ้องมาที่เนินเต้าอวบอิ่มของชายา และเขาก็ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น“คนชีกอ คิดว่าคนอื่นเขามีตามองแต่ตรงนี้เหมือนพระองค์หรือเพคะ ลามก” นางต่อว่าเขาก่อนจะรีบเดินหนีจิ่นหรงมองตามพร้อมกับขมวดคิ้ว แล้วหันมาหาคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกล “คนเช่นข้าหรือชีกอ นางแต่งกายไม่มิดชิดข้าก็แค่ตักเตือน แต่นางกลับด่าข้ากระนั้นหรือ”สองสหายยิ้มแหย แต่ไม่มีใครกล้าตอบอันใด “

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   8.สตรีต้องซื่อสัตย์

    ความเงียบเข้าปกคลุมในทันที ไม่มีใครกล่าวอันใดอีกจนกระทั่งเกศาที่ถูกเช็ดมันเริ่มแห้ง ตันหยางจึงเอ่ยว่า“หม่อมฉันจะไปเอาหวีมาสางให้นะเพคะ”“อืม” จิ่นหรงรับคำ พร้อมกับเหลือบมองร่างอรชรที่เดินห่างออกไป ‘ทำไมนางถึงได้ดีกับข้านัก ทั้งที่ข้ามักจะว่าร้ายนางอยู่ตลอด หรือนางจะตกหลุมรักข้าอย่างที่จินเฉิงกล่าว’ เขานึกถึงคำพูดของคนสนิทที่เอ่ยบอกเมื่อวันก่อน มู่ตันหยางพยายามเข้าใกล้เขา และคอยยั่วยวนอยู่เสมอ คืนนี้ก็เช่นกัน เขาคิดจนเหม่อ กระทั่งร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้จึงได้สติรีบหันหนีตันหยางยกยิ้ม ก่อนจะเดินมายืนซ้อนด้านหลังเขาเพื่อหวีผมให้ “ทำไมเพคะ ทรงคิดหาวิธีก่นด่าหม่อมฉันอีกหรือ”“ข้าอยากรู้…” เสียงทุ้มกลับขาดหายไป“ว่า?” คิ้วสวยขมวดเป็นปมทันที มือก็ชะงัก“เหตุใดเจ้าถึงดีกับข้านัก” ในที่สุดเขาก็ถามตันหยางเงียบไปครู่หนึ่ง ทว่านางก็ไม่ได้ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน เมื่อมือขาวเริ่มขยับ ปากนางก็พูดไปด้วย“หม่อมฉันแต่งให้พระองค์แล้ว ไม่ให้ดีกับพระองค์จะให้ไปดีกับผู้ใด มีสามีได้สองสามคนก็ว่าไปอย่าง หากเป็นเช่นนั้นรับรองว่าพระองค์จะไม่เอ่ยถามเช่นนี้แน่ เพราะหม่อมฉันคงขลุกอยู่เรือน

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   7.ผ่อนคลาย

    จิ่นหรงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมนานกว่าหนึ่งก้านธูป จนกระทั่งเสียงหวานของสนมเกาแว่วมาให้ได้ยิน ร่างสูงจึงรีบลุกพรวดแล้วเดินขึ้นเรือนชายาของตนไปในทันที ทำเอาสนมคนงามได้แต่ยืนนิ่งงัน เพราะไม่กล้าตามขึ้นไป “บ้าจริง ข้ามาช้าไปหรือนี่” นางบ่นพึมพำ ก่อนจะเดินย่ำเท้าย้อนกลับไปยังเรือนพักด้วยอาการหงุดหงิดส่วนคนที่หนีขึ้นเรือนมาก็กำลังเดินตรงมายังห้องนอน เมื่อเห็นเพียงสาวใช้ของชายาตนอยู่ก็ไม่เอ่ยถามอันใด เพราะคิดว่าตันหยางคงกำลังอาบน้ำ จิ่นหรงจึงเอ่ยสั่งว่า “เจ้าไปเอาชุดที่ตำหนักมาให้ข้าที”“เพคะ” มู่หลิงรับคำแล้วก็ออกไปจากห้อง เมื่อประตูปิดลงร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังมุมห้องเพื่อเข้าไปยังห้องอาบน้ำ“อยากดูก็เดินเข้ามาสิเพคะ ไม่เห็นต้องทำตัวเป็นพวกถ้ำมองเลย” เสียงตำหนิดังขึ้นตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ก้าวขาเข้ามาเสียด้วยซ้ำ ร่างสูงจึงชะงักเล็กน้อยแต่ก็เดินต่อจนมาหยุดที่ข้างขอบบ่อที่กว้างกว่าเตียงนอนเป็นเท่าตัว“จะอาบด้วยกันไหมเพคะ” ตันหยางเอ่ยเชิญชวน เพราะนางไม่ได้เปลือยผ้าอาบเหมือนผู้อื่น ยังมีผ้าพันผูกรอบกายอยู่ ทว่าหากนางลุกขึ้นมันย่อมเผยทรวดทรงองเอวให้เห็นเด่นชัดแน่จิ่

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   6.รับบทเมียเอก

    อี้ฟานยืนนิ่งไม่ต่างจากรูปปั้น เพราะประโยคที่ได้ยินทำเขาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เลยทีเดียว“ช่างเถิด ข้ารู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้ห่วงใย ทว่าเรื่องที่ข้าสั่งใต้เท้าก็ทำตามเถิด คนของข้าดูแลข้าได้ไม่จำเป็นต้องมีเพิ่ม”“แต่ว่า…”ตันหยางเงยหน้ามองพร้อมกับใช้สายตากดต่ำจ้องเขา สุดท้ายองครักษ์หนุ่มจึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงมิได้ขณะนั่นเอง…อรชรของสนมชิงก็ก้าวเข้ามาในห้องโถง “หม่อมฉันสนมชิงบุตรสาวเจ้ากรมขุนนาง ขอถวายพระพรพระชายารัชทายาทเพคะ” ชิงอวี้หรูกล่าวอย่างนอบน้อม ท่วงท่าที่แสดงออกมาก็อ่อนช้อยนัก “นั่งสิ เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใดหรือ” ตันหยางเอ่ยอย่างเป็นมิตร เพราะนางไม่ใช่คนที่ชอบตั้งแง่กับผู้ใดตั้งแต่แรกเห็น“หม่อมฉันแค่อยากมาเยี่ยมเพคะ ก่อนนี้มาแล้วทว่าพระชายายังไม่ได้สติ วันนี้ได้ข่าวว่าฟื้นแล้วเลยรีบมาดู”“ขอบใจนะข้าสบายดี แค่หลับนานไปหน่อยเท่านั้น”“ดีจริงเพคะ เห็นเช่นนี้หม่อมฉันก็เบาใจ” อวี้หรูยิ้มจนเห็นฟันขาว ทว่าเมื่อเห็นผู้ที่ตนเอ่ยด้วยมีสีหน้าเรียบเฉย นางก็หุบปากลงในทันที “พระชายาทรงกำลังคิดว่าหม่อมฉันมาถามเพื่อเอาใจพระองค์ใช่หรือไม่เพคะ” ดวงตาเรียวเล็กกะพริบถี่รัว“

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   5.ห่วงหรือ

    จิ่นหรงได้แต่นั่งนิ่งมองชายาของตนอย่างชื่นชม แต่ยังไม่ทันได้กล่าวอันใด ตำหนักอันสวยงามก็พังครืนลงมา และเป็นช่วงที่เหล่าองครักษ์ฝ่ายในดับไฟที่ประตูทางเข้าได้พอดี“ฝ่าบาท! กระหม่อมขออภัยที่อารักขาล่าช้าพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์จินอู่เอ่ยพร้อมกับหมอบลงอย่างสำนึกผิด“เรื่องสำคัญยามนี้ควรต้องรีบพาคนเจ็บไปรักษา รีบพาทุกคนออกไปจากที่นี่ก่อน” จิ่นหรงออกคำสั่งเอง ยามนี้ร่างกายเขาเริ่มกลับมามีแรงบ้างแล้ว เพียงแต่มันยังไม่เต็มที่นัก จากนั้นเขาก็หันมาหาร่างอรชรที่นอนแผ่หราบนพื้นหญ้า“พระชายาเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” มู่หลิงรีบมาประคองผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วง เพราะคิดว่าตันหยางหมดสติ ก่อนหน้านี้นางไม่ได้รับอนุญาตให้ตามเข้ามา จึงต้องรออยู่ด้านนอกรวมกับองครักษ์ของรัชทายาท “หลินเอ๋อร์รีบดูน้องสิ” ผู้เป็นย่าร้องเตือนด้วยความกังวล เพราะเกรงหลานสะใภ้ตนจะหมดสติ จิ่นหรงจึงรีบเข้ามาจับนาง “อื้อ…อย่ากวนคนจะนอน” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ ทำให้ผู้ที่เป็นห่วงถึงกับส่ายศีรษะไปตาม ๆ กัน“ดูท่าหยางเอ๋อร์คงจะเหนื่อยมาก หลินเอ๋อร์เจ้าพาน้องกลับไปพักเถิด” ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงเอ็นดูจิ่น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status