“สวัสดีครับน้องมะนาว เปิดร้านแต่เช้าอย่างนี้ทุกวันเลยหรือ พี่นึกว่าจะยังไม่เปิดเสียอีก”
ธีทัต...ลูกค้าคนแรกของเช้านี้เอ่ยทักอย่างสดใส รอยยิ้มหล่อเหลาของเขาเจิดจ้าพอ ๆ กับแสงตะวันของเช้าวันใหม่ แต่มนิษาไม่ได้ยิ้มตอบด้วย เธอชี้มือไปที่แผ่นไม้ที่มีระบุเวลาเปิดปิดไว้ชัดเจน“แล้วเห็นป้ายไหมล่ะ...คะ”
ชายหนุ่มหัวเราะอีกตามเคย
“มะนาวพูดอย่างนี้กับลูกค้าทุกคนเลยหรือ”
“เปล่า ถ้าเป็นลูกค้านาวจะพูดดีด้วย แต่กับคนที่ไม่ใช่ลูกค้า ไม่ต้องพูดไพเราะด้วยก็ได้”
“รู้ทันจริง ๆ ด้วยแฮะ พี่ก็ไม่ใช่ลูกค้าจริง ๆ นั่นแหละ ที่มานี่ก็คึอจะมาหาส้มหวาน”
“นั่นไง ฉันว่าแล้วว่านายต้องมีจุดประ...”
มนิษาชะงักเมื่อมีหญิงสาวตัวสูงปรี๊ดอีกคนเดินตามธีทัตเข้ามาในร้านต้นไม้ หล่อนสูงเกือบเท่า ๆ ชายหนุ่มทั้งที่ไม่ได้ใส่ส้นสูงและที่สำคัญคือสวยมาก สวยจัด ๆ ผมยาวดำขลับมัดเป็นหางม้าเผยให้เห็นดวงหน้ารูปไข่เกลี้ยงเกลาขาวใสเหมือนถ้วยกระเบื้อง
หญิงสาวเจ้าของร้านต้นไม้ใจหล่นวูบ จำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้นี่ไงที่เธอเห็นอยู่กับธีทัตในคืนที่เธอไปเที่ยวกลางคืน คืนนั้นมนิษายังแอบถ่ายคลิปไว้เพื่อมาเปิดให้พี่สาวกับป้าดู (แม้สองคนนั่นดูแล้วจะไม่ได้เกลียดชังธีทัตอย่างที่เธออยากให้เป็นก็ตามที) แล้วดูนี่สิ...วันนี้เขากล้าพาแฟนมาถึงนี่เชียวหรือ
“ร้านน่ารักจังเลย”
สาวสวยอุทาน เงยหน้ามองไปรอบร้านที่แม้จะอัดแน่นด้วยสีเขียวของต้นไม้แต่ก็มีเครื่องเซรามิกกระจุ๋มกระจิ๋มมุมนั้นมุมนี้เพิ่มสีสันสดใส
“แนต นี่มะนาว น้องสาวของส้มหวานที่ฉันเล่าให้ฟัง”
“อ๋อ สวัสดีค่ะน้องมะนาว”
แนตตี้ทักทายอย่างมีไมตรี มนิษาสวัสดีตอบแบบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก ยังรู้สึกตกใจและคล้ายมีอะไรแปลก ๆ ในตัวผู้หญิงคนนี้แต่ก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร
“จำเพื่อนพี่ได้ไหม คนที่เคยเจอที่ร้านแบล็กเอาต์ไง”
“อ้าว เราเคยเจอกันแล้วเหรอ” แนตตี้ยิ้มกว้าง
“แกไม่ได้เจอน้องเขาหรอก แต่น้องเขาเห็นตอนเราสองคนไปเที่ยวด้วยกันก็เลยคิดว่าคงจำแกได้”
“อ๋อ”
แนตตี้พยักหน้ายิ้ม ๆ ไม่ได้ติดใจอะไร มนิษามองธีทัตอย่างคลางแคลงใจ ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคนคู่นี้จะมาเพื่อซื้อต้นไม้แต่เช้า
“คือเพื่อนพี่จะมาหาส้มหวาน นัดไว้แล้วล่ะ ส้มได้บอกมะนาวแล้วใช่ไหมครับว่าพี่สองคนจะมาหา”
“เอ่อ ยังไม่ได้บอกค่ะ”
มนิษาตอบ สีหน้าระแวงสงสัย ธีทัตคิดอะไรอยู่จึงได้พาแฟนตัวเองมาหาพี่สาวของเธอ
“พี่ธีมาแล้วหรือคะ”
เสียงหวานใสดังมาตามทางเดินกรวด สริดานั่นเองที่เดินออกมาหา
“พี่ส้ม คุณพี่ธีเขาบอกว่านัดพี่ส้มไว้แล้วน่ะ”
มะนาวจงใจเรียกชายหนุ่มเช่นนั้นเพื่อประชดประชัน
“ใช่จ้ะใช่ พี่ไม่ทันได้บอกมะนาว เพื่อนพี่ธีจะมาเรียนทำขนมง่าย ๆ สักหนึ่งวัน วันนี้พี่ไม่ได้รับออเดอร์ก็เลยนัดให้พี่ธีมาวันนี้ได้เลย”
สริดาบอกก่อนเงยหน้ายิ้มให้แนตตี้ คงนึกในใจเหมือนทุกคนว่าผู้หญิงคนนี้ตัวสูงจัง
“พี่ธีกับพี่แนตตี้กินข้าวมาหรือยังคะ ส้มให้น้องทำกับข้าวไว้รอแล้ว เชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ”
สริดาเอ่ยชื่อหญิงสาวอีกคนราวกับรู้จักมาก่อน แสดงว่าพี่สาวของเธอกับธีทัตคงโทรคุยกันแล้ว มนิษามองตามทั้งสามคนที่เดินกลับไปตามทางเดินโรยกรวด สีหน้ายังเหลอหลาไม่เข้าใจ แฟนเก่า แฟนใหม่ ใครเป็นใคร โอ๊ยงงไปหมดแล้ว ***
หลังกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแนตตี้ก็ผูกผ้ากันเปื้อนพร้อมเรียนทำขนมไทยด้วยความกระตือรือร้น ในครัวไทยที่กว้างขวางและโล่งโปร่ง นอกจากสริดาแล้วก็ยังมีนิดหน่อย เด็กสาววัยสิบแปดที่มาขอทำงานรับจ้างกับสริดาตั้งแต่ยังเรียนมัธยมฯ ต้น
เมื่อสาว ๆ เริ่มเรียนทำขนม ธีทัตก็ปลีกตัวเดินกลับออกมาที่ร้านต้นไม้นายขาม เขาเคยถามสริดาว่านายขามคือใคร จึงได้รู้ว่านายขามก็คือนายมะขาม น้องชายแท้ ๆ ของป้าองุ่น พ่อแท้ ๆ ของสริดาและมนิษา
ลูกสาวคนเล็กของนายขามผู้ล่วงลับเพิ่งจะยกถุงดำใส่ต้นไม้ไปไว้หลังรถลูกค้าตอนที่ธีทัตเดินมาถึงหน้าร้าน พี่ดอกรัก คนงานร้านต้นไม้ที่คุ้นเคยกับชายหนุ่มดีเอ่ยทักทาย
“คุณธีจริง ๆ ด้วย เอารถเข้ามาจอดในบ้านสิคะ จอดตรงนั้นแดดร้อนนะ” ตรงนั้นของดอกรักหมายถึงริมฟุตปาธ
“เขามาจอดเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวเขาก็กลับ”
มนิษาพูดแทน ดอกรักอมยิ้ม รู้เหมือนที่ทุกคนในบ้านนี้รู้ว่าถ้าเป็นเรื่องของธีทัตล่ะก็ น้องมะนาวผู้แสนจะใจกว้างก็กลายเป็นใจแคบได้ทุกครั้งไป
“พี่ยังไม่กลับง่าย ๆ หรอก ถอยรถไปจอดในบ้านก็เข้าท่าดี... แต่ขอซื้อต้นไม้ก่อน มะนาวแนะนำหน่อยสิ”
“ไม่ขาย ไม่ต้องมาแกล้งเป็นลูกค้า”
“ใครว่าแกล้ง จะซื้อจริง ๆ เพื่อนพี่จะขึ้นบ้านใหม่ มันบอกไว้เลยว่าใครจะไปไม่ต้องใส่ซอง แต่ให้เปลี่ยนเป็นต้นมงต้นไม้หรือพวกของใช้ในครัว พี่เลยคิดว่ามาซื้อต้นไม้ที่นี่ดีกว่า ชอบอุดหนุนคนกันเอง”
ธีทัตอธิบายยืดยาวก่อนจะมองไปรอบ ๆ สวนไม้เล็ก ๆ แห่งนั้นอย่างสนอกสนใจ มนิษาหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก เมื่อชายหนุ่มหันมาหาเธออีกครั้ง สีหน้าของเธอก็ทำให้เขาเลิกคิ้ว
“ไหงทำหน้าแบบนั้นล่ะ หรือว่าจะเกลียดขี้หน้าพี่มากเสียจนไม่คิดจะขายต้นไม้ให้พี่เลยสักต้น”
“แหม ก็ไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก คุณพี่ธีอยากได้ต้นอะไรหรือพันธุ์ไม้แบบไหนล่ะคะ บอกมาสิจะช่วยเลือกให้”
หญิงสาวเจ้าของร้านเอ่ยอย่างเสียไม่ได้ แต่น้ำเสียงก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“อืม... อยากได้ต้นที่เลี้ยงง่าย ๆ โตเร็ว ๆ แล้วก็ทนแดดทนฝน แบบนั้นพอจะมีไหม”
“พูดเหมือนว่าคนที่จะซื้อไปให้เขาเป็นคนไม่ชอบดูแลอะไรเลย กลัวต้นไม้ตายหรือถึงได้ขอแบบทน ๆ”
มนิษาอดถามไม่ได้ ชายหนุ่มหัวเราะ
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก มะนาวมีต้นไหนจะแนะนำไหมล่ะครับ”
“ของขวัญขึ้นบ้านใหม่ อย่างนั้นเลือกเป็นกระถางไม้มงคลก็แล้วกัน มีหลายไซซ์เลย...”
มนิษาก้าวไปทางโซนไม้มงคลที่ส่วนใหญ่ลงกระถางไว้แล้วเรียบร้อย บางกระถางมีผูกโบไว้ด้วยอย่างสวยงาม ทุกต้นทุกพันธุ์มีชื่อปักอยู่พร้อมราคาเห็นได้ชัด
เมื่อแน่ใจว่าธีทัตต้องการซื้อต้นไม้จริง ๆ หญิงสาวก็ยอมลดกำแพงลงชั่วคราวเพื่อทำหน้าที่เจ้าของร้านที่ดี และเมื่อได้คุยเรื่องที่ถนัด บทสนทนาระหว่างธีทัตกับมนิษาก็สามารถยืดยาวออกไปได้โดยไม่จิกกัดกันเป็นครั้งแรก
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้น
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท