เซียวหลินเทียนพูดออกมาพร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จากนั้นก็มองที่ดินรกร้างว่างเปล่าเหล่านั้นด้วยท่าทีที่ดูเสียใจเป็นอย่างมาก“ใต้เท้าหลี่มิสามารถจัดการที่ดินเพาะปลูกได้ แต่ที่ดินที่ดีเหล่านี้จะปล่อยรกร้างไปก็น่าเสียดาย!”ใต้เท้าเฉินหนึ่งในกรมพระคลังได้รับคำสั่งจากหลี่ว์เซียงมาก่อนหน้านี้ ในยามนี้จึงออกมาพลางเอ่ย“ฝ่าบาท กระหม่อมก็รู้สึกว่าที่ดินที่ดีเช่นนี้หากปล่อยรกร้างไปช่างน่าเสียนักพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อใต้เท้าหลี่มิถนัดในการจัดการที่ดิน เช่นนั้นเหตุใดจึงมิให้ใต้เท้าหลี่ขายที่ดินเหล่านี้กลับคืนให้ราชสำนักแล้วให้จวนขุนนางส่งคนมาจัดการอย่างเท่าเทียมหรือพ่ะย่ะค่ะ!”“หากทำเช่นนี้ก็มิต้องปล่อยที่ดินให้รกร้างแล้วและยังทำให้ใต้เท้าหลี่มิต้องมายุ่งวุ่นวายเพราะเหตุนี้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“ใต้เท้าหลี่ การปล่อยที่ดินรกร้างตามกฎแล้วจะต้องถูกลงโทษตามความร้ายแรงของสถานการณ์! ที่ดินรกร้างของเจ้ามีขนาดหลายร้อยหมู่ ต้องมีการชดเชยภาษีและถูกลงโทษด้วย มันจะได้มิคุ้มเสีย!”ใต้เท้าเฉินยังพูดมิทันจบ ใต้เท้าหลี่ก็ตกใจคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว“ฝ่าบาท กระหม่อมมิรู้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะว่าที่ดินเหล่านี้ถูกปล่อยให้รกร้าง
หลังจากหลิงอวี๋ได้รู้วิธีการนี้ก็ชื่นชมเซียวหลินเทียนอย่างจริงใจนางรู้สึกว่านับวันเซียวหลินเทียนก็ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อย ๆ การใช้วิธีการนำคำพูดของฝ่ายตรงข้ามมาตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามเองนั้นดีมาก!กระทั่งเหตุการณ์วุ่นวายที่เจิ้งโจวสิ้นสุดลง เซียวหลินเทียนก็คงจะทำให้สถานการณ์มั่นคงและสามารถเข้าสู่ช่วงเพาะปลูกในวสันตฤดูได้อย่างราบรื่นแล้วในขณะที่หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนกำลังให้ความสนใจกับเรื่องที่เจิ้งโจว ป้าสะใภ้ใหญ่ก็นำป้ายของท่านอดีตเสนาบดีเข้าวังมาขอพบหลิงอวี๋หลิงอวี๋ค่อนข้างสงสัย ป้าสะใภ้ใหญ่มีเรื่องด่วนอันใดกัน?นางจึงรีบให้หลิงซวนไปพาป้าสะใภ้ใหญ่เข้าวังทันทีเมื่อป้าสะใภ้ใหญ่เห็นหลิงอวี๋ ยังมิทันได้พูดอะไรก็ตาแดงแล้วหลิงอวี๋จึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ป้าสะใภ้ใหญ่เป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? หรือว่าเป็นท่านปู่?”“ไม่ ๆ… มิใช่ท่านปู่ของท่านแต่เป็นหว่านเอ๋อร์เพคะ!”ป้าสะใภ้ใหญ่ควักจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งให้หลิงอวี๋พลางเอ่ย“ก่อนหน้านี้แม่ทัพเผยบอกว่าจะช่วยพวกเราตามหาท่านลุงใหญ่ของท่าน แต่เขาไปหลายวันแล้วก็มิได้มีจดหมายมา หว่านเอ๋อร์จึงร้อนใจแล้วทิ้งจดหมายนี้ไว้เมื่อวานว่านางออกไปต
เซียวหลินเทียนได้ฟังที่หลิงอวี๋พูดก็หวั่นไหว หลิงอวี๋จึงฉวยโอกาสนี้กอดแขนเขาอย่างสนิทสนมพลางเอ่ย“เซียวหลินเทียน ท่านให้หม่อมฉันไปเถิด! หม่อมฉันหวังว่าเราจะเคารพซึ่งกันและกันนะเพคะ หม่อมฉันมิอยากถูกกักขังอยู่ในวังหลวงไปตลอดชีวิต หม่อมฉันเองก็หวังว่า หม่อมฉันจะสามารถทำในสิ่งที่หม่อมฉันอยากทำได้เช่นกันเพคะ!”“ครอบครัวท่านลุงท่านป้ามีบุญคุณท่วมหัวเราสองพี่น้อง หากเกิดอะไรขึ้นกับหลิงหว่าน หม่อมฉันจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเป็นแน่เพคะ!”นางใช้ไม้อ่อนมาพูดจาหว่านล้อมจนในที่สุดเซียวหลินเทียนก็ถูกหลิงอวี๋โน้มน้าวสำเร็จเขาจึงเอ่ยอย่างจนใจ “ข้าให้เจ้าไป แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่าจะต้องดูแลตนเองให้ดี ๆ!”“เพคะ!”หลิงอวี๋ขอเซียวหลินเทียนได้แล้วก็โล่งอกโล่งใจการที่นางยืนกรานจะไปตามหาหลิงหว่านที่เจิ้งโจวคราวนี้ นอกจากจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลิงหว่านแล้ว ก็ยังเป็นการลองใจเซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างในนี้ด้วยหลิงอวี๋กังวลว่า เซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิแล้วจะเผด็จการดังเช่นเมื่อก่อน ยึดติดกับความคิดชายเป็นใหญ่แล้วกักขังตนให้อยู่ที่วังหลังให้เป็นแม่บ้านแม่เรือนการใช้ชีวิตเช่นนั้นแค่คิดก็ทำให้
ทหารผู้นั้นส่ายหน้า “ใต้เท้าอันน่าจะเดินทางไปที่ผิงเนี่ยแล้ว พวกกบฏหลิวจวินอยู่ทางนั้นได้ยินว่าจับตัวท่านอ๋องผิงหนานไว้ ใต้เท้าอันน่าจะไปช่วยท่านอ๋องผิงหนานแล้ว!”หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนางออกมาจากวังก็มิรู้เรื่องความคืบหน้าในการจัดการความมิสงบของอันเจ๋ออีกเลย ไหนเลยจะคิดว่าท่านอ๋องผิงหนานจะถูกจับตัวไปแล้ว“แม่ทัพลั่วกับแม่ทัพจี้เล่า?”หลิงอวี๋นึกถึงสองแม่ทัพที่มาช่วยอันเจ๋อจึงถามไปอีกทหารผู้นั้นมองหลิงอวี๋อย่างสงสัย คงจะคิดมิถึงว่าพ่อค้าหนุ่มผู้นี้จะรู้เรื่องแม่ทัพของราชสำนักถึงเพียงนี้แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเถาจื่อที่ทำท่าทางดุร้าย ทหารผู้นั้นก็เอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ “แม่ทัพลั่วถูกผู้แทนพระองค์คนใหม่ส่งไปจัดการความมิสงบที่กว่างอู่แล้ว ส่วนแม่ทัพจี้ก็ถูกส่งไปจัดการกับเส้าหมิงเจี๋ย!”หลิงอวี๋ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว แม่ทัพฟางที่รับหน้าที่คนใหม่นี้เป็นคนของจ้าวฮุย ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนเคยบอกกับนางแล้วตอนนี้อันเจ๋อเป็นบุคคลสำคัญที่เก็บหลักฐานการกระทำผิดของพวกใต้เท้าจางเอาไว้ ท่านอ๋องผิงหนานถูกหลิวจวินจับตัวไป แม่ทัพฟางกลับมิคิดที่จะไปช่วยท่านอ๋องผิงหนาน ทั้งยังทำการแยก
“มิต้องตะโกนแล้ว คาดว่าอาจารย์หลินเองก็ไปช่วยใต้เท้าอันที่ผิงเนี่ยเช่นกัน เฉาเฉียงคงกังวลว่าพวกเราจะเป็นสายลับที่มาสืบที่อยู่ของอาจารย์หลินจึงเลี่ยงมิให้พบ!”หลิงอวี๋นึกถึงอาจารย์หลินที่อันเจ๋อเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ว่าเป็นบุคคลสำคัญของเฉาเฉียง และเป็นคนที่เก่งกาจมากจากที่หลี่ข่ายบอก ผู้นำที่เอาชนะแม่ทัพหยางได้ก็น่าจะเป็นอาจารย์หลินผู้นี้เฉาเฉียงคงกังวลว่า หากเปิดเผยไปว่าอาจารย์หลินมิได้อยู่สิงหยางแล้วจะถูกโจมตีจึงเลี่ยงที่จะมิพบเมื่อเห็นว่าสิงหยางมีการป้องกันที่แน่นหนาเช่นนี้ หลิงหว่านก็คงมิสามารถเข้าไปได้เช่นกัน เช่นนั้นจึงทำได้เพียงไปรวมตัวกับอันเจ๋อที่ผิงเนี่ยก่อนแล้วค่อยไปตามหาหลิงหว่านหลิงอวี๋จึงพาพวกเถาจื่อมุ่งหน้าไปผิงเนี่ย......เวลานี้ ไท่เฟยเส้ากับจ้าวฮุยได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ออกไปจากวังหลวงแล้วกฎหมายที่ดินของเมืองหลวงก็ถูกประกาศออกไปอย่างรวดเร็วภายใต้ฝีมือและการเร่งเร้าของเซียวหลินเทียนขุนนางพวกของจ้าวฮุยทัดทานแรงกดดันของเซียวหลินเทียนมิไหว บางส่วนกลัวว่าจะถูกลงโทษเช่นใต้เท้าหลี่จึงยอมมอบที่ดินแต่โดยดีเดิมทีขุนนางบางส่วนยังคงดูท่าทีอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าจ้าวฮุยกับอ
“ยกมือขึ้นแล้ววางอาวุธลงเสีย!”หัวหน้าที่นำมาตะคอกใส่พวกนางทีแรกหลิงอวี๋ก็ตกใจคิดว่าเจอใต้เท้าจางซุ่มโจมตี แต่เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็หันไปมอง หัวหน้าผู้นี้คือฮุยจื่อคนรับใช้ของอันเจ๋อนั่นเองหลิงอวี๋จึงเรียกเขาทันที “เสี่ยวฮุยจื่อ ข้าคือแม่นางหลิง!”หลิงอวี๋เช็ดหน้าแล้วถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของตนเสี่ยวฮุยจื่อเป็นคนฉลาด เมื่อตั้งใจมองดี ๆ ว่าเป็นใบหน้าของหลิงอวี๋ก็ตะลึง แต่มิกล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของหลิงอวี๋จึงเรียกด้วยความเคารพในทันที “แม่นางหลิง ที่แท้ก็เป็นท่านเอง! คนกันเอง วางหน้าไม้เสียลง...”เสี่ยวฮุยจื่อเข้ามาต้อนรับ หลิงอวี๋จึงรีบเอ่ยถาม “ใต้เท้าอันสบายดีหรือไม่?”“ก่อนหน้านี้ใต้เท้าของข้าได้รับบาดเจ็บที่สิงหยาง อาการบาดเจ็บแย่ลงแล้ว พวกท่านมาพอดี จะได้ไปตรวจให้เขา!”เสี่ยวฮุยจื่อขยิบตาให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋มิแน่ใจว่าอาการบาดเจ็บของอันเจ๋อแย่ลงจริง ๆ หรือว่าเป็นแผนการ จึงตามเสี่ยวฮุยจื่อเข้าไปที่ที่พักชั่วคราว“แม่ทัพเผยก็มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เสี่ยวฮุยจื่อเห็นว่าแถวนี้มิได้มีคนนอกจึงบอกกับหลิงอวี๋หลิงอวี๋โล่งอก เผยอวี้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นหลิงห
“คนที่อยู่ในกระโจมของอันเจ๋อก็คือท่านลุงใหญ่หรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างสงสัย“ท่านเจอเขาแล้วหรือ?”หลิงหว่านตาเป็นประกาย “พี่หญิงหลิงหลิง เขาคือท่านพ่อของข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่!”“มิได้เห็นหน้า...”หลิงอวี๋ประหลาดใจ “เจ้ามิแน่ใจหรือ?”มีที่ไหนที่ลูกสาวจำพ่อตนเองมิได้?หลิงหว่านแววตาเศร้าไปทันที “ข้ามั่นใจว่าเขาคือท่านพ่อของข้า แต่เขาจำข้ามิได้… เขามิรู้จักข้าแล้ว!”นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หลิงอวี๋นั่งลงบนเสื่อฟางพลางเอ่ยถาม “เหตุใดเขาจึงมิรู้จักเจ้า?”หลิงหว่านยิ้มอย่างขมขื่น “จากที่พี่อันกับพี่เผยรู้ พวกเขาบอกว่าความทรงจำในอดีตของท่านพ่อข้าหายไปหมดแล้ว เขาเป็นขอทานมาอยู่ที่เจิ้งโจว! ไม่มีผู้ใดรู้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นกับเขา!” “อีกทั้ง… อีกทั้ง ท่านพ่อถูกสตรีผู้หนึ่งชื่อว่าเฝิงฉินรับมาอยู่ด้วยและพวกเขาก็แต่งงานกันแล้ว เฝิงฉินบอกว่าตั้งครรภ์ได้สองเดือนกว่าแล้ว!”ว่ากระไรนะ?หลิงอวี๋เบิกตาโตอย่างตกใจหลิงหว่านจิกผมตนเองอย่างหงุดหงิด “พี่หญิงหลิงหลิง ข้าสับสนมาก ข้าหวังให้เขาเป็นท่านพ่อข้าแต่ข้าก็หวังว่าเขาจะมิใช่!”“เมื่อก่อนท่านพ่อไม่มีอนุภรรยา ท่านแม่เป็นฮูหยินเพีย
กระทั่งเข้าไปในกระโจม บุรุษร่างสูงใหญ่ก็หันกลับมาหลิงอวี๋คือคนที่ข้ามเวลามา จึงมิได้มีความทรงจำที่ลึกซึ้งกับท่านลุงใหญ่ผู้นี้นัก แต่หลิงหว่านเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของหลิงเสียงกัง นางเชื่อว่าหลิงหว่านไม่มีทางจำผิดคน!กอปรกับที่อาจารย์หลินผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ และมีพลังที่น่าเกรงขามคล้าย ๆ กับท่านอดีตเสนาบดี หลิงอวี๋จึงยิ่งแน่ใจว่าอาจารย์หลินผู้นี้ก็คือท่านลุงใหญ่หลิงเสียงกัง“พี่หญิงหลิงหลิง วันนี้พวกเราจะต้องไปโจมตีผิงเนี่ย ข้ากับท่านลุงหลิงจะเป็นแนวหน้า ใต้เท้าอันจะรับผิดชอบคุ้มกันด้านหลัง ที่นี่จะมิปลอดภัย พวกเราได้ปรึกษากันแล้วว่าจะให้ท่านกับหลิงหว่านถอยออกจากพื้นที่ไปก่อนยี่สิบลี้!”เผยอวี้เอ่ยมาตรง ๆ“ท่านอ๋องผิงหนานถูกคนของหลิวจวินจับตัวไปจริงหรือ? จะเป็นกับดักหรือไม่?”หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องความคับข้องใจระหว่างสามีภรรยาของหลิงเสียงกัง เวลานี้เป็นคราวคับขัน ทำได้เพียงต้องแก้ไขในเรื่องนี้ก่อน“ข้าแน่ใจว่าเป็นพ่อของข้า!”อันเจ๋อเอ่ยเสียงเรียบ “เขาหลงกลแผนของใต้เท้าจาง คิดว่าหาศพข้าเจอจริง ๆ จึงมุ่งหน้าไปตรวจสอบที่ศาลาว่าการเจิ้งโจว ไหนเลยจะคิดว่า หลิวจวินจะถูกใต้เท้าจางซื้อตัว
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร