เข้าสู่ระบบเซิ่นหรูซวงยิ้มบาง ๆ “แล้วอาจารย์ล่ะคะ หลายปีมานี้ใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้างคะ? หนูได้ยินมาว่าอาจารย์จวงได้เข้าทำงานที่สถาบันดนตรีเฉียวเหอในประเทศเอ็มแล้ว สุดยอดมากเลยค่ะ”จวงเหมยหัวเราะออกมาอย่างขำขัน “มันก็แค่งานหนึ่งน่ะ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นหรอก”เซิ่นหรูซวงมองไปที่เธอ รอยยิ้มที่มุมปากลดลงเล็กน้อย “หลังจากเรื่องเย่ว์ไห่ หนูก็เป็นห่วงอาจารย์มาตลอด โชคดีที่อาชีพของอาจารย์ไม่ได้รับผลกระทบ ถ้าอาจารย์จวงได้รับผลกระทบเรื่องงานเพราะหนูจริงๆ ล่ะก็ หนูคงไม่มีหน้ามาพบอาจารย์ได้อีก”จวงเหมยถอนหายใจด้วยความโล่งใจไม่น้อย “ตอนนั้นฉันเคยบอกเธอแล้ว ว่าฉันจะจัดการเอง แต่ตอนนั้นเธอกลับไม่ฟังเลยสักนิด ทำอะไรหุนหันพลันแล่น ช้างเก้าเชือกก็ฉุดไว้ไม่อยู่ อย่าว่าแต่เธอเป็นห่วงฉันเลย ฉันต่างหากที่จะโดนเธอทำให้เป็นโรคหัวใจวายอยู่แล้ว แต่โชคดีที่เธอเอาตัวรอดออกมาและก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ผลลัพธ์ถือว่าดีแล้วล่ะ พวกเราทั้งสองคนก็เลิกห่วงกันไปห่วงกันมาได้แล้ว”เซิ่นหรูซวงไม่สามารถอธิบายเรื่องราวในอดีตให้จวงเหมยเข้าใจได้อย่างชัดเจน ทำได้เพียงแค่ตอบด้วยรอยยิ้มสือเหยาหัวเราะออกมาทันที “ใช่ครับ เซิ่นหรูซวงเป็นคนดื้อ
เซิ่นหรูซวงตกตะลึงเล็กน้อย แล้วหันไปมองสือเหยาสือเหยาเลิกคิ้วให้เธอ พร้อมขยับปากเป็นคำว่า “ฉันจัดการเอง”เซิ่นหรูซวงยกยิ้มมุมปากปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรู้สึกที่มีคนคอยหนุนหลังให้นั้น ช่างสบายใจสุด ๆรอยยิ้มบนมุมปากและหางตาของเว่ยอวิ่นลู่ชะงักค้างไปในทันที “หรูซวง นี่คงไม่ใช่แฟนของเธอหรอกนะ?”ขณะที่เซิ่นหรูซวงกำลังจะเอ่ยปากว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ จู่ ๆ สือเหยาก็โอบไหล่เธอไว้ แล้วดึงเข้ามาใกล้ตัว พูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง “ใช่แล้ว ฉันเป็นแฟนเสี่ยวซวงของฉันเอง”เสี่ยว เสี่ยวซวง?เซิ่นหรูซวงกระตุกมุมปากเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ได้ห้ามสือเหยา เพราะบางครั้งคำพูดคำจาของสือเหยาคนเดียว ก็สามารถทำให้คนฟังถึงกับต้องปิดปากเงียบไปได้เลยสือเหยายิ้มอย่างสง่างาม “ต้องขออภัยด้วยนะครับ ฉันทนเห็นเสี่ยวซวงของฉันต้องถูกรังแกไม่ได้จริง ๆ คำพูดคำจาเลยอาจจะรุนแรงไปหน่อย หวังว่าผู้ปกครองท่านนี้จะไม่ถือสา เพราะอย่างไรแล้วลูกชายของคุณก็พูดจาไม่สุภาพ ในฐานะที่ผมเป็นแฟนของเธอก็ต้องพูดอะไรเพื่อปลอบใจเสี่ยวซวงบ้าง”ในที่สาธารณะแบบนี้ การที่ซิงฉีหยวนพูดจาไม่สุภาพและล่วงเกินผู้ใหญ่เป็นเรื่องจริง ข้อนี้เว่ยอวิ
ในวิดีโอฉายภาพซิงฉีหยวนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางรังเกียจภายในห้องนี้ เขามองดูเท้าของตนเอง พร้อมทั้งออกคำสั่งด้วยท่าทางเบื่อหน่าย โดยสั่งให้บอดี้การ์ดของตระกูลซิงกดตัวลูกสาวของเธอไว้ ส่วนเขาก็ล้วงเอาไฟแช็กออกมาจี้ไปที่แขนของลูกสาวเธอด้วยรอยยิ้มโหดร้ายและไร้เดียงสา ลูกสาวของเธอเพิ่งจะไม่กี่ขวบเอง ถูกบอดี้การ์ดชายรูปร่างสูงใหญ่หลายคนกดทับไว้จนไม่สามารถขยับตัวได้ เสียงร้องไห้คร่ำครวญเล็กแหลมที่ดังลอดผ่านลำโพงออกมานั้น ทำให้เซิ่นหรูซวงเจ็บปวดลึกถึงขั้วหัวใจและโกรธแค้นจนดวงตาแทบจะไหลเป็นเลือดเธอรีบวิ่งไปที่คฤหาสน์ตระกูลซิงเพื่อทวงถามความยุติธรรม แต่ผลลัพธ์ก็คือเธอถูกบอดี้การ์ดของตระกูลซิงลากตัว แล้วโยนทิ้งไว้ที่หน้าประตูคฤหาสน์และยังได้รับคำพูดจากซิงจือเหยียนที่พูดออกมาว่า “สมควรแล้ว”รวมถึงภาพของเว่ยอวิ่นลู่ที่อุ้มลูกชายแล้วหัวเราะเสียงดัง พร้อมกับเดินจากไปอย่างผ่าเผยความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาดั่งกระแสน้ำแล้วก็จางหายไป แต่ความเกลียดชังนั้นกลับไม่ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งแววตาของเซิ่นหรูซวงเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะปกปิดความเกลียดช
หรือบางที นอกจากคนในตระกูลซิงแล้ว จะมีแค่เซิ่นหรูซวงที่รู้ดีว่าเด็กน้อยห้าขวบคนนี้ซุกซนเกเรมากแค่ไหนรอยแผลเป็นที่แขนของลูกสาวก็เป็นฝีมือของซิงฉีหยวน และรอยแผลเป็นนั้นจะต้องทำการผ่าตัดเท่านั้นถึงจะลบเลือนได้ซิงฉีหยวนได้รับการทะนุถนอมและถูกตามใจมาตั้งแต่เกิด เขาเป็นเหลนชายเพียงคนเดียวของคุณปู่ซิง และเป็นลูกชายคนเดียวของซิงจือเหยียนกับเว่ยอวิ่นลู่ ไม่เพียงแต่คุณปู่ซิงจะรักและให้ท้ายอย่างไร้ขีดจำกัด แม้แต่คนที่ทราบว่าเขาเป็นลูกใคร ก็ยังปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์เปรียบดั่งดาวล้อมเดือน ผู้มีสถานะสูงส่งอยู่เหนือผู้อื่นเด็กที่เติบโตและถูกเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ย่อมมีอุปนิสัยและพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดี บางครั้งเขายังดูถูกคนอื่น แต่เขาจะประพฤติตัวเรียบร้อย และเป็นเด็กดีที่น่ารักและเชื่อฟังก็แค่ตอนที่ซิงจือเหยียนอยู่ด้วยเท่านั้นเขาถือดีว่าตนเองเป็นเหลนชายเพียงคนเดียวของตระกูลซิง จึงไม่ต้องการเห็นเด็กคนอื่นปรากฏต่อหน้าได้เธอก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูลซิงก่อนที่ลูกสาวของเธอจะเกิด หลายปีหลังจากนั้นลูกสาวของเธอก็ไม่เคยพบเจอซิงฉีหยวนเลยสักครั้ง ทั้งตระกูลซิงและซิงจือเหยียนต่างไม่เค
เซิ่นหรูซวงสีหน้ามืดครึ้มไปหมดสือเหยาจึงเลี่ยงที่จะไม่พูด แต่ยืนจังก้าขวางอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม ท่าทางราวกับว่าถ้าเธอไม่ให้ฉันไปด้วย งั้นฉันก็จะไม่ให้เธอไปเหมือนกันเซิ่นหรูซวงยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน ส่งสายตาฟาดฟันกับสือเหยาสีหน้าสือเหยาเริ่มบึ้งตึงช้า ๆ เมื่อส่งสายตาฟาดฟันครั้งสุดท้ายจบก็พูดว่า “เซิ่นหรูซวง เธอมีเหตุผลหน่อย ทั้ง ๆ ที่พวกเราจองห้องมาสองห้อง แต่ตั้งแต่ที่พวกเราเข้ามาในโรงแรม เป็นใครที่เก็บสำภาระให้เธอ เป็นฉันไง! แล้วตั้งแต่เข้าห้องมาเป็นใครที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เป็นเธอไง! เธอทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันเสียใจมาก...”ความเด็ดเดี่ยวในแววตาของเซิ่นหรูซวงเจือความอึดอัดขึ้นมาหลายส่วนจากคำตำหนิของสือเหยาสือเหยาตบหัวแล้วลูบหลัง พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า “อีกอย่าง ฉันมันน่าอายขนาดนั้นเลยหรือ? นะเซิ่นหรูซวงคนดี เธอพาฉันไปด้วยเถอะนะ”ท้ายที่สุด สือเหยาก็ตามเซิ่นหรูซวงออกไปเจอเพื่อนเก่าด้วยความพออกพอใจ เมื่อเซิ่นหรูซวงกับสือเหยาเดินตามพนักงานเข้าไปในร้านอาหาร สือเหยาก็กดเสียงต่ำถามข้าง ๆ หูเธอว่า “เธอจะไปเจอเพื่อนแบบไหน? เพื่อนผู้ชายหรือว่าเพื่อนผู้หญิง?”สือเหย
เว่ยอวิ่นลู่หัวเราะพร้อมกับจูงมือของเขา แล้วรับเสื้อคลุมของซิงฉีหยวนมาจากมือของพนักงาน “งั้นพวกเรากลับกันเถอะค่ะ กลับบ้านไปทานข้าวกับคุณปู่กัน”ซิงฉีหยวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เวลานี้เขารู้จักที่จะออดอ้อน บอกว่าดีด้วยน้ำเสียงใสซื่อแล้วห้างสรรพสินค้าอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ตระกูลซิง แต่เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่ไกล ซิงฉีหยวนก็ผล็อยหลับอยู่ในอ้อมแขนของเว่ยอวิ่นลู่แล้ว ซิงฉีหยวนตอนนอนหลับนั้นดูว่านอนสอนง่ายมาก ไม่ร้องไห้งอแง ใบหน้ากลม ๆ เล็ก ๆ นั่นดูน่ารักอย่างมาก เว่ยอวิ่นลู่เห็นแล้วก็รู้สึกชอบ ฝ่ามือตบหลังของซิงฉีหยวนเบา ๆแต่รอยยิ้มที่ประดับมุมปากเว่ยอวิ่นลู่ก็หุบลงอย่างช้า ๆ แล้วถามเสียงเบาว่า “อาเหยียน ไปรับคนมาหรือยังคะ?”ซิงจือเหยียนมองใบหน้าตอนนอนของซิงฉีหยวนพูดด้วยเสียงเรียบว่า “ไม่ เธอมีธุระ”เว่ยอวิ่นลู่บอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเปล่า แต่ในใจยังคงรู้สึกอึดอัด “อาเหยียนคะ ฉันอยากถามมานานแล้วว่าทำไมคุณถึงอยากให้เธอกลับมาหรือคะ?”ซิงจือเหยียนเบนสายตาไปมองใบหน้าเว่ยอวิ่นลู่หลายปีมานี้เว่ยอวิ่นลู่พักอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซิง ไม่ว่าจะเป็นการกินอยู่หรือเดินทางล้วนได้รับการดูแลอย่าง







