อันเจ๋อชื่นชมการระวังตัวของเจียงเจิ้งเป็นอย่างมาก จากนั้นก็หยิบหุ่นไม้แกะสลักตัวหนึ่งออกมาจากแหวนพระสุเมรุ หุ่นไม้ตัวนั้นเป็นหญิงที่มีรูปร่างคล้ายเจียงอวี้เจียงเจิ้งมองอย่างนิ่ง ๆ นั่นเป็นของขวัญวันเกิดที่เขาตั้งใจแกะสลักให้เจียงอวี้และให้นางไว้ตอนก่อนที่เขาจะติดตามท่านพ่อออกมารับตำแหน่ง เพราะกลัวว่าจะมิได้มีโอกาสกลับไปฉลองวันเกิดให้เจียงอวี้ เขากลัวว่าตนจะมองผิดไปจึงพุ่งเข้าไปแย่งหุ่นไม้ในมือของอันเจ๋อที่กระโปรงของหุ่นไม้หญิงมีการแกะสลักกระต่ายตัวเล็ก ๆ ไว้หนึ่งตัว กระต่ายตัวนั้นหูขาดไปข้างหนึ่งเพราะว่าตนรีบแกะสลักจึงมิได้ระวังทำพลาดไป“เจ้าคือว่าที่พี่เขยของข้าจริง ๆ หรือ?”เจียงเจิ้งเอ่ยถามอย่างมิเชื่อ“ข้าเอาชื่อท่านพ่อของข้าเป็นประกันว่าข้าคือคือว่าที่พี่เขยของเจ้าจริง ๆ!”เรื่องการแต่งงานของอันเจ๋อกับเจียงอวี้ได้กำหนดแน่นอนแล้ว อันเจ๋อจึงคุยโวโอ้อวดได้“พี่เขย!”เจียงเจิ้งตาแดงทันที จากนั้นน้ำตาเม็ดโตก็ไหลลงมา เขาอยากจะพุ่งเข้าไปกอดอันเจ๋อแต่มือก็ถูกมัดอยู่อันเจ๋อจึงรีบก้าวเข้าไปแก้มัดให้เขาเฉาเฉียงก็เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “เด็กผู้นี้ร้ายมาก ข้ามัดมือเขาไว้เพราะว่
อันเจ๋อคิดที่จะโต้แย้งออกไปแต่สิ่งที่ต้อนรับเขาก็คือลูกธนูอย่างหนาแน่นอาจารย์หลินลากอันเจ๋อกลับมาพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่มีประโยชน์ พวกเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารพวกเราทั้งหมด การวินิจฉัยของเจ้าล้วนผิดเพี้ยนไปแล้ว!”อันเจ๋อก็มองความโหดร้ายของหยางเจี้ยนออกเช่นกันจึงกังวลเป็นอย่างมาก “อาจารย์หลิน กองกำลังของพวกเราจะต้านการบุกของพวกเขาไหวหรือไม่?”อาจารย์หลินยิ้มอย่างเย็นชา “สิงหยางของเรามีกองกำลังของราษฎรอยู่เพียงสามพันคนเท่านั้น จะเป็นคู่ต่อสู้ของทหารอาชีพเหล่านี้ได้อย่างไร!”“หยางเจี้ยนมาในคราวนี้นำทหารมาเกือบหกพันคน! ทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้ เป็นไปมิได้เลยที่จะป้องกันประตูเมืองไว้ได้!”อันเจ๋อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมากแต่อาจารย์หลินก็หัวเราะอย่างดูถูกออกมาอีกครั้ง “แต่หากคิดจะต่อสู้ให้พวกเขาพ่ายแพ้ไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้!”อันเจ๋อมองอาจารย์หลินอย่างงุนงง เขาเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน!“มิสามารถต้านทานได้ แต่สามารถใช้สติปัญญาชิงไหวชิงพริบได้!”อาจารย์หลินเอ่ยอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “ข้าจะสั่งให้คนเอาจดหมายของเจ้าออกไปส่งก่อน!”อันเจ๋อมองอาจารย์
กลุ่มขุนนางทำได้เพียงเดินตามเซียวหลินเทียนต่อ เมื่อออกจากเมืองไปสิบกว่าลี้ ก็เริ่มเห็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าเซียวหลินเทียนแสร้งทำเป็นมิรู้ว่าเป็นที่ดินของตระกูลใด พลางเอ่ยอย่างเสียดาย “ที่ดินดีเช่นนี้ หากมิปลูกพืชพรรณใดก็น่าเสียดายแย่!”“ใต้เท้าเจี่ยง ให้ผู้คนในเขตนี้บอกต่อกันออกไปว่า ทางราชสำนักสนับสนุนให้มีการบุกเบิกฟื้นฟูที่ดินรกร้าง ให้ชาวบ้านแถวนี้มาทำการฟื้นฟูที่ดินและเพาะปลูกในช่วงวสันตฤดู!”ใบหน้าของใต้เท้าเจี่ยงกระตุก มิรู้ว่าเซียวหลินเทียนจงใจหรือว่ามิรู้จริง ๆ ว่าที่ดินแห่งนี้เป็นของตระกูลใต้เท้าหลี่ใต้เท้าหลี่เองก็ลำบากใจพูดมิออก ตนเป็นผู้เสนอให้มีการสนับสนุนบุกเบิกที่ดินรกร้าง และตนก็ได้เลื่อนขั้นเพราะเรื่องนี้ด้วยแล้วตอนนี้เขาจะกล้าบอกกับองค์จักรพรรดิหรือว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่าแห่งนี้เป็นของตระกูลตน?ผู้ตรวจการซุนเป็นคนซื่อตรงและมีนิสัยตรงไปตรงมา เขามิเกรงกลัวอำนาจของใต้เท้าหลี่ เมื่อเห็นว่าใต้เท้าหลี่มิพูดจา เขาจึงเอ่ยออกไปตามตรง “ฝ่าบาท นี่มิใช่ที่ดินรกร้างพ่ะย่ะค่ะ เป็นที่ดินที่มีเจ้าของ!”“หา? ในเมื่อเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ แล้วเหตุใดจึงมีวัชพืชขึ้นรกเช่นนี
เซียวหลินเทียนพูดออกมาพร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จากนั้นก็มองที่ดินรกร้างว่างเปล่าเหล่านั้นด้วยท่าทีที่ดูเสียใจเป็นอย่างมาก“ใต้เท้าหลี่มิสามารถจัดการที่ดินเพาะปลูกได้ แต่ที่ดินที่ดีเหล่านี้จะปล่อยรกร้างไปก็น่าเสียดาย!”ใต้เท้าเฉินหนึ่งในกรมพระคลังได้รับคำสั่งจากหลี่ว์เซียงมาก่อนหน้านี้ ในยามนี้จึงออกมาพลางเอ่ย“ฝ่าบาท กระหม่อมก็รู้สึกว่าที่ดินที่ดีเช่นนี้หากปล่อยรกร้างไปช่างน่าเสียนักพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อใต้เท้าหลี่มิถนัดในการจัดการที่ดิน เช่นนั้นเหตุใดจึงมิให้ใต้เท้าหลี่ขายที่ดินเหล่านี้กลับคืนให้ราชสำนักแล้วให้จวนขุนนางส่งคนมาจัดการอย่างเท่าเทียมหรือพ่ะย่ะค่ะ!”“หากทำเช่นนี้ก็มิต้องปล่อยที่ดินให้รกร้างแล้วและยังทำให้ใต้เท้าหลี่มิต้องมายุ่งวุ่นวายเพราะเหตุนี้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“ใต้เท้าหลี่ การปล่อยที่ดินรกร้างตามกฎแล้วจะต้องถูกลงโทษตามความร้ายแรงของสถานการณ์! ที่ดินรกร้างของเจ้ามีขนาดหลายร้อยหมู่ ต้องมีการชดเชยภาษีและถูกลงโทษด้วย มันจะได้มิคุ้มเสีย!”ใต้เท้าเฉินยังพูดมิทันจบ ใต้เท้าหลี่ก็ตกใจคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว“ฝ่าบาท กระหม่อมมิรู้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะว่าที่ดินเหล่านี้ถูกปล่อยให้รกร้าง
หลังจากหลิงอวี๋ได้รู้วิธีการนี้ก็ชื่นชมเซียวหลินเทียนอย่างจริงใจนางรู้สึกว่านับวันเซียวหลินเทียนก็ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อย ๆ การใช้วิธีการนำคำพูดของฝ่ายตรงข้ามมาตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามเองนั้นดีมาก!กระทั่งเหตุการณ์วุ่นวายที่เจิ้งโจวสิ้นสุดลง เซียวหลินเทียนก็คงจะทำให้สถานการณ์มั่นคงและสามารถเข้าสู่ช่วงเพาะปลูกในวสันตฤดูได้อย่างราบรื่นแล้วในขณะที่หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนกำลังให้ความสนใจกับเรื่องที่เจิ้งโจว ป้าสะใภ้ใหญ่ก็นำป้ายของท่านอดีตเสนาบดีเข้าวังมาขอพบหลิงอวี๋หลิงอวี๋ค่อนข้างสงสัย ป้าสะใภ้ใหญ่มีเรื่องด่วนอันใดกัน?นางจึงรีบให้หลิงซวนไปพาป้าสะใภ้ใหญ่เข้าวังทันทีเมื่อป้าสะใภ้ใหญ่เห็นหลิงอวี๋ ยังมิทันได้พูดอะไรก็ตาแดงแล้วหลิงอวี๋จึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ป้าสะใภ้ใหญ่เป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? หรือว่าเป็นท่านปู่?”“ไม่ ๆ… มิใช่ท่านปู่ของท่านแต่เป็นหว่านเอ๋อร์เพคะ!”ป้าสะใภ้ใหญ่ควักจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งให้หลิงอวี๋พลางเอ่ย“ก่อนหน้านี้แม่ทัพเผยบอกว่าจะช่วยพวกเราตามหาท่านลุงใหญ่ของท่าน แต่เขาไปหลายวันแล้วก็มิได้มีจดหมายมา หว่านเอ๋อร์จึงร้อนใจแล้วทิ้งจดหมายนี้ไว้เมื่อวานว่านางออกไปต
เซียวหลินเทียนได้ฟังที่หลิงอวี๋พูดก็หวั่นไหว หลิงอวี๋จึงฉวยโอกาสนี้กอดแขนเขาอย่างสนิทสนมพลางเอ่ย“เซียวหลินเทียน ท่านให้หม่อมฉันไปเถิด! หม่อมฉันหวังว่าเราจะเคารพซึ่งกันและกันนะเพคะ หม่อมฉันมิอยากถูกกักขังอยู่ในวังหลวงไปตลอดชีวิต หม่อมฉันเองก็หวังว่า หม่อมฉันจะสามารถทำในสิ่งที่หม่อมฉันอยากทำได้เช่นกันเพคะ!”“ครอบครัวท่านลุงท่านป้ามีบุญคุณท่วมหัวเราสองพี่น้อง หากเกิดอะไรขึ้นกับหลิงหว่าน หม่อมฉันจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเป็นแน่เพคะ!”นางใช้ไม้อ่อนมาพูดจาหว่านล้อมจนในที่สุดเซียวหลินเทียนก็ถูกหลิงอวี๋โน้มน้าวสำเร็จเขาจึงเอ่ยอย่างจนใจ “ข้าให้เจ้าไป แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่าจะต้องดูแลตนเองให้ดี ๆ!”“เพคะ!”หลิงอวี๋ขอเซียวหลินเทียนได้แล้วก็โล่งอกโล่งใจการที่นางยืนกรานจะไปตามหาหลิงหว่านที่เจิ้งโจวคราวนี้ นอกจากจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลิงหว่านแล้ว ก็ยังเป็นการลองใจเซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างในนี้ด้วยหลิงอวี๋กังวลว่า เซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิแล้วจะเผด็จการดังเช่นเมื่อก่อน ยึดติดกับความคิดชายเป็นใหญ่แล้วกักขังตนให้อยู่ที่วังหลังให้เป็นแม่บ้านแม่เรือนการใช้ชีวิตเช่นนั้นแค่คิดก็ทำให้
ทหารผู้นั้นส่ายหน้า “ใต้เท้าอันน่าจะเดินทางไปที่ผิงเนี่ยแล้ว พวกกบฏหลิวจวินอยู่ทางนั้นได้ยินว่าจับตัวท่านอ๋องผิงหนานไว้ ใต้เท้าอันน่าจะไปช่วยท่านอ๋องผิงหนานแล้ว!”หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนางออกมาจากวังก็มิรู้เรื่องความคืบหน้าในการจัดการความมิสงบของอันเจ๋ออีกเลย ไหนเลยจะคิดว่าท่านอ๋องผิงหนานจะถูกจับตัวไปแล้ว“แม่ทัพลั่วกับแม่ทัพจี้เล่า?”หลิงอวี๋นึกถึงสองแม่ทัพที่มาช่วยอันเจ๋อจึงถามไปอีกทหารผู้นั้นมองหลิงอวี๋อย่างสงสัย คงจะคิดมิถึงว่าพ่อค้าหนุ่มผู้นี้จะรู้เรื่องแม่ทัพของราชสำนักถึงเพียงนี้แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเถาจื่อที่ทำท่าทางดุร้าย ทหารผู้นั้นก็เอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ “แม่ทัพลั่วถูกผู้แทนพระองค์คนใหม่ส่งไปจัดการความมิสงบที่กว่างอู่แล้ว ส่วนแม่ทัพจี้ก็ถูกส่งไปจัดการกับเส้าหมิงเจี๋ย!”หลิงอวี๋ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว แม่ทัพฟางที่รับหน้าที่คนใหม่นี้เป็นคนของจ้าวฮุย ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนเคยบอกกับนางแล้วตอนนี้อันเจ๋อเป็นบุคคลสำคัญที่เก็บหลักฐานการกระทำผิดของพวกใต้เท้าจางเอาไว้ ท่านอ๋องผิงหนานถูกหลิวจวินจับตัวไป แม่ทัพฟางกลับมิคิดที่จะไปช่วยท่านอ๋องผิงหนาน ทั้งยังทำการแยก
“มิต้องตะโกนแล้ว คาดว่าอาจารย์หลินเองก็ไปช่วยใต้เท้าอันที่ผิงเนี่ยเช่นกัน เฉาเฉียงคงกังวลว่าพวกเราจะเป็นสายลับที่มาสืบที่อยู่ของอาจารย์หลินจึงเลี่ยงมิให้พบ!”หลิงอวี๋นึกถึงอาจารย์หลินที่อันเจ๋อเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ว่าเป็นบุคคลสำคัญของเฉาเฉียง และเป็นคนที่เก่งกาจมากจากที่หลี่ข่ายบอก ผู้นำที่เอาชนะแม่ทัพหยางได้ก็น่าจะเป็นอาจารย์หลินผู้นี้เฉาเฉียงคงกังวลว่า หากเปิดเผยไปว่าอาจารย์หลินมิได้อยู่สิงหยางแล้วจะถูกโจมตีจึงเลี่ยงที่จะมิพบเมื่อเห็นว่าสิงหยางมีการป้องกันที่แน่นหนาเช่นนี้ หลิงหว่านก็คงมิสามารถเข้าไปได้เช่นกัน เช่นนั้นจึงทำได้เพียงไปรวมตัวกับอันเจ๋อที่ผิงเนี่ยก่อนแล้วค่อยไปตามหาหลิงหว่านหลิงอวี๋จึงพาพวกเถาจื่อมุ่งหน้าไปผิงเนี่ย......เวลานี้ ไท่เฟยเส้ากับจ้าวฮุยได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ออกไปจากวังหลวงแล้วกฎหมายที่ดินของเมืองหลวงก็ถูกประกาศออกไปอย่างรวดเร็วภายใต้ฝีมือและการเร่งเร้าของเซียวหลินเทียนขุนนางพวกของจ้าวฮุยทัดทานแรงกดดันของเซียวหลินเทียนมิไหว บางส่วนกลัวว่าจะถูกลงโทษเช่นใต้เท้าหลี่จึงยอมมอบที่ดินแต่โดยดีเดิมทีขุนนางบางส่วนยังคงดูท่าทีอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าจ้าวฮุยกับอ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี