เจ็ดนาฬิกาตรง พราวพิชชาขยับตัวเมื่อร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ด้วยความตื่นเต้นหลังจากมานั่งรอก่อนเวลาเกือบสิบนาที พอเห็นเขาก็เผลอยิ้มดีใจออกมา แต่พอดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มปรายมามองก็รู้ตัว รีบหุบยิ้มฉับ เสมองรูปวาดสีน้ำมันบนผนังที่เพิ่งสังเกตก็วินาทีนี้แหละแทน ทำเหมือนว่าสนใจมันนักหนา
พอรัชภาคย์นั่งลง หญิงสาวก็เหลือบเห็นเขาก้มหน้าก้มตาจัดการกับออมเล็ต ไส้กรอก และแฮมที่เสิร์ฟมาเสียจานใหญ่ เธอรอจนอาหารในจานเขาพร่องเป็นครึ่ง ก็เริ่มขยับตัว จิ้มไส้กรอกในจานของตัวเองกินบ้างรสชาติอร่อยดีหรอก แต่กลับรู้สึกฝืดคอ ฝืนกินไปแกนๆ ระหว่างรอให้เขาพูดออกมาสักที“จะเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าไหม”“คะ...อะไร” หญิงสาวเงยหน้ามอง ถามงุนงง“กินไส้กรอกทำท่าอย่างกับจะติดคอตาย งั้นก็กินน้ำส้มไล่ลงไปสิ หรือกินไม่ลงอีก จะได้ให้เด็กเอาน้ำเปล่ามาให้”พราวพิชชาสะดุดกึก ดีนะที่ไม่มีอะไรค้างอยู่ในปาก ไม่งั้นอาจสำลักออกมาแน่“ฉันรอว่าเมื่อไหร่คุณพูดธุระของฉัน ไม่เกี่ยวกับอาหารหรอก มันอร่อยดี ฉันกินได้ทุกอย่าง”ใกล้เที่ยงวัน ธนัทจอดรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสีน้ำตาลคันใหญ่มาจอดหน้าบ้าน เขาได้รับคำสั่งให้มาที่นี่เพื่อรอรับคำสั่งจากผู้หญิงที่เจ้านายพามาเมื่อสองวันก่อน‘คุณเล็กให้ผมไปรับคุณพราวพิชชาที่บ้านใหญ่แล้วไปส่งเธอที่รีสอร์ตแสงตะวันใช่ไหมครับ’‘กูแค่ให้มึงไปเสนอหน้าให้เขาเห็น ถ้าเขาให้ทำอะไร ก็ทำไปตามที่เขาต้องการ แต่ถ้าเขาไม่ออกปาก มึงก็ไม่ต้องเสือก’ธนัทไหวไหล่ ยิ้มกริ่มเมื่อถึงบางอ้อ นึกถึงอารมณ์บูดๆ ของเจ้านายที่เข้าสำนักงานใกล้ขุมเหมืองเมื่อเช้า แล้วด่าทอหัวหน้าคนงานที่กำลังออกอาการกะลิ้มกะเหลี่ยคนงานหญิงที่มาใหม่ ธนัทรู้ว่ารัชภาคย์ไม่ชอบเรื่องทำนองนี้ เห็นห่ามๆ อย่างนี้เถอะ ความเป็นสุภาพบุรุษในตัวของเจ้านายนั้นสูงลิบ ดูแลปกป้องลูกน้องหรือคนงานผู้หญิงดีอย่างกับอะไร ถ้ารู้ว่ามีใครบังอาจคุกคาม ไม่ให้เกียรติพวกเธอแล้วละก็...เจ้านายเขาไม่เคยละเว้นแต่ที่ผ่านมาก็เป็นการเรียกมาว่ากล่าวตักเตือน หนักข้อมากเข้าก็ลงโทษโดยการให้พักงานเสีย แต่ไม่เคยออกลีลาไล่เตะใครเหมือนเมื่อเช้าธนัทเตร่ไปมาหน้าบ้าน สลับการยืนอิงรถกระบะ พาหนะที่พาเขามาถึง ชะเง้อม
เกือบสามทุ่ม พราวพิชชายังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ตรงมุมด้านในของโถงใหญ่ ถ้าเป็นที่เพิร์ท เธอคงรู้สึกว่ายังเป็นเวลาปกติ ไม่ดึกสำหรับใครสักคนที่จะยังคงอยู่นอกบ้าน แต่พอเป็นที่นี่ สถานที่ที่โอบล้อมด้วยทิวเขาที่เห็นไกลๆ ถึงจะอยู่ในบ้านที่ปลอดภัย ซ้ำยังโอ่อ่าหรูหรา สะดวกสบายแทบทุกตารางนิ้ว แต่พราวพิชชาก็ยังสัมผัสว่ามันวังเวงและน่ากลัวอยู่“ไปไหนของเขานะ แล้วจะกลับมากี่โมง”เหตุปะทะเมื่อตอนเช้า พราวพิชชาโกรธรัชภาคย์นั้นใช่แน่นอน ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นเรื่องจริงเสียยิ่งกว่าอะไร แต่ยังเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรเสียเขาก็ควรใช้คำพูดที่ถนอมน้ำใจเธอสักนิด...แทนที่จะเฟ้นหาแต่ถ้อยคำแรงๆ ให้เธอต้องรู้สึกแย่อยู่ทั้งวันหญิงสาวใช้เวลาคิดใคร่ครวญ ประเมินตัวเอง สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าเธอจะคุยกับเขาใหม่...ลึกๆ แล้วพราวพิชชาก็อยากเคลียร์เรื่องหนี้สินเก่าก่อนเหมือนกันจนถึงเวลาสี่ทุ่ม เธอก็ถอดใจที่จะนั่งรอเพื่อคุยกับเขา จึงลุกจากเก้าอี้ สัมผัสว่ารอบตัวเงียบสงัด เด็กในบ้านคงกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักทางด้านหลังกันหมดแล้วหญิงสาวอาบน้ำแล้วแต่งกายในชุดนอนด้วยกาง
หลังจากบุกเข้าไปถามรัชภาคย์ในห้องทำงาน พราวพิชชาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะต่อสายหาผู้ให้กำเนิดที่อยู่คนละทวีป แต่เมื่อมองเวลา คำนวณว่าทางนั้นคงหลับอยู่ หล่อนถึงได้ตัดใจข่มตาหลับ แล้วตื่นมาในเวลารุ่งสางโดยไม่รอช้า หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือมาค้นหาคำตอบที่ต้องการให้แน่ใจ ก่อนจะวางแผนรับมือการเป็นลูกหนี้หลักสิบล้านต่อด้วยตัวเองเธอโทร.เข้าเบอร์ของพ่อ แต่แม่เป็นคนรับสาย เสียงของแม่ดีอกดีใจ ถามความเป็นไปแม้เธอจากมาแค่ไม่กี่วัน ทำให้พราวพิชชาฝืดเฝื่อนในลำคอ ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ไม่เคยโกรธพ่อกับแม่ เธอจะรู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่พวกท่านทำลงไปล้วนก็เพื่อตัวเธอเองในฐานะลูก จึงเป็นหน้าที่ของเธอที่จะตามเคลียร์ปัญหาและชดใช้ให้กับทุกคนที่ครอบครัวติดค้างอยู่“เรื่องหนี้ แม่ไม่รู้เรื่องหรอก แหววคงต้องคุยกับคุณพ่อเอง แต่แม่เชื่อเลยว่าคุณพ่อต้องไม่ชอบใจที่แหววขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ มาถาม มันผ่านมานานแล้ว และมันก็จบไปแล้ว เราใช้คืนให้เจ้าหนี้เขาหมดแล้วนะลูก”“แต่แหววอยากรู้ค่ะ...แหววขอโทษที่พูดเรื่องพวกนี้ ทำให้แม่ไม่สบายใจ”“ตามใจ คุณพ่อม
ร่างงดงามกลมกลึงที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงจุดเดิม แม้แสงแดดยามสายจะแผดกล้า แต่หล่อนก็ยังทำเช่นเดิม จนคนที่ลงจากรถกระบะคันสีน้ำตาลที่แวะมาเมื่อวานต้องเขม้นมองซ้ำ เขาจำเธอได้ทันทีที่เห็นแวบแรก แต่ที่มองอยู่เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ทำไมยังแบกจอบขุดดินอยู่อีกล่ะป้า นี่เมื่อคืนเขาไม่ได้เคลียร์กันเหรอ”ธนัทถามป้ามิ่งที่เดินเอื่อยมาส่งปิ่นโตให้ตามที่เจ้าตัวโทร.มาอ้อนขอ ด้วยเหตุผลว่าเบื่อกับข้าวโรงอาหารในเหมืองจนกระเดือกไม่ลงอยู่แล้ว และวันนี้ก็ออกไปทำธุระในเมือง ขากลับจึงเลือกใช้เส้นทางนี้แทน ดังนั้นไหนๆ ก็ผ่านบ้านของเจ้านายอยู่แล้ว จึงขอให้ป้ามิ่งบอกแม่ครัวฝีมือดีจัดอาหารอร่อยๆ มาให้สักปิ่นโต“ป้าก็ไม่รู้ เมื่อวานป้ากลับบ้านไปก่อนที่คุณเล็กจะกลับมา แต่คิดว่าคงได้คุยกันแล้วละ เพราะเมื่อเช้าก็เห็นคุณเล็กดีๆ อยู่ แต่ตกสายคุณพราวพิชชาลงมาข้างล่าง หน้างี้ตึงเชียว ข้าวปลาตั้งโต๊ะไว้ให้ก็ไม่กิน แล้วเป็นอย่างที่คุณนัทเห็นนี่แหละ”ป้ามิ่งเล่าแล้วบุ้ยใบ้ไปในทิศทางที่พราวพิชชาถือจอบขุดดินอยู่อย่างแรงไม่ตก“แล้ว...สองคนนี้เขามีอะไร
รถจี๊ปสปอร์ตคันสีดำเคลื่อนด้วยความเร็วสูง จนรถญี่ปุ่นคันหลังตามเกือบไม่ทันอยู่หลายหน จนเข้าเขตที่ดินของตัวเอง รอบอาณาบริเวณเกือบพันไร่ รถคันหลังถึงชะลอตัว เคลื่อนตามช้าๆ เหมือนยังลังเล จนใกล้ป้อมด้านหน้าสักร้อยเมตร รถคันนั้นก็ถอยกลับออกไปรัชภาคย์บังคับรถผ่านเข้าสู่ประตูรั้วใหญ่ของเขตชั้นในของพื้นที่บ้านที่เขาสร้างไว้เกือบสองปี เมื่อรถจอดและดับเครื่องเสร็จจึงก้าวลงมา กวาดสายตาไปยังมุมหนึ่ง ไร้วี่แววว่าจะมีใครสักคนอยู่ตรงนั้นร่างสูงใหญ่ทอดเท้าเอื่อยไปยังแปลงทดลองปลูก นายดี๋เห็นเจ้านายก็รีบวิ่งมาหา“ทำไมถึงเละเทะอย่างนี้”รัชภาคย์ถามเสียงเรียบเรื่อย ชี้ไปยังมุมด้านนอกของแปลงทดลองที่มีร่องรอยการขุดจนไม่เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่คนงานทำคนถูกถามทำหน้าแหย มองตามเจ้านาย ดินบางส่วนถูกขุดลึกกว่าหน้าดินพลิกขึ้นมา ซึ่งไม่มีทางเป็นฝีมือของคนทำงานอย่างพวกเขา“คุณผู้หญิงมาขุดอยู่สองวันแล้วครับ”“เขาทำอะไร”“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมไม่กล้าถาม”...เพราะคุณผู้หญิงคนสวยแบกจอบมาแต่ละที ใบหน้าก็
รัชภาคย์ถามเสียงขรึม แม้ความสงสัยมีอยู่มาก แต่เขาก็คิดว่าควรปรามหล่อนไว้ก่อน“เมื่อวานคุณพูดเรื่องหนี้สินกับฉัน คุณจำได้ไหมว่าพูดอะไรไปบ้าง คนทุเรศ จะเล่าก็เล่าไม่หมด พูดเอาดีใส่ตัว คุณทำได้ยังไง ทวงหนี้แทนพี่ชายคุณ พอเก็บหนี้ไม่ได้ก็ปาระเบิดใส่บ้านฉันงั้นเหรอ บ้าไปแล้วหรือไง ติดนิสัยคนบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือยังไง”รัชภาคย์ชะงักกึก แวบแรกนึกงุนงงว่าหล่อนพูดเรื่องอะไรกัน แต่ไม่นานก็นึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นออก...เหตุการณ์ที่หล่อนกำลังถามถึง และมันเกิดขึ้นจริงด้วยฝืมือเขา“หน้าตัวเมีย ทำร้ายคนแก่กับผู้หญิง ถ้าพ่อแม่กับน้องฉันบาดเจ็บหรือตาย นายจะรับผิดชอบยังไง คนเลว เลวไม่มีที่ติ ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านฉัน”พราวพิชชากรีดเสียงใส่ ยิ่งรัชภาคย์ยังนิ่งเฉย ตีสีหน้าเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เธอก็ยิ่งโมโหหนักพลันร่างเล็กก็โผนหา เป้าหมายเป็นคนตัวใหญ่ที่ยืนปักหลักนิ่ง เล็บคมๆ จิกหมับที่แผงอกกว้าง แล้วกรีดลากอย่างต้องการให้เขาเจ็บพราวพิชชาประเมินเขาต่ำไป ข้างในรัชภาคย์กำลังเดือดปุดเมื่อได้ยินคำด่าทอ พอหล่อนพุ่งเข้าหา และ
ถึงอารมณ์หวามไหวที่น่าหวั่นกลัว ขณะเดียวกันก็เย้ายวนชวนให้โอนอ่อนตาม“คุณเล็ก...”เสียงครวญหลุดออกมา ดวงหน้านวลแหงนหงาย เสียงครางอือดังในลำคอระหงเมื่อเขาจูบไล้เนินเนื้อนวล ระเรื่อยลงกวาดชิมส่วนลี้ลับของกายเธอจนสัมผัสว่าหญิงสาวพรั่งพร้อมด้วยหยาดน้ำผึ้งหวานที่ฉ่ำเยิ้ม รัชภาคย์ปีนป่ายขึ้นมาทาบทับ ดันเรียวขางามเปิดกว้างเพื่อรองรับตัวตนของเขาพราวพิชชาผวาเฮือกขึ้นเมื่อความแข็งขึงร้อนผ่าวจดจ่ออยู่กับส่วนอ่อนนุ่มของตัวเอง หล่อนเม้มริมฝีปากแน่น สองมือเกาะไหล่กำยำแน่นอย่างหวาดหวั่นและจำยอมความเจ็บตึงแผ่ซ่านเมื่อความใหญ่โตขยับเบียดแทรกสู่ช่องทางอุ่นนุ่มที่คับแน่น เสียงครางกระหึ่มดังในลำคอหนาเมื่อเขาต้องบอกตัวเองให้ใจเย็นและอดทนรอ ค่อยๆ ขยับดันแก่นกายตนเข้าสู่ร่างเธอ“พอ...เจ็บ ออกไป”รัชภาคย์กอดรัดร่างงามไว้แน่น กดแก่นกายลึกลง จมดิ่งในความอุ่นชื้นที่รองรับอยู่“นอนนิ่งๆ อย่าต่อต้านผม ผ่อนคลายนะคนดี”เขากระซิบแผ่วเมื่อรู้สึกถึงความคับแคบในช่องทางที่พยายามแทรกผ่าน ข่มกลั้นอารมณ์ดิบที
พราวพิชชาตื่นขึ้นมานั่งอยู่กลางเตียง นานนับนาทีที่นิ่งงัน ทบทวนตัวเองอยู่ จนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อภาพเหตุการณ์ย้อนกลับมาเป็นฉากๆหล่อนรีบยกมือขึ้นปิดปาก กลัวเสียงร้องจะลอดออกมา ค่อยๆ เบือนมองผู้ชายที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ...เขากำลังหลับสนิทมันเป็นความรู้สึกที่พราวพิชชาบอกตัวเองไม่ได้ว่าคืออะไร สับสน หวาดหวั่นหรือใจหาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงยอมให้เหตุการณ์ลงเอยแบบนี้ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวเลื่อนออกมา พลันต้องคู้ตัวงอเมื่อความปวดเมื่อยทั่วตัวเริ่มสำแดงฤทธิ์ ยังความเจ็บแปลบในบริเวณที่ถูกรุกรานอย่างหนักตลอดที่โรมรันกัน...ความบอบช้ำที่เกิดกับกายตอกย้ำให้พราวพิชชารู้ว่าเหตุการณ์เมื่อบ่ายต่อเนื่องมาจนถึงหัวค่ำนั้นเป็นความจริง เธอไม่อาจคิดเป็นอื่นได้อีกสองมือสั่นเทาก้มหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งลงข้างเตียง หล่อนเก็บมาสวมอย่างเร่งรีบ แต่ยิ่งรีบเท่าไหร่ก็ยิ่งเชื่องช้าอย่างน่าขัดใจ จนต้องคุมสติใหม่ เมื่อจัดการตัวเองจนเสร็จจึงออกจากห้องนอนเขา ผ่านทางห้องทำงานออกมา จนอยู่ในห้องพักส่วนตัวได้สำเร็จสายน้ำเย็นเฉียบราดรดทั่วกายอรชรที
นายวัฒนะขยับตัวเมื่อสำเหนียกถึงบางอย่างที่ดูผิดปกติอยู่บนรถลีมูซีนคันยาวเฟื้อยที่ไปรับเขามาจากสนามบินนานาชาติเชียงราชตั้งแต่อยู่บนเครื่องก็มีพนักงานต้อนรับของสายการบินคอยเดินมาถามไถ่ว่าเขาและภรรยาต้องการอะไร คอยดูแลอย่างไม่พร่อง จนเครื่องบินลงจอดเทียบท่าก็ยังมีพนักงานของท่าอากาศยานสนามบินพาไปยังห้องรับรองพิเศษ นั่งอยู่สักห้านาทีก็มีผู้ชายใส่สูทสีดำสองคนตรงมาค้อมตัวแล้วบอกว่ามีหน้าที่คอยบริการเขา และจะพาไปยังห้องพักของโรงแรมหรูที่สุดของเมืองเชียงราชนายวัฒนะนึกชอบใจ ลำพองตนอยู่ว่าคนพวกนั้นคงเห็นบางสิ่งในตัวเขาฉายชัดออกมา จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษ...แต่พอตอนนี้กลับฉุกคิดระแวงขึ้นเป็นครั้งแรกเชียงราช ถิ่นของรัชตะเจ้าหนี้เก่า รวมถึงรัชภาคย์ที่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาแต่หนหลัง แถมเมื่อวานซืนเขาเพิ่งรู้จากภรรยาว่ารัชภาคย์ได้ทำเรื่องที่เรียกว่าขยี้หัวใจของเขาจนแหลกไปแล้วนายคนป่าเถื่อนคนนั้นล่อลวงลูกสาวที่แสนดีของเขาไปพราวพิชชาเป็นเด็กดีเสมอมา ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย ไม่เคยคบหาเพศตรงข้ามมาก่อน เขารู้ทุกเรื่องของลูกสาวผ่านภรรยา อีกทั้งยังติดตามสอบถามจากคนที่
“เฮ้ย! ชิบหายแล้วไง นายใหญ่จะตายไหมวะนั่น”แค่ได้ยินเสียงของพี่ชายที่ลอดออกมาหลังสิ้นเสียงหัวเราะนั้น รัชภาคย์ก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเป็นเยี่ยม เขาจึงตัดสายฉับไว ปล่อยหน้าที่เอาตัวรอดให้เป็นของพี่ชายคนเดียวนายเก่งอยู่แล้ว ฉันยกนายให้เป็นฮีโร่เลยนะโว้ย หาทางเอาเองแล้วกัน อย่าให้สิ้นชื่อเพราะโดยเมียข่วนล่ะอวยพรพี่ชายอยู่ในใจ รัชภาคย์ก็ค่อยๆ เบือนหน้ามองรอบ พอเห็นว่าตนยังคงอยู่ตามลำพังก็พ่นลมหายใจพรูออกมา...รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดร่างสูงใหญ่ทอดฝีเท้าด้วยท่วงท่ามั่นอกมั่นใจกลับเข้าบ้านทางประตูด้านข้างที่เชื่อมกับห้องรับประทานอาหาร หลังจากบอกพราวพิชชาที่นั่งร่วมโต๊ะว่าจะออกไปคุยงานสำคัญเป็นการส่วนตัวและเมื่อกลับมาถึงจึงเห็นเธอนั่งรอเขาอยู่ ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน แล้วพาเธอมาทางด้านหน้าของบ้าน ตั้งใจว่าวันนี้จะกระเตงหล่อนเข้าเหมืองด้วยกันระยะนี้เขาต้องพาพราวพิชชาติดตัวด้วยตลอดเวลา ลองปิ่นลดามาได้ยินเรื่องที่รัชตะพูดกับเขาแล้ว เธอคงไม่อยู่เฉยอย่างกับนัดกันไว้ พ่อตาแม่ยายก็มา แถมน้องเมียหรืออีกนัยคือพี่สะใภ้มา
เมื่องานของพราวพิชชาเป็นตามแผนที่รัชภาคย์คุยกับไรวินทร์ จึงไม่มีอะไรให้ห่วง ส่วนหญิงสาวที่ตั้งหน้าตั้งตารอโทรศัพท์จากมารดา อยากรู้ความคืบหน้าที่บอกว่าจะคุยกับบิดาให้เองนั้นผลจะเป็นอย่างไร แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ“อย่าคิดมาก คุณแม่คุณรู้เรื่องของเราแล้ว ถือว่าผู้ใหญ่รับรู้ ท่านบอกจะคุยกับคุณพ่อของคุณให้ คุณก็รออีกหน่อย เดี๋ยวก็ติดต่อกันมาเอง”รัชภาคย์บอกเสียงเรียบ แม้จะคิดว่าสาเหตุที่แม่ของพราวพิชชาเงียบไปแบบข้ามวัน เพราะยังไม่อาจทำใจมากกว่า เรื่องมันคงปุบปับเกินไป อีกอย่างพ่อกับแม่เธอจะหายเงียบไปได้อย่างไร ทางนี้ก็ลูกสาวคนเดียวทั้งคนแต่เขาก็ไม่ได้บอกเหตุผลนี้กับเธอ เพราะเชื่อว่าหญิงสาวคิดอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่อยากย้ำให้คิดมากขึ้นไปอีก“ผมว่าไหนๆ คุณต้องอยู่เชียงราชอยู่แล้ว...บอกน้องสาวสักทีดีไหม”รัชภาคย์หยั่งเสียงถาม รู้ทันว่าหล่อนกำลังลืมเรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันบางอย่าง และเป็นจริง พอได้ยินพราวพิชชาถึงกับออกอาการตกใจ“ตายจริง แหววลืมลดาไปเลย โอ๊ย! ปวดหัวจัง แหววไม่น่าโกหกน้องบ้าๆ แบบนี้เลย&rdq
“งั้นตามใจคุณ แต่สัญญานะว่าถ้ามีอะไร อย่าเก็บไปคิดหาทางออกคนเดียวอีก มีผัวก็รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์บ้าง”“คุณนี่ พูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ให้พูดแบบนี้อีกนะ”ดูเขาพยายามยัดเยียดตัวเองเหลือเกิน จนพราวพิชชาเหนื่อยใจที่จะปราม“ถ้าอย่างนั้นคุณก็อย่าทำให้ผมขัดใจ”“คุณนั่นแหละที่ทำให้แหววเป็นแบบนี้ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า”“โอเค ผมยอมรับ อย่างที่คุณว่า ผมไม่ยอมพูดเรื่องของเราให้เคลียร์ตั้งแต่ต้น เลยทำให้คุณไม่มั่นใจ”“ยังมีอีก”หล่อนสวนทันควัน รัชภาคย์หรี่ตามองสงสัย แล้วถามอย่างไม่อยากให้คาใจนาน“เรื่องอะไร”“แหววจะบอกคุณเรื่องงานที่โทร.หาคุณไรวินทร์อยู่หลายครั้ง แต่แค่คุณเห็นแหววคุยกับเขา คุณก็ไม่พอใจแล้ว ถึงคุณไม่พูดแต่แหววดูออก อย่างนี้แหววจะกล้าบอกคุณทุกเรื่องได้ยังไง”“คุณไม่กล้าบอกผมด้วยเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”รัชภาคย์ทำเสียงประหลาดใจสุดฤทธิ์ แววตาบ่งบอกว่าไม่อยากเชื่อ จนคนตั้งใจบอกต้องพยักหน้าแรงๆ พร้อมยืนยันด้วยคำพ
“เอาไว้ให้ถึงเวลานั้นแล้วค่อยว่ากัน”“ได้ค่ะแม่”ตัดสายจากกันแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะออกหัวหรือก้อย แต่พราวพิชชาก็รู้สึกดีที่ไม่ต้องเก็บเรื่องราวหนักอกให้อยู่แค่ในใจอีกหญิงสาวยกมือกอดอกเมื่อลมหนาวพัดผ่านมา เช้าวันนี้อากาศเย็นลงกว่าปกติ พราวพิชชามองรอบตัว เริ่มเคยชินกับการเห็นทิวเขาไกลๆ ที่โอบล้อม คุ้นกับบ้านหลังใหญ่ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มองเห็นกำแพงสูงล้อมรอบไกลๆ ยังมีอีกหลายส่วนของบ้านที่หล่อนยังเดินไปไม่ถึง...วันนี้เกิดนึกอยากรู้ อยากรู้จักมันทุกตารางนิ้วความมั่นคงและความตรึงใจกำลังคืบคลานมาหาพราวพิชชา ต่อจากนี้เธอจะเดินหน้าในเส้นทางที่เลือกแล้วด้วยหัวใจ...หากสัญญากับตัวเองว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ทิ้งหน้าที่ของลูกที่ดีเช่นกันหญิงสาวหันกายกลับ ชั่วขณะหนึ่งปรายตาไปยังมุมซึ่งอยู่เยื้องทางด้านหลังของบ้าน ด้วยรู้สึกเหมือนตนตกเป็นเป้าสายตาของใครอยู่ผู้ชายเรือนกายล่ำสันที่เปิดเปลือยเนื้อตัวท่อนบนจนเห็นกล้ามเนื้อหนั่นแน่นไกลๆ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องนอน...ห้องนอนที่เธอเพิ่งจากมา และเขากำลังทอดสายตามองเธออยู่พราว
น้ำเสียงห้าวแหบพร่าออกคำสั่งท่ามกลางอารมณ์พิศวาสที่ยังกรุ่นๆ พราวพิชชาปรือตามองแล้วแย้มรอยยิ้มอย่างยั่วยวน ทุกกิริยาเป็นไปตามอารมณ์ที่นำพา หากสำหรับหัวใจเธอรู้ตัวเองชัดเจนแล้ว“แหววรักคุณเล็ก”“ผมรักคุณ...คุณแหวว”เขาบอกก่อนจะซบกับซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว แล้วพลิกร่างเธอขึ้นมานอนเกยบนกายของเขา กกกอดไว้อย่างแสนรักและหวงแหนพราวพิชชาตื่นนอนตั้งแต่เช้า หลบคนที่กกกอดเธออยู่ทั้งคืนเพื่อจะอยู่กับตัวเอง หลังจากมั่นคงในการตัดสินใจแล้ว เธอนึกหาทางออกที่สวยงาม ครอบครัว และคนสำคัญที่เปิดรับเข้ามา...คนคนนั้นก็คือรัชภาคย์เหลือเวลาอีกแค่สามวันก็ครบกำหนดลาพักร้อน พราวพิชชาไม่อาจยื้อเวลาอีก เมื่อตัดสินใจแล้วก็ควรเดินหน้าต่อ ความลังเลหวาดกลัวไม่เคยเกิดกับเธอมาก่อน จนกระทั่งเวลานี้ซึ่งนับเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต...พราวพิชชารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นกบฏอยู่กลายๆโทรศัพท์มือถือถูกยกมาดูอีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แล้วเลือกติดต่อไปยังเจ้าของเบอร์โทร.ที่คิดว่าจะเข้าใจเธอมากที่สุดเสียงตอบรับจากปลายสาย ถามว่าเธอจะกลับไฟล์ทไหนเพื่อจะเ
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและง่ายดาย กว่าพราวพิชชาจะรู้ตัวก็พบว่าตนเปลือยเปล่าอวดสายตาเขาอยู่หญิงสาวร้องกรี๊ดเมื่อต้องรับมือกับอารมณ์พัดแรงปานพายุ เนื้อกายหนาหนั่นที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อก็เปลือยเปล่า อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน เสื้อคลุมนอนตัวใหญ่ที่เห็นห่อหุ้มร่างกายเขาตกอยู่ปลายเตียง...ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงนึกทึ่งในฝีมือการกำจัดของเขาแล้ว“คุณเล็ก แหวว...อุ๊บ”คำพูดที่อยากบอกไม่สามารถหลุดออกมาจนเต็มประโยค ริมฝีปากหยักฉกหมับเข้ากับเรียวปากอิ่มสวย สอดเรียวลิ้นร้อนๆ สากระคายเข้าสู่โพรงปากเธอ ดูดดึงซอกซอนจนพราวพิชชาตัวสั่นระริก ได้แต่อึกอักแล้วครางอือในลำคอเขารุกประชิดอย่างไม่ยอมรามือ บดเบียดกายเข้าหาจนเธอร้อนราวจะลุกเป็นไฟไปทั้งร่าง...พราวพิชชาไม่มีสติเหลือให้สงสัยแล้วว่าอะไรทำให้รัชภาคย์ร้อนแรงดุดันได้ขนาดนี้ ร่างกายเธอยังถูกเขารุกเร้าในทุกทาง พราวพิชชาได้แต่คอยตามและตอบสนอง...สำหรับเธอเกิดด้วยความเต็มอกเต็มใจ นึกถึงแต่ความสุขและความต้องการทั้งตัวเขาและตัวเธอเองกระทั่งชายหนุ่มถอนจุมพิตออก พราวพิชชารู้สึกเรียวปากกำลังบวมเจ่อ ดวงตาหวานทอดมอง
“ผมอยากรู้มากกว่านี้”“คุณแหววสามารถย้ายมาทำงานที่เชียงราชโดยเป็นตัวแทนของบริษัทที่เธอสังกัดอยู่ ถ้าผมทำเรื่องขอตัวไป เพราะเราต้องมีฝ่ายบริการดูแลเรื่องซอฟต์แวร์ในบางโมดูลจากทางนั้นอยู่แล้ว และคุณแหววก็คุ้นเคยกับทีมงานเราดีเพราะเคยร่วมงานกัน”“แต่เท่าที่ผมรู้คุณแหววเป็นเลขา...งานพวกนี้เกี่ยวอะไรกับเธอ”“คุณแหววเป็นโปรแกรมเมอร์มือฉกาจ เธอเทกคอร์สเลขานุการเพิ่ม และเริ่มงานจริงจังในตำแหน่งเลขาของผู้บริหารในบริษัทซอฟต์แวร์ใหญ่ของเพิร์ท...คุณคงรู้แล้วว่าเธอเคยสมัครงานกับบริษัทผม เราอยากได้เธอมาร่วมงาน แต่จังหวะเวลาไม่ให้ ตอนนั้นเราขยายงานในออสเตรเลียอยู่ ถ้าได้คนที่คุ้นเคยและคล่องตัวในการประสานงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ก็จะดี ซึ่งคนที่ได้คะแนนเหนือกว่าเธอเป็นคนพื้นเพของเมืองนั้น”“ผมเข้าใจ...เธอก็เข้าใจดีด้วย”“ครับ คุณแหววเป็นคนทำงานมืออาชีพ เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้ไม่ยาก ผมชื่นชมเธอ”“ถ้าคุณเห็นว่าคุณสมบัติของเธอเหมาะสมกับงานที่ว่า คุณพร้อมที่จะทำเรื่องไปยังต้นสังกัดเธอไหม
คำถามจากด้านหลังทำให้พราวพิชชาสะดุ้งด้วยไม่ทันรู้ตัว หันขวับมองเขา อื้ออึงในคำถาม ทบทวนซ้ำอีกรอบก็ไม่รู้ว่าคำถามครอบคลุมแค่ไหน“น่าอยู่สิคะ ไม่อย่างนั้นจะมีคนมากมายเข้ามาปักหลักที่นี่หรือ...คุณไรวินทร์ก็จะย้ายออฟฟิศจากเพิร์ทมาที่นี่เหมือนกัน”พราวพิชชาคิดดีแล้วว่าจะขอยืมชื่อของผู้ชายที่รู้จักกันไม่นานนัก หากชอบพออัธยาศัยของเขามากระตุ้นคนตรงหน้ารัชภาคย์มองหญิงสาวนิ่ง แววตาไม่เปลี่ยนไป เขาพยักหน้าเหมือนรับรู้...แค่นั้น ทำให้พราวพิชชาใจแป้วได้อีก แต่เมื่อคิดจะรุก ก็ควรเดินหน้าต่อ เพราะคนอย่างพราวพิชชาไม่ชอบทำอะไรค้างๆ คาๆ“คุณเล็กถาม...”“แล้วคุณล่ะอยู่ได้ไหม ถ้าผมขอให้คุณอยู่เชียงราช คุณจะรับข้อเสนอของผมไหม”หัวใจสาวเต้นโครมคราม ริมฝีปากบางสั่นระริกกับคำถามที่สวนมาก่อนเธอจะพูดจบ...คำถามนี้ไม่ใช่หรือที่เธอรอคอย“แล้วจะให้แหววอยู่เพื่ออะไรคะ แหววมีชีวิตและมีงานที่เพิร์ท แถมพ่อกับแม่ก็ย้ายไปอยู่ด้วย พวกท่านตั้งใจจะใช้ชีวิตในบั้นปลายที่นั่น”“ผมคิดว่าพ่อแม่คุณย้ายไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับคุณต่างหาก