หลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น
“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ
“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน
“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิม
ในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที
“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆ
เจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น
“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร้อยดาวตีแขนเบา ๆ
มาคินนั่งลงข้างร้อยดาว สองคนช่วยกันป้อนขนมให้เจ้ามะยมกับก้อนทอง ร้อยดาวเอนหัวซบไหล่แฟนหนุ่มโดยไม่รู้ตัว
“ขอบคุณนะ ทั้งพ่อแม่ ทั้งมะยม ก้อนทองด้วย” เธอพึมพำเบา ๆ เสียงอบอุ่นจนแม่ ๆ ที่นั่งอยู่ข้างหลังได้ยินยังแอบยิ้มตาม
เสียงพูดคุยเบา ๆ ปนหัวเราะ มือที่ลูบหัวหมา มือที่กุมกันแน่นของครอบครัว ทุกคนเหมือนเก็บ พลังใจ ก้อนใหญ่ไว้ตรงนี้ ก่อนจะออกไปเจอไฟเวทีจริงที่รออยู่ข้างนอก
“ไปลุยกันเถอะบ้านเราจะเดินไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ” มาคินพูดสั้น ๆ แต่พอให้ทุกคนยิ้มทั้งน้ำตา
มื้อฉลองที่บ้านสวนครอบครัวเดียวกัน
เสียงจักจั่นยามค่ำคืนประสานกับไฟประดับหลอดเล็ก ๆ รอบซุ้มไม้ไผ่ บ้านสวนของมาคินสว่างไสวด้วยเสียงหัวเราะ
โต๊ะไม้ตัวยาวกลางสนามถูกวางจานกับข้าวพื้นบ้านเรียงราย ต้มยำไก่บ้าน ลาบปลา ข้าวเหนียวร้อน ๆ
แม่ร้อยดาวเดินหิ้วปิ่นโตมาเติมข้าว ส่วนพ่อกับแม่มาคินกำลังจัดจานย่างหมูให้เด็ก ๆ
---
มาคินยืนปิ้งหมูเสียบไม้ข้างเตาถ่าน ร้อยดาวเดินมาช่วยพัดไฟให้ถ่านแดง เจ้ามะยมกับเจ้าก้อนทองนอนหงายพุงอยู่ข้างใต้โต๊ะ บางทีก็วิ่งไล่กันรอบขาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์ที่นั่งเฝ้าหม้อสุกี้
“ร้อนมั้ยคะ” ร้อยดาวยื่นผ้าเย็นเช็ดเหงื่อให้มาคิน มาคินยิ้มกว้างก่อนจะเช็ดให้เธอกลับ
“เธอร้อนกว่าฉันอีก ยืนพัดไฟอยู่นั่น”
แม่ร้อยดาวเพิ่งหิ้วกระติ๊บข้าวเข้ามาเติมข้าวเหนียว ส่วนแม่มาคินกำลังล้างผัก พ่อมาคินย่างหมูอยู่ข้างเตาถ่าน มาตินน้องชายมาคินเดินไปเดินมา เอาผ้าเช็ดหน้ามาโยนใส่หัวพี่ชายตัวเองเล่น
“เธอร้อนมั้ยคะ ยืนปิ้งหมูตั้งนาน”
“ฉันไม่เท่าไหร่ แต่ดูเธอเหงื่อเต็มหน้าเลย พักเถอะ” มาคินบอกแฟนสาว ร้อยดาวยิ้มบาง พัดไฟให้ถ่านแดงต่อ
“ฉันไม่เหนื่อยหรอก แค่เห็นทุกคนหัวเราะ ฉันก็หายเหนื่อยแล้ว” มาคินส่ายหัวเบา ๆ ยื่นไม้หมูปิ้งให้เธอกัด
“งั้นกินหน่อย เดี๋ยวล้มไปจะไม่คุ้มซ้อมคอนเสิร์ตนะ”
"โอ๊ะ ๆ ป้อนมาไม่ดูเลยมันร้อน " หมูปิ้งโดนริมฝีปากเธอจึงบ่นเบา ๆ รับมาถือกินเองไม่พ้นก้อนทองตะกุยขาเธอ รวมถึงมะยมที่มานั่งน้ำลายหยดได้กลิ่นหมูปิ้ง เมื่อได้กินสองหมาวิ่งไปทางก๊อปเปอร์
ก๊อปเปอร์ยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นชนกับอ๊อฟ หมาน้อยสองตัว เจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยม วิ่งวนใต้โต๊ะจนต้องเอาข้าวเหนียวให้กินแทน
“พวกเอฟซีฝากขนมมาเพียบเลยนะ น้องจะได้อ้วนไม่ต้องลำบากแล้ว” อ๊อฟเอาขนมมาวางพูดกับก๊อปเปอร์
“ขนมกองนี้ฉันจัดการให้เองก็ได้ ไม่ต้องห่วงดาว” ก๊อปเปอร์แกล้งสองหมาไปด้วยมองขำๆ
“ก๊อปเปอร์ ถ้ากินหมด พรุ่งนี้ดาวขึ้นเวทีต้องยกพี่คินแทนแล้วมั้ง”
“ดีใจนะที่น้องร้อยมีคนอยู่ข้าง ๆ เยอะขนาดนี้” แม่ร้อยดาวยื่นจานตักลาบให้แม่มาคิน ทั้งคู่หันมามองลูก ๆ
“เราเองก็ดีใจเหมือนกันค่ะ ดาวน่ารักแบบนี้ ครอบครัวเราก็รักเหมือนลูกอีกคน” แม่มาคินยิ้มไปด้วย มาตินเดินมาวางมือบนหัวมะยมแบบแหย่ ๆ จนมะยมเห่าใส่
“งั้นขอเรียกพี่สะใภ้ได้เลยมั้ยครับ” ร้อยดาวได้ยินเขินจัด มาคินยื่นมือตีแขนน้องชาย
“อย่าล้อพี่เขาสิ เดี๋ยวเอาหมูย่างตีปากเลย” พ่อมาคินยกแก้วน้ำขึ้น พูดเสียงหนักแน่นกลางโต๊ะ
“ครอบครัวเรายินดีมากนะร้อยดาว ไม่ว่าจะเหนื่อยยังไง พ่อแม่ก็จะเป็นกำลังใจให้เสมอ”
“แล้วพี่น้องทั้งโต๊ะนี่ก็เหมือนกัน เราเหนื่อยด้วยกัน สู้ด้วยกัน ดีใจที่เห็นพวกหนูโตมาขนาดนี้” ทุกคนยกแก้วขึ้น ชนกันเบา ๆ
เสียงหมาน้อยเห่าเหมือนปรบมือ
ร้อยดาวมองมาคิน ดวงตาสั่นนิดหน่อยเพราะซึ้งใจ เธอยื่นมือไปจับมือเขาใต้โต๊ะ
“ขอบคุณนะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่กล้ามาถึงตรงนี้” มาคินกำมือเธอแน่น ตอบกลับเบา ๆ
“เธอไม่ได้มาคนเดียวซะหน่อย เธอมีฉัน มีครอบครัว มีทุกคน… เราจะอยู่ข้างเธอเสมอ”
เจ้ามะยมโดดขึ้นมาวางเท้าบนตักร้อยดาว เธอกอดมันไว้แล้วหัวเราะ มาตินกับอ๊อฟโยนกระดูกให้เจ้าก้อนทองแทะอีกมุม เสียงลมพัดเบา ๆ ผ่านสวนไฟดวงเล็กสว่างไหวเหมือนคำสัญญาที่ไม่มีวันดับ
“ต่อให้คอนเสิร์ตใหญ่จะเหนื่อยแค่ไหน ต่อให้ใครจะพยายามพังดาวอีกกี่ครั้ง”
“แต่คืนนี้ เธอรู้แล้วว่าเธอจะไม่มีวันอยู่คนเดียว”
ลมกลางดึกพัดเอากลิ่นดอกไม้ลอยคลอไปทั่วรั้วไม้ไผ่ด้านหลังบ้านสวน เสียงจักจั่นแว่วเบา สลับกับเสียงกรวดใต้เท้าที่ดังกรอบแกรบตามจังหวะก้าวของคนสองคน ร้อยดาวกำชายเสื้อกันหนาวของตัวเองแน่น ขยับให้ใกล้ไหล่กว้างของมาคินที่เดินอยู่ข้างกัน
หลังมื้ออาหารใหญ่จบลง ทั้งครอบครัวก็บอกพร้อมใจกันว่าจะค้างที่นี่ บ้านพักเล็ก ๆ ข้างเรือนใหญ่ถูกเปิดไฟสว่างให้พ่อแม่ได้พักสบาย อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ก็แบ่งห้องนอนกัน พร้อมกับหมาน้อยสองตัวที่วิ่งเล่นจนเหนื่อยแล้วหลับปุ๋ย
“อากาศเย็นกว่าที่คิดนะ” ร้อยดาวเอ่ยขึ้นมา เสียงเธอเบาแทบไม่พ้นริมฝีปาก แต่มาคินก็หันมามองทันที เขาเห็นแก้มเธอเริ่มขึ้นสีชมพูเพราะลมหนาว
“อยากกลับเข้าไปห่มผ้าไหม เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”ร้อยดาวส่ายหัวทันที เธอยิ้มบาง ดวงตากระทบไฟสวนแล้ววาวเหมือนหยดน้ำ
“ไม่เอา ฉันอยากเดินเล่นอีกหน่อย อยู่กับเธอแบบนี้ฉันชอบ”
คำว่า “ชอบ” หลุดออกมาแบบไม่ต้องกลัวใครได้ยิน เพราะในสวนมีเพียงพวกเขาสองคน
กิ่งปีบเหนือศีรษะปล่อยดอกสีขาวร่วงลงบนไหล่เธอหนึ่งดอก มาคินยื่นมือมาสะบัดออกให้อย่างเบามือ ก่อนจะยิ้มให้เธอเหมือนกำลังแกล้ง
“อยู่กับฉันแล้วชอบเหรอ" ร้อยดาวขมวดคิ้วนิด ๆ เธอเบือนหน้าหนีแต่โดนเขาคว้าแขนไว้ก่อน นิ้วโป้งของเขาลูบหลังมือเธอเบา ๆ เหมือนกำลังทบทวนความอุ่นที่พวกเขามีกันมาตลอดปีนี้
“ก็ถ้าไม่ชอบ จะเดินวนรอบสวนเป็นสิบรอบเหรอ” มาคินหัวเราะเสียงต่ำ แล้วกระชับมือเธอไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวเอง
ลมหายใจเขาเป่าผมเธอปลิวเบา ๆ ในขณะที่สองก้าวเท้าช้าลงเรื่อย ๆ จนเสียงจั๊กจั่นข้างทางฟังดูชัดกว่าเดิม
ลานสวนด้านในสุดมีชิงช้าไม้ผูกไว้กับต้นมะม่วงใหญ่
มาคินพาเธอไปนั่งลงบนเบาะเก่า ๆ ที่คลอด้วยกลิ่นฝนและกลิ่นดิน เขายืนอยู่ตรงหน้าก้มตัวลงผูกเชือกรองเท้าให้เธออย่างเงียบ ๆ ร้อยดาวมองปลายผมเขาที่ปรกลงมาใกล้ต้นขาเธอ ใจเธอเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนเสียงหัวใจตัวเองดังลั่นในสวน
“เธอไม่ต้องทำให้ฉันขนาดนี้ก็ได้” เสียงเธอเหมือนจะดุ แต่ความอ่อนโยนในดวงตาทำให้มันฟังดูน่าขำมากกว่า มาคินเงยหน้าขึ้น ดึงเชือกให้แน่นแล้วใช้หลังมือแตะปลายรองเท้าเธอเบา ๆ
“ฉันไม่ได้ทำเพราะต้องทำ ฉันอยากทำ เพราะเธอคือร้อยดาวของฉัน”
สายลมเย็นหอบเอากลิ่นดอกไม้ลอยมากับคำหวาน
ร้อยดาวก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม ลมหายใจอุ่นกระทบมือที่เขายังคงกุมเอาไว้แน่นเธอขยับตัวบนชิงช้า รั้งแขนเขาให้นั่งลงข้าง ๆ
สองคนนั่งไหล่ชนกัน ใบไม้แห้งร่วงลงบนตัก
“มาคินถ้าสักวันนึงเราดังมาก ๆ จนมีคนรอบข้างเยอะแยะ เธอจะเบื่อฉันไหม” เขาหันมามองทันที ดวงตาที่เคยเป็นประกายเย้าแหย่เปลี่ยนเป็นสีเข้มจริงจัง มืออุ่นลูบผมเธอที่ปลิวมาแตะหน้าผาก
“ฉันอาจเบื่อ”
“แต่ฉันจะไม่มีวันไปไหน”
เขากระซิบใกล้จนเสียงของเขาสั่นบนปลายหูเธอ
ร้อยดาวหัวเราะทั้งที่น้ำตารื้นน้อย ๆ เพราะความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอก
เธอเอนหัวซบไหล่เขา มองไฟสวนที่สว่างเป็นจุด ๆ เหมือนดาวเต็มท้องฟ้า เสียงจักจั่น เสียงลม เสียงหัวใจของทั้งคู่คลอไปพร้อมกัน
“ฉันโชคดีเนอะ ที่ได้เจอเธอ” มาคินกดจูบลงบนหน้าผากเธอแผ่วเบา มือใหญ่ลูบไหล่เธอให้แนบแน่นขึ้น
“ฉันต่างหากที่โชคดี เพราะร้อยดาวคนเดียวคือของฉัน”
ชิงช้าไม้ไหวเบา ๆ ตามแรงลมกลางดึก ทั้งคู่ไม่ต้องพูดคำว่ารักตรง ๆ อีก เพราะทุกอย่างมันชัดเจนกว่าคำไหนในโลก
ในสวนเงียบ ๆ แห่งนี้ สองคนที่เหนื่อยจากเวที เหนื่อยจากแสงแฟลช ได้กอดกันไว้อย่างคนธรรมดา และรู้ว่าวันพรุ่งนี้ พวกเขาจะจับมือกันไว้แบบนี้จนกว่าจะหมดลมหายใจ
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ
วันซ้อมใหญ่เปิดเวที 1 ปีคู่จิ้นฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดกลาง ถูกจัดไฟรันระบบเต็มสูบเป็นรอบ ซ้อมใหญ่ โปสเตอร์ข้างเวทีติดป้ายชัดเจน “1st Year Anniversary คู่จิ้นรักร้อยดาว x มาคิน”ร้อยดาวสวมเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ขาสั้นง่าย ๆแต่บนเวที เธอเหมือนคนละคน จับไมค์ด้วยมือที่เคยสั่นแต่วันนี้กลับมั่นคงเสียงหัวเราะของทีมซาวด์ ทีมแดนซ์ ทีมไฟดังระหว่างพักเบรก โปเต้ยืนกอดอกดูงานเงียบ ๆ ส่วนสงครามนั่งหลังบอร์ดควบคุมไฟด้วยแววตาเหมือนพ่อที่ภาคภูมิใจในลูกศิษย์มาคินยืนอยู่ข้างเธอในชุดสบาย ๆ เหมือนกัน เขาหันมาดึงสายกีตาร์ปรับจูนให้แฟนสาวเอง มือเขากับมือเธอสอดกันแว็บหนึ่ง“พร้อมมั้ยดาว” เสียงมาคินทุ้มนุ่ม ไม่ได้ถามแบบโปรดิวเซอร์ แต่ถามในฐานะคนที่อยู่ข้างเธอทุกครั้งร้อยดาวพยักหน้า เหงื่อผุดเต็มหน้าผากแต่รอยยิ้มกลับสดใส เธอยกไมค์ขึ้น ร้องท่อนฮุคเพลงเก่าที่เธอเคยเขียนไว้ ครั้งนี้ เธอร้องในชื่อของเธอจริง ๆเสียงกลองซ้อมรัวตามจังหวะเบา ๆ พวกเด็กฝึกงานที่ยืนดูกันอยู่ตรงขอบเวทีโห่เชียร์กันเบา ๆ อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ที่มาซ้อมแดนซ์เซ็ตใหญ่ทีหลังยังส่งเสียงแซว“พี่ดาวแม่งอย่างเท่! ฮู้วววว”“พี่มาคินอย่าเขินดิ๊! หยิกแก
นามแฝงในเพลงมือของสงครามที่ยื่นให้ร้อยดาวเดินเข้ามาในห้องโปรดิวเซอร์ของค่ายที่เธอคุ้นเคยดี แต่วันนี้บรรยากาศกลับอึดอัดจนลมหายใจแทบขาดห้วงโปเต้นั่งข้างเฮียสงครามเหมือนมือขวาที่เฝ้ารอดูว่าบทสนทนานี้จะไปจบตรงไหนบนโต๊ะไม้สีเข้ม เอกสารหลายแผ่นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไฟสปอตไลท์ในห้องประชุมสว่างพอจะเห็นเงาหน้าร้อยดาวที่ซีดเผือดและมือเล็กที่กำชายเสื้อแน่น สงครามวางปากกาลงบนแฟ้มเสียงเบา ดวงตาคมใต้แสงไฟสบตาเธอโดยไม่กระพริบ“ฉันได้ยินมาว่ามีคนกำลังจะเอาเพลงเก่ามาขายซ้ำ ใช่เพลงเดียวกับที่เธอเคยเขียนไว้หรือเปล่า เพลงที่เธอใช้นามแฝงตอนนั้น” เสียงเขาราบเรียบ เหมือนครูใหญ่เรียกเด็กนักเรียนมาคุย แต่ในความนิ่งนั้นกลับกดดันเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอกร้อยดาว ร้อยดาวหลบตา ปลายนิ้วเธอขยำชายกางเกงจนยับยู่ยี่ เธอพยายามจะตอบ แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับแหบแห้ง“ค่ะ” เพียงคำเดียวก็พอให้โปเต้ที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ เห็นร่องรอยเจ็บเก่าที่เธอเก็บไว้มานานสงครามพยักหน้าช้า ๆ เขาเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มเอกสาร เผยให้เห็นสำเนาสัญญาเก่าที่มีตราประทับชื่อกันจ์ชัดเจน“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่ากันจ์มันทำอะไรไว้”“มันไม่ใช่แค่เพล
อดีตของร้อยดาวเบื้องหลังเพลงที่ไม่มีชื่อเธอเสียงลมจากแอร์ตัวเก่าดังหึ่ง ๆ ในห้องซ้อมส่วนตัวที่ร้อยดาวใช้ฝึกทุกวัน คืนนี้เธอนั่งอยู่ตรงมุมเดิมที่ใกล้เปียโนไฟฟ้ามากที่สุด มือบางยังคงถือโน้ตเพลงเก่าแผ่นเดิมไว้แน่น ปลายนิ้วที่เคยแต่งทำนองนั้นสั่นเล็กน้อยเหมือนกำลังรื้อความทรงจำที่เธอพยายามลืมมาตลอดร้อยดาวถอนหายใจ ลมหายใจร้อนวาบเพราะเพิ่งร้องเพลงใหม่กับมาคินจนคอแห้ง แต่สิ่งที่ติดอยู่ในหัวเธอกลับไม่ใช่เพลงใหม่ ไม่ใช่ท่อนฮุคหวาน ๆ ที่เขาเพิ่งชมว่าเพราะที่สุดตั้งแต่แต่งมา กลับเป็นประโยคท่อนหนึ่งในสมุดโน้ตแผ่นนี้ที่เธอแต่งมันด้วยลายมือสั่น ๆ ในวันที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบ“ฉันยังจำเนื้อเพลงได้ทุกคำเลยมาคิน แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ร้องมัน" เสียงเธอเบาราวกับกลัวว่าลมแอร์จะพัดมันหายไปมาคินหันมามองแฟนสาวตรงหน้า เขานั่งพิงขอบเปียโน ปล่อยให้เสียงกีตาร์โปร่งที่เพิ่งวางไว้เงียบสนิทแสงไฟสีส้มอ่อนสะท้อนในดวงตาเขาอย่างระมัดระวังเขารู้ดีว่าร้อยดาวรักทุกคำ ทุกท่อน ทุกเมโลดี้ในสมุดโน้ตนั้นมากแค่ไหน เขาเคยเห็นเธอลงแรง แก้คำ แก้คอร์ดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยเห็นเธอพูดถึงมันด้วยแววตาเจ็บเท่านี้มาก่อน“ทำไมล่ะดาว นั
ถูกมือกาวย้อนกลับ1645 คำทางเข้าคอนโดของยิปซี ค่อนข้างมืด ไม่มีผู้คนมากนัก“เฮ้ แม่นางเอก เงินฉันอยู่ไหน”เสียงแห้ง ๆ ของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่โผล่มาจากเงามืดหลังรถตู้จอดส่งของ ผมมันเยิ้มกลิ่นกาวและบุหรี่คลุ้งลอยปะทะ จับคอเสื้อยิปซีทันทีที่เธอเดินเลี่ยงออกมาจากฝูงแฟนคลับ ไฟลานจอดรถสว่างเป็นจุด ๆ แต่กลับไม่มีใครสังเกตว่ามีคนกำลังลงไม้ลงมือ“อย่ามาโวย แกยังไม่ได้ทำงานให้ฉันด้วยซ้ำ จะเอาเงินส่วนที่เหลือไปทำเหี้ยอะไร”ยิปซีแหวเสียงสูง ใบหน้าแต่งจัดแต่เหงื่อซึม เธอใส่ชุดเดรสรัดรูปคลุมด้วยโค้ทยาว พยายามแกะมือมันออกแต่โดนบีบแน่นกว่าเดิม“ฉันติดคุกเพราะแกนะเว้ย แกเป็นคนจ้าง ถ้าฉันไม่ได้ตังค์ แกก็อย่าหวังจะได้อยู่ดี ๆ”เสียงเด็กกาวกระแทกพร้อมฟันเหลือง มันหัวเราะหยันเธอเบี่ยงหน้าเลี่ยงกลิ่นกาวที่พ่นรดอยู่ใกล้“อย่ามาขู่ฉันนะ ไอ้ขี้ยา”ยิปซีฟาดเล็บเข้าหน้ามันเต็มแรง เสียงเพี้ยะสะท้อนในลานจอด รถขนเครื่องเสียงสั่นเบา ๆ เหมือนร่วมเป็นพยาน“อีดอก” เด็กกาวสบถลั่น ผลักเธอไปกระแทกผนังคอนกรีตด้านหลังเวที เศษกระดาษโปสเตอร์คอนร่วงปลิวลงเท้าเธอ“สภาพแกตอนนี้ก็เหมือนหมาข้างถนนแล้วล่ะ ยัยนางเอกตกกระป๋อง”เด็