Home / รักโบราณ / มารเร้นกายดับแสงดารา / ตอนที่ 52 สัญญาได้หรือไม่

Share

ตอนที่ 52 สัญญาได้หรือไม่

last update Last Updated: 2025-05-23 20:58:44

เทพเซียนที่ยืนอยู่รายรอบมองหน้ากันด้วยความงุนงง ครั้นจะพุ่งตัวเข้าไปดึงจอมมารออกมาจากที่นั่นก็ทำไม่ได้เพราะรังแต่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองไปด้วย

คราวแรกก็คิดว่าเขาเข้ามาขัดขวางไม่ให้นางทำภารกิจสำเร็จ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับได้เห็นว่าจอมมารกำลังใช้ร่างกายตัวเองเป็นเกราะกำบังและรับอสนีบาตแต่เพียงผู้เดียว

“สวีต้าเฟิง นี่มันเรื่องอันใดกัน” หนึ่งในเทพอาวุโสถามเขาเพราะเพิ่งมาถึง

“ข้าก็ไม่รู้ขอรับ” เขาไม่อาจตอบคำถามนั้นได้เพราะไม่คิดว่าเรื่องราวตรงหน้าจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนั้น

“แต่ถ้าปล่อยเอาไว้แล้วจะจัดการจอมมารได้อย่างไร เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเทพดาราจะต้องเป็นผู้รับทัณฑ์สวรรค์ ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องรีบเข้าไปห้าม”

เทพอาวุโสส่ายหน้าหนักใจ ช่วงที่กำลังจะก้าวเข้าไปใจกลางลานกลับหยุดชะงักเพราะพลังมารขวางเอาไว้ แววตาข่มขู่ของกงจื่อเย่ราวกับจะบอกไม่ให้ผู้ใดเข้ามายุ่ง

“อย่าเข้ามาแส่” น้ำเสียงเย็นยะเยือกทำให้ฝ่ายตรงข้ามแทบหยุดหายใจเพราะขนาดถูกพลังเทพฉีกทึ้งยื้อหยุดกับร่างมาร กงจื่อเย่แทบไม่สะทกสะท้านอันใดสร้างความหวาดกลัวยิ่งนัก

“ปล่อยข้า” สวีลู่ชิงสั่งคนตรงหน้า “เจ้าอย่าคิดว่าจะทำอันใดตามใจตัวเองได้”

“เยว่ชิง เจ้ารู้ตัวบ้างหรือไม่ว่าแก่นวิญญาณของเจ้ากำลังเกิดรอยร้าว ไม่มีทางรับอสนีบาตได้อีก” ดวงตาสีม่วงแดงจ้องใบหน้าคุ้นเคยไม่วางตา

“หากต้องการให้ข้าตายนัก ย่อมมีวิธีอีกมากมาย เหตุใดต้องสละตัวเองเช่นนี้”

“เจ้ารู้หรือว่าข้าต้องทำอันใด” นางถามสิ่งที่สงสัยอย่างตรงไปตรงมา สองมือยังคงพยายามผลักอีกฝ่ายออกไปด้วยพลังเทพของนาง

“ข้ารู้...” เขาเอ่ยตามความจริง

“รู้แล้วแต่ก็ยังมาขวางทางข้าอยู่อีกหรือ” นางนิ่วหน้าร่ายพลังสายสีขาวจากฝ่ามือ “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”

กงจื่อเย่ส่ายหน้าปฏิเสธกอดนางแน่นกว่าเดิม แม้จะถูกพลังเทพเซียนเชือดเฉือนร่างกายเขาก็ยังไม่ยอมปล่อย ทั้งยังร่ายพลังมารที่มากขึ้นกว่าเดิมบีบให้สวรรค์พิโรธจนสายฟ้ากระหน่ำลงมาไม่ขาดช่วง

อสนีบาตฟาดผ่านร่างจอมมารครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพทุกอย่างในเวลานี้ราวกับเขากำลังจะฆ่าตัวตายอย่างไรอย่างนั้น แต่เทพดารารู้ดีว่าทำเช่นนี้ไปจอมมารอาจจะหายไปได้จริง แต่วันหนึ่งข้างหน้าแม้จะไม่ใช่ช่วงร้อยปีพันปี มารตนนี้คงจะฟื้นคืนมาอย่างแน่นอน

กระนั้น ความคิดของนางกลับสับสนว่าถ้าหากเขารู้แล้วว่าแผนการของนางคืออะไร เหตุใดจึงไม่คิดทำลายเมล็ดพันธุ์นั้นไปแต่กลับมานั่งรับทัณฑ์สวรรค์แทนนาง

แม้ว่าสายฟ้าจะผ่าลงมาสิบครั้งแล้ว แต่นางไม่ได้ยินเสียงร้องของจอมมารสักนิดเดียว ทว่า กลิ่นคาวเลือดกลับคลุ้งเข้ม ร่างกายผู้ที่กอดนางเอาไว้สั่นเทาเล็กน้อย

มือเล็ก ๆ สองข้างของเทพดาราที่พยายามผลักเขาออกไปจึงหยุดชั่วคราวพลางเอื้อมแตะแผ่นหลังของจอมมารด้วยความสงสัยก่อนจะสัมผัสได้ว่าร่างนั้นมีแต่แผลเหวอะและโลหิตแดงฉานกำลังไหลริน

หากนางยังดื้อดึงรับสายฟ้าแต่เพียงผู้เดียว สภาพคงไม่แตกต่างกัน แต่ถึงอย่างไร นั่นก็เป็นสิ่งที่นางต้องทำจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ทว่า เวลานี้นางกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย คนที่โอบกอดนางไว้ต่างหากกำลังอดทนให้ครบสิบเก้าครั้งอยู่และเขารู้ดีว่าปลายทางตนเองจะต้องสูญสลายไปหลายร้อยหลายพันปี

“เหตุใดจึงทำเช่นนี้” นางกระซิบถามแต่น้ำเสียงคุ้นเคยทำให้กงจื่อเย่ยิ้มมุมปากเพราะนึกถึงวันเก่า ๆ

“เป็นห่วงข้าหรือ” คำพูดหยอกล้อไม่ดูสถานการณ์ยิ่งสร้างความงุนงงให้สวีลู่ชิงมากยิ่งขึ้น

“ไม่ใช่” นางตอบทันควันในช่วงจังหวะที่สายฟ้าครั้งที่สิบสองผ่าลงร่างจอมมาร

กงจื่อเย่กระอักเลือดกองใหญ่ พลังมารรอบตัวเริ่มลดน้อยลงจนไม่อาจสร้างกำบังห้ามไม่ให้เทพเซียนคนอื่นเข้ามายุ่มย่ามกลางลานลงทัณฑ์ได้ ดวงตาสีม่วงแดงจึงมองพวกเขาเหล่านั้นราวย้ำเตือน

“เยว่ชิง” เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าเข้าใจแล้วว่าข้ารู้สึกเช่นไรกับเจ้า สัมผัสได้แล้วว่าเจ้ารู้สึกอย่างไรกับข้า”

“...” สวีลู่ชิงนั่งนิ่งในอ้อมกอดของเขารอฟังว่าคนตรงหน้าจะพร่ำพูดเรื่องอันใด ยอมแพ้ไปแล้วว่าครั้งนี้คงจะรับทัณฑ์สวรรค์ไม่สำเร็จ

“ข้าขอโทษ”

“...”

“หากตัวตนของข้าเป็นปรปักษ์ต่อผู้อื่น ข้าจะยอมสูญสลายไป ขอแค่เพียงเจ้ายังคงอยู่ สัญญากับข้าได้หรือไม่”

ร่างกายจอมมารดูอ่อนแรงลงทุกขณะจนนางสังเกตได้แต่อ้อมแขนกลับไม่ยอมปล่อยนางให้ดิ้นหนี

“เหตุใดข้าต้องสัญญากับเจ้า อย่างไรเราทั้งคู่ล้วนเป็นศัตรูกัน ทำเช่นนี้เจ้าเพียงหายไปชั่วคราว หากฟื้นกลับมาในคราวหน้า เจ้าก็ยังคิดทำลายสามภพ...” ไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไรจบ สายฟ้าครั้งที่สิบหกและสิบเจ็ดก็กระหน่ำลงมา

“ข้าไม่คิดทำเช่นนั้นแล้ว” กงจื่อเย่บอกออกไป ทุกสิ่งที่เขาพูดในเวลานี้ล้วนเป็นความจริง แม้จะเชื่อได้ยากก็ตาม

จังหวะนั้น เทพอาวุโสฉวยโอกาสก้าวเข้ามาในลานกว้างพลันถูกพลังมารของเขาซัดกระเด็นออกไป กงจื่อเย่บีบอัดเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ครั้งสุดท้ายกันพวกเขาให้อยู่รอบนอก

“เยว่ชิง เจ้าคงจะลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นภรรยาของข้า นามของเจ้าคืออู๋เยว่ชิง” เขากล่าวถึงความหลัง สติเริ่มพร่าเลือนเพราะใกล้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิตนี้ “สัญญากับข้าได้หรือไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ แม้ว่าครั้งหน้าในอีกหลายพันปีที่ข้าฟื้นขึ้นมา หากเจ้าอยากให้ข้าตาย ข้าก็จะตาย เพราะฉะนั้น รักษาแก่นวิญญาณของเจ้าไว้ให้ดีได้หรือไม่ อย่างน้อยก่อนข้าจะตายในแต่ละครั้ง ข้าก็ยังอยากพบหน้าเจ้า”

“เจ้าพูดเล่นหรืออย่างไร เหตุใดถึงจะยอมตายไปคนเดียว มิสู้หายไปพร้อมกันไม่ดีกว่าหรือ” สวีลู่ชิงรู้ว่าเขาจะวนเวียนกลับมาใหม่อีกครั้ง วิธีเดียวที่จะกำราบเขาได้ตามคำทำนายคือแหลกสลายไปพร้อมกัน

กงจื่อเย่แสยะยิ้ม “แม้จะไม่เหลือความทรงจำนั้นแล้วก็ยังเกลียดข้าอยู่หรือถึงได้อยากสละชีวิตเพื่อสังหารข้าถึงเพียงนั้น”

เปรี้ยง!

สายฟ้าครั้งที่สิบแปดผ่าลงมาตรงกลางหัวใจของจอมมารจนเขากระอักเลือดอีกครั้ง ทั่วร่างกายเกิดบาดแผลนับไม่ถ้วนแต่เจ้าตัวยังคงฝืนรอคำตอบจากคนตรงหน้าพลันนึกสิ่งหนึ่งได้จึงเอ่ยออกไปว่า “เยว่ชิง ลูกของเรา อีนั่ว ข้าฝากเจ้าดูแลได้หรือไม่ อย่าให้ผู้ใดทำร้ายเขา หากพรรคพวกของเจ้ารู้ขึ้นมาว่ามีสายเลือดจอมมารหลงเหลือ พวกเขาคงจะไม่ไว้ชีวิตอีนั่วเพราะฉะนั้นข้าขอร้องให้เจ้าปกป้องเขาแทนข้าได้หรือไม่”

ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น หัวใจของสวีลู่ชิงสั่นไหวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวพลันความรู้สึกและความทรงจำเกี่ยวกับเด็กชายตัวน้อยที่เคยอยู่บ้านหลังเล็กเมื่อไม่นานมานี้ผุดขึ้นมา

ท้องฟ้าเวลานี้เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นกว่าเดิม พายุหมุนตรงใจกลางน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าสิ่งใด อาจเป็นเพราะอสนีบาตครั้งสุดท้ายกำลังมาถึง บรรยากาศโดยรอบจึงเย็นยะเยือกและน่าหดหู่

กงจื่อเย่ถอนหายใจรับรู้แล้วว่านางไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไปอย่างแน่นอนเพราะเวลานี้มีใครอีกคนที่ต้องดูแล คนที่นางรักไม่แพ้ตัวเองและยังคงคิดถึงตลอดเวลาแม้จะจำเรื่องราวของเขาไม่ได้เลยก็ตาม

ก่อนที่สายฟ้าครั้งสุดท้ายจะมาถึง กงจื่อเย่คลายอ้อมกอดเพราะอยากมองหน้านางให้ชัด รอยยิ้มเปื้อนเลือดและสายตาเศร้าสร้อยเพราะเวลาที่ต้องจากกันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

“เยว่ชิง ข้าคงคิดถึงเจ้า” เขาเอ่ยแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรง “เจ้าเคยถามความรู้สึกของข้าแต่เวลานั้นข้าเป็นเพียงมารไร้ใจไม่อาจรับรู้ได้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร”

“...”

แววตาอบอุ่นที่เขาไม่เคยมองใครกำลังปรากฏอยู่ต่อหน้าสวีลู่ชิง รอยยิ้มที่มีให้นางเพียงคนเดียวทำให้หัวใจของนางสั่นไหวราวกับคุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว

เปรี้ยง!

อสนีบาตครั้งสุดท้ายสะบั้นทุกอย่างให้จบสิ้น จอมมารกอดเทพดาราไว้ในอ้อมแขน ปกป้องไม่ให้นางถูกทัณฑ์สวรรค์ ยอมรับชะตากรรมของตัวเองด้วยความเต็มใจ

คำพูดสุดท้ายเอื้อนเอ่ยอย่างยากลำบาก บอกลาคนตรงหน้าทั้งที่ไม่ต้องการ “ข้ารักเจ้า เยว่ชิง”

แม้ร่างมารปีศาจจะค่อย ๆ สลายหายไปกลายเป็นเถ้าธุลี แต่เสียงอ่อนโยนที่บอกรักกลับก้องกังวานในหัวใจของสวีลู่ชิง คำพูดนั้นแทรกซึมเข้าไปข้างในความรู้สึกลึก ๆ ที่หลงลืมไปแล้ว

ดวงตาคู่งามจึงมีน้ำตาเอ่อคลอราวกับรับรู้ความรักของเขา ทว่า ไม่อาจโต้ตอบอันใดกลับไปได้เพราะมารตนนั้นไม่อยู่แล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 77 ไม่ต้องกลัว

    ร่างของคนสกุลสวีถูกทหารนำใส่รถเข็นไม้ลากเลื่อนมาทิ้งไว้ในป่าลึกเพื่อให้สัตว์ที่อาศัยอยู่มากินถือเป็นการทำประโยชน์อย่างหนึ่งครั้งสุดท้ายในชีวิตทหารนายหนึ่งเหงื่อผุดเต็มใบหน้ารู้สึกว่ามีลางสังหรณ์แปลก ๆ จึงรีบบอกให้เพื่อนที่มาด้วยกันรีบขนศพพวกเขาลงไปกองไว้ที่พื้น“จะเร่งข้าทำไมนักเล่า” เขาบ่นหงุดหงิดที่ถูกรบเร้าให้รีบทำรีบเสร็จ“ไอ้นี่ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าป่าลึกข้างหน้าชอบมีพวกปีศาจมาเพ่นพ่าน” ทหารคนเดิมพูดพร่ำเพ้อถึงข่าวลือที่ได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนคนที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วย หากไม่จำเป็นจะไม่มาเหยียบพื้นที่ตรงนี้เด็ดขาด“กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ข้าบอกแล้วว่าอย่าไปฟังเรื่องเล่าจากปากคนขี้เมานัก” เขาส่ายหน้าแล้วหันรถเข็นกลับไปที่ทางออกพลันได้ยินเสียงส

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 76 หญิงคณิกา

    คุณหนูสกุลสวีตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงร้องของพวกเขาภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูก หันไปดูบิดาทางซ้าย กวาดตามองไล่เลี่ยมาทางขวา มารดาและพี่ชายกลับอยู่ในอาการไม่ต่างกัน“ท่านพ่อ ท่านแม่” นางตะโกนเสียงดังเรียกสติพวกเขา พยายามประคองใครคนหนึ่งขึ้นมา ร้องเรียกทหารนอกคุกที่ยืนเฝ้าเวรยามด้วยความกลัวสุดขีดทุกคนที่มาถึงต่างมองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักโทษชั้นสูง หากแต่ประเมินแล้วว่าอาการที่แสดงออกมาเหมือนโดนพิษอะไรสักอย่างจึงทำท่าครุ่นคิดขึ้นมาทันใด“ข้าขอร้อง ตามหมอมารักษาครอบครัวข้าได้หรือไม่” นางอ้อนวอนคนตรงหน้า น้ำตาเอ่อคลอเบ้า“แต่ว่า...” หนึ่งในนั้นลังเลเพราะไม่รู้ว่าคนสกุลสวีถูกใบสั่งจากผู

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 75 สอบเค้น

    หลังจากถูกจับตัวไปครบเจ็ดวันทางการยังคงไม่ได้ข้อมูลใดเพิ่มเติมจากคนสกุลสวี พวกเขายืนยันอย่างเดิมเหมือนทุกครั้งว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยคิดร่วมมือกับผู้ใดก่อกบฏอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่คำพูดของพวกเขาเป็นเพียงลมปากไร้หลักฐานใด ๆ จึงไม่มีใครเชื่อ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังทำหูทวนลมเพราะเป็นพวกเดียวกันกับขุนนางชั่วคืนนั้น“ท่านพ่อ ท่านพี่” สวีลู่ชิงกระซิบเรียกคนทั้งสองที่นิ่งงันสลบไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าและลำตัวมีแต่รอยเขียวช้ำเต็มไปหมด เลือดสีแดงแห้งติดเสื้อผ้าเป็นทางคุณชายสวีลืมตามองผู้เป็นน้องสาว นึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวต้องมาผจญความลำบากเช่นนี้ เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะตกหลุมพรางง่ายดายเพียงนั้น“พวกเขาทำอันใดเจ้าหรือไม่

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 74 ถูกใส่ร้าย

    จากนั้นไม่นานใต้เท้าสวี ฮูหยินและสวีลู่ชิงถูกนำตัวออกมาจากจวน นางหันมองบ้านที่เคยอยู่ เวลานี้ผู้คนในนั้น บ่าวรับใช้ เสี่ยวมู่กำลังดิ้นรนบอกว่าตนเองไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นระหว่างถูกควบคุมตัวไปสอบสวน พวกเขาต้องเดินผ่านตลาดและหมู่บ้าน แม้จะเป็นสถานที่คุ้นเคยแต่ครั้งนี้ความรู้สึกนั้นกลับไม่เหมือนเดิมเพราะแววตาที่ชาวบ้านมองมากำลังกล่าวโทษว่าพวกเขาเป็นคนทรยศต่อบ้านเมืองสวีลู่ชิงเดินรั้งท้ายขบวนจึงตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่ายเมื่อชาวบ้านคนหนึ่งขว้างสิ่งของเพื่อจะลงโทษนางให้สมกับความผิดที่ได้ทำทว่า ใครบางคนกลับพุ่งตัวเข้ามาโอบกอดนางไว้ไม่ยอมให้ของเหล่านั้นเฉียดร่างกายแม้เพียงเสี้ยว“คุณหนู” น้ำเสียงห่วงใยทำให้สวีรู้ชิงรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่ในความฝัน &ldquo

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 73 เอ่ยคำรัก

    ปิ่นหยกลายดอกโบตั๋นจึงปรากฏบนเรือนผมของคุณหนูสกุลสวีนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเจ้าของดวงตาสีม่วงแดงมองคนตรงหน้าไม่วาง ยิ้มกว้างปลื้มใจที่นางรับของขวัญจากเขาไปราวกับรับความรักที่เขามีให้ไปด้วยสวีลู่ชิงรู้สึกได้ว่าคนผู้นั้นจริงใจกับนางมากแค่ไหน แม้จะให้สถานะเป็นเพียงสหายแต่ก็ยอมปักปิ่นให้เขาได้ชื่นใจเวลานี้นางไม่เคยได้ออกไปเยี่ยมเขาที่นอกหมู่บ้านอีกเลย เพราะกงจื่อเย่มักแอบมาหานางในยามซวีทุก ๆ สองหรือสามวันเพื่อนำดอกซือเมิ่งสีฟ้าที่นางโปรดปรานมาให้“ทำงานทั้งวันไม่เหนื่อยหรืออย่างไรจึงมาหาข้าถึงจวน” สวีลู่ชิงเอ่ยถามคนข้างกาย รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำงานมากแค่ไหนและพยายามมาหานางถึงที่นี่ทั้ง ๆ ที่เดินทางมายากลำบากนัก“ไม่เหนื่อยเลยขอรับ” เ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 72 ยกเลิกหมั้นหมาย

    สวีต้าเฟิงไม่ได้ลงมาตามจับหลานชายของตัวเองเพียงเท่านั้นแต่ยังมาเตือนกงจื่อเย่ผู้เป็นบิดาของมารน้อยด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนทุกครั้งจอมมารนิ่งเฉยเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการพูดเรื่องอะไร แต่มักทำหูทวนลมอยู่ร่ำไป คิดอยากทำตามใจตัวเองตามประสาเป็นทุนเดิม“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับโชคชะตาของนาง เหตุใดเจ้าถึงไม่ฟังข้าบ้างเล่า” เทพวายุพยายามข่มใจลดน้ำเสียงลงราวกับวอนขอให้อีกฝ่ายทำตามที่เขาบอก“เจ้ามาโทษข้าเรื่องอันใด ไม่เห็นหรือว่าข้าอยู่ในสภาพแทบพิการ ต่ำต้อย ไม่มีชื่อเสียงเงินทอง มิหนำซ้ำสุขภาพยังย่ำแย่ทรุดโทรมจะมีเวลาไปสร้างเรื่องอันใดให้เจ้าหนักใจอีก” กงจื่อเย่นิ่วหน้าพูดตามความจริง“ดาบเขี้ยวอสูรของเจ้าบินว่อนภพสวรรค์สร้างความแตกตื่นให้ผู้คนบนนั้นคิดว่าเจ้าจะยึดคร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status