LOGINร้านยาจีน จังหวัดนครสวรรค์
“เหม่ยลี่ ถึงเวลาไปฝึกมวยไทยแล้วนะ ทำไมยังไม่ไปอีก”
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละเตีย” หญิงสาวที่กำลังเดินลงบันได ตอบบิดาที่อยู่ตรงหน้าตู้เก็บยาสมุนไพร
“เรียนเสร็จแล้วรีบกลับบ้านล่ะ อย่าไปก่อเรื่องที่ไหนอีก” หมอตี๋ที่ชาวบ้านพากันเรียกจนติดปาก มีชื่อจริง ๆ ว่าหยวนตง บอกกับลูกสาวที่พาข้ามประเทศมาจากอู่ฮั่นตั้งแต่อายุแค่ห้าขวบ
“เตียลืมหรือเปล่า วันนี้หนูต้องไปว่ายน้ำ”
“ว่ายน้ำเสร็จแล้วก็รีบกลับล่ะ ถ้าเตียรู้ว่าไปยิงนกตกปลาอีกนะ โดนแน่” บิดาคุยกับลูกสาวด้วยภาษาจีนทุกคำ ส่วนลูกจะตอบกลับเป็นไทยบ้างจีนบ้างตามแต่สมองคิดออกในตอนนั้น
“จริง ๆ หนูก็มีนัดกับเพื่อนต่อนะเตีย แต่ไม่ได้นัดไปซนที่ไหนหรอก”
“แล้วจะไปไหนกัน ดูหนังเหรอ”
“เปล่า จะไปคลินิก”
“ไปทำไม เพื่อนป่วยเหรอ บอกอาการมาสิ เดี๋ยวเตียจัดสมุนไพรให้”
“ไม่ได้ป่วย แต่นัดจะไปทำนมกันน่ะ” เธอไม่พูดเปล่าแต่ใช้สองมือประคองเต้าที่อวบอิ่มส่ายตัวไปมา
“เหม่ยลี่!”
เสียงตวาดของบิดาทำให้หญิงสาววัยสิบเก้าปีหัวเราะเสียงดังลั่น
“หนูล้อเล่นเฉย ๆ น่ะเตีย อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวความดันก็ขึ้นหรอก ไปก่อนนะคะอาเตียขา” ส่งจูบให้บิดาด้วยท่าทางทะเล้นแล้ววิ่งออกจากร้าน ขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจและสวมหมวกกันน็อก
หยวนตงเดินตามไปส่งลูกสาวถึงที่รถ “ชุดว่ายน้ำ ผ้าเช็ดตัว เตรียมไปแล้วใช่ไหมเหม่ยลี่”
“เจ้าค่ะคุณเตีย” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม โบกมือให้บิดาก่อนจะบิดคันเร่งจากไป
“ค่อย ๆ ขี่นะเหม่ยลี่” บุรุษวัยห้าสิบกลาง ๆ แต่หน้าตาและรูปร่างดูเหมือนหนุ่มใหญ่วัยแค่สามสิบนิด ๆ ตะโกนไล่หลังด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ส่งสายตามองลูกสาวจนลับตาจึงเดินกลับเข้าไปในร้าน..
และหยุดชะงักด้วยความตกใจ เมื่อเห็นบุรุษที่ยืนคอยอยู่ด้านใน
“ท่านมหาเทพ!.. คารวะท่านมหาเทพ” ได้สติก็รีบโน้มกายทำความเคารพ
“ท่านเทพรักษา ตกใจมากนักเหรอที่เห็นข้า”
“ใช่ เกิดอะไรขึ้นครับ..ขอรับ” เทพรักษาที่มีอายุจริงเกือบ ๆ จะหนึ่งพันปีถามมหาเทพผู้เป็นนายใหญ่
มหาเทพคลี่ยิ้มละมุน “พูดตามสบายเถอะท่านเทพรักษา เราเข้าใจดีว่าท่านมาอยู่ที่โลกมนุษย์นาน อาจจะลืมภาษาเทพไปแล้ว”
“ไม่ลืมหรอกท่านมหาเทพ แล้วท่านลงมาพบข้าถึงที่นี่ มีเรื่องสำคัญอันใดขอรับ”
กริ๊ง...
เสียงโมบายที่ติดไว้ตรงประตูส่งเสียงดังขึ้น บอกให้รู้ว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาในร้าน หยวนตงหันไปมอง.. ส่งยิ้มทักทายให้ลูกค้าเจ้าประจำ
“สวัสดีครับอาม่า”
“สวัสดี ๆ วันนี้ลื้ออยู่คนเดียวเหรอหมอตี๋”
“ครับ ทำไมเหรอครับอาม่า”
“ก็เมื่อกี้อั๊วมองเข้ามา อั๊วเห็นเหมือนลื้อกำลังคุยกับใครอยู่”
“..อั๊ว..อั๊วร้องเพลงแก้เหงาน่ะอาม่า วันนี้อาม่าจะรับอะไรดี” แก้ตัวแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของนาง
“อาเหม่ยลี่ไปไหนล่ะ อั๊วไม่เห็นอีมาสักพักแล้ว”
“อีไปฝึกมวยไทยน่ะอาม่า”
“เป็นสาวเป็นนางไปฝึกมวยไทยเนี่ยนะ! ลื้อคิดอะไรของลื้ออยู่หมอตี๋” อาม่าทำสีหน้าไม่เห็นด้วย
“เอาไว้ป้องกันตัวไงอาม่า อาม่าจะเอายาตัวไหนครับ”
“ลื้อนี่นะ พออั๊วถามถึงอาเหม่ยลี่ทีไรก็บ่ายเบี่ยงตลอด” อาม่าตำหนิอย่างขัดใจ “ลื้อรังเกียจหลานชายอั๊วเหรอ”
ได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่นั่งฟังอยู่บนเก้าอี้ไม้ แต่เหมือนเป็นแค่ธาตุอากาศอยู่ในห้องนี้ หยวนตงก็หันไปมองด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย.. ‘ท่านมหาเทพอย่าหัวเราะสิขอรับ ข้ากำลังปกป้องนางเพื่อท่านนะขอรับ’ สื่อสารกับอีกฝ่ายผ่านทางจิตและมุ่งความสนใจไปที่อาม่าต่อ
“ผมจะรังเกียจได้อย่างไร ในเมื่อหลานชายของอาม่าแต่ละคนเก่ง ๆ กันทั้งนั้น”
ได้ยินดังนั้นอาม่าก็คลี่ยิ้มกว้างพึงพอใจ เขย่าแขนหมอตี๋เบา ๆ พร้อมสีหน้ากรุ้มกริ่ม
“แล้วทำไมลื้อถึงไม่ยอมยกอาเหม่ยลี่ให้เป็นหลานสะใภ้คนเล็กของอั๊วล่ะ”
“โธ่..ลูกสาวผมเพิ่งจะสิบเก้าเองนะอาม่า ปีนี้อีต้องไปเรียนที่จีนด้วย ครอบครัวผมก็จะย้ายกลับไปเหมือนกัน”
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ หมั้นเอาไว้ก่อน เรียนจบค่อยกลับมาแต่งงานกันก็ได้ ลื้อจะอยู่ที่จีนก็ไม่เป็นไร อั๊วสัญญาว่าจะดูแลหลานสะใภ้อย่างดี” อาม่ารวบรัดตัดตอนเบ็ดเสร็จ
“อาม่าครับ ลูกสาวผมแก่นเซี้ยวอย่างกับทอมบอย เธอไม่เหมาะกับหลานชายที่แสนสุภาพของอาม่าหรอก”
“เหมาะสมจะตาย ลูกลื้อเหมือนทอมบอย ส่วนอารันหลานอาม่าก็เรียบร้อยเหมือนผู้หญิง คู่สร้างคู่สมชัด ๆ”
“อาม่า” หยวนตงถอนหายใจเบา ๆ ริมฝีปากยังเปื้อนยิ้ม “ผมขอบอกกับอาม่าตรง ๆ เลยก็แล้วกันนะ เรื่องนี้ผมเคยถามเหม่ยลี่ไปแล้ว แต่เขาบอกผมว่า..” โน้มตัวที่สูงใหญ่ลงไปอีกนิด แล้วยกมือป้องปากที่ข้างหูของผู้ที่อาวุโสกว่าในเมืองมนุษย์ “เธอชอบผู้หญิง”
“หา!” อาม่าตบอกไล่ลมหายใจที่ตีตื้นขึ้นมาจนเกือบจะทำให้เป็นลม
“อาม่า! นั่งก่อน ๆ” หยวนตงรีบพยุงอาม่าไปนั่งที่เก้าอี้ที่วางเรียงไว้ให้ลูกค้านั่งรอด้วยความเป็นห่วง รู้สึกผิดเล็กน้อยที่คำพูดบอกปัดของตนทำให้คนแก่ลมขึ้น
“ทำไมลื้อถึงปล่อยให้อีเป็นแบบนั้นล่ะหมอตี๋”
ปิ๊น ๆเหม่ยลี่หันไปมองรถยนต์ยี่ห้อหรู ที่ขับตามหลังรถของบิดาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะถูกบีบแตรใส่ถี่ยิบจนน่าเกลียด“จะบีบทำมะเหงกอะไรนะ ก็เห็นอยู่ว่าฝนตกถนนลื่น จะรีบไปไหนกันนักหนา”ปิ๊น ๆ ๆ ปิ๊น ๆ ๆ“เฮ้ย!” เริ่มโมโหมากขึ้นเมื่อถูกบีบแตรใส่ซ้ำ ๆ อีกหลายทีอย่างไม่มีสำนึก “ไม่เห็นเหรอว่าไฟแดง” บ่นอยู่ในรถ แต่ท่าทางนั้นหันไปมองรถคันหลังอย่างเอาเรื่อง นึกอยากจะลงไปชี้นิ้วกลางใส่แล้วต่อว่าเรื่องมารยาท“มันเป็นนิสัยพื้นฐานของคนยุคนี้ไปแล้วลูก ไม่มีอะไรหรอก ขอแค่ได้บีบแตรใส่รถคันหน้าก็พอใจแล้ว” หยวนหลินบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น“เหนียง! แต่เขาลงมาจากรถด้วยนะ” หญิงสาวที่มองข้างหลังไม่วางตาร้องลั่น และยังเห็นว่าฝ่ายนั้นถือไม้เบสบอลติดมือมา ด้วยความเป็นห่วงคนในรถเธอตัดสินใจเปิดประตู“อย่าลงไปนะ!” หยวนตงไวกว่า รีบกดล็อกประตูก่อนที่ลูกสาวจะเปิดประตูลงไป“แต่มันกำลังจะทุบกระจกรถเรานะเตีย ให้หนูออกไปสู้กับมันตัวต่อตัวเถอะ หนูชนะแน่”“ไม่!”“เดี๋ยวก็ไฟเขียวแล้ว ไม่ต้องลงไปหรอก” พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน มองบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ใส่แว่นตาอำพรางใบหน้า ที่เดินใกล้จะถึงตัวรถของเขาอยู่รอมร่อ“เตียระ
ชานเมืองมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน“เหนียง”“หือ”“หนูถามเหนียงจริง ๆ เถอะนะ เหนียงไม่หวงเตียบ้างเหรอ เตียออกจะหล่อและหนุ่มกว่าอายุจริงขนาดนั้น ทำไมเหนียงถึงกล้าให้เตียไปอยู่เมืองไทยคนเดียว” หญิงสาววัยสิบเก้าที่กำลังอุ้มหลานชายวัยเกือบ ๆ สองขวบ ถามมารดาที่กำลังทำอาหารอยู่หน้าเตาไฟฟ้า“อยู่คนเดียวที่ไหน เหนียงก็ส่งหนูไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยแล้วไง”“มันไม่เหมือนกันนะ หนูเป็นลูกแต่เหนียงเป็นเมีย ผัวเมียก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ นี่อะไร แยกกันอยู่คนละขั้วโลก ปี ๆ หนึ่งเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ถ้าเป็นหนูนะ หนูไม่ยอมหรอก จะเกาะแข้งเกาะขา ขี่คอตามติดเหมือนผีสิงวิญญาณหลอนเลย แล้วถ้ามีสาวมาเหล่ใส่นะ จะเจาะตาให้ทะลุเลย” นิ้วเรียวสองนิ้วทำเป็นตะขอประกอบคำพูดที่จริงจัง แต่สุดท้ายก็หัวเราะเสียงดังด้วยความขบขันสีหน้าของมารดา“ต่อให้มีหญิงงามจนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภามายั่วเตีย เหนียงก็ไม่กลัวหรอก เพราะเหนียงเชื่อความรู้สึกของเหนียงพอ ๆ กับเชื่อใจเตียหนูนั่นแหละ”“หนูไม่เข้าใจว่าเกี่ยวกับความรู้สึกตรงไหน ในเมื่ออยู่กันคนละที่ก็ต้องมีช่องโหว่อยู่แล้ว”“ลูกมีเพื่อนสนิทบ้างไหม”“มีสิเหนียง”“แล้วลูกรู้นิสัยของเพื่อนดีแค่ไห
“ขอบใจมากนะเหม่ยลี่ แค่นี้เตียก็สบายใจแล้ว วันนี้ดึกมากแล้ว หนูรีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปแข่งต่อยมวยอีกไม่ใช่เหรอ”“จ้ะ งั้นหนูไปนอนก่อนนะเตีย” หญิงสาวลุกไปกอดบิดาแล้วหอมแก้มท่านหนึ่งที “หนูรักเตียนะ”“เตียก็รักลูกเหมือนกัน ฝันดีนะ” หยวนตงมองลูกสาวกำมะลอที่รักเสมือนแก้วตาดวงใจ.. ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเธอโบกมือลาก่อนจะปิดประตูห้อง…………….กลางดึกบริเวณหุบเขาติดแม่น้ำหยางจื่อ ประเทศจีน“คนของเรารายงานมาเท่านี้” เสียงทุ้มกังวานกล่าวปิดท้ายคำรายงานอย่างนอบน้อม “และนี่คือรูปของนางขอรับ”บุรุษผมยาวมัดไว้อย่างเรียบร้อย สวมชุดฉีผาวตัวยาวสีดำสนิท ปกปิดเนื้อหนังมิดชิด ใส่แว่นกันแดดสีดำเข้มแม้ในยามวิกาล ยื่นมือที่สวมถุงมือสีเดียวกับชุดรับรูปภาพมาดู..แค่ใบแรกก็ดูอยู่เนิ่นนานไม่ยอมพูดใด ๆ แล้วเก็บภาพทั้งหมดใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อ“คอยติดตามพวกเขาเอาไว้ เมื่อวันนั้นมาถึงต้องขัดขวางให้ถึงที่สุด อย่าให้พวกเขาทำสำเร็จเด็ดขาด”“ขอรับนายท่าน”“ไปได้แล้ว อุ๊ก!”“นายท่าน!” ผู้ติดตามรีบถลาเข้าไปหมายประคองคนที่กุมมือแน่นตรงหน้าอก แม้ไม่ได้เห็นแววตา แต่การกัดริมฝีปากนั่นก็บอกได้ดีว่าเจ็บปวดเพียงใด แต่ต้องหยุดชะงั
“เตียไม่ได้พูดเพื่อให้หนูกลัว แต่พูดเพื่ออยากให้หนูเตรียมใจเอาไว้เท่านั้น เตียหวังดีกับหนู อยากให้หนูยอมรับให้ได้นะเหม่ยลี่ หนูจะคิดว่าเตียเห็นแก่ตัวก็ได้ เตียยอม”มือเล็ก ๆ รีบตะครุบมือของบิดา ส่ายศีรษะหน้าตาจริงจังขณะมองท่านด้วยแววตาแน่วแน่“เตียไม่ผิด และหนูก็ไม่ได้โกรธเตียด้วย หนูยอมรับได้” เพื่อพ่อกับแม่ที่เธอรักยิ่งกว่าชีวิต เธอยอมทำได้ทุกอย่าง ต่อให้ต้องข้ามมิติไปอยู่ยุคมนุษย์หินเธอก็จะไป แต่ไปถึงแล้วจะหาวิธีพังงานแต่ง ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวต้องเป็นฝ่ายโบกมือลาให้ได้“นี่ลูกไม่ได้คิดอะไรพิเรนทร์ ๆ อยู่ใช่ไหม” เห็นสายตาครุ่นคิดของลูกสาวก็เดาอย่างรู้ทัน“ไม่ได้คิดอะไรเลยนะเตีย” รีบปฏิเสธสีหน้าสงสัยของบิดาน้ำเสียงขึงขังบิดาลังเลกับความจริงจังที่มากเกินไปของลูกสาว ผิดวิสัยคนที่ชอบทำตัวสบาย ๆ ของเธอมาก ถึงแม้จะเป็นคนง่าย ๆ เข้าหาคนอื่นเก่ง แต่เธอก็ไม่ชอบทำอะไรฝืนใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นเรื่องที่เธอยอมรับง่าย ๆ แบบนี้ก็ผิดไปจากที่คาดการณ์เอาไว้“เตียไม่รู้หรอกนะว่าหนูกำลังคิดตุกติกอะไร แต่ในเมื่อหนูยอมรับง่าย ๆ แบบนี้เตียก็จะยอมเชื่อใจ ไม่ว่าหนูจะคิดอะไรเอาไว้ เตียก็หวังว่าสุดท้าย
‘เตียเป็นคนของแดนสวรรค์ เป็นเทพรักษาชื่อหยวนตง และเป็นคนสนิทของมหาเทพ.. เมื่อพันกว่าปีก่อนท่านมหาเทพรักกับธิดาราชาปีศาจ พวกท่านทั้งสองรักกันมากและมีลูกด้วยกัน แต่ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตเคียงคู่ผัวเมียกันได้.. ลูกที่เกิดมาก็ถูกสองดินแดนแย่งชิงกัน จึงผนึกพลังร่วมกันสร้างดินแดนมายาให้เป็นดินแดนสำหรับลูกหลานที่เกิดจากคนสองดินแดนนี้ได้อาศัยอยู่’คำบอกเล่าที่สุดแสนจะแฟนตาซีของบิดา ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของหญิงสาวที่นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงขนาดห้าฟุต สวดมนต์ก็แล้ว นับแกะก็แล้ว ฟังดนตรีเพื่อการผ่อนคลายก็แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกง่วง ทั้งที่เวลาล่วงมาถึงตีสอง‘เพื่อความสบายใจของอาเตียกับอาเหนียง และบรรพบุรุษของเรา.. ลูกจำเป็นต้องแต่งงานกับบุรุษท่านหนึ่ง... คำพูดของเตียอาจจะทำให้หนูช็อก แต่ยังมีเรื่องที่ชวนช็อกมากกว่านี้รอหนูอยู่ วันนี้เตียขอบอกกับหนูแค่นี้ก่อน เมื่อหนูพร้อมมากกว่านี้ค่อยมาถามเตียใหม่ แล้วเตียจะเล่าให้หนูฟังทั้งหมด.. เหม่ยลี่’‘จ้ะเตีย’‘เตียจะบอกความจริงกับหนูทุกอย่าง แม้จะทำผิดต่อหนู แต่ก็หวังว่าหนูจะไม่โกรธไม่เกลียดเตียนะ’ ‘หนูไม่คิดแบบนั้นหรอกเตีย หนูรู้ว่าเตียเป็นคนมีเหตุผล
“ลี่กลับก่อนนะทุกคน” สาวหมวยดวงตากลมโต ที่มีความงามโดดเด่นรับกับรูปร่างสมส่วนโบกมือลาเพื่อน ๆ“เดี๋ยวก่อนลี่”หญิงสาวที่เดินเกือบจะถึงรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองหยุดและหันไปมองคนทัก“มีอะไรเหรอพี่ขาว” ถามนักมวยดาวรุ่งที่ไม่ได้ขาวสมชื่อแต่ใจดีน่าคบหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ทำไมรีบกลับล่ะ พี่ตั้งใจจะพาไปเลี้ยงสุกี้เป็นการตอบแทนที่ช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ซักหน่อย”“พี่ขาวไม่ต้องเลี้ยงลี่หรอก เก็บเงินไว้เถอะ พี่ขาวเคยบอกว่าอยากซื้อรถเก๋งเท่ ๆ สักคันไม่ใช่เหรอ”“โธ่ลี่ สุกี้มื้อละแค่ไม่กี่บาท พี่เลี้ยงลี่ได้อยู่แล้ว ส่วนเงินเก็บซื้อรถพี่ก็เก็บอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ให้พี่เลี้ยงหน่อยเถอะนะ พี่อยากใช้เงินเพื่อลี่บ้าง”คำพูดกับสายตามีนัยยะแอบแฝงของเขานั้น ไม่ได้ทำให้หญิงสาวใจเต้นหรือขัดเขินแต่ประการใด แต่กลับรู้สึกลำบากใจมากขึ้นทุกครั้ง ต่อไปนี้เธอคงต้องเว้นระยะห่างกับเขาให้มากอีกสักหน่อยแล้ว เขาจะได้เลิกสนใจเธอสักที“เอาไว้วันอื่นนะพี่ วันนี้ลี่มีนัดว่ายน้ำกับเพื่อน ๆ อีก ต้องรีบไปแล้ว” พูดจบก็โบกมือลาพร้อมรอยยิ้มกว้างแล้วเดินไปขึ้นรถ สตาร์ทจากไปนักมวยดาวรุ่งได้แต่มองตามหญิงสาวที่ตัวเองมีโอกาสได้รู้จักเมื







