เนื่องจากมันสูงเกินไป ลั่วชิงยวนจึงต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเกาะตามผนังหินทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้แต่ผนังหินนั้นเกือบจะตั้งตรง และไม่มีสิ่งใดให้ยึดเกาะเพื่อปีนขึ้นไปได้เลย ลั่วชิงยวนทำได้เพียงเกาะชะง่อนหินที่ยื่นออกมาเพื่อช่วยผ่อนแรงจากนั้นร่างของนางก็ตกลงสู่เบื้องล่างมิได้รับบาดเจ็บสาหัสมากนัก เพียงแต่ข้อเท้าพลิกเบื้องล่างมีแสงสว่างริบหรี่ ลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นว่าถ้ำนี้ลึกเกือบสิบเมตรเบื้องล่างมีหินกระจัดกระจายมากมาย ข้างหินเหล่านั้นยังมีกระดูกสีขาวโผล่ให้เห็นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเบื้องล่างนี้จะมีผู้คนมาตายอยู่เป็นจำนวนมากมิรู้ว่าเป็นสถานที่แห่งใดเมื่อครู่... ซูเซียงเป็นคนผลักนางลงมาหรือ?ในขณะนั้นเอง ที่ปากถ้ำด้านบนก็มีร่างหนึ่งค่อย ๆ ยื่นศีรษะออกมาคนผู้นั้นคือซูเซียง!ซูเซียงหมอบอยู่ที่ปากถ้ำด้วยสีหน้าเป็นกังวล ด้วยความกระวนกระวายว่า “เจ้าเป็นกระไรหรือไม่?”“บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”“ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ข้าเท้าลื่นล้มลงไป เลยพลั้งมือผลักเจ้า”“ข้าเองก็มิรู้ว่าที่นี่มีหลุมใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วย”ลั่วชิงยวนนั่งอยู่บนพื้นพลางคลึงข้อเท้าพลางมองสำรวจโดยรอบ แล้ว
ในชั่วขณะนั้น ซูเซียงตกตะลึงจนหน้าซีดเผือดทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวมิทันนางชักกริชออกมา ขณะเดียวกันลั่วชิงยวนก็ออกแรงดึงนาง สองเหตุการณ์เกิดขึ้นแทบจะพร้อมกันซูเซียงจึงเพิ่งตระหนักได้ว่า ลั่วชิงยวนล่วงรู้ถึงเจตนาของนางแล้ว!ในขณะที่ร่างดิ่งลงสู่เบื้องล่าง ซูเซียงก็คว้าจับเถาวัลย์ไว้แน่นลั่วชิงยวนใช้ขาทั้งสองข้างพันรอบเถาวัลย์ ร่างกายดิ่งลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวในมือพุ่งแทงไปยังซูเซียงซูเซียงร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วแล้วกระแทกพื้นอย่างแรง จากนั้นก็พุ่งเข้ามาต่อสู้กับลั่วชิงยวนความเร็วของซูเซียงทำให้ลั่วชิงยวนประหลาดใจ ในระหว่างการต่อสู้ กรงเล็บเหล็กที่ยื่นออกมาจากแขนเสื้อของนางส่องประกายแสงเย็นเยียบลั่วชิงยวนรีบหลบหลีก ซูเซียงเตะเข้ามา กรงเล็บเหล็กก็ปรากฏออกมาจากฝ่าเท้าของนางเช่นกัน ทั้งร่างของนางเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารลั่วชิงยวนเพิ่งสังเกตเห็นว่าสตรีผู้นี้ซ่อนอาวุธไว้ทั่วร่างหลังจากการต่อสู้ดุเดือด ลั่วชิงยวนใช้กำลังทั้งหมดกดซูเซียงลงบนพื้น“เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าเป็นคนทำให้คนใบ้หายไปใช่หรือไม่!”ซูเซียงมองนางด้วยแววตาอำมหิต ทันใดนั้นก็อ้าปากพ
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ลั่วชิงยวนก็สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างว่ากระไรนะ?นางรู้สึกมิอยากจะเชื่อเลยแต่ซูเซียงก็มิได้กล่าวต่อ พลันหายตัวไปที่ปากถ้ำเมื่อลั่วชิงยวนหันกลับไปมองด้านบนศีรษะ ก็มีวัตถุขนาดใหญ่ค่อย ๆ บดบังแสงทั้งหมดเมื่อแสงสว่างน้อยนิดแสงสุดท้ายถูกบดบังลง เสียงของซูเซียงก็ดังขึ้น “ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้หรอก จงรอความตายอยู่ในนั้นเช่นเดียวกับผู้อื่นเสียเถอะ!”“อีกสิบวันข้าจะมาเก็บศพเจ้า!”ซูเซียงกัดฟันขณะพูดประโยคสุดท้ายลั่วชิงยวนเชื่อว่าหากซูเซียงมิได้แพ้นาง ซูเซียงคงจะฉีกร่างนางให้แหลกเป็นชิ้น ๆ ไปนานแล้วสู้มิได้จึงเลือกที่จะขังนางให้ตายอยู่ในที่แห่งนี้แผ่นหินด้านบนนั้นดูท่าทางแล้วหนักยิ่งนัก ลั่วชิงยวนเป็นกังวลว่าแผ่นหินจะร่วงลงมาทับซูเซียงหาของเช่นนี้พบ แสดงว่านางคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี กระทั่งอาจจะเคยฆ่าคนในที่แห่งนี้มาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้งด้วยนางอาจจะมาถึงเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้นานกว่าทุกคนก็เป็นได้แต่สิ่งที่นางมิเข้าใจคือ เหตุใดปีศาจราคะอย่างตู้เฟิงเฉินจึงกลายเป็นรักเดียวในชีวิตของซูเซียงไปได้?จากความทรงจำที่นางเห็นมา ภรรยาของตู้เฟิงเฉินถูกกระทำอย่างท
นี่มันเสียงหงไห่มิใช่หรือ!“หงไห่?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถามลองเชิงอีกฝ่ายผงะไปเล็กน้อย จากนั้นกล่าวทันที “เจ้าก็มาถึงที่นี่ด้วยหรือ!”ลั่วชิงยวนตกใจ นี่คือโฉวสือชี!ทั้งสองหยุดต่อสู้กันในทันทีลั่วชิงยวนจุดไฟอีกครั้งเพื่อให้แสงส่องสว่างโดยรอบจึงได้เห็นโฉวสือชีที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดส่วนหงไห่นั่งพิงผนังหิน กำลังไอออกมาเป็นเลือด“เขาเป็นอะไร?” ลั่วชิงยวนรีบเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าหงไห่ถูกงูกัดที่หลังมือจึงได้รับพิษนางก็รีบนำยาถอนพิษมาให้หงไห่กิน จากนั้นฝังเข็มเพื่อเอาพิษออกหงไห่จึงรอดชีวิตมาได้โฉวสือชีนั่งยอง ๆ บนพื้น ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “โชคดีที่เจอเจ้า มิเช่นนั้นคราวนี้หงไห่คงมิรอด”ลั่วชิงยวนมองดูสภาพของทั้งสอง เกรงว่าคงต้องเผชิญกับพายุโลหิตมา“พวกเจ้าอยู่ด้วยกันกี่คน? ข้าเจอจวี้ซานในป่า เขาตายแล้ว”ลั่วชิงยวนถามด้วยความเป็นห่วงโฉวสือชีผู้สีหน้าเคร่งขรึมส่ายหน้า “ข้ามิรู้ ในบรรดาคนที่ข้าพบ มีคนตายไปแล้วสามคน ข้าหาเจอแค่หงไห่”“อีกสองคน เกรงว่าจะประสบเคราะห์ร้ายเช่นกัน”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ใจหายวูบ“อยู่ที่ใด พาข้าไปหน่อย”จากนั้นโฉวสือชีก็พยุงหง
ล้วนเป็นงูทั้งนั้น!ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด!ด้านบนเป็นตาข่ายที่สานจากเถาวัลย์และด้านบนนั้นก็มีงูขดอยู่เต็มไปหมดบางครั้งก็มีงูตกลงมาในน้ำด้วยโฉวสือชีกล่าวด้วยความหวาดหวั่น “คนมากมายในป่าแห่งนี้ล้วนถูกลากตัวไป แล้วตกลงมาจากหลุมบนสุด ถูกงูพวกนั้นกัดกินจนหมดสิ้น”“ข้ากับพวกเขาก็พบกันที่นี่เช่นกัน แต่ช่วยไว้ได้แค่หงไห่เท่านั้น”เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็ดิ่งวูบคนใบ้ก็ถูกลากไปเช่นกัน เขาจะตกมาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยหรือไม่?นางมองไปยังสุดปลายสะพานโซ่ ที่นั่นเป็นพื้นที่ราบ แต่ก็มืดสนิทจนมองอะไรมิเห็น“ข้าจะไปที่นั่น” ลั่วชิงยวนหยิบกระบี่ห้วงสวรรค์ขึ้นมา แล้วมุ่งหน้าไปยังสะพานเหล็กลอยน้ำโฉวสือชีห้ามมิได้ ทำได้เพียงวางหงไห่ลง แล้วจับจ้องร่างของลั่วชิงยวนอย่างระมัดระวังหากมีอันตรายใด ๆ จะได้เข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงทีลั่วชิงยวนรีบเดินข้ามสะพานลอย พยายามมิให้เปียกน้ำ เพราะน้ำจะชะล้างผงไล่งูที่เท้าเมื่อวิ่งไปถึงจึงเห็นคนใบ้นอนอยู่บนพื้นจริง ๆนางรีบแบกคนใบ้ขึ้นมา โชคดีที่บริเวณใกล้เคียงไม่มีงู เขาจึงมิได้ถูกงูกัดลั่วชิงยวนแบกร่างเขาขึ้นบนหลังอย่างยากลำบากแล้วกัดฟันประค
โชคดีที่หลังจากเดินไปได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม พวกเขาก็พบกระท่อมหลังหนึ่งเป็นกระท่อมที่ฝังตัวอยู่บนผนังหิน มองดูคล้ายถ้ำมากกว่าที่นี่ค่อนข้างทรุดโทรม มีฝุ่นจับหนาเตอะ ดูเหมือนจะไม่มีใครอาศัยอยู่มานานแล้วแต่ในกระท่อมมีฟางปูไว้หนามากและค่อนข้างแห้ง ทุกคนจึงตัดสินใจพักที่นี่ก่อนลั่วชิงยวนตรวจสอบ แล้วกล่าวว่า “ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นที่ที่คนเลี้ยงงูเคยอาศัยอยู่”ที่มุมห้องมีตะกร้าใส่งูจำนวนมากวางอยู่ ทว่ายามนี้ด้านในนัน้ว่างเปล่าลั่วชิงยวนล้างทำความสะอาดหม้อและชาม ก่อนจะนำมาต้มยาระหว่างที่รอก็พันแผลให้คนใบ้อีกครั้งคนใบ้คงจะเจ็บปวดแผลมาก จึงได้ตื่นขึ้นมาพอดีกับที่ลั่วชิงยวนกำลังนำยามาให้เขา “เจ้าดวงแข็งถึงเพียงนี้ คงมิตายง่าย ๆ หรอก”คนใบ้รับชามยาไป ลังเลเล็กน้อยก่อนเขียนบนพื้นว่าซูเซียงมีพิรุธลั่วชิงยวนพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว แต่ถ้ามิใช่เพราะซูเซียง ข้าก็หาเจ้ามิพบ”ดูเหมือนว่าในยามนั้นซูเซียงจะสู้กับคนใบ้ด้วยอากาศโดยรอบเย็นลงเรื่อย ๆ โฉวสือชีจึงก่อไฟให้แรงขึ้น แล้วกล่าวว่า “ยามนี้น่าจะกลางคืนแล้ว”“พวกเจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะเฝ้ายามให้”ลั่วชิงยวนพิงกำแพง แต่กลับนอนมิหลับนาง
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น โฉวสือชีและหงไห่ต่างตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง“ที่แท้ก็เป็นนางนั่นเอง”“แต่สตรีตั้งครรภ์คนหนึ่งจะสามารถจัดการเรื่องมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร”ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด “นั่นสิ นางดูเหมือนจะรู้จักที่นี่ดีกว่าพวกเราทุกคน แต่ท้องแก่ถึงเพียงนั้นแล้ว นางทำได้อย่างไร?”ที่นี่ก็อยู่เกือบครึ่งทางขึ้นภูเขาแล้วแม้กระทั่งถูหมิงและพรรคพวกก็ต้องสูญเสียชีวิตไปมากมายเมื่อพวกเขามาถึงจุดนี้ หากซูเซียงมาถึงที่นี่ก่อนและยังรู้เรื่องราวมากมายถึงเพียงนี้ แล้วนางมีชีวิตรอดมาได้อย่างไรเป็นไปมิได้เลยที่จะทำสิ่งมากมายขนาดนี้ด้วยการใช้ผงไล่งูเพียงอย่างเดียว“สตรีผู้นี้ต้องมีคนช่วยแน่นอน หากนางทำเพียงลำพัง ก็เป็นไปมิได้ที่จะเคลื่อนย้ายพวกข้าทั้งแปดคนไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ในชั่วข้ามคืน”“จงระมัดระวังให้มาก”โฉวสือชีมิได้รู้จักโหยวเซียง และมิรู้ภูมิหลังของโหยวเซียงเช่นกันลั่วชิงยวนพยักหน้า จากนั้นก็หยิบกิ่งไม้ขึ้นมาวาดบนพื้นนางวาดเส้นทางที่เคยเดินผ่านกันมา แล้วกำหนดเส้นทางที่จะเดินในวันพรุ่ง“ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นถ้ำงูที่สร้างขึ้นมาเพื่อเลี้ยงงูโดยเฉพาะ ในเมื่อเป็นสิ่งที่มนุษ
หลังจากที่ลั่วชิงยวนเดินเข้าไปสำรวจก็รีบลงมือไขกลไกเสียงจากด้านหลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำเอาโฉวสือชีและหงไห่ต่างหวาดหวั่น ทั้งสองกำอาวุธในมือแน่น เตรียมพร้อมต่อสู้ทุกเมื่อในขณะที่พวกโฉวสือชีเห็นเงาโผล่มาจากมุมหัวใจก็แทบหลุดออกจากอกมีเสียงดังแก๊ก!กลไกเปิดออกแล้ว!ลั่วชิงยวนรีบผลักประตูหิน “รีบเข้ามาเร็วเข้า!”ในเวลานั้นนางเห็นซูเซียงกระโจนเข้ามาด้วยจิตสังหารขณะพาชายชุดดำอีกหกคนวิ่งตามมาอย่างรวดเร็วพวกนางรีบเข้าไปในประตูหิน แล้วช่วยกันปิดประตูหินลั่วชิงยวนเห็นกลไกอยู่ที่กำแพงจึงรีบกดกลไก ทำให้เกิดเสียงดังแก๊ก แล้วประตูหินก็ปิดลงอีกครั้งคนที่อยู่ด้านนอกทุบประตูหินอย่างแรง แต่ประตูมิขยับเขยื้อนทุกคนจึงค่อย ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ“ไปกันเถอะ”ลั่วชิงยวนหันหลังกลับไป ด้านหลังเป็นสถานที่คล้ายท้องพระโรงขนาดใหญ่ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่นั้นอยู่บริเวณด้านข้างของท้องพระโรง มีบันไดหินสูงตระหง่าน“บนภูเขาลูกนี้มีสถานที่เช่นนี้ด้วยหรือนี่” หงไห่กล่าวด้วยความตกตะลึงลั่วชิงยวนมองไปยังธงด้านหลังตำแหน่งที่ประทับสูงส่งของท้องพระโรง และการจัดวางตกแต่งสถานที่แห่งนี้ ดูโอ่อ่าสง่างามยิ่
โฉวสือชีตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นลั่วชิงยวนรีบเข้าไปดู เมื่อเห็นบัวถวายก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง“นี่คงเป็นของที่พวกนั้นบังเอิญทำตกไว้โดยมิได้ตั้งใจ”โฉวสือชีกล่าวพลางเปิดหน้าต่างก็เห็นว่ามีรอยเท้าอยู่บนขอบหน้าต่างจริง ๆ“โชคดีจริง ๆ ที่ยังหาเจออีกดอก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ดูเหมือนสวรรค์จะมิใจร้ายกับข้ามากนัก”ถึงแม้จะหาบัวถวายเจอเพียงดอกเดียวแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วก็สามารถช่วยชีวิตนางได้ และพอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสักระยะจากนั้นลั่วชิงยวนก็จัดยาให้คนใบ้นำกลับไปกิน เมื่อได้สมุนไพรครบถ้วนจากในคลังโอสถนี้จึงจัดยาได้หลายห่อหลังจากกินยาแล้วลุงเฉิงก็เข้ามา“ท่านเจ้าเมือง จัดการศพเรียบร้อยแล้วขอรับ มีสิ่งใดให้ข้าน้อยจัดการต่อหรือไม่?”ลั่วชิงยวนกล่าวว่า “ช่วยพาข้าไปดูห้องของต่งอวิ๋นซิ่วหน่อย”“ขอรับ”จากนั้นลั่วชิงยวนก็มายังเรือนของต่งอวิ๋นซิ่ว ลุงเฉิงกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง ท่านโปรดดูว่าเครื่องเรือนในห้องนี้ต้องปรับเปลี่ยนสิ่งใดหรือไม่ ข้าน้อยจะได้จัดการให้ขอรับ”ลั่วชิงยวนมองดูห้องคร่าว ๆ จากนั้นก็ไปยังห้องตำรานางพบแผนที่การวางกำลังป้องกันซึ่งเป็นแผ่นเดียวกั
ในที่สุดก็ไล่ตามอวี๋ตันเฟิ่งและโหยวจิ้งเฉิงทันบริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กันนั้นมีลมพายุในป่าพัดกระหน่ำ แม้แต่ใบไม้ที่ปลิวขึ้นมาก็สามารถฆ่าคนได้ ลั่วชิงยวนทำได้เพียงพาคนอื่น ๆ ไปหลบอยู่หลังก้อนหินในป่าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มองมิเห็นเงาร่างของอวี๋ตันเฟิ่งและโหยวจิ้งเฉิง ทำได้เพียงรับรู้ถึงพลังชั่วร้ายสองสายที่กำลังปะทะกันลั่วชิงยวนตั้งใจจะเข้าไปช่วย แต่กลับถูกอวี๋ตันเฟิ่งห้ามไว้ “เจ้าอย่าเพิ่งลงมือ รอข้าจับเขาได้ก่อน!”ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงทำได้เพียงรอรอจนกระทั่งอวี๋ตันเฟิ่งสามารถกักขังโหยวจิ้งเฉิงไว้ได้สำเร็จในป่าก็ค่อย ๆ กลับสู่ความสงบลั่วชิงยวนจึงเดินเข้าไป จึงได้เห็นสตรีชุดแดงกำลังบีบคอของโหยวจิ้งเฉิงไว้แน่นในดวงตาของอวี๋ตันเฟิ่งเต็มไปด้วยความแค้นจนแทบจะกลายเป็นเลือดเพราะนางมิอาจบีบคอโหยวจิ้งเฉิงจนตายได้!“ลงมือเถิด ทำให้เขาตายไปเสีย”ลั่วชิงยวนหยิบกระดาษยันต์ออกมาในทันทีนางมองไปที่อวี๋ตันเฟิ่ง แล้วกล่าวว่า “เมื่อข้าขว้างไป เจ้าจงรีบหลบเสีย!”อวี๋ตันเฟิ่งพยักหน้าแต่เมื่อลั่วชิงยวนขว้างยันต์ออกไป อวี๋ตันเฟิ่งกลับมิหลบหลีกแสงสีทองสาดส่องเข้าใส่ทั้งสองคนลั่วชิงยวน
“ท่านอยู่ต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปก่อนเถิด” ลั่วชิงยวนกล่าวกับชายชราจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปชายชราลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้าลั่วชิงยวน “ท่านเจ้าเมืองมีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ?”ลั่วชิงยวนถามว่า “บนเขาแห่งนี้มีคนมาแย่งชิงยาสมุนไพรไปจริงหรือ? ที่ส่งคนไปตามหา มีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่?”“มีคนมาจริง ๆ ขอรับ พรรคพวกของพวกมันมีประมาณสิบคนได้ แต่พวกมันหนีไปเร็วมาก ตอนนั้นทุกคนมัวแต่สนใจด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนบุกเข้าไปในคลังโอสถ”“พวกเขาถึงได้หนีรอดไปได้ขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ยิ่งสงสัยว่าเป็นคนของสำนักเทียนฉยง และจงใจมาเป็นปฏิปักษ์กับนาง จึงได้ชิงบัวถวายไปก่อนมองดูชายชราตรงหน้าแล้ว ลั่วชิงยวนก็ยังมิเข้าใจเขาดีนักนางจึงถามว่า “บนหลังของท่านมีรอยประทับทาสหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “มีขอรับ”ลั่วชิงยวนรู้ว่าคำพูดของนางย่อมทำให้เขาเคลือบแคลงใจว่านางมิใช่อวี๋ตันเฟิ่งแต่นางก็มิได้คิดจะแสร้งเป็นอวี๋ตันเฟิ่งเพื่อเข้าควบคุมเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้“ท่านควรรู้ว่าข้ามิใช่อวี๋ตันเฟิ่ง”ชายชราผู้นั้นอึ้งไป มิรู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ในเมื่อ
หวังเพียงว่าจะกักขังโหยวจิ้งเฉิงไว้บนเขาได้ เพราะหากเขาไปสิงอยู่ในร่างผู้อื่นแล้วหนีลงเขาไปได้ก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากเพียงแต่ในตอนนี้ นางไม่มีแรงพอที่จะไล่ตามแล้ว จึงไปหายาในคลังกับคนใบ้เมื่อไปถึง โฉวสือชีและอวี๋โหรวก็อยู่ที่นั่นอวี๋โหรวปรุงโอสถเสร็จแล้วโฉวสือชีกำลังค้นหาสมุนไพรอยู่ข้าง ๆ“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” โฉวสือชีถามด้วยความเป็นห่วงลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ข้ามิเป็นอะไร”โฉวสือชียื่นกล่องในมือออกมา แล้วพูดว่า “เจอโสมมังกรเพียงกิ่งเดียวเอง”ลั่วชิงยวนรับกล่องมา แล้วส่งให้คนใบ้ “รอจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ข้าจะจัดยาให้เจ้าชุดหนึ่ง แม้จะมิสามารถรักษาอาการของเจ้าให้หายขาดได้ แต่ก็พอจะยืดชีวิตได้”คนใบ้พยักหน้า รับโสมมังกรมาด้วยสีหน้าซับซ้อนภายใต้หน้ากากโฉวสือชีกล่าวเสียงหนักแน่น “คลังโอสถนี่ใหญ่โตเกินไป ข้าหาบัวถวายมิเจอจริง ๆ”“และเมื่อดูแล้วในนี้ก็มีร่องรอยการถูกรื้อค้น ต่งอวิ๋นซิ่วคงมิได้หลอกพวกเรา บัวถวายคงถูกใครบางคนชิงไปแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้วแน่น “บังเอิญเกินไปแล้ว บัวถวายถูกชิงไปตอนที่เรามาถึงพอดี”“แถมยังถูกกวาดไปจนเกลี้ยง”“สมุนไพรอื่นก็มิ
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ