Share

หวนคืน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-02 02:04:00

          “เดิมทีข้าพอใจที่ข้าเป็นเพียงบุตรสาวของท่านพ่อ เป็นเพียงเสี่ยวเหม่ยเหรินที่เป็นเพียงสตรีธรรมดา ทว่าพอผ่านพ้นความตายมาได้ ข้าถึงได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างที่หลงลืมไป ในเมื่อข้ามีสายเลือดตระกูลอี้ ข้าควรใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เพื่อตัวเอง เพื่อไม่ให้ชีวิตของข้าต้องตายตกเพราะน้ำมือผู้อื่น” ประโยคสุดท้ายนางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงความแค้นเคืองอยู่เนือง ๆ ดูท่าแล้วคนที่ลอบทำร้ายนางจนตกน้ำตายในชาติก่อนคงไม่พ้นฝีมือของฟางอวี่ซินผู้นั้นแน่

          “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนี้พ่อคงไม่มีอะไรจะคัดค้าน เพียงแต่เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะกลับเข้าตระกูลอี้ เจ้าก็รู้ดีว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นย่าของเจ้าหาได้ชอบพอมารดาของเจ้านัก หากกลับไปจะทนรับมือไหวงั้นหรือ” เขาถามย้ำด้วยความเป็นห่วง เมื่อสี่ปีก่อนฟู่ซิวต้องการให้ลูกสาวเพียงคนเดียวกลับไป ทว่าเหม่ยเหรินนาง   ปฏิเสธเสียงท่าเดียว

          “ท่านพ่อย่อมรู้จักข้าดี ข้าไม่ใช่คนที่ตัดสินใจทำอันใดโดยที่ไม่วางแผนล่วงหน้า” มีเพียงเรื่องความรักเท่านั้นที่นางไม่เคยวางแผนอันใด แต่เพราะเรื่องนี้ด้วยเช่นกันที่ทำให้เผลอไผลหลงรักบุรุษใจโลเลอย่างหวังหย่งผู้นั้น ในเมื่อนางมีโอกาสได้หวนคืนครานี้นางไม่มีทางเลือกคนเช่นนั้นเป็นชายคนรักอีก พบกันชาติเดียวก็เพียงพอ!

          “เช่นนั้นพ่อจะส่งจดหมายบอกแม่เจ้าที่อยู่เมืองหลวง นางจะได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า”

          เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งนางหายป่วยจึงได้ทยอยจัดเตรียมข้าวของต่าง ๆ ของตัวเอง

          “คุณหนู คุณชายหวังหย่งมาขอพบเจ้าค่ะ”

          “เขามาที่นี่ทำไมกัน” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ เพราะตั้งแต่ย้อนเวลากลับมานางปฏิเสธที่จะพบหน้าชายหนุ่ม

          “คุณหนูเปลี่ยนไปนะเจ้าคะ เมื่อก่อนท่านไม่เคยหมางเมินคุณชายตระกูลหวังผู้นั้น ทว่าตั้งแต่ท่านป่วย...”

          “บอกเขาให้รอข้าที่เรือนรับรองก็แล้วกัน” ท้ายที่สุดเหม่ย  เหรินได้ตัดสินใจไม่หลบหน้าอีกต่อไป ครั้งนี้นางตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะตัดความสัมพันธ์กับเขา

          “ในที่สุดเจ้าก็ยอมพบหน้าข้า” คำทักทายแรกดังออกจากปากเขา หลังจากเห็นสตรีที่ตนรอเดินเข้ามายังเรือนรับรอง

          “ท่านมีเรื่องอันใดอยากคุยกับข้างั้นหรือ”

          “เหม่ยเหริน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดเจ้าถึงพูดจาห่างเหินกับข้าเช่นนี้”

          “ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ ถ้าคุณชายมาหาข้าเพื่อถามเรื่องแค่นี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

          “เดี๋ยวสิ ข้าอยากพาเจ้าไปดูเรือนหอของเราด้วยกัน ตอนนี้เรือนหลังนั้นสร้างเสร็จแล้ว” เขาคว้ามือนางไว้ได้ทัน ก่อนบอกความประสงค์ของตนเอง

          “แค่นี้ใช่ไหมเจ้าคะ”

          “ใช่”

          “ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปกันเถิด”

          ทั้งสองคนใช้เวลาเดินทางไม่นานนักก็เดินทางมาถึงปลายทางที่เรือนหลังใหญ่ตั้งอยู่ ครั้งก่อนที่เขาพานางมาดูเรือนหลังนี้ยังสร้างไม่เสร็จ

          “เหม่ยเหริน เจ้าจำได้รึไม่เรือนหลังนี้ข้าสร้างไว้ให้เจ้า” น้ำเสียงที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมาฟุ้งเจือด้วยความดีใจเสียเต็มประดา พลันทำให้นางหวนคิดถึงอดีตเมื่อชาติก่อนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

          “ไม่ ข้าจำไม่ได้” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าในใจกลับจดจำทุกสิ่งอย่างชัดแจ้ง เหตุใดนางจะจำไม่ได้เล่าในเมื่อบุรุษคนที่เผาเรือนหลังนี้ด้วยน้ำมือตัวเองก็คือตัวเขาเอง

          “รอให้ตำแหน่งของข้ามั่นคงเสียก่อน เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะมาสู่ขอเจ้าเป็นฮูหยิน”

          “ข้าว่าพวกเราจบความสัมพันธ์ลงแค่นี้เถิด”

          “ข้าทำอันใดผิดไปงั้นหรือ”

          “ท่านไม่ผิด คนที่ผิดคือข้าเอง” นางเอ่ยทิ้งท้าย ในใจยึดมั่นกับตัวเองว่าจะไม่กลับไปเป็นสตรีโง่งมที่มัวเมาหลงอยู่ในห้วงแห่งความรักอีกแล้ว เพราะผลสุดท้ายสิ่งตอบแทนที่ได้กลับคืนมามีเพียงความเกลียดชังและหมางเมินจากเขาเท่านั้น

          หลังจากหวังหย่งถูกหญิงคนรักตัดความสัมพันธ์ เขายังไม่ลดละความพยายามขอโอกาสจากนาง ทว่าเหม่ยเหรินมิได้ติดต่อกับเขาอีก

เมืองหลวง

          ฟู่ซิวได้รับจดหมายจากเสี่ยวอวี้ว่าบุตรสาวของตนต้องการกลับเมืองหลวง นางดีใจเป็นอย่างมากที่ในที่สุดจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครบทั้งพ่อแม่ลูกเสียที

          “ท่านพี่ ข้ามีเรื่องสำคัญอยากพูดด้วยเจ้าค่ะ” นางเข้าไปหาสามีที่ห้องทำงาน ขณะที่อี้เซินนั่งอยู่ก่อนแล้ว

          “เจ้ามีอะไรก็พูดมาเถิด”

          “อี้เซิน เจ้าออกไปก่อนได้รึไม่” นางหันไปบอกแกมสั่งลูกสาวของอนุเมิ่งที่อายุน้อยกว่าเหม่ยเหรินเพียงหนึ่งปี

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • มิลืมเลือนรัก   ตอนจบ

    “หากไม่ได้เป็นดังที่ข้าคิด แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้เอามือมาลูบปากข้ากัน” เขายกยิ้มไปพลางถามไปพลาง จนคนใต้ร่างเริ่มรู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย “ข้าแค่อยากรู้ว่าริมฝีปากของบุรุษจะอ่อนนุ่มหรือหยาบกร้านถึงได้เผลอไผลทำเรื่องเช่นนั้นไป” “งั้นหรือ” เขาแสร้งเห็นด้วย จากนั้นค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงมาเรื่อย ๆ จนลมหายใจเป่ารดหน้านางเข้า “ท่านจะทำอะไรหรือเจ้าคะ” ว่าพลางดันหน้าอกชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ทว่ากายแกร่งไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว “เจ้าอยากรู้นักไม่ใช่หรือว่าริมฝีปากข้าจะอ่อนนุ่มหรือไม่ แทนที่จะใช้มือ มิสู้ใช้ปากไม่ดีกว่าหรือ” เอ่ยจบก็ทาบทับริมฝีปากลงไปแผ่วเบา ก่อนขบเม้มเข้าที่ริมฝีปากล่างของนางเพื่อหยอกล้อ “อื้อ” ซ่งอันเว่ยพร่ำจูบนางจนพอใจถึงได้ปล่อยริมฝีปากของนางให้เป็นอิสระ ขณะที่มืออีกข้างปลดเปลื้องอาภรณ์จนร่างของหญิงสาวเปลือยเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใด ไม่นานนักร่างกายของเขาก็เปลือยเปล่าไม่ต่างจากนาง... อี้ชางสือมองภาพเบื้องหน้าทั้งรอยยิ้ม ยามเห็นภาพคู่สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว “ท่านพี่ ท่านฝึกซ้อมมาหลายชั่วยามแ

  • มิลืมเลือนรัก   ออกเรือน

    ทางด้านของฮูหยินผู้เฒ่าที่อาการป่วยทรุดลงเรื่อย ๆ จนไม่อาจลุกจากเตียงได้แต่นอนเป็นผักเท่านั้น “อาการของท่านแม่ เป็นเช่นไรบ้าง” เขาถามสาวใช้ข้างกายมารดา “อาการของฮูหยินผู้เฒ่าแย่ลงเรื่อย ๆ เลยเจ้าค่ะ” “ไปตามท่านหมอมาเร็วเข้า” “ตามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ ท่านหมอเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง ทั้งยังบอกว่าอาการของฮูหยินผู้เฒ่าไร้หนทางรักษาแล้ว” อนุเมิ่งบอกสามี “จะ...เจ้า นางคนเนรคุณ” เสียงแหบแห้งหมดเรี่ยวแรงพูดขึ้น “พักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลท่านเอง” นอกจากนางจะไม่โกรธแล้ว นางยังส่งยิ้มให้หญิงชราด้วยซ้ำไป ฝั่งของฟู่ซิวแวะมาเยี่ยมมารดาสามีบ้างบางครั้ง เพราะอนุเมิ่งขอเป็นคนดูแลเอง “ฮูหยิน ตั้งแต่อนุเมิ่งไปดูแลฮูหยินผู้เฒ่าอาการของนางก็แย่ลงเรื่อย ๆ เลยนะเจ้าคะ หรือว่านางจะ...” “เจ้าอย่าได้เสียงดังไป เพราะถ้าหากนางไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงคนที่เดือดร้อนคงกลายเป็นพวกเราแทน” นางบอกเสียงเบา ทั้งที่ในใจรู้อยู่แล้วว่าเมิ่งไป่ซูวางยาพิษฮูหยินผู้เฒ่า แต่นางไม่คิดเปิดโปงเรื่องนี้ เพราะเห็นสมควรว่าสตรีว

  • มิลืมเลือนรัก   เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง

    ชายหนุ่มถอดรองเท้าของนางออกหนึ่งข้าง ซึ่งเป็นข้างที่นางได้รับบาดเจ็บ แล้วฉีกชายเสื้อของตัวเองมาพันข้อเท้านางไว้ ก่อนอุ้มหญิงสาวไว้ในอ้อมกอดด้วยความหวงแหน จากนั้นเดินกลับกระโจมไป แม่ทัพซ่งวางร่างของนางลงบนเก้าอี้ด้วยความทนุถนอม ก่อนออกไปสั่งให้คนสนิทเรียกท่านหมอมาดูอาการ ทว่าไม่ทันจะได้ทำเช่นนั้นเขาถูกมือของหญิงสาวชุดรั้งแขนไว้เสียก่อน “จะไปไหนหรือเจ้าคะ” “ข้าจะให้คนไปตามท่านหมอมารักษาเจ้า” “ข้าไม่ต้องการหมอ” “ถ้าไม่ต้องการหมอ แล้วเจ้าต้องการอะไร” “ข้าต้องการท่าน” นางบอกทั้งใบหน้าแดงซ่านอย่างปิดไม่มิด “…” “ทำไมไม่ตอบข้าล่ะเจ้าคะ” “ปล่อยก่อน” “ท่านอยากรู้ใช่รึไม่ว่าคนที่ข้ารักคือใคร เช่นนั้นข้าจะบอก” “ไม่ต้อง ข้าไม่อยากรู้” เขาปฏิเสธทันควัน เพราะยังไม่พร้อมรับฟัง “ซ่งอันเว่ย ท่านฟังข้าพูดให้ดี ๆ ข้าจะพูดแค่ครั้งเดียว” “ข้าไม่....” “คนที่ข้ารักคือท่าน ไม่ใช่ใครอื่น” นางแทรกขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นสวมกอดจากด้านหลัง “ที่เจ้าพูด...จริงหรือ ไม่ใช่เ

  • มิลืมเลือนรัก   เรียกความสนใจ

    “น้องพี่ ใครเป็นคนทำให้เจ้าอารมณ์เสียหรือถึงได้ทำสีหน้าบึ้งตึงเช่นนี้” “เปล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้เป็นอะไร” “เจ้าปิดบังพี่ไม่ได้หรอก เมื่อครู่ข้าเห็นรถม้าของตระกูลซ่งมาส่งเจ้า ดูทีว่าต้นเหตุคงเป็นซ่งอันเว่ย พี่จะไปจัดการเขาให้เอง” “พี่ชางสือ ท่านจะทำอะไรเขางั้นหรือ” “ข้าจะเตะเขาสักสิบครั้ง ต่อยสักหมัดสองหมัด ให้คนผู้นั้นรู้เสียบ้างว่าอย่าริอาจมารังแกน้องสาวของข้า” “ท่านพี่ จะทำเช่นนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ อีกไม่นานข้ากับท่านแม่ทัพต้องแต่งงานแล้ว หากใบหน้าเขาบอบช้ำ ข้าคงทนเห็นไม่ได้” “เจ้านี่ช่างเป็นห่วงเขาเสียเหลือเกิน ไหนเจ้าบอกพี่ว่าไม่ได้คิดอันใดกับเขาเล่า” “ขะ...ข้าแค่เป็นห่วงเท่านั้น อีกอย่างท่านแม่ทัพไม่ได้รักข้าเช่นกัน” “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้รักเจ้า” “อะ...เอ่อ” “ข้าจะบอกความจริงให้เจ้าฟัง เจ้าคิดว่าคนเย็นชาอย่างซ่งอันเว่ยจะเสียเวลาไปรับสตรีที่ไม่รู้จักกลับเมืองหลวงด้วยตัวเองงั้นหรือ ทั้งยังคอยคุ้มกันจนถึงจวนอีก” “เรื่องนั้นท่านแม่ทัพบอกข้าว่า เป็นเพราะท่านไหว้ว

  • มิลืมเลือนรัก   ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง

    “สรุปว่าท่านจะให้ข้าอยู่เรือนรับรองหรือ” “ใครบอกเจ้ากัน เรือนใหญ่ออกจะกว้างขวาง อีกอย่างพวกเราเป็นสามีภรรยากันอยู่เรือนหลังเดียวกันก็สะดวกสบายดี หรือเจ้าไม่อยากอยู่ร่วมชายคาเดียวกับข้างั้นหรือ” “มีผู้ใดบ้างที่ทำเช่นนี้ ปกติแม้เป็นคู่สามีภรรยากัน แต่ยังต้องแยกเรือนกันอยู่เลยนะเจ้าคะ” นางถาม เพราะตามปกติแล้วสามีจะอยู่เรือนใหญ่เพียงคนเดียว “ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนั้นสักนิด” “แต่ถ้าท่านมีอนุคงไม่สะดวก หากอยู่เรือนหลังเดียวกัน” “ข้าไม่เคยคิดอยากมีอนุ ข้าจะมีเจ้าเป็นฮูหยินเพียงผู้เดียวเท่านั้น” เขาบอกเสียงจริงจัง จนนางเริ่มรู้สึกหวั่นไหว ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาเป็นคนชัดเจนตลอดมา ไม่เคยมีสักครั้งที่ทำให้นางต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง “เช่นนั้นห้องนอนของข้า” “ที่เรือนนี้ไม่มีห้องนอนของเจ้า มีแต่ห้องนอนของเรา” ท้ายประโยคเขาเอื้อนเอ่ยเบา ๆ ราวกับสายลมอ่อน ๆ พัดผ่านยอดหญ้า ไหนจะท่าทีเก้เก้อดูก็รู้ว่าคนพูดรู้สึกเช่นไร “วันนี้เจ้าพอมีเวลาว่างให้ข้าทั้งวันรึไม่” “ถามทำไมหรือเจ้าคะ” “เย็นนี้ในเมืองจัดง

  • มิลืมเลือนรัก   เห็นกันหมดทุกคน

    หลังจากส่งบุตรสาวอีกคนแต่งออกไปถึงเมืองเป่ยโจว ก็ถึงคราวของอี้เหม่ยเหรินหมั้นหมายกับแม่ทัพหนุ่ม ผู้ซึ่งเป็นที่หมายปองของสตรีทั้งเมืองหลวง นอกจากเขาจะรูปโฉมงดงามราวเทพเซียนแล้ว ยังมากด้วยความสามารถและอนาคตไกล จนพวกขุนนางในราชสำนักต่างยกลูกสาวของตัวเองใส่พานมาถวายอยู่ไม่ขาด ทว่าเขากลับไม่สนใจสักนิด ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวคือนาง หญิงสาวธรรมดาที่เขาเคยพบเจอเมื่อสี่ปีก่อน นางเป็นบุตรสาวพ่อค้าชื่อดังของเมืองลั่วหยาง เวลาเห็นนางยิ้มทีไรทำให้หัวใจหยาบกระด้างของชายหนุ่มอ่อนระทวยลงราวกับถูกไฟลน ยามนึกถึงคราแรกที่พานพบพลันทำให้ใจสั่นไหวรัวเร็ว “คุณหนู รอบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” “เล่อจิน เจ้ารีบตามข้ามาเร็วเข้า” หญิงสาววัยแรกแย้มกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ก่อนหันมาบอกสาวใช้คนสนิท “โอ๊ย” สุดท้ายนางสะดุดล้มเข้าจนได้ “แงง” เสียงเด็กชายร้องไห้เสียงดัง เพราะหมั่นโถวที่ตนถืออยู่ตกพื้น “เด็กน้อย ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ว่าพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาด้วยความรู้สึกผิดเต็มอก “หมั่นโถวลูกนี้ ข้าลำบากลำบนกว่าจะทำงานหาเงินซื้อได้” เด็กน้อยเอ่ยทั้งน้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status