LOGIN
“ตื่นได้แล้วน้ำผึ้ง” ชายวัยกลางคนใบหน้าเปื้อนยิ้มร้องเรียก
ดวงตาแฝงความรักใคร่เอ็นดูยามทอดสายตามองสาวน้อยร่างเล็ก ซึ่งนอนเอนกายให้ใบหน้าอิงแนบชิดกับเบาะรถ“ถึงแล้วนะฮันนี่ของป๋า” บอกอีกครั้ง พร้อมยื่นมืออวบอูมทาบบนไหล่กว้าง เขย่าตัวสาวน้อยร่างเล็กที่เพียงก้าวขึ้นรถได้ก็เอนตัวซบอิงแอบบ่าเขาและหลับตาพริ้มในทันทีอย่างอ่อนโยน
ปลายมือสั้นอวบจับปอยผมสีดำสนิทเฉกเช่นขนกาน้ำและนุ่มประดุจใยไหมที่รุ่ยร่ายลงมาทัดหลังใบหูให้ด้วยความเอ็นดู ก่อนดวงตาชั้นเดียวเล็กหยีมีแววกังวล เมื่อเห็นใบหน้านวลผ่องค่อนไปทางขาวจนซีด มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามข้างขมับ
“อือ...อย่ายุ่งน่า คนจะนอน” คนถูกรบกวนยกมือปัดไล่มือที่ป้วนเปี้ยนอยู่บนวงหน้า เปลือกตานุ่มเพียงแค่ขยุกขยิกเป็นการตอบรับ พร้อมคลี่ปากสีชมพูอ่อนๆ ยิ้มเล็กน้อยโดยยังไม่ลืมตาตื่น เธอยังจับแขนอวบอูมของคนยอมพลีไหล่กว้างให้หนุนต่างหมอนตั้งแต่ก้าวขึ้นรถมากอดแนบอก
คนปลุกได้แต่อมยิ้มเล็กน้อย ดึงแขนออกมาวางบนลาดไหล่กว้าง เขย่าร่างแม่คนขี้เซาอีกครั้ง ประกายในดวงตาที่ทอดมองน้ำผึ้งหรือนางสาวมธุรส ชีพอิง สาวน้อยจอมขี้เซา ซึ่งเพิ่งฉลองวันเกิดอายุยี่สิบสองปี พ่วงด้วยปริญญาตรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยมีชื่อในประเทศไทย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความรักใคร่ระคนเอ็นดู
มธุรสเป็นเด็กดีมีความคิดความอ่าน ไม่ว่าทำอะไรมักบอกกล่าวและขอความเห็นจากเขาเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เธออยากมาท่องเที่ยวเมืองไกล แม้เขาไม่อยากยินยอม เพราะเป็นห่วงสวัสดิภาพของสาวน้อยแสนน่ารัก ที่อาจไปเตะตาหนุ่มต่างเชื้อชาติต่างศาสนาคว้าดวงใจไปครอบครอง แต่เมื่อหญิงสาวรบเร้าอ้อนวอนเสียงอ่อนเสียงใสระคนใบหน้าเศร้าหมอง จนเขาซึ่งรักเธอสุดหัวใจต้องยอมแพ้ในที่สุด เพราะมันคือความสุขเมื่อเห็นคนที่รักยิ้มได้
“น้ำผึ้ง”
“ค่า...รู้แล้วค่า น้ำผึ้งตื่นแล้วค่าคุณป๋าขี้บ่น” คนถูกปลุกขานรับเสียงกังวานใสแจ๋ว พร้อมสปริงตัวขึ้นนั่ง สองมือจับไล้ใบหน้านุ่มไพล่ไปจับปอยผมนุ่มสางช้าๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย ผ่อนความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล
“แหม...คุณป๋าน่ะ ให้น้ำผึ้งนอนซบอีกนิดก็ไม่ได้ เหนียวตัวไว้ให้ผู้หญิงคนอื่นใช่ไหมล่ะ” พ้อเสียงหวานใส แก้มใสซับสีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดีป่องออกอย่างกระเง้ากระงอด แต่ประกายในดวงตากลมโตกลับแพรวพราวระยับ ยื่นมือคว้าหมวกแฟชั่นปีกกางออกกว้าง มีผ้าลูกไม้สีหวานผูกมัดเป็นโบขนาดไม่ใหญ่ เวลาเธอจับสวมใส่แล้วทำให้ดูหวานแต่แอบเซ็กซี่นิดๆ
“มีใครเสียที่ไหนกันล่ะ แค่เราคนเดียวก็ยุ่งวุ่นวายไปหมดแล้ว” ยกมือวางทาบบนศีรษะทุยและเขย่าเบาๆ “เรานี่ทุกทีเลยนะน้ำผึ้ง เมื่อไหร่จะหายเสียทีหือ” เพราะเหตุมธุรสขึ้นรถทีไรเป็นต้องหลับ เขาจึงไม่ไว้ใจปล่อยให้หญิงสาวเดินทางไกลเพียงลำพัง กลัวคนไม่ดีฉวยโอกาสทำร้ายขณะเธอไม่มีสติ
“ไม่รู้สิคะ น้ำผึ้งก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เสียหน่อย” หญิงสาวตอบกลับอย่างเซ็งๆ เหมือนกัน ไปเที่ยวแต่ละครั้งไม่เคยได้สนุกกับเพื่อนเลย เพราะไอ้อาการบ้าๆ ที่พอขึ้นรถแล้วต้องรีบหลับตา ไม่เช่นนั้นจะมีอาการมึนงง หายใจติดขัดและปวดมวนในท้อง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ก่อนอาการสุดท้ายคืออาเจียนจะตามมา เคยกินยาแก้เมารถเมาเรือแล้วก็ไม่ได้ผล
ใบหน้านวลผ่องแบะออก พร้อมผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างเหนื่อยหน่ายใจตัวเอง ไม่ว่าวิธีการไหนที่เคยได้ยินก็นำมาใช้แล้ว แต่ไม่ได้ผลเช่นกัน อีกอย่างมาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอเห็นภาวัติทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนมีอาการป่วยกระเสาะกระแสะอยู่เนืองๆ ควรมีโอกาสท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบ้าง
สองมือนุ่มนิ่มสอดรอบแขนใหญ่ “คุณป๋าไม่เปลี่ยนใจจริงๆ หรือคะ จะอยู่กับน้ำผึ้งแค่คืนเดียวจริงๆ อะ” ช้อนหน้านวลเนียนผิวแก้มใสกิ๊กป่องออกเล็กน้อยขึ้น พร้อมกะพริบตาออดอ้อน
“แน่ใจว่าจะไม่อยู่เที่ยวกับน้ำผึ้งจริงๆ หรือคะคุณป๋าขา อืม...แล้วไม่ห่วง ไม่หวงน้ำผึ้งสาวน้อยแสนสวยคนนี้หรือคะ” เอียงคอเล็กน้อย ยิ้มจนแก้มป่อง ประกายในดวงตาวาววับราวกับแสงพระอาทิตย์ที่สะท้อนแผ่นผืนน้ำทะเลสีเขียวมรกตกว้างสุดลูกหูลูกตา
“ถ้ามีหนุ่มๆ ตาน้ำข้าว หุ่นมาดแมนแอนด์แฮนด์ซั่ม แวะเวียนมาแจกขนมจีบ” ริมฝีปากอิ่มเบ้ไปซ้ายทีขวาที แววตาแพรวพราวระยับ ถูไถใบหน้านวลผ่องกับลำแขนเจ้าเนื้อ “สาวน้อยคนนี้เผอิญตกหลุม...รัก จังบะเร่อด้วย คุณป๋าสุดหล่อจะทนได้หรือคะ ถ้าต้องเสียสาวน้อยช่างจำนรรจาไปน่ะ”
“ให้จริงอย่างที่พูดเถอะ ใครกล้าเข้ามาจีบ คุณป๋ายินดียกให้แถมข้าวสารอีกกระสอบใหญ่เลย” ภาวัติตอบกลั้วหัวเราะในลำคอ เลยได้รับค้อนขวับๆ จากสาวน้อยแก้มใสราวกับแก้มก้นเด็กกลับมา
มือใหญ่ยกขึ้นทาบบนศีรษะแล้วเขย่าไปมาเบาๆ “แต่ไม่รู้จะมีหนุ่มตาถั่วคนไหน มองเห็นเด็กขี้งอนของคุณป๋าเป็นสาวน้อยแสนสวย พอเรียกความสนใจได้นะสิ” กระเซ้าหยอกน้ำเสียงครึกครื้น หน้าตามธุรสไม่ได้สวยเตะตา แต่คนที่เห็นจะสะดุดในความน่ารักมากกว่า จนเขาเกิดความไม่แน่ใจ ให้เธออยู่ที่นี่ตามลำพัง คิดถูกหรือผิดกันแน่
“คุณป๋าน่ะ” มธุรสทำเสียงกระเง้ากระงอด แก้มนวลใสซับสีเลือดฝาดป่องออก พลางค้อนด้วยสายตาพลางย่นจมูกเล็กน้อยใส่ภาวัติ
“งอนแล้ว ไม่พูดด้วยห้านาที” ทำเป็นพูดเสียงเข้ม ทั้งที่รู้ดีว่าภาวัติไม่ได้หมายความอย่างที่พูดเลยสักนิด ขืนใครกล้าแหย็มเข้ามาแจกขนมจีบเธอสิ ได้เป็นเจอดีทุกราย ล่าสุดก็เพื่อนหนุ่มที่แฝงตัวมาเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วง ทำราวกับบ่มเพาะความรู้สึกรักในหัวใจเธอให้สุกงอม แล้วเมื่อมั่นใจว่าความห่วงใยที่มีให้กันและกัน คือความรักพร้อมพัฒนาเป็นครองเรือนได้ ก็เลยกล้าเอ่ยปากขอคบด้วย
มธุรสอดหัวเราะไม่ได้ ยามนึกถึงใบหน้าราวกับโดนผีหลอกของเพื่อนชายที่ถูกหลอกให้ไปเอ่ยปากบอกรักเธอท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วคนที่ถูกเอ่ยบอกรักกลับกลายเป็นสาวอ้วนตุ๊ต๊ะอย่างกับตุ่มสามโคก ถูกกอดรัดฟัดเหวี่ยงราวกับเด็กช่วยตัวเองไม่ได้ ถูกตามติดจนแทบไม่มีเวลาให้หายใจ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่มีเวลามาตามตื๊อขอเธอไปเป็นแฟน
“ถึงแล้วใช่ไหมคะ ลงจากรถดีกว่า”
“งอนคุณป๋าแน่หรือน้ำผึ้ง” ถามเสียงนุ่มทุ้ม กลั้นหัวเราะจนพุงพลุ้ยไหวกระเพื่อม รีบก้าวตามแม่สาวขี้งอนลงไปติดๆ โอบแขนรวบร่างอรชรมาแนบชิด “ดีจัง...คุณป๋ากำลังคิดว่าจะให้พ็อกเกตมันนี่น้ำผึ้งเที่ยวสักหน่อย แต่งอนแบบนี้แสดงว่าไม่เอาแล้วใช่ไหม”
“จริงหรือคะ คุณป๋าไม่ได้หลอกให้น้ำผึ้งดีใจเล่นนะคะ” ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกใสเบิกกว้าง กลีบปากอวบอิ่มอ้าค้างเกือบหลุดเสียงหวีดร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่เอ๊ะ...ศีรษะทุยเอียงนิดๆ กลีบปากอวบอิ่มสีน้ำผึ้งระเรื่อโดยไม่ต้องแต่งแต้มด้วยลิปสติกขยับไปซ้ายทีขวาที
รองเท้าและถุงเท้าถอดออกวางไว้ และเริ่มต้นหาทางปีนป่ายขึ้นไปชั้นสองของบ้าน แต่สิ่งที่เขาคิดได้แซมก็คิดได้เช่นกัน ทั้งๆ ที่ฝนไม่ตกทว่า...ผนังห้องกลับเปียกชื้นและถ้ามองให้ดีเขารู้สึกเหมือนเห็นเป็นมันวาว อีกทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเอียนคล้าย...น้ำมัน! ทำให้คนที่ปีนป่ายต้นไม้ไม่เก่งอย่างเขา ปีนแล้วตกอยู่หลายครั้ง แล้วพอปีนได้ถึงครึ่งทาง“ลงไปหาอะไรอยู่แถวนั้นนะคุณไซม่อน” คุณพ่อตาตัวแสบชะโงกหน้า“โอ๊ย!” คนที่ปีนป่ายเป็นลิงขาเจ็บเงยหน้าขึ้นมองด้านบน มือเลยเกี่ยวพลาดร่วงหล่นตุ้บลงไปนอนจุกตัวงอบนพื้น โดยมีเสียงหัวเราะสะใจของพ่อตาดังลั่นตามมา“คุณป๋า ไม่เล่นแล้วนะคะ ถ้าขืนยังแกล้งคุณไซม่อนอีก น้ำผึ้งโกรธจริงๆ” มธุรสทำหน้างอนๆ ด้วยความเป็นห่วงสามี อยากวิ่งลงไปดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็ถูกภาวัติจับมือไว้“เอาน่าน้ำผึ้ง คุณไซม่อนของหนูเก่งจะตาย ดูสิปีนขึ้นมาได้ครึ่งทางแล้ว เดี๋ยวอีกสักสองสามรอบก็ปีนเข้ามาได้แล้วละ หนูมายืนให้กำลังเขาหน่อยสิ”ดึงร่างลูกสาวมายืนให้มองไซม่อนซึ่งไม่ยอมแพ้ เริ่มต้นปีนป่ายใหม่และหล่นตุ้บลงไปอีกหลายครั้ง แม้เหนื่อยล้าและแทบจะหมดไร้เรี่ยวแรง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายาม
มธุรสทอดมองไปยังร่างใหญ่ซึ่งนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงแปลงกุหลาบซึ่งเธอว่าตอนแรกก็ไม่มีนะ แต่พอไซม่อนมาอยู่ ทำไมถึงโผล่มาได้ก็ไม่รู้ คงเป็นฝีมือคุณป๋าจอมเจ้าเล่ห์นั่นแหละ ทั้งสงสารและเห็นใจไซม่อนเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เพราะเธอถูกภาวัติคุมเข้ม ขนาดกลางคืนยังถูกเรียกไปนอนใกล้ๆ“คุณป๋ารู้สึกอึดอัดหายใจติดๆ ขัดๆ ยังไงไม่รู้ หนูนอนเป็นเพื่อนหน่อยนะน้ำผึ้ง เพื่อว่าตกดึกเป็นอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทัน”เธอทำอะไรได้ล่ะ นอกจากทำตามคำอ้อนของบิดา “คุณป๋าขา อากาศร้อนนะคะ” มองร่างแกร่งที่ตอนนี้เหงื่อไหลโซมกาย ผิวที่เคยขาวถูกแดดเผาจนแดงจัดอย่างน่ากลัว ถ้าหากลอกเขาคงเจ็บน่าดู ตอนเย็นตอนทานอาหารเสร็จเธอคงต้องหาพวกโลชั่นทาผิวหรือไม่ก็ออยให้ชายหนุ่มไว้ใช้ทาตัวหน่อยละ แล้วตอนนี้เธอก็ควรจะช่วยเขาด้วย“อากาศร้อนแบบนี้ น้ำผึ้งว่า...เอ่อ...คุณป๋าให้...” มธุรสกระอึกกระอักไซม่อนยิ้มหวานให้คนตัวเล็กที่ออกโรงช่วยเหลือ จนแทบลืมอาการเข็ดเมื่อยตามร่างกายไปเลย“นั่นสิ คุณป๋าก็ว่าเหมือนกัน หนูก็เอาน้ำเย็นๆ ไปให้เขากินเสียหน่อยสิ จะได้ชุ่มใจชุ่มคอ หายคอแห้งไปสักหน่อย” ได้ยินเช่นนั้นไซม่อนก็ยิ้มจนแก้มตุ่ย แม้ไม
“น้ำผึ้งไปทำธุระ” เขาส่งมธุรสไปต่างจังหวัดกับคนรู้จักที่ไว้ใจได้ “สองสามวันถึงจะกลับ” กะว่าจะให้อยู่ยาวสักอาทิตย์หรือมากกว่านั้นท่าจะดี“หรือครับ” ตอบกลับทั้งน้ำเสียงและใบหน้าเศร้าหมองลงทันควัน การเดินทางของเขาเป็นไปตามข้อตกลงของภาวัติ จัดการเคลียร์ปัญหาทุกอย่างจนเรียบร้อย ก่อนเดินทางก็โทรมาบอกล่วงหน้า เพราะอีกฝ่ายบอกไว้แล้วจะให้คนมารับที่สนามบิน ซึ่งถ้าเขาฉุกใจสักนิด ฉลาดอีกสักหน่อย ก็คงไม่ถูกเล่นงานจนสะบักสะบอมถึงขนาดนี้หรอก “คุณมาอย่างนี้ งานที่โน่นใครรับผิดชอบ บอกเอาไว้ก่อนนะคุณ ผมไม่นิยมชมชอบคนไม่สู้และทิ้งงานกลางคัน”“ผมเข้าใจครับ ผมส่งมอบงานให้เพื่อนดูแลเรียบร้อย ถ้าหากว่าติดขัดอะไร เราจะคุยกันผ่านการสื่อสารออนไลน์ แบบนั้นคุณคงไม่ว่านะครับ ถ้าหากต้องขอปลีกตัวไปบ้างเป็นครั้งคราว”“แล้วแต่คุณจะตัดสินใจ” โยนให้ไซม่อนเป็นคนคิดเอาเอง จะแก้สถานการณ์ซึ่งหน้ายังไง “คุณมาเหนื่อยๆ ไปห้องพักอาบน้ำสักหน่อยน่าจะดี”“ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ” ไซม่อนรับคำอย่างไม่รู้ความนัยน์ของคำพูดภาวัติ แต่เมื่อถึงห้องนอนที่อีกฝ่ายให้พัก เขาก็ผงะในทันที...ห้องเล็กกว่าห้องพักของพนักงานเขาเสียอีก อย่างกับรูห
ประตูยังไม่ทันปิดดี...คนที่เร่งรีบเดินตามมาติดๆ ก็รีบเอ่ยปากพูดโดยไม่สนใจเพลิงโทสะของภาวัติ “ผมรัก honey”ภาวัติตวัดสายตาไปมอง “คุณจะรักฮันน่งฮันนี่ก็รักไปสิคุณไซม่อน ไม่เห็นเกี่ยวกับผมและน้ำผึ้งเลยนี่” ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนแก้มเนียนใส “คุณป๋าเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เราเก็บข้าวของกลับบ้านเราดีกว่าลูก”“คุณป๋า...เอ่อ...” มธุรสหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำยังไงดี ห่วงความรู้สึกของแต่ละคนไม่น้อยกว่ากันเลยถ้าอยู่กับไซม่อนที่นี่แล้วใครจะดูแลพ่อล่ะ ท่านก็แก่แล้ว มัวแต่ทำงานจนลืมดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เวลาเจ็บป่วยใครจะดูแลป้อนข้าวเช็ดตัวและบังคับให้กินยาแต่ถ้าไปกับพ่อแล้วไซม่อนล่ะ เขาจะเสียใจแค่ไหน แค่คิดว่าเธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา หัวใจก็แทบขาดรอนแล้ว ทว่าสายตาพ่อบีบคั้นหัวใจจนเธอรู้สึกเหมือนมีหินก้อนยักษ์ถ่วงอยู่ให้หายใจไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งงัน ก้มลงมองมือบนตักซึ่งกระชับรัดเอาไว้แน่นเห็นใบหน้าเศร้าหม่นหมองของเมียรักแล้วเขาอึดอัดหายใจไม่ออก เห็นควรต้องทำอะไรสักอย่าง ที่จะทำให้ภาวัติเห็นถึงความรักและจริงใจที่มีให้กับมธุรส เพื่อละลายไฟเย็นพร้อมทำให้ภาวัติยอมรับในตัวเขาไซม่อ
“ฉัน...ฉัน...” พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ดีใจจนเนื้อเต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้ “คุณแน่ใจแล้วหรือคะคุณไซม่อน ฉันอาจเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตคุณ พอจากกันไม่นานคุณก็ลืม”ไซม่อนทาบมือบนแก้มเนียนใสเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาดสาว “แน่ใจที่สุดเลยละ honey รู้อย่างหนึ่งไหม เธอหมดสิทธิ์ไปจากฉันตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วละที่รัก” ตอบกลับและยิ้มใส่ตากลมโตซึ่งเบิกกว้างอย่างตกตะลึง“หายโกรธแล้วใช่ไหม darling”“ใครว่า ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย” น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผลักดันกายแข็งแกร่งและไล่จับมือซึ่งเคลื่อนไหวไปทั่วกาย ราวกับหนวดปลาหมึกจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจนเธอเหนื่อยอ่อนแต่ระคนด้วยความสุข“ไม่ได้โกรธ งั้นก็แค่งอน” ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าววางทาบบนกลีบปากอวบอิ่มที่ขยับจะพูด “Honey…my darling will you marry me?”หัวใจโป่งพองราวกับลูกโป่งที่ถูกอัดด้วยแก๊ส เขารักเธอ...รักและปรารถนามีเธอเคียงข้าง ทว่าใบหน้านวลผ่องหมองเศร้าลง “คุณป๋า...” กังวลใจกับคนอยู่ไกล ไม่รู้ว่าจะทนทำใจรับได้ไหม ถ้าเธอต้องอยู่กับไซม่อนที่นี่ ห่างไกลกันคนละฟากฟ้านิ้วยาวยกขึ้นทาบบนปากอิ่ม “กังวลไปก็เ
“honey” ไซม่อนร้องเรียและรีบยื่นมือไปคว้าแขนเรียวของคนที่กำลังก้าวขึ้นรถดึงกลับมาหาตัวและกอดเอาไว้“กรุณาปล่อยฉันด้วยคุณไซม่อน” ข่มกลั้นความเจ็บปวดที่เผาผลาญหัวใจ เอ่ยขับไล่คนที่ทำให้เธอเจ็บและกลายเป็นคนไร้ค่าเสียงเบาหวิว มือเรียวทาบบนแขนแกร่งดึงออกอย่างช้าๆ แต่มั่นคงเธอยอมเจ็บที่ต้องจากเขาไป แต่จะไม่ยอมกลายเป็นคนโง่ถูกหลอกด้วยคำพูด...รัก! ซึ่งเธอยังไม่รู้เลย เขารักจริงๆ หรือเปล่าหรือเพียงแค่ต้องการร่างกาย แต่เป็นเธอนี่แหละหลงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวและโดนหักหลังจนเจ็บแทบกระอักไม่มีเสียงโวยวายด่าทอหรือแม้แต่ทุบตี มีเพียงแค่คำพูดนุ่มๆ หวานเศร้าบาดเข้าไปในจิตของไซม่อน “ไม่...ฉันไม่ยอมปล่อย honey เด็ดขาด” เปลี่ยนจากการจับแขน เป็นสอดมือโอบรัดกายอรชร จับรั้งคนตัวเล็กให้หันมาประจันหน้าด้วย แต่เหลียวมองไปรอบๆ แล้วตอนนี้จุดซึ่งเขายืนอยู่ เป็นจุดที่เรียกความสนใจจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มย่อตัวสอดแขนใต้ข้อพับดันร่างแบบบางลอยขึ้นจากพื้น“ถ้าร้องเรียกขอความช่วยเหลือทำอะไรก็ตาม ฉันจูบโชว์คนอื่นแน่...แล้วไม่แน่ใจด้วย หยุดแค่จูบหรือเปล่า” ขู่ไว้ก่อนเมื่อเห็นมธุรสขยับริมฝีปากพูด“เห็นและได้ยินคนอ







![เจ้าสาวจัดดอก [PWP] + [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)