“ฝ่าบาท ฝ่าบาท พ่ะย่ะค่ะข้าน้อยสองคนอยากให้ฝ่าบาททรงตัดสินเรื่องความขัดแย้งของเราทั้งสอง”ขุนนางวันกลางคนเกือบชราเดินเข้ามาประสานมือตรงหน้า
“มีเรื่องเร่งด่วนใดกันฝ่าบาททรงกำลังดื่มชายามบ่าย” ขันทีข้างกายส่งเสียงปรามขุนนางทั้งสอง
“ใต้เท้าเหวินผู้ดูแลกรมคลังสองสามวันมานี้อคติกับข้าไม่ยอมเพิ่มเบี้ยหวัดและเงินตามที่ข้าขอสำหรับเหล่านางในห้องเครื่องที่ทำงานเหนื่อยหนัก”
“อคติ มีอะไรให้ต้องอคติข้าเห็นว่านางในห้องเครื่อง กินอิ่มกว่าใครไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้ออาหารเพิ่มได้น้อยกว่า นางในที่ทำนห้าที่อื่นเพียงน้อยนิดเท่านั้นจะเพิ่มไปเพื่ออะไรกัน”
“ท่านอย่างไรก็ไร้เหตุผลเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันกับเรื่องงาน”ใต้เท้าเหวินยิ้มหยันลอยหน้าลอยตา
“ท่านทั้งสองบาดหมางกันเรื่องอะไร”หลี่หลงเซียวถามขึ้นดังๆ
ไข้าน้อยมิได้บาดหมางพ่ะย่ะค่ะ มีแต่ใตเท้ากู้ที่เลอะเลือนคิดว่าข้าน้อยคิดเล็กคิดน้อยเพียงนั้น”
“พูดมาอย่าอ้อมค้อม กู้เฉวียนพูดมาเดี๋ยวนี้”
“ เอ่อ เอ่อข้าน้อยกับใต้เท้าเหวิน เราแข่งขันกันเพื่อที่จะชนะใจเฒ่าแก่เนี๊ยของหอโคมแดงสุริยันจันทรา”
“ไร้สาระสิ้นดี แค่เพียงหญิงงามทำให้พวกท่านบาดหมางถึงกับต้องให้ข้าตัดสิน งานในราชสำนักต้องอาศัยความสามัคคี เหตุใดจึงทำตัวราวกับนักรบพเนจรใส่ใจแต่เรื่องรักใคร่”
หลี่หลงเซียวตวาดดังลั่น
“ฝ่าบาทข้าน้อยไม่เคยบาดหมางกับกู้เฉวียนเป็นเขาที่คิดไปเองลำพัง”ออกตัวไปก่อนเพราะหลี่หลงเซียวกำลังโมโห จะบอกอย่างไรว่าขุนนางน้อยใหญ่ใครบ้างไม่รู้จักหอสุริยันจันทราที่กำลังเป็นที่พูดถึงมาไม่ต่ำสองเดือนที่ผ่านมา
“ท่านเหวินก่อนหน้านั้นเราสองคนรักใคร่ร่วมกินดื่มแต่พอข้า เป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่ท่านแม่ของหอสุริยันจันทราอยากจะเจอหน้าท่านก็หาเรื่องข้ามาตลอด”
“นี่พวกท่านเลอะเลือนชั่วขณะหรือไรลงทุนแย่งชิงนางโลมเช่นนั้นหรือ ท่านทั้งสองมีฮูหยินที่งดงามและยังมาจากตระกูลสูงส่งเหตุใดจึงเลอะเลือนเช่นนี้ หญิงคณิกาตำชั้นควรค่าให้แย่งชิงหรือไร”
ทั้งสองคนก้มหน้าสำนึกผิด
“ท่านแม่หอสุริยันจันทรา ผู้นั้นมิแก่หงำเหงือก มีอะไรให้พวกท่านแย่งชิง”ไคเฉิงเอ่ยปากยิ้มๆ
“นางงดงามยิ่งกว่านางคณิกาอันดับหนึ่ง และนางยังถูกขนานนามว่ารู้ใจบุรุษยิ่งกว่าใครนางจึงสอนสั่งหญิงงามในหอสุริยันจันทราของนางให้รู้จักเอาใจเหล่าบุรุษที่แวะเวียนที่นั่นให้สำราญในทุกค่ำคืน หอสุริยันจึงเป็นหอนางโลมอันดับหนึ่งในตอนนี้ที่มีคำหล่าวว่าแม้แต่เทพยามทุกข์ตรมหรืออยากผ่อนคลายก็ต้องแวะไปที่หอสุริยันจันทรา แล้วยังมีคนพูดกันว่านางเองไม่ยินยอมร่วมแท่นนอนกับใครไม่ว่าจะมีคนเสนอเงินกี่มากน้อยก็ไม่เคยมีใครได้พบหน้านาง จึงมีคนต้องการที่จะพบนางสักครั้งนานๆ เข้าจึงกลายเป็นการแย่งชิง ได้พบได้พูดคุยไม่กี่คำจะมีสักกี่คนได้ร่วมดื่มสุรากับท่านแม่ท่านนี้”
หลี่หลงเซียวถอนหายใจ
“ข้าที่ไม่เข้าใจพวกท่านว่านางมีดีตรงไหนแค่เพียงเฒ่าแก่เนี๊ยหอนางโลมคนหนึ่งเท่านั้น”
ขุนนางทั้งสองต่างโล่งใจที่ฮ่องเต้หนุ่มไม่เข้าใจ หากมีวันไหนที่หลี่หลงเซียวมาเป็นคู่แข่งลงสนามแย่งชิงพวกเขาคงพ่ายแพ้ยับเยิน ก็ทั้งรูปงามทั้งทรัพย์หนาใครจะกล้าไปต่อกร ดีแค่ไหนแล้วที่ฝ่าบาทไม่เข้าคลุกวงในด้วย
“ข้าขอให้ยุติเรื่องบาดหมางเสียตั้งแต่วันนี้ แม้ว่าตอนนี้แคว้นเป่ยเหลียงของเราจะสงบร่มเย็นไร้การศึกสงคราม ชาวบ้านล้วนซื้อง่ายขายคล่อง แต่พวกท่านที่รับใช้ราชสำนักก็ไม่ควรเอาเวลาที่จะต้องดูแลทุกข์สุขรับใช้ชาวบ้านไปทำเรื่องเช่นนี้”
สองขุนนางก้มหน้าสำนึกผิด
“น้อมบัญชาฝ่าบาทต่อไปข้าน้อยทั้งสองจะเลิกทะเลาะเบาะแว้งกันเอาเวลาที่บาดหมางไปหาทางทำให้นางหันมองจะดีกว่า”ใต้เท้าเหวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น กู้เฉวียนเองก็พยักหน้าขึ้นลงเห็นด้วยกับคำพูดของใต้เท้าเหวิน
หลี่หลงเซียวถอนหายใจยาว เตือนแล้วเหมือนจะเชื่อฟังแต่สุดท้ายก้วกไปที่การชนะใจหญิงเช่นเคย
สองขุนนางกลับไปแล้ว เพียงไม่กี่อึดใจ
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเรา”ขุนนางวัยหนุ่มสองคนเข้ามาประสานมือตรงหน้าพร้อมกัน
“มีเรื่องใดเร่งด่วนกันฝ่าบาทกำลังจิบชายามบ่าย”ไคเฉิงเอ่ยขึ้นดังดัง
“เรื่อง…เรื่อง…”องครักษ์ตู้ก้มหน้าพูดเบาๆ แทบจะกลายเป็นกระซิบ
“รีบพูดมา”หลี่หลงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เจ้าโง่ จ้านฟงบังอาจปรามาสข้าน้อยว่าไร้น้ำยา นั้นยังไม่น่าโมโหเท่ากับบอกว่าไร้น้ำยาจนแม่นางจูเฒ่าแก่เนี๊ยของหอสุริยันจันทราไม่ชายตาแล”
“เฒ่าแก่เนี๊ยสุริยันจันทรา… อีกแล้วหรือ”ไคเฉิงส่ายหน้าไปมา
“พวกเจ้านำพาแต่เรื่องเหลวไหลมากวนพระทัยฝ่าบาท”
“ความจริงเรื่องเหล่านี้ข้าไม่ควรต้องมาตัดสิน ข้ามีเพียงหนทางเดียวที่ยุติเรื่องนี้เลย ข้าจะบัญชาให้จับตัวเฒ่าแก่เนี๊ยคนนี้มาประหารเสียจะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาเหล่านี้ตามอีก”
“ฝ่าบาทโปรดไต่ตรองแม่นางจูไม่ได้ผิดอะไร”ทั้งจ้านฟงและตู้เล่ย รีบคุกเข่าตรงหน้าทัดทานพร้อมกัน
“เช่นนั้นเรื่องราวน่าปวดหัวเหล่านี้อย่าให้ข้าได้ยินอีก”
“ฝ่าบาทถึงจะพูดว่าไม่อยากได้ยิน แต่ตอนนี้ในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างมีเรื่องของแม่นางจูให้บาดหมางกันรายวัน….มิใช่แค่เพียงเราสองคน”ก้มหน้าพูดอ้อมแอ้ม
“ดีมาก หากต่อไปข้าได้ยินใครพูดถึงเฒ่าแก่เนี๊ยของหอสุริยันจันทราอีกข้าจะ ข้าจะ….”
“อย่างนั้นสิเพคะต้องทำให้คังหยินวางใจแล้วยังต้องหาทางช่วยต้านเถียนช่วยองคืหญิงอิงเผยหาเรื่องให้ไทเอาออกไปบำเพ็ญเพียรแต่แอบเปลี่ยนเส้นทางมาที่หอคณิกา เพื่อความปลอดภัยหากแผนล่มคังหยินรุ้ว่าฝ่าบาทยังไม่ตายพวกเขาที่เป้นคนที่รักของฝ่าบาทจะต้องกลายเป็นเครื่องต่อรอง”“หากไม่มีเจ้าข้าคงลำบากไม่น้อยขอบใจเจ้าจริงๆอันเล่อมาถึงตอนนี้ เสด็จแม่ก็คงเสียใจที่เคยใช้วาจาดูแคลนเจ้า”“อันเล่อไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นการที่ทำได้อย่างทุกวันนี้เพราะไม่ยอมแพ้ คนที่น่านับถือที่สุดคือคนที่ไม่ยอมแพ้”“เฮ้อ ไม่น่าเชื่อหญิงเมามายคนหนึ่งในคืนนั้นจะทำให้สุขสมจนต้องให้คนออกตามหานางและไม่น่าเชื่อว่าหญิงคนเดียวกันนี้จะคือหนึ่งในดวงใจข้าจนไม่มีสายตาไว้มองใคร และยิ่งไม่น่าเชื่อกว่านั้นคือ หลีหลงเชียวคนนี้ตกเป็นทาสของเจ้าแล้วนับจากนี้ไป อันเล่อของข้า”“หือออ ฝ่าบาทขี้โกงแอบกอดแอบหอมไม่เอ่ยถึงตำแหน่งฮองเฮาแม้แต่น้อย”“ก้มันของตายนี่ตำแหน่งฮองเฮาอย่างไรก็ต้องเป็นของอันเล่อคนเดียวไหนบอกว่าไม่ได้อยากเป็นฮองเฮาของใคร”“อะนั่นพูดถึงหากเป็นคังหยินนี่เพคะเขาให้ทองตั้งมากแต่หากเป็นคนนี้…..”ซบหน้าลงบนอกกว้างหลี่หลงเชียวจุมพิตที่ปากบาง อ
“ฉึกๆ”ต้านเถียนที่อยู่ด้านหลังใช้กระบี่ในมือเสียบเข้าที่กลางแผ่นหลังของคังหยิน แล้วชักกระบี่ออก ร่างสูงทรุดกายลงกับพื้นดึงเอาอันเล่อล้มตามลงไปด้วยหลี่หลงเชียวรีบเข้าประคอง อันเล่อให้ลุกขึ้นยืน สำรวจทั่วร่างว่าอันเล่อบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ด้วยความห่วงใย“อะอันเล่อ เจ้าให้เขาฆ่าข้าหรือ ให้ต้านเถียนฆ่าข้าหรือ เจ้าไม่กลัวว่าจะไม่ได้พบข้าอีกหรือเจ้าไม่เคยรักข้าสินะถึงไม่กลัวว่าจะไม่ได้พบข้าอีก”น้ำตาไหลนองอาบแก้ม เลือดสดๆ ไหลออกจากบาดแผล อันเล่อเบือนหน้าซบอกหลี่หลงเชียวเสีย“เจ้าไม่เสียใจใช่ไหมที่ข้าจะจากไป จริงสิเจ้าไม่เคยรักข้ามีเพียงข้าที่โง่งม”“ม่ายๆๆๆๆๆๆๆ”จูไห่หลิงวิ่งเข้ามา พยุงคังหยินไว้ในอ้อมแขน“ฝะฝะฝ่าบาทท่านจะตายไม่ได้ ข้ายังอยากเป็นฮองเฮาท่านจะตายไม่ได้”จูไห่หลิงร้องไห้สะอึกสะอื้น“อั๊กๆๆๆ อันเล่อ ได้โปรดอย่าทำร้ายไห่หลิงอีกข้าขอร้อง ถือเสียว่าข้าชดใช้ในส่วนที่นางทำกับเจ้าไว้แล้ว”อันเล่อหลับตาลงช้าๆ“นางแพศยา เจ้าทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้อันเล่อเจ้าฆ่าเขาเขาเป็นสามีข้าใครใช้ให้เจ้าทำร้ายเขา ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย”ลุกขึ้นคว้ากระบี่ตรงเข้าหาอันเล่อ ต้านเถียนเสียบคมกระบี่อีกครั้ง“ต้านเถียนอ
จะบอกอย่างไรเขาพอร่วมรักกับจูไห่หลิงแล้วถึงได้รู้ว่าคนที่ไร้ซึ่งความรักไม่อาจให้ความสุขสมได้เท่าหญิงที่ทั้งรักและใคร่ในคราวเดียวกัน“หยุดร้องได้แล้วพรุ่งนี้ข้าให้ฟงฉีรับเจ้าในตำแหน่งสนม”จูไห่หลิงกัดฟันแน่นแค่ตำแหน่งสนมหรือไร แล้วตำแหน่งฮองเฮานั่นจะมอบให้กับอันเล่ออย่างนั้นหรือแต่ไม่เอื้อนเอ่ยออกมา“เพคะไห่หลิงจะรออย่างอดทน”เกี้ยวของคังหยินถูกเร่งความเร็วยังวังหลวง อันเล่อจรดพู่กันลงบนกระดาษสีขาวสะอาดเป็นตัวอักษรสาวยงาม“อันเล่อ”ประตูตำหนักเปิดอ้าออกคังหยินวิ่งเข้ามาสวมกอดอันเล่อที่เบี่ยงตัวหลบ บนกระดาษนั้น“ไร้รักไร้หัวใจหมดสิ้นแล้วความรักก่อนพรุ่งนี้จึงนั่งทอดถอนหายใจพรุ่งนี้จึง ………“เจ้าโกรธข้าหรือ”อันเล่อยิ้มหวานหยด“ไม่เพคะ”“เจ้าหมดรักข้าแล้วหรือจึงเย็นชาเช่นนี้“ไม่เพคะ”“อันเล่ออย่าทำแบบนี้”ตรงเข้าสวมกอดทว่าอันเล่อกลับผลักร่างสูงของคังหยิน“ทำไมเจ้าไม่รักข้าแล้วหรือ หรือเป็นเพราะข้า… กับพี่สาวเจ้า อันเล่อถึงอย่างไรข้าก็รักเจ้าคนเดียวไม่เคยมีคนอื่นในใจ เจ้าอภัยให้ข้าได้ไหม”รู้ว่าสิ่งที่ทำไม่อาจรอดพ้นสายตาอันเล่อ“ ไม่อภัยหากแต่ ฝ่าบาท อันเล่อขอโทษ เพราะอันเล่อไม่เคยรักฝ่าบา
“ขออภัยขอรับท่านแม่ทัพท่านสั่งให้เราเข้มงวดเรื่องการเข้าออกข้าน้อยก็เลยทำตามหน้าที่”“อืมมม”เกี้ยวเคลื่อนออกจากวังหลวงไปยังหอสุริยันจันทรา ต้านเถียนผลักร่างสูงที่ไร้สติของชงหยวนอวี่ลงไปนอนบนพื้นเกี้ยวลุกขึ้นมานั่งกอดอก“ตามอิงเผย”หลี่หลงเชียวสั่งเจียวเจียวให้ไปตามองค์หญิงอิงเผยที่หลับไปแล้ว“ฝ่าบาทท่านแม่อันเล่อ ฝากมาบอกว่านางรอท่านอยู่”หลี่หลงเชียวยิ้มประหลาดใจและดีใจที่พบต้านเถียนถึงจะไม่ชอบเขาแต่ก็อดสงสารน้องสาวไม่ได้“ท่านพี่”อิงเผย พุ่งตัวเข้าหาอ้อมกอดของต้านเถียนที่โอบร่างร่างอวบ หลี่หลงเชียวเผลอถอนหายใจ“ขะขะข้าว่าชาตินี้จะไม่ได้พบท่านอีกแล้ว ท่านทำให้ข้าต้องเศร้าโศกทำไมไม่มาเร็วกว่านี้”“ท่านแม่อันเล่อให้ข้าหลบที่ตำหนักฟ้าสางนางช่วยข้าก่อนที่เพชฌฆาตจะลงดาบ วันนั้นท่านแม่อันเล่อคุมการประหารด้วยตัวเองนางจึงทำตามใจไม่มีใครกล้าขัดนาง แม้แต่ศพของข้ายังไม่มีใครกล้าตรวจสอบเพราะคำสั่งของท่านแม่อันเล่อ ส่วนศพที่เจ้าฝังไปนั้นคือศพไร้ญาติที่ท่านแม่อันเล่อให้คนนำมาสวมรอยเป็นข้า เพราะนางช่วยข้าจึงต้องเชื่อฟังนางนางไม่ให้มาเช่นไรจึงมาได้และข้ายกย่องนางเท่ากับแม่คนหนึ่งนางคืนชีวิตให้ข้าจึงไม
บ้านจู“ฝ่าบาท ไห่หลิงขอบพระทัยฝ่าบาทที่เป็นธุระจัดการเรื่องพิธีศพของท่านพ่อ”สายตาอ่อนหวานเว้าวอน คังหยินถอนหายใจ“อันเล่อนางไม่น่าว่าจะเป็นคนอย่างนี้ ปกติแล้วนางเป็นคนที่มีเหตุผล”“น้องคกำลังเสียใจที่บิดาจาไปไม่ได้ร่ำลา ฝ่าบาทอย่าได้ถือโทษน้องเลยค่ะหากจะดทษใครสักคนต้องโทษไห่หลิงที่สั่งสอนน้องไม่ได้เพราะต่ำต้อยกว่านาง อันเล่อนางเป็นคนที่เข้มแข้งเกินกว่าหฺญิงใดก็ไม่ผิดที่น้องจะแสดงออกอย่างนี้”“ข้าไม่ชอบที่นางเป็นแบบนี้ ต่อไปก็คงร้าวฉานกับนาง”“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วเพคะ ไห่หลิงในตอนนี้ไร้ญาติขาดมิตรังไม่เคยคิดจะโกรธน้องฝ่าบาทยังไม่รู้จักนางไห่หลิงรู้จักนางดีอนาคตต่อจากนี้นางตัดพี่ตัดน้องไห่หลิงคงไร้ที่พึ่ง”“ไม่ต้องกลัวข้าจะพาเจ้าเข้าวัง ในนามของข้าอันเล่อไม่มีทางกล้าไล่เจ้าอีกแล้ว”จูไห่หลิงย่อกายลงงดงาม คังหยันเข้ามาโอบที่ไหล่บางไห่หลิงยกแขนสองข้างกอดรอบเอวหนาซบหน้าลงบนอกกว้างเงยหน้าเศร้าสร้อยขึ้นสบตาคังหยิน“ไห่หลิงตอ่นี้คงต้องฝากชวีติไว้กับฝ่าบาทแล้ว”“ไม่เป็นไร ข้าเต็มใจ จูไห่หลิงล้วงมือเลยผ่านเข้าไปในอกเสื้อดวงตากลมโตสบตาคังหยินนิ่งก่อนจะรับตาเผยอรมฝีปากคังหยินโน้มตัวลงจูบหวานที่ริม
“ข้ารู้แล้ว อันเล่อทราบเรื่องนี้แล้วเคะ”ท่าทีนิ่งเฉยของอันเล่อ ทำเอาคังหยินขมวดคิ้วกับเรื่องที่เขาพาจูไห่หลิงเข้ามาในตำหนักฟ้าสางเพื่อบอกกล่าวเรื่องการใต้ของใต้เท้าจูให้กับอันเล่อทว่านางกลับเฉยชาจนน่าใจหาย“น้องพี่ท่านพ่อก่อนตาย พร่ำเรียกชื่อเจ้า อภัยให้เจ้า และอยากพบเจ้า”“ข้ารู้แล้ว ท่านมาพูดตอนนี้ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาท่านพ่อป่วยแรมเดือน แต่ก่อนตายไม่ถึงสองชั่วยามที่พร่ำเรียกหา ท่านตอนนั้นทำไมไม่ตามข้าเล่าจูไห่หลิง”“อันเล่อ เจ้าก็รู้ว่าท่านพ่อป่วยแรมเดือนข้าเองก็รู้ว่าแต่ว่าในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อมีชีวิตที่ดีออกจากบ้านมาเป็นนายหญิงหอคณิกามีเงินทองมากมาย ข้าจึงคิดว่าเจ้าอาจไม่อยากกลับไปพบกับความลำบากที่บ้านจูอีก”“เป็นพวกท่านที่ผลักไสข้าออกมาแล้วจะมาเรียกร้องสิ่งใดกันกลับไปได้แล้วจูไห่หลิงต่อไปเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไปแล้ว”จูไห่หลิงกระหยิ่มในใจทำไมจะไม่รู้ด้วยการที่บิดาตายไปอันเล่อจึงโมโหเช่นนี้นางรักบิดาไม่น้อยก็ตั้งแต่เกิดมามีเพียงบิดาที่เลี้ยงดูมารดาของทั้งสองตายไปบิดาก็ไม่เคยมีภรรยาใหม่ ยิ่งนางโกรธยิ่งไม่ได้ดูดีในสายตาของคังหยิน จูไห่หลิงคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าจูไ