“พี่หญิง ท่านออกมาแล้ว” หล่างมู่รีบลุกขึ้นจากพื้น“เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ตลอดเลยหรือ?”หล่างมู่ตอบว่า “ข้ามาดูทุกวันเลยขอรับ”“ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว พี่หญิง ท่านทำอะไรอยู่ข้างในกันแน่ขอรับ?”ใช่แล้ว มิรู้ตัวเลยว่าเวลาผ่านมาครึ่งเดือนแล้วลั่วชิงยวนตบไหล่เขาเบา ๆ แล้วมอบตำรับยาให้เขา “ต่อไปนี้เห็ดใส ๆ พวกนั้นสามารถใช้เป็นยาเช่นนี้ได้”“สามารถรักษาโรคและบาดแผลได้มากมาย ดังนั้นเลิกเอาไปผัดกินกันได้แล้ว”หล่างมู่ตกตะลึง แล้วค่อย ๆ อ่านตำรับยาแต่ละใบ ในตำรับยาแต่ละใบมีการระบุสรรพคุณทางยาไว้อย่างชัดเจน“พี่หญิง นี่ท่านเขียนทั้งหมดนี้เลยหรือขอรับ?”หล่างมู่รู้สึกตกตะลึงและซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ที่แท้พี่หญิงอยู่ในนั้นครึ่งเดือนเพื่อเขียนตำรับยาเหล่านี้ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ตำรับยานี้ครบถ้วน เจ้าต้องท่องจำให้ได้ ห้ามใช้ผิดตำรับ”“ข้าคง… ต้องกลับแล้ว” นี่คือสิ่งที่นางสามารถมอบให้พวกเขาก่อนจากไปได้เมื่อหล่างมู่ได้ฟังดังนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววผิดหวัง “พี่หญิง มิอยู่พักอีกสักสองสามวันหรือขอรับ?”“ยังมีหลายสิ่งที่ข้ายังจัดการมิเสร็จในแคว้นเทียนเชวีย หล่างมู่ ต่อไปนี้เผ่านอกด่านก็ต้องพึ่งพาเ
ลั่วชิงยวนเร่งฝีเท้าม้าอย่างมิลดละ โดยมิได้ตระหนักถึงอันตรายใด ๆ เลย เมื่อล่วงเข้าสู่ยามราตรีก็ผ่านเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง จึงหยุดพักเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์ เพราะชุดสีม่วงนั้นสะดุดตาเกินไป“เจ้าของร้าน เปิดห้องพักหนึ่งห้อง”เจ้าของร้านรับเงินแล้วมอบกุญแจให้ “ห้องหมายเลขสามชั้นบน”ขณะที่ลั่วชิงยวนขึ้นบันได เจ้าของร้านก็หยิบภาพวาดออกมาพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำ แล้วก็ถึงกับตกตะลึงลั่วชิงยวนเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและกำลังจะนอนหลับพักผ่อน ก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมจากด้านนอก จากนั้นเสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงก็ดังขึ้นมาบนบันได แล้วประตูห้องก็ถูกถีบเปิดออก ทหารกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา หลังจากยกภาพวาดมาเปรียบเทียบอีกครั้งแล้วก็ออกคำสั่ง “จับเลย!”ลั่วชิงยวนจึงถูกจับกุม “จับข้าด้วยเหตุใด!”“ผู้ต้องหาต้องถูกจับตามหมายจับ มิจับเจ้าแล้วจะให้จับผู้ใดเล่า!”ลั่วชิงยวนตกใจ รีบดิ้นรน “ปล่อยข้า ข้าคือพระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการ!”“จับพระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการนั่นแหละ!”เมื่อเห็นท่าจะถูกนำตัวไปยังศาลากลาง ลั่วชิงยวนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้กำลังขัดขืน แต่ทันใดนั้นก็มีเงาดำกระโจนลงมาจากท
นางไปขอยืมผ้าผืนหนึ่งจากแคว้นเทียนเชวียมาจากชาวบ้านจากละแวกนั้นมาสวมใส่ แล้วนำถ่านมาทาให้หน้าดำคล้ำลง จากนั้นซื้อเกวียนบรรทุกผัก แล้วออกเดินทางไปยังแคว้นเทียนเชวีย คราวนี้ก็คงจะหนีซือซิงได้แล้วเมื่อผ่านด่านตรวจก็ปรากฏว่าไม่มีใครจำนางได้เลย ลั่วชิงยวนผ่านด่านเข้ามายังแคว้นเทียนเชวียได้อย่างราบรื่น หลังจากผ่านเมืองผิงหนิงและเดินทางตลอดทั้งวันแล้ว ก็กลับมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เคยมาเมื่อวานตอนเย็น นางรีบไปเปลี่ยนอาภรณ์อีกครั้ง คราวนี้สวมชุดสีดำ สวมหมวกและถือดาบยาว แต่งตัวเป็นนักดาบพเนจร จากนั้นก็ซื้อม้าแล้วเดินทางต่อไป หลังจากเดินทางตลอดทั้งวันทั้งคืนมาหลายวันก็มาถึงเมืองเย่โจวที่มีชีวิตชีวาในตลาดที่คึกคัก มีผู้คนมากมายมุงดูกัน บนกำแพงติดประกาศหมายจับลั่วชิงยวน “ร่วมมือกับคนเผ่านอกด่าน ทรยศแคว้น จุ๊ จุ๊ คนเช่นสมควรถูกประหารชีวิตหากจับได้!”“ช่างชั่วช้ายิ่งนัก!” เสียงด่าทอสาปแช่งดังขึ้นรอบกายลั่วชิงยวนจากไปเงียบ ๆ ที่แท้นางก็ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดร้ายแรงเช่นนี้ ต้องเป็นฝีมือของตระกูลเหยียนเป็นแน่ เช่นนั้นนางยิ่งต้องกลับไป! นางจะมิทนแบกรับความอัปยศอดสูเช่นนี้!
หล่างชิ่นแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้า ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่น “เมื่อคืนนี้เป็นเพราะเจ้าเองรึ!”หล่างชิ่นหัวเราะเยาะเย้ย “ใช่ ข้าเอง” “ข้ารอเจ้าอยู่ที่เมืองเย่โจว เพราะที่นี่เป็นทางเดียวที่เจ้าต้องผ่านกลับไปยังเมืองหลวง!” “เป็นข้าเองที่บอกให้เจ้าหน้าที่ไปจับกุมคนร้ายที่โรงเตี๊ยม” “เมื่อคืนข้าเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง” “เป็นอย่างไรบ้างเล่า? มิใช่เพียงแต่เจ้าเท่านั้นที่ฉลาดนะลั่วชิงยวน” หล่างชิ่นกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง เตรียมที่จะเพลิดเพลินไปกับการทรมานลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างชิ่น ดูเหมือนว่าฝีมือของนางจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก ดูมิรู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย และกลิ่นยาที่คุ้นเคยที่นี่ด้วย เหมือนว่าจะเป็น...หมอยา ลั่วชิงยวนนึกขึ้นได้ นั่นคือลั่วฉิง!หล่างชิ่นเปิดถุงกระสอบในมือ งูพิษตัวหนึ่งพุ่งออกมาฉกมือหล่างชิ่น แต่หล่างชิ่นกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นางจับงูพิษตัวนั้นขึ้นมาอย่างมิใส่ใจ และนำมันเข้ามาใกล้ใบหน้าของลั่วชิงยวน“ข้าไม่มีเหล็กตราทาส เช่นนั้นข้าจะให้มันกัดหน้าเจ้าแทนการประทับรอยตราทาสแทนดีหรือไม่?”รอยยิ้มดุร้ายบนใบห
ลั่วชิงยวนหรี่ตาลง มันได้ผลจริง ๆ “หล่างชิ่น ข้าจะยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ให้เจ้าฆ่า รีบมาสิ”หล่างชิ่นจ้องมองด้วยความโกรธ นางกำกริชแน่นอีกครั้ง แล้วยันตัวคลานไปแทงลั่วชิงยวน แต่ยังมิถึงสองก้าว นางก็ถูกความเจ็บปวดที่รุนแรงกว่าเดิมทรมานจนล้มลงกับพื้น ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดทรมานสุดขีด“กรี๊ด”“ลั่วชิงยวน เจ้าทำอะไรกับข้า! โอ๊ย!”หล่างชิ่นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ลั่วชิงยวนมองด้วยความเย้ยหยันแล้วคุกเข่าลง“เจ้าอยากฆ่าข้านักมิใช่รึ มาสิ”“ทุกครั้งที่เจ้าคิดจะฆ่าข้า จะทำให้เจ้าปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิดเลยใช่หรือไม่?”“เช่นนั้นเจ้ายังจะอยากฆ่าข้าอยู่อีกหรือ?”ดวงตาของหล่างชิ่นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่นางมิสามารถจับกริชให้แน่นได้ด้วยซ้ำ ความเจ็บปวดทำให้เล็บของนางจิกลงบนพื้นจนเป็นหลุมลึก“ลั่วชิงยวน! เจ้าฆ่าข้าสิ! ฆ่าข้า!” หล่างชิ่นคำรามด้วยความโกรธแค้นลั่วชิงยวนหัวเราะเบาๆ “ข้ามิฆ่าเจ้าหรอก”“ข้าจะช่วยเจ้าให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ให้เจ้าได้เห็นคนที่เจ้าเกลียดที่สุดอยู่ตรงหน้า แต่เจ้าจะไม่มีทางฆ่าคนคนนั้นได้ตลอดไป”ลั่วชิงยวนอยากจะลองใช้หล่างชิ่นเป็นหนูทดลอง เพื่อดูว่าจะหาทางช่วยฟ
ลั่วชิงยวนก้าวเข้าไปถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “ท่านหมายความว่าอย่างไร? ที่เมืองผิงหนิงครั้งนั้นมิใช่การแสร้งทำหรอกหรือ? ท่านต้องการหย่ากับหม่อมฉันจริง ๆ หรือ?”ฟู่เฉินหวนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหตุใดจะมิใช่เล่า? เจ้าปรารถนาหนังสือหย่ามาตลอดมิใช่หรือ? ข้าได้มอบให้เจ้าแล้ว เจ้ามิใช่พระชายาแห่งตำหนักอ๋องอีกต่อไป” “การกระทำของเจ้ามิเกี่ยวข้องใด ๆ กับตำหนักอ๋องอีกแล้ว”ลั่วชิงยวนตัวสั่นสะท้าน สูดจมูกแล้วกล่าวว่า “ถ้อยคำของท่านหมายความว่า ท่านต้องการตัดขาดความเกี่ยวข้องกับหม่อมฉัน เพราะเกรงว่าหม่อมฉันจะก่อความผิดร้ายแรงลามไปถึงตำหนักอ๋องอย่างนั้นหรือ?”ฟู่เฉินหวนกล่าวเสียงเย็น “ในเมื่อเข้าใจแล้วก็รีบไปเสีย” “ซูโหยว ส่งแขก!”ฟู่เฉินหวนสั่งเสียงเย็นชา แล้วหันหลังกลับไปในห้อง ซูโหยวจนใจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะบอกให้ลั่วชิงยวนออกไป แต่ลั่วชิงยวนกลับเดินผ่านซูโหยว ก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูฟู่เฉินหวนตกใจ มองนางด้วยความโกรธเล็กน้อย ก่อนที่จะได้เอ่ยปากพูด ลั่วชิงยวนก็หยิบหนังสือหย่าออกมา“ฟู่เฉินหวน ก่อนหน้านี้เมื่อหม่อมฉันต้องการหนังสือหย่า ท่านกลับมิยอมให้”
“อืม”“แล้วท่านอ๋องจะปล่อยให้ตระกูลเหยียนสังหารพระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “นางจะมิตายหรอก” นางถือตราประทับมังกร จะตายได้อย่างไร ทว่าครานี้ตระกูลเหยียนควรกลัวเสียแล้ว เพียงแต่ไทเฮาคงจะใช้ลั่วเยวี่ยอิงมาข่มขู่อีกครั้งแน่นอน......ลั่วชิงยวนถูกนำตัวไปยังจวนอัครเสนาบดี ข้าราชบริพารต่างมารวมตัวกัน ลั่วชิงยวนทำความเคารพ แล้วเสียงที่แข็งกร้าวก็ดังขึ้น“ลั่วชิงยวน เจ้ากบฏด้วยการสมรู้ร่วมคิดกับเผ่านอกด่านเพื่อโจมตีเมืองผิงหนิง เจ้ารับสารภาพหรือไม่!”มหาราชาจารย์เหยียนถามด้วยท่าทางเย่อหยิ่งและน้ำเสียงเข้มงวด ลั่วชิงยวนแสดงสีหน้าสงบ ตอบโดยมิลังเล “มิรับสารภาพ”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมิยอมพูด ทางการได้รวบรวมหลักฐานที่เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับเผ่านอกด่านแล้ว เช่นนั้นก็ต้องถูกจองจำไว้ในคุก และรอประหารชีวิตในวันข้างหน้า!”มหาราชาจารย์เหยียนกล่าวอย่างใจเย็น ลั่วชิงยวนหนีกลับไปตำหนักอ๋องแล้ว หากฟู่เฉินหวนจะปกป้องนางก็จะมิปล่อยให้นางถูกจับกุมไปจากตำหนักอ๋อง แต่หากฟู่เฉินหวนมิปกป้องลั่วชิงยวนแล้ว ลั่วชิงยวนก็ต้องตายอย่างแน่นอนแม่ทัพใหญ่ฉินมิพอใจ “ถึงแม้ว่าลั่วชิงยวน
“นั่นเป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อยุติสงคราม มหาราชาจารย์เหยียนกลับมิเข้าใจหรือ?” “มิเช่นนั้นสงครามครั้งนี้จะยุติลงเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?”เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วบริเวณ “ใช่แล้ว สงครามครั้งนี้จบลงเร็วกว่าที่คาดไว้มาก” “แท้จริงแล้วเป็นเพราะลั่วชิงยวนได้เป็นราชาเผ่านอกด่านหรือ?”มหาราชาจารย์เหยียนโต้แย้งด้วยความโกรธจัด “เจ้าเป็นคนแคว้นเทียนเชวีย เหตุใดจึงได้รับความไว้วางใจจากเผ่านอกด่าน!”ลั่วชิงยวนตอบกลับอย่างเย็นชา “ข้ามีวิธีของข้า มหาราชาจารย์เหยียนทำมิได้ กลับต้องการล้วงความลับของข้าอีกหรือ?”“และการเป็นราชาเผ่านอกด่านเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า บัดนี้ข้ามิใช่ราชาเผ่านอกด่านอีกต่อไปแล้ว”มหาราชาจารย์เหยียนยังคงพยายามใส่ร้ายนางต่อลั่วชิงยวนขัดจังหวะอย่างเย็นชา “แต่หลังจากที่ได้เป็นราชาเผ่านอกด่าน ข้าก็ได้รับข่าวสารมากมายจากภายในกลุ่มของพวกเขา” “เมื่อข้ารีบไปที่เมืองผิงหนิง เสบียงในเมืองเกือบจะหมดแล้ว ทหารปล้นอาหารจากชาวบ้าน ซ้ำยังบังคับให้ชาวบ้านออกรบ เพื่อปกป้องตนจากศัตรู ซึ่งปลุกเร้าความขุ่นเคืองในหมู่ราษฎร”“เงินที่ฝ่าบาททรงอนุมัติเพื่อสร้างป้อมปราการก็ถูกโกง นำไปสร้างแต่สิ
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน
คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย
“ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ