LOGINเสียงคนคุยกันดังอยู่ข้างหู ทำให้ร่างที่นอนนิ่งอยู่ในคราแรกรู้สึกว่าโดนรบกวนจนรู้สึกรำคาญ คนจะหลับจะนอนมาคุยกันเสียงดังอยู่ได้
มะปรางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ภาพแรกที่เห็นคือหลังคามุงด้วยหญ้าคา เธอหันหน้าไปมองทุกคนที่มองเธออยู่ด้านข้าง แล้วกะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกปวดหัวเหมือนโดนอะไรบางอย่างทุบอย่างแรง มือเรียวเอื้อมไปกุมศีรษะตรงตำแหน่งที่ปวด มันเป็นเหมือนแผลเย็บ พอนึกขึ้นได้ก็เบะปากในใจ อยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ เธอเข้ามาอยู่ในร่างผู้หญิงคนเมื่อคืนจริง ๆ ด้วย หลังจากเข้าไปอยู่ในร่างนั้นแล้วเธอจำได้พอราง ๆ ว่ามีคนพาเธอไปเย็บแผลที่สถานีอนามัยใกล้บ้าน แล้วก็พาเธอมาส่งที่นี่ จากนั้นเธอก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
“แม่ฟื้นแล้วครับพ่อ” เอื้อบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงดีใจ
สายตาทุกคู่หันมาจับจ้องใบหน้าขาวซีดของมาลี
“ฟื้นแล้วก็ดี เย็นนี้รีบเก็บข้าวของออกไปจากบ้านฉันซะ” เธอทนเห็นสะใภ้ใหญ่ทำตัวแบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“ไม่นะคะย่า ย่าอย่าไล่แม่เลยนะคะ” อุ่นอ้อนวอนย่าด้วยแววตาน่าสงสาร
ย่า แม่ เดี๋ยวก่อน ขอตั้งตัวก่อนได้ไหม ร่างขาวอวบค่อย ๆ ใช้มือยันกายตัวเองลุกขึ้นแล้วนั่งชันเข่า สองมือกุมขมับตัวเองไว้แล้วนวดคลึงแรง ๆ
โอย! ทำไมหัวมันถึงได้หนักขนาดนี้นะ
แค่ได้กลิ่นเหล้าจากลมหายใจตัวเองเธอก็เหม็นจนอยากจะอาเจียน เหล้าสีก็ว่าหนักแล้วแต่นี่เจ้าของร่างเล่นของแรงถึงสี่สิบดีกรีเลยหรือแถมยังดื่มแบบเพียว ๆ อีกด้วย ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเอง…เมาค้าง คิดได้แค่นั้นเธอก็ใช้มือปิดปากแล้ววิ่งมาทางบันไดบ้าน นั่งคุกเข่าจับราวไม้ไผ่ตรงชานบ้าน โก่งคอแล้วก็…
อ้วก! อ้วก! อ้วก!
ทุกสิ่งอย่างที่กินเข้าไปเมื่อคืนพุ่งออกมาจนแทบจะหมดไส้หมดพุง ทั้งน้ำย่อยน้ำดีรสชาติขม ๆ เปรี้ยว ๆ วิ่งตามกันออกมา
มะปรางเลิกดื่มเหล้ามาเกือบสิบปีแล้ว เหตุเพราะเธอเกลียดอาการเมาค้าง ไม่คิดว่าจะได้กลับมาสัมผัสกับมันอีกครั้ง
เคนเดินมาลูบหลังให้ภรรยาอย่างห่วงใย แม้ในใจจะโกรธอยู่มากก็ตาม
“น่าสมเพช หน้าตาก็สวยทำตัวมั่วผู้ชายไปทั่ว นี่ถ้าพ่อแกรู้คงบ้านแตกก็คราวนี้” ฟั่นหันไปทำตาดุใส่ลูกชาย ตอนนี้กำพลกำลังพักผ่อนเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากเล่นไฮโลเมื่อตอนหกโมงเช้า
มะปรางในร่างของมาลียังคงได้ยินทุกคำที่ผู้หญิงคนนี้บ่นแต่เธอยังโต้ตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้ คงเป็นแม่สามีของเธอสินะ
เธออาเจียนออกมาจนหมด
“เอื้อตักน้ำมาให้แม่หน่อยลูก” เคนบอกลูกชาย
“ครับ”
มะปรางรับขันน้ำดื่มมาล้างหน้าล้างปากแล้วหย่อนก้นลงกับพื้นไม้ที่ไม่ค่อยเรียบนัก
อา! ปวดหัวเป็นบ้าเลยว่ะ ท่านยมนะท่านยม ช่างทำกันได้ จะหาร่างที่ดีกว่านี้ให้ก็ไม่ได้ แม่สามีก็ดูเป็นมิตรมากเสียด้วยสิ ตื่นขึ้นมาก็โดนไล่ออกจากบ้านเฉยเลย
ฟั่นมองดูลูกสะใภ้ด้วยความสมเพช เธอเดินลงบันไดมาแล้วพูดขึ้นอีก “รีบเอาข้าวออกไปให้น้อง ๆ ซะฉันให้เวลาแกอีกอาทิตย์นึงรีบย้ายของออกจากบ้านฉัน อย่าให้ฉันต้องไล่แกอีก” ฟั่นยืดเวลาให้นานขึ้นอีกนิดหนึ่ง
พูดจบก็เดินจากไป ถึงในใจจะแอบสงสัยว่าทำไมครั้งนี้มาลีถึงไม่เถียงเธอเลยสักคำ หรือว่าสมองเธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก จึงทำให้ร่างกายเธอตอบสนองช้าลง หึ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี มาลีจะได้ไม่ต้องมาเถียงเธออีก
เคนพาร่างอันอ่อนแรงของตนไปหาฟางข้าวมาต้มให้ภรรยาดื่มเพื่อแก้อาการเมาค้าง ตอนนี้ลูกทั้งสองใช้น้ำเย็นในตุ่มน้ำเช็ดเนื้อตัวให้ผู้เป็นแม่อย่างเบามือ ตามตัวเธอมีแต่ดิน เพราะเมื่อคืนเธอเมาแล้วล้มอยู่หลายรอบ ลำตัวจึงคลุกฝุ่นจนทั่ว
มะปรางนอนลืมตานิ่ง แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ความทรงจำของร่างเดิมกำลังผุดขึ้นมาเต็มหัวเธอไปหมด
เจ้าของร่างนี้ทำอะไรไว้แสบมากจริง ๆ คิดมาก็ปวดหัว ชีวิตผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีบ้างวะเนี่ย เป๊กเหล้าขาวทุกเช้า สูบบุหรี่วันละเกือบสิบมวน คุยกับชายอื่นที่ไม่ใช่สามีตน ขี้เกียจตัวเป็นขน ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในสิ่งที่ไม่สมควร ก่อนหน้านี้สามีไปทำงานที่ประเทศไต้หวันถึงสามปี แต่เธอก็ไม่มีเงินเก็บสักบาท
เฮ้อ! ตอนนี้ทั้งบ้านเหลือเงินไม่ถึงห้าร้อยบาท เพราะสามีของเธอไปรับจ้างดายหญ้าอ้อยมาได้ แต่ทำงานสามสี่วันเขาก็ป่วยอีก ที่พาลูกกับภรรยาไปดูหมอลำเมื่อคืนนี้ก็เป็นเพราะเขาสงสารลูกที่ร้องไห้งอแงจะไปให้ได้
เคนยกถ้วยกระเบื้องใบใหญ่ที่ใส่น้ำร้อนมาวางข้างกายภรรยาแล้วเอ่ยขึ้น “ดื่มน้ำนี่ซะอาการจะได้ดีขึ้น”
“อะไรคะ” เธอมองหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีแล้วก็ลอบถอนหายใจ นี่หรือคือสามีที่ฟ้าประทานมาให้ ผู้ชายคนนี้เกิดก่อนร่างนี้สองปี อายุเขาตอนนี้เพียงยี่สิบเก้าปีแต่หน้าตาน่าจะปาเข้าไปสามสิบห้าแล้วกระมัง รูปร่างเขาผอมแห้งคล้ายกับคนไม่มีแรง แก้มทั้งสองข้างตอบลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ใบหน้ายังพอมีเค้าโครงความหล่อให้เห็นอยู่บ้างก็ตาม ข้อมือทั้งสองข้างมีด้ายสายสิญจน์สีขาวผูกอยู่หลายเส้น พ่อกับแม่เขาคงทำทุกทางแล้วเพื่อให้เขาหายเจ็บไข้ได้ป่วย แม้ต้องพึ่งหมอธรรมก็ทำมาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ดีขึ้นเลย
หรือในตัวเขาจะมีพยาธิเยอะเกินไป มะปรางแอบคิดเล่น ๆ คนเดียว
“น้ำต้มฟางข้าว” มะปรางมองอย่างชั่งใจ ก่อนเรียนพยายาบาลเธอเคยเห็นแม่ต้มให้พ่อดื่มบ่อยครั้ง เธอจะลองดูก็แล้วกัน แต่อาการเมาค้างมันก็มีวิธีแก้อยู่หลายวิธีเช่นกัน แต่สำหรับเธอคงไม่มีวิธีไหนที่ทำให้เธอหายได้ในพริบตาหรอก
ลูกทั้งสองนั่งลุ้นอยู่ด้านข้าง พวกเขาหน้าตาน่ารักทีเดียว แต่ดวงตายังพร่ามัวไปด้วยน้ำตา พวกเขาคงกลัวแม่ตายจริง ๆ
“พี่เคนคิดว่าดีไหมคะ พี่กับฉันจะได้เป็นอิสระเสียที และถ้าพี่อยากมีคนใหม่ก็สามารถมีได้เลย” มาลีคิดว่าวิธีนี้คงดีที่สุดแล้ว นานครั้งเธอค่อยกลับมาเยี่ยมเด็ก ๆ ก็ได้ ความห่างจะทำให้เด็กทั้งสองเข้มแข็งและยอมรับมันได้โดยปริยาย “ก็ดี” เคนตอบแบบขอไปที จะให้เขาพูดอะไรได้ล่ะก็ในเมื่อเธอต้องการอย่างนั้น อีกอย่างเขาเองที่เป็นฝ่ายอยากเลิกกับเธอ “ค่ะ ถ้าฉันไม่อยู่แล้วให้อาสามาช่วยดูเด็ก ๆ ก็ได้นะคะ” “อือ…นอนเถอะพี่ง่วงแล้ว” เขาไม่อยากฟังเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว เหมือนทุกอย่างมันกำลังจะไปได้ดี แต่มันกลับไม่ใช่ เคนนอนหันหน้าเข้าฝาผนัง อยู่ดี ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดวันที่เขากับเธอต้องจากกันจริง ๆ ก็กำลังจะมาถึง มาลีอาจจะวางแผนไปกรุงเทพฯ พร้อมกับสกล ถ้าทั้งสองไปอยู่กรุงเทพฯ แล้ว ถึงชาวบ้านนินทาพวกเขาก็คงไม่ได้ยิน และคงไม่รู้สึกอะไร มีแต่เขาที่ต้องทนฟังคำดูหมิ่นดูแคลนจากชาวบ้านที่ปล่อยให้เมียหนีตามผู้ชายไป “วันนี้ไม่ไปช่วยเคนมันทำบ้านเหรอเริง” ฟั่นถามลูกเมื่อสายแล้วสำเริงยังไม่ได้ไปไหน ปกติสำเริงจะออกไปบ้านพี่ชายแต่เช้า
เช้าวันต่อมาเคนจึงได้ทำความเข้าใจเรื่องสร้างบ้านกับน้องชายใหม่ โดยต้องจ้างช่างมาทำบ้านให้ เพราะจากบ้านขนาดแปดสิบตารางเมตร มาลีจะสร้างบ้านปูนชั้นเดียวขนาดห้าสิบตารางวา ที่มีสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องน้ำ และมีระเบียงหน้าบ้านด้วย งบประมาณไม่เกินสองแสนบาท แต่กระนั้นก็ถือว่าได้บ้านหลังใหญ่และหรูมากแล้ว สำเริงต่างแปลกใจที่อยู่ดี ๆ พี่ชายก็มีเงินเก็บมากมายจนสามารถสร้างบ้านหลังใหญ่ได้ อดใจไม่ไหวจึงเอ่ยถาม “พี่เคนเอาเงินมาจากไหนครับ” “เงินที่ฉันไปทำงานต่างประเทศไง” “ยังเหลืออีกเหรอครับ” เขาถามเสียงสูง กลับมาจากเมืองนอกสองปีแล้วเพิ่งจะพูดถึงเงินเก็บ ความรู้สึกช้าไปไหม “อื้อ ม่วยอำฉันเล่นว่าเงินหมดแล้ว ที่จริงพี่สะใภ้แกเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็นมากกว่า” ภรรยาบอกเขาเช่นนั้น และเขาก็พร้อมจะเชื่อหมดใจ หากไม่เห็นกับตาเขาก็อาจจะไขว้เขวบ้าง เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาหากเธอประหยัดเงินจนทำให้เขาผอม เขาก็พร้อมจะให้อภัย “พี่เคนพูดเรื่องจริงเหรอครับ” สำเริงยังไม่อยากเชื่อนัก “จริงสิ แกเห็นฉันเป็นเพื่อนเล่นหร
“ทั้งผัวหลวงผัวน้อยช่วยกันทำมาหากินดีเนอะ”“นังม่วยมันทำบุญด้วยอะไรวะช่างโชคดีจริง ๆ” คนกลุ่มนั้นยังนินทาไม่หยุด ก่อนที่เคนจะเคลื่อนรถเข็นเข้าไปหาพวกเขา“ม่วยขยันจังเลยนะ รู้จักทำมาหากินช่วยผัว” เสียงหนึ่งแสร้งเอ่ยชม ทั้งที่ก่อนหน้ายังนินทาเธออยู่เลย แต่มาลีก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดประชด“ค่ะ ไม่อยากอยู่เฉย ๆ แล้วนินทาชาวบ้านไปวัน ๆ เหมือนใครบางคนน่ะค่ะ” เป็นน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ทำไมคนที่ยืนฟังอยู่ตรงนั้นถึงได้รู้สึกเจ็บจิ๊ดเข้าไปถึงในทรวง ป้า ๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นสามสี่คนได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่ก“แต่ก็ไม่ได้ไปกับผัวตัวเอง” ป้านีพูดขึ้นเหมือนรู้ดีเคนและลูกทั้งสองต่างมองหน้ามาลีเมื่อได้ยินป้านีพูดแบบนั้น “แม่ไปกับใครเหรอครับ”“ก็ไปกับ…”“ถ้าไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จป้าก็อย่าพูดส่งเดชเลยค่ะ ฉันไม่อยากให้ลูกได้ยินเรื่องที่ไม่เป็นความจริง” ป้าคนนั้นชะงักปากเมื่อมาลีพูดสวนขึ้นก่อน“ก็มีคนเขาเห็น…”“เห็นอะไรคะ ถ้าสิ่งที่ป้าพูดมาไม่เป็นความจริงฉันจะไหมปากป้านะคะ” ป้านียืนอ้าปากหวอ “พูดต่อสิคะว่าคนเขาเห็นอะไร” มาลียืนจ้องหน้าป้านีไม่วางตาแล้วร่ายต่อ “ที่จริงการนินทาชาวบ้านก็มีส่วนดีนะคะ เพรา
ตลอดทางที่เดินกลับบ้านด้วยกันสกลพยายามหว่านล้อมให้มาลีใจอ่อนอีกทั้งยังเข้ามาเดินใกล้ ๆ และมาช่วยเข็นรถจนมาลีรู้สึกอึดอัด“อากลอย่าทำอย่างนี้เลย มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ” “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่สะใภ้ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ หรือว่าพี่สะใภ้ความจำเสื่อม” สกลยังไม่ละความพยายาม ทำไมพอเธอตื่นขึ้นมาแล้วคำพูดคำจาถึงได้เปลี่ยนไป “ถ้าฉันความจำเสื่อมฉันจะจำใครต่อใครได้เหรอคะ” มันก็จริง… “แต่ทำไมพี่สะใภ้ถึงตัดความสัมพันธ์กับฉันได้ง่ายดายนัก ทั้งที่เราก็คบกันมาตั้งหลายปี” “ฉันไม่อยากให้ใครมองว่าสามีฉันโง่อีกต่อไปแล้วค่ะ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้ลูกโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อเลียนด้วยค่ะ ฉันสงสารพวกเขา” ความทรงจำเดิมบอกกับเธอว่าเอื้อที่เพิ่งเรียนจบชั้นปอหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เธอจะมาอยู่ในร่างนี้เขาโดนเพื่อนล้อว่าเขามีพ่อใหม่ จนต้องร้องไห้กลับบ้าน แต่ตอนนั้นมาลีไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับเสียงร้องไห้ของลูกเลย เธอยังทำตัวให้คนนินทาตามปกติ แต่มาลีคนนี้ไม่มีทางให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับลูกอีกอย่างแน่นอน “แต่ฉันจะรอ รอจนกว่าพี่สะใภ้จะเลิก
เช้าวันรุ่งขึ้นมาลีเตรียมตัวออกเดินทางแต่เช้า เพราะเธอกะว่าจะกลับไม่เกินเที่ยง สามีนำรถเข็นมาให้แล้ว เธอก็ขนตะกร้าไม้ไผ่สี่ใบขึ้นรถ และน้ำเย็นอีกหนึ่งกระติก มีขวดน้ำประมาณหนึ่งลิตรติดไปด้วย เพราะเธอจะเอาเข้าไปในป่าไผ่ด้วย “แม่คะหนูไปด้วยได้ไหมคะ” อุ่นทำท่างอแงแล้วปีนขึ้นไปบนรถเข็นของแม่โดยมีพี่ชายเป็นคนยกก้นช่วย จนเธอเข้าไปนั่งรออยู่ในรถเข็นแล้วมองแม่ตาละห้อย “ผมก็อยากไปด้วย” “ไปไม่ได้หรอกลูก” เธอไม่อยากห่วงหน้าพะวงหลังจึงบอกลูกเช่นนั้น ถึงจะรู้สึกสงสารลูกแต่เธอก็ต้องใจแข็ง “อุ่นกับเอื้อไม่ไปหรอกลูก เกะกะแม่เปล่า ๆ ถ้าพ่อทำบ้านเสร็จเดี๋ยวพ่อจะพาไป พ่อจะพาไปหารังผึ้งด้วยดีไหม รออีกสักสองสามวันพ่อก็ทำบ้านเสร็จแล้ว” เคนย่นระยะเวลาการทำบ้านเข้ามาอีกเพื่อให้ลูกรู้สึกสบายใจขึ้นและยอมที่จะไม่ไปกับแม่ “ผมอยากไปหารังผึ้งกับพ่อครับ” “หนูก็อยากค่ะ” “งั้นรอไปพร้อมกับพ่อนะ” “ค่ะ” อุ่นยกแขนทั้งสองข้างขึ้นให้พ่ออุ้มลงจากรถเข็น เคนจึงหันไปพยักหน้าให้ภรรยาเข็นรถออกไป มาลียิ้มให้เขาแล้วเดินออกไปท
มาลีเดินออกจากบ้านแม่ก็เดินไปดูพื้นที่แปลงที่จะปลูกบ้าน เคนเดินดูป่ากล้วยน้ำว้าที่มีพื้นที่มากกว่าสองร้อยตารางวา มาลีรู้สึกผิดหวังกับผู้เป็นแม่เล็กน้อย เธอไม่คิดว่าแม่กับพี่สาวจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเธอทำตัวไม่ดีเอง ทุกคนจึงไม่อยากให้ความช่วยเหลือ “เราต้องตัดต้นกล้วยออกก่อน” เคนบอกภรรยา “ค่ะ” “เดี๋ยววันนี้พี่จะเริ่มทำเลย พรุ่งนี้จะวานไอ้เริงมาช่วย สองอาทิตย์ก็น่าจะเสร็จ” บ้านที่นำมาปลูกก็คงต้องรื้อจากหลังเดิมเล็ก ๆ มาปลูกก่อน เขาก็หวังว่าสักวันจะนำพาครอบครัวให้ดีขึ้นได้ “ฉันจะช่วยพี่อีกแรงค่ะ” “ให้หนูช่วยด้วยนะคะ” “ผมช่วยด้วยครับ” พ่อกับแม่ยิ้มให้ลูกทั้งสองที่ทำท่ากระตือรือร้นจะช่วยพ่อกับแม่ พวกเขาเป็นกำลังใจที่ดีของพ่อกับแม่ให้ก้าวต่อไปเสมอตอนเย็นวันเดียวกันเคนจึงพาครอบครัวไปคุยกับพ่อแม่เรื่องย้ายบ้าน “ผมขอแบ่งควายไปด้วยสักตัวได้ไหมครับพ่อ” เคนถามพ่อ อย่างน้อยถ้ามีควายเขายังพอไปรับจ้างได้ “เอาไอ้จ่อยไปก็แล้วกัน” กำพลพูดน้ำเสียงอ่







