LOGINเสียงล้อรถบดเคลื่อนผ่านถนนลัดเลาะสู่ท่าเรือ พร้อมเสียงลมหายใจเบา ๆ ของเหล่าศิลปินที่เริ่มหมดแรงจากการเดินทางอันยาวนาน ดวงตาของร้อยดาวหันมองออกนอกหน้าต่าง เธอมองวิวภูเขาสลับกับทะเลเป็นระยะ พลางถอนหายใจเบา ๆ
“ใกล้ถึงหรือยังคะลุงยะห์” ร้อยดาวถามขึ้น “อีกประมาณยี่สิบนาทีหนู เตรียมตัวขึ้นเรือได้เลย” ลุงยะห์ตอบพลางยิ้มมุมปากในกระจกมองหลัง มาคินที่นั่งข้าง ๆ พิงหน้าต่างเงียบ ๆ เขาหลับตานิ่ง แม้ดูเหมือนนอนหลับ แต่สีหน้าซีดเซียวของเขาทำให้ร้อยดาวอดเป็นห่วงไม่ได้ “ยังเวียนหัวอยู่เหรอ” เธอถามเบา ๆ ไม่ทันที่มาคินจะตอบ เธอก็ยื่นซองลูกอมรสมะนาวในมือไปให้ “กินหน่อย เดี๋ยวขึ้นเรือจะโคลงหนักกว่านี้อีก” น้ำเสียงเธอฟังดูห้วน แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยแบบปากไม่ตรงกับใจ มาคินลืมตาขึ้น มองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรับลูกอมมากินแล้วพยักหน้าเบา ๆ “ขอบใจนะ ร้อยดาว” “อย่าคิดว่าฉันใจดี แค่อยากให้นายไม่อ้วกใส่ฉันตอนอยู่บนเรือ” เธอหันหน้าหนีไปนอกหน้าต่าง เสียงหัวเราะเบา ๆ ของอ๊อฟดังมาจากเบาะหลัง พร้อมเสียงล้อของก็อปเปอร์ “พี่ร้อยดาวดูแลพี่คินเหมือนแม่ดูแลลูกเลยนะครับ ฮ่าๆๆ” “ไอ้อ๊อฟ!” มาคินหันไปแยกเขี้ยวใส่น้องชาย ร้อยดาวเองก็หน้าแดงขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะหยิบหมอนมาตีเบา ๆ ไปที่เข่ามาคิน “จะไปไม่ถึงเรือแน่ถ้ายังไม่หยุดแซว!” หลังจากนั้นไม่นาน รถตู้ก็เลี้ยวเข้าจอดที่ท่าเรือ ท้องฟ้าสีฟ้าสดกับเสียงนกนางนวลดังโฉบอยู่เหนือผืนน้ำที่ใสราวกระจก ทุกคนทยอยลงจากรถ พร้อมลากกระเป๋าเดินตามกันไป “ถึงซะที! จะได้นอนกับเขาซักที” ก็อปเปอร์บ่นพลางบิดขี้เกียจ อาร์ตเดินนำขึ้นเรือไปโดยไม่พูดอะไร ร้อยดาวเหลือบมองแวบหนึ่งก่อนจะหันมาทางมาคินที่ยังเดินช้ากว่าคนอื่น “นายเดินไหวมั้ย ไม่ได้จะช่วยนะ แค่ถามเฉย ๆ” เธอพูดพลางสะพายเป้ของตัวเอง “ช่วยก็ดีนะ” มาคินยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วพิงแขนเบา ๆ ลงบนไหล่ของเธอ “เห้ย! หนัก” ร้อยดาวเบี่ยงตัวหนี ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้บรรยากาศเหนื่อยล้าบนเรือนั้นดูสดใสขึ้นทันตา ขณะที่เรือแล่นออกจากท่า ทะเลเปิดกว้างเบื้องหน้า ลมทะเลหอบกลิ่นเค็มและละอองคลื่นเข้ามาสัมผัสผิวหน้า ทิวทัศน์เกาะเล็กเกาะน้อยกระจายเต็มผืนทะเลราวกับภาพวาดสีน้ำมันที่มีชีวิต “พี่คิน กล้องครับ!” อ๊อฟยื่นกล้องฟิล์มให้พี่ชาย “ช่วยถ่ายให้ผมกับก็อปเปอร์หน่อย เดี๋ยวพี่ก็มีแฟนคลับมาถามอีกว่าไปเที่ยวกับใคร” มาคินรับกล้องมาถ่ายภาพให้อย่างเคยชิน ก่อนจะหันไปอีกมุม แล้วแอบถ่ายภาพร้อยดาวที่กำลังยืนพิงขอบเรือ มองทะเลอย่างเงียบ ๆ เส้นผมของเธอปลิวไหวตามลม ราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์โรแมนติก “แชะ” “นายแอบถ่ายฉันเหรอ” ร้อยดาวหันขวับมา “เปล่า กดพลาดเฉย ๆ” มาคินรีบหลบสายตาแล้วยื่นกล้องให้อ๊อฟคืน แต่ความลับไม่มีในเรือใบนี้ “แน่ใจนะว่าพลาดอะพี่” ก็อปเปอร์พูดขึ้นพลางยิ้มกว้าง “เงียบไปเลย” เสียงหัวเราะและลมทะเลยังคงพัดพาเรือแล่นไปสู่เกาะพีพีในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า แยกย้ายจัดห้องพัก หลังจากทุกคนเช็คอินเรียบร้อย คุณนัฐและทีมรีสอร์ตเดินนำพาศิลปินและทีมงานไปยังโซนที่พักซึ่งเป็นเรือนไม้สไตล์ทรอปิคอลตั้งเรียงรายริมชายหาด เสียงคลื่นซัดชายฝั่งเบา ๆ ชวนให้อยากถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงนอนทันที “โอเคนะครับ ห้องพักเราแบ่งไว้เรียบร้อย เป็นห้องพักคู่ และห้องเดี่ยวสำหรับบางท่านที่จำเป็นครับ” คุณนัฐพูดพลางแจกแผ่นกระดาษรายชื่อห้องพักให้กับผู้ช่วยค่ายอีกคน “อ๊อฟกับพี่มาคินพักห้องนี้ครับ A1” ทีมงานหญิงยื่นกุญแจให้ ทั้งสองคนพยักหน้ารับพร้อมลากกระเป๋าไป “พี่ร้อยดาว... พักคนเดียวที่ A3 นะคะ เป็นห้องติดทะเลค่ะ” เสียงทีมงานหญิงบอกพร้อมส่งกุญแจให้ร้อยดาว เธอเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยด้วยความแปลกใจ “พักคนเดียวเหรอคะ?” “ใช่ค่ะ ผู้จัดอยากให้พี่ได้พักผ่อนเต็มที่ เลยจัดไว้ให้แยกจากกลุ่มเล็กน้อยค่ะ” ร้อยดาวยิ้มรับนิด ๆ ไม่ได้ขัดอะไร ที่จริง... เธอก็ชอบความสงบมากกว่าต้องนอนฟังใครกรนหรือพลิกตัวไปมาทั้งคืน “อาร์ตกับก็อปเปอร์ ห้อง A2 ครับ” พอทีมงานประกาศชื่อ อาร์ตก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเหลือบตามองหน้าก็อปเปอร์แวบหนึ่ง “มีห้องอื่นว่างมั้ยครับ ผมขอพักคนเดียว” เสียงเรียบ ๆ จากอาร์ตดังขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่หันมามอง ก็อปเปอร์เลิกคิ้ว “ไม่อยากนอนกับผมขนาดนั้นเลยเหรอพี่” “เปล่า” อาร์ตตอบห้วน ๆ ไม่ได้ยิ้ม ทีมงานรีบเข้ามากลบสถานการณ์ “เดี๋ยวขออนุญาตเช็กให้นะคะโชคดีค่ะ เหลือห้องแถวหลังที่เป็นห้องเล็ก แยกจากเรือนหลักนิดหน่อย พี่อาร์ตพักตรงนั้นได้นะคะ” “อืม” เขารับกุญแจห้องเงียบ ๆ เดินแยกไปโดยไม่พูดอะไรอีกทุกคนเริ่มลากกระเป๋าเข้าห้องตามลำดับ “แล้วพวกทีมดนตรีล่ะครับ” มาคินถามขณะหันไปทางเพื่อน ๆ ที่เล่นเครื่องดนตรี “กลุ่มพี่ทีมดนตรี พักห้องรวม B1–B2 ด้านหลังนะครับ มีเตียงเดี่ยวแยกสบาย ๆ ห้องน้ำในตัวครับ” เสียงทีมดนตรีเฮกันเบา ๆ เพราะโล่งใจที่จะได้อยู่รวมกันเอง ไม่ต้องเกรงใจศิลปิน ภายในห้อง A1 ที่มาคินกับอ๊อฟเข้ามา มีเตียงแฝดและวิวหน้าต่างหันออกสู่ต้นปาล์มริมชายหาด แสงแดดยามเย็นสาดเข้ามาพอดี มาคินทิ้งตัวลงบนเตียงทันที “นอนได้สักที… ขอกลิ้งก่อนเลย” “พี่คิน เมารถเมื่อกี้หายยังครับ?” อ๊อฟถามพลางวางกระเป๋า “หายแล้ว แต่ถ้าขึ้นเรืออีกก็คงไม่รอด” มาคินหัวเราะเบา ๆ ฝั่งห้อง A3 ที่ร้อยดาวพัก เธอเปิดประตูเข้าไปพบห้องสีขาวสะอาด เตียงเดี่ยวใหญ่กลางห้อง และระเบียงเปิดออกสู่ทะเล หัวใจของเธอเหมือนได้เติมพลังขึ้นมาอีกครั้งหลังจากวุ่นวายบนรถและบนเรือ “โอ้ยสวรรค์ของฉัน” เธอทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหลับตาพริ้ม สูดลมหายใจลึก ๆ พลางนึกถึงใบหน้าของมาคินที่เธอพยายามจะไม่ใส่ใจนักในช่วงหลัง ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาทำให้บรรยากาศเงียบเหงาในทริปนี้ดูสดใสขึ้น ฝั่งห้องก็อปเปอร์ที่ต้องพักกับ “ไม่มีใคร” เขาเปิดประตูห้อง A2 เข้าไปแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “นอนคนเดียวเฉยเลยกู สุดท้ายพี่อาร์ตก็ไม่เอากูอยู่ดี” เขานั่งลงแล้วส่งไลน์หาเพื่อนในกลุ่ม “พี่อาร์ตทิ้งกูเฉย ไปนอนคนเดียวแล้วจ้า” ฝั่งของอาร์ตในห้องเล็กแยกออกไป เงียบสนิท เขานั่งอยู่บนเตียง มองโทรศัพท์ที่ไม่มีข้อความเข้า เขาเปิดหน้าต่างออกไปมองทะเลอย่างเหม่อลอย แววตานั้นมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ความอึดอัด? ความเหนื่อยใจ? หรือบางอย่างที่เขาไม่อยากให้ใครรู้ ชายหาด ใต้แสงเทียน เสียงคลื่นซัดฝั่งเบา ๆ คลอไปกับลมทะเลยามค่ำคืนที่พัดโชยไม่หยุด ไฟประดับโทนส้มอ่อน ๆ พาดจากต้นไม้ถึงร่มผ้ากลางโต๊ะอาหาร ร่มไม้ชายหาดถูกจัดวางโต๊ะไม้กลมยาวสำหรับมื้อค่ำของค่ำคืนนี้ กลิ่นอาหารทะเลสด ๆ และกลิ่นหอมของต้มยำทะเลลอยมาแตะจมูก ศิลปินและทีมงานทยอยลงมานั่งรวมตัวกัน อ๊อฟนั่งข้างก็อปเปอร์ ส่วนมาคินมาช้าเล็กน้อยเพราะยังหาผ้าเช็ดหน้าอยู่ ร้อยดาวมาเป็นคนสุดท้ายในชุดแม็กซี่เดรสสีขาวลายดอกเล็ก ๆ ที่พลิ้วตามลมทะเล ดวงตาเธอกวาดมองหาคน ๆ หนึ่ง “พี่อาร์ตล่ะ?” เธอถามพลางหย่อนตัวลงนั่งข้างอ๊อฟ “ไม่ลงมา กินที่ห้องมั้ง” ก็อปเปอร์ตอบพลางตักหอยเชลล์ย่างเข้าปาก “พี่เขาดู... แปลก ๆ นะช่วงนี้” อ๊อฟพูดเบา ๆ แล้วเหลือบตามองไปทางบ้านพักหลังที่อาร์ตอยู่ “จะไปสนใจทำไม คนเขาไม่อยากอยู่กับพวกเราอยู่แล้ว” ก็อปเปอร์พูดปนประชด ก่อนจะเบือนหน้าหนี มาคินเดินมาถึงโต๊ะพอดี แล้วหย่อนตัวลงข้างร้อยดาวโดยไม่ขออนุญาต จนแขนชายเสื้อของเขาไปโดนแขนเธอเบา ๆ “เฮ้ย! จะนั่งใกล้ไปแล้วนะ” เธอหันไปมอง “กลัวรึไง?” มาคินยักคิ้วให้ แล้วตักข้าวโพดย่างในจานกลางมากินหน้าตาเฉย ทุกคนเริ่มลงมือกินอย่างออกรส บ้างก็คุยกันเรื่องงานวันพรุ่งนี้ บ้างก็หัวเราะหยอกล้อกันตามประสา เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ร่างสูงของอาร์ตเดินออกมาจากเงามืดของทางเดิน รีบเดินมาตรงโต๊ะพร้อมหน้าตาเรียบเฉย ใคร ๆ ก็หันไปมอง “มีข้าวเหลือมั้ย?” เขาถามสั้น ๆ “เหลือสิพี่ มานั่งเลย” อ๊อฟรีบบอก อาร์ตเดินไปนั่งที่ปลายโต๊ะ แต่ยังคงไม่พูดอะไรกับใครมากนัก แล้วเหตุการณ์เล็ก ๆ ก็เกิดขึ้น... “พี่อาร์ต ไม่ลงมากินด้วยแต่แรก ทำเอาคนอื่นคิดว่าพี่ไม่พอใจอะไรใคร” ก็อปเปอร์พูดพลางหัวเราะนิด ๆ แต่มีแววตาตัดพ้อ อาร์ตหยุดมือที่กำลังตักข้าว แล้วหันมามองก็อปเปอร์ “ถ้าไม่พูด ก็จะไม่มีใครคิดมากหรอก” บรรยากาศที่เป็นมิตรเริ่มแผ่วลงเล็กน้อย “พี่รู้มั้ย ว่าบางทีพี่ทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนไม่อยากให้เข้าใกล้” อ๊อฟพูดขึ้นต่อ “แล้วทำไมต้องเข้ามาใกล้” เสียงของอาร์ตไม่ได้ด แต่มันเย็นจนทุกคนเงียบ “เพราะเราเป็นทีมเดียวกันไงพี่ เรามาเล่นงานเดียวกัน ไม่ใช่มาแยกตัวแบบเก็บตัวราวกับไม่อยากเป็นส่วนหนึ่ง” ก็อปเปอร์พูดเสียงดังขึ้น “แล้วใครบอกว่าอยากเป็นล่ะ” คำพูดนั้นกระแทกใจทุกคนในโต๊ะ มาคินเหลือบมองอาร์ตเล็กน้อย ก่อนจะวางช้อนลงอย่างแรงพอให้โต๊ะสั่นเบา ๆ “ถ้าไม่อยากเป็น ก็ไม่ต้องมางานนี้ตั้งแต่แรกหรอกอาร์ต ไม่มีใครลากคอแกมา” เสียงมาคินต่ำและหนัก ร้อยดาวจับแขนเขาไว้เบา ๆ เป็นเชิงห้าม ก่อนจะหันไปพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เรามาทำงานร่วมกันนะอาร์ต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอดีต หรือในใจพี่... อย่างน้อยคืนนี้ เราก็แค่มานั่งกินข้าวด้วยกัน ไม่ได้จะล้วงความลับชีวิตใคร” คำพูดของร้อยดาวทำให้โต๊ะเงียบลง อาร์ตนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไร และเดินหายไปในความมืดของทางเดิน ไม่มีใครพูดอะไรต่อกันไปอีกสักพัก จนมาคินหันไปยิ้มเจื่อน ๆ กับทุกคน “เรากินต่อเถอะครับ ยังมีของหวานอีกนะ เดี๋ยวพี่จัดเอง” “พี่มาคิน!” อ๊อฟพูดพลางหัวเราะกลบบรรยากาศ ทุกคนเริ่มกลับมาเฮฮาอีกครั้ง แม้จะมีเงาเล็ก ๆ แทรกอยู่กลางรอยยิ้ม คืนแรกที่ควรเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ กลับทิ้งคำถามมากมายไว้กลางสายลมทะเลยามค่ำร้อยดาวยังลูบหัวเจ้ามะยมกับเจ้าก้อนทองที่กระโดดไปกระโดดมาบนเบาะหลังอยู่ไม่หยุด มาคินยื่นมือมาเปิดประตูรถฝั่งเธอ ลมหนาวตีเข้ามาทันทีจนเธอต้องห่อตัว ดึงผ้าพันคอคลุมแน่น“หนาว” เสียงเธอสั่น ๆ พอให้มาคินขำในลำคอมือหนายื่นมาโอบไหล่เธอไว้ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเล็ก ๆ ของเธอสะพายเองแล้วพาก้าวลงจากรถทันทีที่เท้าเหยียบพื้นดินบนลานจอดบ้านพัก เสียงกรวดกรอบ ๆ ใต้รองเท้าฟังดูสงบกว่าทุกวัน เจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมกระโดดลงมาก่อน วิ่งดมดิน ดมต้นหญ้า หมอกบาง ๆ ลอยผ่านขนหมาจนเปียกเป็นหย่อม ๆบ้านพักไม้สองชั้นทรงเรียบ แต่มีระเบียงกว้างทอดออกไปด้านหลัง มองเห็นเนินเขาลูกแล้วลูกเล่า ปลายไม้ระเบียงมีละอองน้ำเกาะพราวเป็นหยด ยามแสงแดดอ่อน ๆ ของเช้าเริ่มส่องลอดกลุ่มหมอก ก็ดูเหมือนเกล็ดเพชรระยิบระยับ“สวยจนเหมือนฝันเลยนะ” ร้อยดาวพึมพำออกมาเบา ๆ เธอเกาะแขนเขาแน่น มาคินหันมามอง ยิ้มบางอย่างใจดี“ไม่ใช่ฝันหรอก วันนี้ของจริงแล้ว” เขาดันประตูบ้านพักออกไปเบา ๆ กลิ่นไม้สนหอมอ่อน ๆ ลอยออกมาต้อนรับภายในบ้านมีเตาผิงเล็ก ๆ มุมหนึ่ง แต่สองคนไม่สนใจอะไรในบ้านเลย เพราะข้างนอกนั่นกำลังเรียกพวกเขาออกไปหามาคินวางกระเป๋า แล้วจับมือ
ไฟห้องนั่งเล่นเปิดสลัว ๆ มีเพียงเสียงหมาน้อยสองตัวที่วิ่งไล่กันอยู่บนพื้นไม้ เสียงกรงเล็บเล็กกระทบพื้นดังกิ๊ก ๆ สลับกับเสียงเห่าเถียงของเจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมมาคินนั่งพิงโซฟา ยื่นขาถอดรองเท้าออกวางบนพรม ร้อยดาวเพิ่งเดินออกจากครัวพร้อมถ้วยโกโก้อุ่นในมือสองใบ กลิ่นนมสดกับผงโกโก้แท้ลอยคลุ้งไปทั่วบ้าน เธอวางแก้วใบหนึ่งลงตรงหน้ามาคิน แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มืออุ่นของเธอเลื่อนมาลูบหัวเจ้าก้อนทองที่กระโดดขึ้นมาตักคืนนี้ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์ ไม่มีเสียงแฟนคลับกรี๊ด ไม่มีไฟเวทีพร่างตา มีเพียงลมหายใจของสองคน ที่กำลังจะออกเดินทางไปหาหมอกขาวบนดอยในวันรุ่งเช้า เสียงหรีดหริ่งเรไรข้างบ้านดังลอดหน้าต่าง ครู่หนึ่งร้อยดาวหันมามองคนข้างกาย“นี่ คิดดีแล้วใช่มั้ย จะพาฉันกับหมาสองตัวไปหนาวบนดอยด้วยเนี่ย" มาคินอมยิ้ม หันมาจับแก้มเธอเบา ๆ ปลายนิ้วเย็นนิดหน่อเพราะเพิ่งแตะแก้วโกโก้“คิดดีแล้วครับคุณแฟน เพราะไม่มีเธอ ฉันก็หนาวแย่สิ”ร้อยดาวตีแขนเขาเบา ๆ แต่ก็ยอมเอนหัวซบไหล่เหมือนเด็กขี้อ แสงไฟสีอุ่นในห้องนั่งเล่นตกกระทบเสี้ยวหน้าเธอ ดวงตาเป็นประกายระยิบเหมือนเด็กที่กำลังเฝ้ารออะไรสักอย่างด้วยใจเต้นแรงเจ้ามะยมกร
AFTER PARTY ก้าวต่อไปหลังไฟสปอร์ตไลท์ดับค่ำคืนนั้นหลังเวทีใหญ่ปิดฉาก เสียงปรบมือยังแว่วอยู่ในหัว ร้อยดาวกับมาคินเพิ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดสบาย ๆ เดินออกจากห้องแต่งตัวด้วยใบหน้ายังแดงระเรื่อจากไฟบนเวทีในห้องพักหลังคอนเสิร์ต ทีมงานทุกคนรออยู่แล้ว โปเต้เดินถือขนมกล่องใหญ่กับเครื่องดื่มในมือ สงครามยืนพิงกำแพงรอ ส่วนอ๊อฟกับก็อปเปอร์นั่งกอดหมอนบนโซฟายาว สภาพทุกคนดูอ่อนล้าแต่ตากลับเปล่งประกายเหมือนเพิ่งได้รับพลังใหม่บนโต๊ะกลางมีเค้กเล็ก ๆ ปักเทียน “1 Year Anniversary” ที่โปเต้สั่งให้ บรรยากาศไม่มีเสียงกรี๊ด ไม่มีใครถือแท่งไฟ มีแต่เสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนที่เป็นเหมือนครอบครัวจริง ๆ โปเต้วางกล่องขนมลงโต๊ะ“เอ้า นี่ของขวัญวันครบรอบหนึ่งปีของเด็กคู่นี้… พี่สั่งมากับมือ ไม่ได้ให้เอฟซีนะ พี่ให้เอง” โปเ้เองพอใจในน้อง ๆ สังกัดตนเองทุกคน“ขอบคุณพี่โปเต้มากครับ พี่นี่แหละคนดันเรามาตลอด”“เฮีย ถ้าไม่มีเฮีย หนูคงไม่มีวันนี้จริง ๆ ค่ะ” ร้อยดาวขอบคุณสงคราม“ถ้าเธอสองคนไม่อดทน ก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกัน จำเอาไว้ ทุกเทคที่ซ้อมกันยันเช้า ไม่เสียเปล่าเลย” สงครามพยักหน้านิ่งก็อปเปอร์ลุกมาดึงทั้งคู่มานั่งรวมวงบนพื
เสียงกรี๊ดต้อนรับดังลั่นจนเกือบกลบเสียงพิธีกรบนเวทีในฮอลล์คอนเสิร์ตใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยไฟเวทีสีทองนวล พร็อพดอกไม้หลากสีและแบนเนอร์คู่จิ้น ร้อยดาว × มาคินทุกเก้าอี้ถูกจับจองแน่นขนัด แท่งไฟนับพันกวาดแสงไปมาเป็นคลื่นเหมือนท้องทะเลเรืองแสงเสียงเพลงอินโทรเปิดตัวเริ่มขึ้นพร้อมแสงไฟไล่ไปตามแนวเวที เมื่อเงาสองคนก้าวออกมาจากด้านหลัง ม่านไฟพุ่งขึ้นต้อนรับ เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นราวกับฮอลล์จะสั่นสะเทือนร้อยดาวยืนข้างมาคิน มือเล็กกำไมค์ไว้แน่นเพราะหัวใจเต้นแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แววตาของเธอวาววับ มองแฟนเพลงกว่าพันชีวิตที่โบกแท่งไฟรออยู่"สวัสดีครับ โอ้โห ผมคิดว่าจะไม่มีคนมาดูพวกเราสองคนเสียอีกครับ" เสียงมาคินทักทายเรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นลั่นฮอลล์“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่วันนี้ทุกคนมาชาร์จพลังให้พวกเราจริง ๆ ”เสียงเธอสั่นหน่อย ๆ ก่อนจะหัวเราะเบาเมื่อมาคินโอบไหล่ให้กำลังใจข้าง ไฟสปอร์ตไลท์สาดลงบนสองคนที่ยืนเคียงกันเหมือนคู่พระนางในนิทานช่วงกลางคอนเสิร์ต หลังจากเพลงซึ้งจบไปสามสี่เพลงพิธีกรเซอร์ไพรส์ด้วยการเชิญ “แขกรับเชิญพิเศษ” ของสองคนขึ้นมาบนเวทีเสียงกรี๊ดรอบใหม่ดังขึ้นทันที เมื่อเห็นพ่อกับแม่
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ
![My Engineerรักร้ายนายจอมโหด [ต้าร์พินอิน]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)






