เกือบสว่าง พราวพิชชายังเดินวนอยู่ในห้องพักของรีสอร์ต ทุกอย่างดูนิ่งเงียบจนเธอแปลกใจ...เงียบเสียจนเธอไม่อาจข่มตาหลับจนถึงตอนนี้
“เป็นไปได้ยังไง สามีของลดาเป็นคนกว้างขวางของเมืองเชียงราช เกิดเรื่องขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่มีใครตามเราไปเคลียร์ ถึงเขาจะจำเราไม่ได้จริงๆ แต่พนักงานรีสอร์ตก็เห็น ต้องรู้ว่าเราเป็นแขกที่มาเปิดห้องพักเมื่อช่วงบ่าย หรือว่านายคุณใหญ่ห้ามไว้เพราะกลัวรู้ถึงหูลดา...มันต้องใช่แน่ๆ” หล่อนพึมพำถามตัวเอง หัวจิตหัวใจไม่อาจสงบด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงหัวค่ำ “เขาคงโกรธเรามาก...” พราวพิชชายังจำเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดนั้นติดหู เพิ่งนึกออกว่าของที่หยิบมาจากโต๊ะลูกค้าข้างๆ แล้วทุ่มใส่เขานั้นเป็นเหยือกเบียร์ขนาดใหญ่...แรกทีเดียวเธอก็นึกสยดสยองตาม แต่วินาทีถัดมาก็ไหวไหล่ เมื่อคิดว่าสาสมกับสิ่งที่เขาทำกับน้องสาวของเธอ แล้วดวงตาหวานก็สลดลงเมื่อนึกว่าภาพพจน์ดีงามของรัชตะที่เธอหลงเชื่อตาม จนวางใจมอบชีวิตของปิ่นลดาให้อยู่ในมือของเขานั้นล้วนแต่ลวงตา “ทำไมต้องทำร้ายกันด้วยนะคุณใหญ่ ถ้าไม่รักลดาก็คืนมาให้เราสิ น้องกับหลานแค่สองคน ทำไมเราจะเลี้ยงไม่ได้” ยิ่งคิด ยิ่งเจ็บแค้นใจ แล้วที่ผ่านมาเรื่องกวนใจพวกนี้จะรู้ถึงหูปิ่นลดาบ้างหรือเปล่านะ... “นี่ขนาดเมียท้องแก่ใกล้คลอดยังทำกันได้ ระริกระรี้นัดผู้หญิงหน้าด้านมาเปิดห้องกกกอดกัน ถ้ายิ่งปล่อยนานไป นายคุณใหญ่ไม่พาแม่นั่นเข้าบ้าน ระรานลดาเลยหรือ” คิดวนเวียนอยู่ไม่นาน พราวพิชชาก็ตัดสินใจว่าหล่อนควรจะใช้เวลาพักร้อนช่วงสิบห้าวันนี้จัดการเรื่องน่าอายให้จบสิ้น “เป็นไงเป็นกัน พี่ไม่ยอมให้ใครทำร้ายลดาอีก ถ้าจะแตกหักก็ช่าง...ต่อไปพี่จะดูแลลดาเอง ต่อให้สิบคุณใหญ่ พี่ก็ไม่สน” ท้องฟ้าสว่างเรืองรอง หญิงสาวหยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดวางอยู่บนโต๊ะใกล้หัวเตียงมาดู นั่งรอจนเวลาล่วงมาถึงหกนาฬิกา คะเนดูว่าน้องสาวคงตื่นนอนแล้ว จึงเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายในตู้เสื้อผ้า แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือมาเปิดเครื่อง มีเบอร์โทร.เข้ามาสามสาย ล้วนเป็นสายของปิ่นลดา... “คุณแหวว มาถึงเชียงราชแล้วใช่ไหมคะ ลดาโทร.หาตั้งแต่เมื่อวาน เห็นปิดเครื่อง ยังร้อนใจอยู่เลย แต่คุณใหญ่ว่าคุณแหววคงอยากพักหลังจากเดินทางมาเหนื่อยๆ ลดาเลยไม่กวนต่อ รอให้คุณแหววติดต่อมาเอง แต่เช็กกับรีสอร์ตแล้วว่าคุณแหววเข้าพักเรียบร้อยแล้ว เป็นไงบ้างคะ สะดวกสบายดีไหม” น้องสาวถามยาวเหยียดเมื่อเธอโทร.หา น้ำเสียงใส่ใจที่เจือความตื่นเต้นนั้นทำให้พราวพิชชาเผลอยิ้มออกมาหลังจากผ่านเรื่องให้ขบคิดอยู่ทั้งคืน แม้ยังมีชื่อของคนที่พาดพิงถึงซึ่งทำให้เธอกระอักกระอ่วนใจอยู่ก็ตาม “จ้ะ พี่ปิดมือถือไว้ตั้งแต่ขึ้นเครื่องจากเพิร์ท พอลงที่เชียงราชก็ตรงมายังที่พักเลย เห็นบรรยากาศแล้วลืมทุกอย่าง ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ลดาเป็นห่วง” “ขอโทษอะไรกันคะ ได้ยินคุณแหววพูดอย่างนี้ลดาก็โล่งอกแล้วค่ะ อย่างน้อยบรรยากาศของเมืองเชียงราชในหน้าหนาวก็ไม่ทำให้คุณแหววรู้สึกเสียเที่ยว ยังมีที่สวยๆ ที่ลดาอยากให้คุณแหววได้เห็นอีกมาก ถ้าไม่มีโปรแกรมเที่ยวไหนต่อ ลดาจะพาคุณแหววเที่ยวในเชียงราชให้ทั่วเลย” “ท้องแก่ขนาดนี้ยังคิดจะพาพี่ตะลอนเที่ยวอีกหรือจ๊ะ” “ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ คุณใหญ่ยังพาลดาเปิดหูเปิดตาข้างนอกออกจะบ่อย แล้วนี่ขนาดลดาอยู่มาเป็นปี ยังมีที่ไม่ได้ไปอีกตั้งหลายแห่ง จนต้องจดไว้เลยนะคะ กันลืม” ปลายสายหัวเราะเสียงใส ถ้าเป็นเมื่อก่อนพราวพิชชาคงเบิกบานหัวใจตาม แต่เพราะเรื่องราวเมื่อคืนนั่นน่ะสิ ถึงทำให้เธอยิ่งหนักใจอย่างบอกไม่ถูก “เขา เอ่อ...ยังดีกับลดาอยู่ไหมจ๊ะ” “คุณใหญ่หรือคะ ก็เหมือนเดิมค่ะ คงเส้นคงวากับลดามาก ไม่ได้ดีขึ้นเลย ชอบขัดใจเป็นที่สุด บางทีก็แอบปากร้ายกับลดาด้วย” น้ำเสียงกระแทกกระทั้น ถ้าเป็นเวลาปกติ พราวพิชชาอาจจับกระแสเสียงที่เจือมากับถ้อยคำนั้นได้ แต่ในเวลานี้ สติไม่มีเหลือ แค่ได้ยินว่าคุณใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ชายแสนดีที่คอยดูแลและตามใจปิ่นลดาอย่างที่เคยให้สัญญา ก็ทำให้เธอเบิกตาขึ้น อึกอักอยู่ในลำคอ พูดต่อไม่ได้เลย “แล้วเขา อืม...”รัชภาคย์จูงมือภรรยาตามนิตินัยและพฤตินัยเข้ามาในร้านอาหาร หลังจากสองคนได้ทะเบียนสมรสมาไว้ในมือ และเป็นนานกว่าเขาจะบอกให้คนขี้เห่อเก็บใบทะเบียนสมรสนั้นไว้ในรถได้พราวพิชชาดูร่าเริง ดวงตาเปล่งประกายระยิบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความสุขกำลังท่วมท้นตัวเธออยู่ รัชภาคย์ยิ้มอ่อนโยน ดูแลเทกแคร์อย่างดี ทุกจังหวะท่าทางของหญิงสาวอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา รัชภาคย์แทบไม่อาจละสายตาจากเธอได้สองคนกำลังตกหลุมรักกัน ไม่ต้องมีใครบอก คนภายนอกที่พบเจอก็สามารถสัมผัสได้ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ตรงลานจอดรถ คนหนึ่งมองตามด้วยสายตากรุ่นโกรธ เหมือนว่ามีเรื่องกันตั้งแต่ชาติปางไหน ขณะอีกคนหลบหน้าหลบตาเหมือนกลัวว่าคนคู่นั้นจะมองมาเห็น“กลับเถอะพี่เมี่ยง แตงหวานงอแงใหญ่แล้ว อยู่ตรงนี้แดดร้อน”ถ้อยคำนั้นมาจากหญิงสาวร่างเพรียวบาง เรือนผมยาวถูกมัดเป็นหางม้า โชว์ดวงหน้างดงามเกลี้ยงเกลา เธอกำลังอุ้มเด็กหญิงวัยขวบเศษที่หลับพับอยู่บนบ่าบอบบาง เสียงร้องครางของเด็กน้อยบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ในภาวะไม่สบายตัวสักเท่าไร แต่หญิงสาวอีกคนดูจะไม่สนใจ“ฉันอยากจะมองหน้าแม
รัชภาคย์ตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด หากพอควานมือหาคนร่างนุ่มนิ่มกลับไม่พบ เขาจึงรีบผุดลุก กดเปิดโคมไฟหัวเตียงจนสว่าง‘แหววจัดของอยู่ในห้องค่ะ’ชายหนุ่มดึงกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือน่ารัก ปิดท้ายด้วยรูปหัวใจสองดวง นึกขันตัวเองนัก นี่พราวพิชชาคงรู้ว่าถ้าเขาตื่นมาไม่เจอเธอแล้วคงตกใจ ถึงได้เขียนโน้ตบอกไว้ และหล่อนก็คาดถูกจริงๆรัชภาคย์ตื่นนอนเต็มตา เพราะเมื่อคืนนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ เป็นผลจากการกรำงานมาอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนก่อนนี้ แถมได้นางฟ้าประจำตัวมาให้กกกอด เป็นคืนที่เขาฝันดีและนอนหลับลึกอย่างที่สุดก็ว่าได้ชายหนุ่มเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ไม่คิดอ้อยอิ่งด้วยความเคยชิน แล้วตรงไปยังห้องของหญิงสาว เห็นแสงไฟลอดออกมา ยกมือเคาะส่งสัญญาณ ไม่รอให้ตอบรับก็ผลักเข้าไปทันทีพราวพิชชาหันมายิ้มให้ รัชภาคย์เลื่อนสายตาลง...สมุดบันทึกสีหวานอยู่ในมือเธอ“แหววลืมไว้ แต่จำได้ว่าเก็บไว้ข้างในลิ้นชักจนลึกสุด ไม่ได้วางหมิ่นเหม่ไว้อย่างที่เห็นเมื่อกี้”หล่อนย่นจมูกใส่ แล้วยกมากอดไว้เหมือนเป็นของรักของหวง“คิดว่าตั้งใจลืม
รัชภาคย์ยังนั่งหน้างออยู่กลางเตียง มองเธอเหมือนว่ากำลังทำอะไรขัดใจเขาอยู่“คุณไม่ดีใจหรือคะที่แหววกลับมา”“ดีใจสิ ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่ผมกำลังไม่พอใจที่ถูกลูกน้องปั่นหัว มันรู้ว่าคุณกำลังมา แต่มันยุส่งให้ผมไปหาคุณ บอกว่าเตรียมตั๋วเครื่องบินให้พรุ่งนี้ เออ...ผมให้ป้ามิ่งมาจัดของให้ แต่มาถึงก็เพลียๆ เพราะเคลียร์งานทั้งคืน หลับเพิ่งตื่นตอนคุณกระโจนใส่ ไม่รู้ทำไปถึงไหนกัน”พราวพิชชาถึงบางอ้อละคราวนี้ นี่เธอกับรัชภาคย์ถูกคนรอบข้างร่วมกับหลอกกันเป็นขบวนการทีเดียว งานนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว“แหววว่าคุณอย่าโกรธคุณธนัทเลย เธอไม่ได้ทำคนเดียวหรอก ไม่งั้นจะแนบเนียนจนทั้งคุณและแหววไม่เอะใจกันได้หรือคะ”“หมายความว่าไง”รัชภาคย์ตีหน้ามึน คว้าร่างของเธอมานั่งบนตักตัวเอง พอได้สัมผัสใกล้ชิดแล้ว เรื่องจะให้หยุดแค่นี้คงยากแล้ว มือหนาซอกซอนเข้าไปเฟ้นฟอนอกอวบตึงภายใต้เสื้อยืดสีเทาดีไซน์เก๋ของเธอ แล้วเคล้นคลึงอย่างเอาแต่อารมณ์ พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ห้ามก็ยิ่งชักได้ใจ ไม่คิดจะหยุดมือกันละคราวนี้“จะฟังหรือเปล่าคะ คุณ
ใกล้ค่ำแล้ว สองข้างทางมืดมิด สายลมหนาวกระโชกแรงจนกิ่งไม้โน้มเอนลู่ไปทางเดียวกัน นึกถึงวันแรกที่มาในเส้นทางนี้ พราวพิชชามีแต่ความหวาดหวั่นใจ นั่งคาดเดาตลอดทาง กระทั่งความตกใจสุดขีดก็ประดังเข้ามาหา เมื่อตระหนักว่าคนที่พาตัวเธอมาในครั้งนั้นไม่ใช่รัชตะผู้เป็นน้องเขย หากเขาคือรัชภาคย์แฝดผู้น้องที่เคยมีเรื่องประคารมกันต่างหากในความตกใจนั้น พราวพิชชาไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวเมื่อรู้ความจริงนั้นแล้ว แม้บ้านหลังใหญ่ของเขาที่พาเธอมาจะปลูกสร้างท่ามกลางขุนเขา มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ใหญ่และทิวเขาไกลๆ อีกทั้งเจ้าของบ้านตัวใหญ่ก็ตีหน้ายักษ์ สีหน้าไม่เคยเป็นมิตรกับแขกอย่างเธอพราวพิชชานึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นแล้วนึกกระวนกระวายใจ ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ธนัทที่บอกว่าติดต่อเจ้านายไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไรเพิ่มเติมเข้ามาบ้างรถแล่นนิ่งเงียบ ฝ่าความมืดมิดลึกไปเรื่อยๆ จนเห็นบ้านคนเป็นกลุ่มชุมชนที่เธอเคยจดจำได้...มองแล้วเลยผ่านไป เพราะรู้ว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านของรัชภาคย์ จุดหมายปลายทางของเธอจนรถมาจ่อตรงประตูรั้ว พราวพิชชายิ่งกระวนกระวายหนัก เธอนึกอยากจะรู้
รัชภาคย์ลงไปชั้นล่าง แล้วชะงักเท้าเมื่อเห็นรถของลูกน้องคนสนิทปราดมาจอดพอดี ธนัททักทายเขาอย่างร่าเริง สีหน้ายิ้มแย้มตามบุคลิก เมื่อก่อนรัชภาคย์รู้สึกเฉยๆ แต่นับจากเมียหนีหายไป เห็นหน้าระรื่นของเจ้านี่ทีไร เป็นหงุดหงิดใจทุกทีนี่มันไม่คิดจะเศร้าไปกับเขาเลยหรือไง ไอ้ลูกน้องกิตติมศักดิ์คนนี้“ไปเหมืองหรือครับคุณเล็ก”“อืม จะแวะดูสักหน่อย มีนัดคุยกับคนของนายพลยานเปงด้วย บ่ายๆ นายกลับไปเฝ้าเหมืองด้วยแล้วกัน ช่วงนี้พวกนกกระจิบนกกระจอกรู้ว่าเหมืองเราขนสินแร่ออกล็อตใหญ่”“ครับนาย”รับคำพร้อมสีหน้าไม่เปลี่ยนจากเดิม รัชภาคย์มองแล้วเดินผ่านหน้าไปขึ้นรถจี๊ปสปอร์ตที่จอดอยู่ โดยมีคนขับรถพ่วงตำแหน่งคนคุ้มกันนั่งประจำพร้อมทำหน้าที่ธนัทมองตามรถของนายจนลับหายไปจากประตูรั้ว แล้วนึกถึงสีหน้าของนายเมื่อครู่“คุณเล็กดูไม่ดีขึ้นเลยแฮะ น่าสงสารจริงๆ พวกเมียหนี ระทมห่อเหี่ยวเปลี่ยวใจอย่างนี้ทุกรายหรือเปล่า เฮ้อ! น่าสงสารๆ”“พูดถึงนายอย่างนี้ได้ยังไง หนูโกรธคุณนัทแล้วด้วย”เสียงโพล่งดังขึ้น ทำให้คนอ
“คุณวาด พูดอะไรของคุณ เข้าห้องไปเดี๋ยวนี้”นายวัฒนะตกใจซ้ำ หลังจากเห็นภรรยาที่เขาเสนอให้ลงไปเดินเล่นข้างล่างแก้เบื่อ แท้จริงเพื่อจะขอพื้นที่คุยกับรัชภาคย์นั่นเอง แต่เธอก็ขึ้นมาเร็วเกินไปจนได้ยินในเรื่องที่เธอคงรู้อยู่แล้ว หากเขาก็ไม่อยากให้ได้ยินจากปากเขา...แต่ก็พลาดจนได้“พอเถอะค่ะ จบเรื่องนี้ไปเถอะ จะไม่มีการเรียกเงินจากคุณเล็กสักบาทเดียว ส่วนหนี้สิบล้าน ฉันไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับลูก ถ้ายายแหววตั้งใจจะใช้คืนคุณใหญ่ ฉันขอสั่งห้ามคุณไปบังคับกะเกณฑ์แกอีก แค่นี้ชีวิตลูกก็ป่นปี้ไปหมดแล้ว”ไม่เคยมีสักครั้งที่เพียงวาดจะขึ้นเสียงกับสามี แต่ครั้งนี้สุดจะทนจริงๆ ละอายใจกับเรื่องเก่าก่อนยังไม่พอ ยังสร้างเงื่อนใหม่ให้เป็นมลทินกับชีวิตลูกสาวคนเดียวไม่จบสิ้นนายวัฒนะไม่ได้เห็นด้วย และไม่คิดจะยอมทำตามเงื่อนไขของภรรยา มันไร้สาระเกินกว่าที่จะมายกเลิกกันตอนนี้ ทั้งที่รัชภาคย์ก็ตอบรับไปแล้วแต่พอเห็นร่างของคนสองคนที่เดินตรงมาหา คนนำหน้ามีท่าทีเหมือนจะอ่อนพับอยู่รอมร่อ ส่วนคนข้างหลังเดินตามอย่างเนิบช้า แม้อยู่ในวัยชราแต่ก็ยังสง่างาม...