ยามสายวันถัดมา ร่างบางที่นอนหลับไปตั้งแต่ค่ำคืนอันเร้าร้อน ได้ขยับกายอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อแขนของนางไปกระทบกับร่างหนาของคนข้างๆ “ตื่นแล้วหรือ” เป็นคำถามของคนที่เพิ่งเข้าหอกับนางเมื่อคืน ลั่วคังอันถึงกับซุกหน้ากับผ้าห่ม ด้วยความเขินอาย ต่อให้เมื่อคืนเขาและนาง จะทำเรื่องเช่นนั้นกันอย่างเร้าร้อน แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน และนางยังร่างกายไร้อาภรณ์อยู่เลย “ตอนนี้เวลาใดแล้วเจ้าคะ ข้าช่างไม่เอาไหนเลย ตื่นสายเสียได้” หญิงสาวเอ่ยถามสามีเสียงอู้อี้ มิกล้าที่จะหันสบตากับเขา ทั้งที่เมื่อคืนนางเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ แต่พอเช้ามาไยนางกลับรู้สึกเขินอายขนาดนี้เล่า “เจ้าเหนื่อยมาทั้งคืน พักนานหน่อยจะเป็นไรไปเล่า” ช่างเป็นคำเย้าที่ทำให้หยิงสาว ไม่กล้าที่จะเอาหน้าออกจากผ้าห่ม ทว่านางก็ไม่อาจทัดทาน การดึงรั้งของสามีได้ ยื่นมือมาดึงผ้าห่มของนางออก จนเมื่อนางนึกขึ้นมาได้ ว่าสามีนั้นดวงตามองไม่เห็น จึงกล้าที่จะปล่อยผ้าห่มออก ก่อนจะพลิกกายตะแคงข้าง มองไปตามแผ่นอกกว้าง เมื่อคืนว่ามันดูหนาแน่นแล้ว ตอนกลางวัน มันยิ่งชวนมองกว่า
ชายหนุ่มรวบจับเอวคอดของภรรยาอีกครั้ง ครานี้เขายกร่างนาง ให้ขยับเลื่อนขึ้นสูง จนส่วนเนินเนื้อ จ่ออยู่ต่อหน้าของเขา หญิงสาวถึงกับใบหน้าแดงก่ำ ด้วยความเขินอาย แต่ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปฏิเสธ ปลายลิ้นสากของชายหนุ่ม ได้ตวัดลากผ่านเนินเนื้อโหนกนูนนั้นเสียก่อน หญิงสาวถึงกับสะดุ้งเฮือกจนสุดตัว ด้วยความซาบซ่านที่พุ่งทะยานขึ้นไปตลอดร่างงาม “อ่า!! ท่านพี่...โอว์!!” หญิงสาวครางไม่เป็นศัพท์ เมื่อสองมือหนาของสามี ช้อนจับแก้มก้นของนางเอาไว้ ยกให้ส่วนเนิ่นเนื้อ ที่มีเส้นขนอ่อนนุ่มปกปิดเอาไว้ ได้เผยแย้มกลีบเนื้อให้แยกออก เพียงปลายลิ้นอุ่นร้อน ลากผ่านไปถึงติ่งเล็กสีแดง ที่ซ่อนอยู่ในกลีบบาง ร่างงามถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งกาย สองมือที่เลื่อนไปดันหัวเตียง สั่นน้อยๆ ด้วยความเสียวไปทั่วทุกอณูขุมขน หญิงสาวสูดปากแรงๆ ในทุกครั้งที่ปลายลิ้นระรัวถี่ยังปลายติ่งเล็ก จ๊วบๆ เสียงดูดเม้มยังติ่งเล็กของสามี ทำให้หญิงสาวถึงกับหลั่งน้ำหวานออกมา ประหนึ่งสายธารที่ไม่เคยเหือดแห้ง ชายหนุ่มมิได้รังเกียจแม้แต่น้อย ทว่าเขากลับดูดกลืนความหวานนั้นอย่างเต็มใจ หญิงสาวหมดซึ่งความอับอาย เพราะ
อื้อ...เสียงครางเบาๆ ดังลอดออกมาให้ได้ยิน เมื่อรสจูบเริ่มที่จะเร้าร้อนและดูดดื่มขึ้น ลั่วคังอันขยับกายให้ค่อมร่างสามี โดยที่ปากของนางยังคงจูบซับ เรียวปากหนาของสามีอยู่ มือเรียวเริ่มที่จะดึงทึ้งเสื้อของสามี ให้เผยแผ่นอกกว้าง ที่ดูหนาแน่นเยี่ยงคนฝึกยุทธ์ มือที่หยาบกร้าน ลูบไล้แผ่นอกสามีอย่างยั่วเย้า เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของเขา ให้มันพลุ่งพล่านกว่าเดิมอีกนับเท่าตัว และดูเหมือนนางจะทำสำเร็จ เมื่อมีบางอย่างดันกางเกงของเขา ขึ้นมาสัมผัสกับก้นของนาง หญิงสาวถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะขยับกายเลื่อนลงต่ำอีกนิด แล้วโน้มใบหน้าลงไปใกล้กับอกกว้างของสามี “อื้อ...อ่า...” หยางเหยาเกอเผลอครางออกมา เมื่อปลายลิ้นอุ่นร้อนของภรรยา สัมผัสกับหัวนมสีเข้มของเขา ที่ตอนนี้มันแข็งเป็นไต ราวกับมันต้องการให้นางกลืนกินอย่างไรอย่างนั้น ลั่วคังอัน ขบเม้มหัวนมเล็กนั่นอย่างหื่นกระหาย ในเมื่อเขาคือคนที่ไม่อาจขยับกายได้สะดวก นางก็จะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด นี่คือการควบคุมที่นางต้องการ หญิงสาวลากปลายลิ้นลงไปตามหน้าท้อง ที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามแข็งๆ ก่อนจะมาหยุดตรงสะดือเล็ก ปลายลิ้นเปียกชื
“เจ้าทำร้ายคนแบบไม่มีเหตุได้อย่างไรกัน รู้หรือไม่มันผิดกฎหมายบ้านเมืองนะ!” เมื่อจวนตัวชายขอทานปลอม จึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันร้อนรน คนผู้นี้บ้าไปแล้ว แค่เขามองสตรีผู้นั้น ด้วยแววตามีความนัย ยังมิทันลงมือทำสิ่งใดเลยด้วยซ้ำไป เขากลับจะถูกควักลูกตาไปเสียอย่างนั้น มันบ้าบอเกินไปแล้วจริงๆ “เหตุผลของข้า! คือความพอใจ”เป็นคำตอบที่เรียกว่าอำหิตไม่น้อยเลย สำหรับคนฟัง เพราะมันไม่มีคำแก้ตัว เหตุผลหรือคำอื่นใด ที่จะทำให้เขารู้สึกว่าตนเองสมควรถูกกระทำสักนิด“ต่อให้ข้าจะมิใช่ขอทานจริงๆ แต่วันนี้ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งใดผิด!”“มันผิดตั้งแต่เจ้า เลือกที่จะสอดแนมพวกนางแล้ว” “อ๊าก...อื้อ” เสียงที่กำลังจะเปล่งออกมา ด้วยความเจ็บปวด มันถูกทำให้กลืนหายไปในลำคอ เพราะสันมือแข็งๆ กระแทกเข้าที่ลำคอ อย่างไม่คิดกลัวว่ามันจะหัก หรือหลอดลมของเขาจะแตกสักนิด ชายขอทานใช้สองมือกุมลำคอเอาไว้ ด้วยความเจ็บปวด ดวงตาเหลือกลานอย่างคนขลาดกลัวปึก! และก่อนที่เขาคิดจะพลิกกาย เพื่อที่จะคลานหนีให้พ้นเงื้อมือปีศาจ แผ่นอกของเขาก็ถูกเท้าหนาหนัก กดทับลงมาเต็มแรง จนเขารู้สึกเจ็บจุกไปทั้งกาย
คล้อยหลังของแม่ทัพหญิงและน้องสาว ขอทานผู้นั้น ที่จับจ้องทั้งคู่จนลับตา ได้ลาถอยกลับเข้าไปในตรอกเล็กอีกครั้ง หลังจากที่เขาก้าวออกมา เพื่อจ้องมองสาวน้อยวัยแรกแย้ม สตรีรชั้นสูงที่ยังมิผ่านมือบุรุษใด “เจ้าคิดดีแล้วหรือ ที่มองนาง” ขอทานตัวเหม็นถึงกับหยุดนิ่ง เมื่อกลิ่นอายความตาย พวยพุ่งเจ้าประทะแผ่นหลังของเขา ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ เป็นชายสวมหน้ากาก รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ยืนจับจ้องมาที่เขา ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ “ข้าน้อยเป็นเพียงขอทานต่ำต้อย ย่อมไม่อาจเอื้อมที่จะมองผู้ใดเลยนะขอรับนายท่าน” เป็นคำแก้ตัวที่ไร้ความจริงใจสิ้นดี แต่นี่คือหนทางเดียว ที่เขาจะได้ไม่ต้องประมือกับคนผู้นี้ หาไม่แล้วตัวตนของเขา คงถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งมันไม่เป็นผลดีต่องานของเขาเท่าใดนัก “หึๆ ถ้าเจ้าบอกกับคนทั่วๆ ไป อาจมีคนหลงเชื่อในคำของเจ้า แต่มิใช่ข้าที่ผ่านความเป็นความตาย มาแทบจะตลอดชีวิต” ชายสวมหน้ากาก ไม่คิดที่จะปล่อยให้ขอทานจอมปลอมตรงหน้า หลบหนีไปได้ มิใช่เพียงแค่สายตาน่ารังเกียจนี้เท่านั้น ที่เขาอยากควักมันออกมาบด
“ฮ่าๆ หากเจ้าชอบนาง ก็ต้องแสดงความจริงใจให้มาก หาไม่แล้วจะมีผู้อื่นช่วงชิงนางไป” “ใครกล้า!” อู๋เกอ ถึงกับนิ่งค้าง เมื่อเขาตกลงไปในหลุมพรางของเหล่าสหาย ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเงียบเสียงลง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องของพวกเขา “นายท่านข้าน้อยเองขอรับ” เป็นเสียงของผู้ดูแลเหลาแห่งนี้ ก่อนที่ประตูจะเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของชายผู้ดูแล ก้าวเข้ามาข้างใน ก่อนจะปิดประตูเอาไว้อีกครั้ง แล้วจึงเดินเข้ามาหาเจ้านายทั้งเจ็ด “ว่าอย่างไรบ้าง” แม่ทัพสาวเป็นคนแรกที่เอ่ยถาม เพราะข่าวก่อนหน้าที่นางให้คนไปสืบค้น ยังไม่ได้รายงานให้นางได้รับรู้ “นี่คือทั้งหมดที่หามาได้ขอรับ” ผู้ดูแลร้าน ยื่นส่งสมุดจดเล่มหนึ่งให้แก่แม่ทัพหญิง ก่อนที่เขาจะขยับไปยืนไม่ห่างเท่าใดนัก ลั่วคังอันรับสมุดจดนั้นมาเปิดอ่าน หญิงสาวค่อยๆ ไล่ไปทีละตัวอักษร ก่อนจะปิดลงแล้วยื่นส่งต่อให้แก่สหาย เพื่อจะได้อ่านกันครบทุกคน “ดูท่าทางเรื่องในบ้านเจ้า มันยังไม่เรียบร้อยดีสินะ!” เมิ่งหยู๋เฟิงเอ่ยขึ้น เมื่อได้เห็นรายงา