คำพูดนี้ขององค์ชายคังภายนอกดูเป็นการอยากหาตัวมือสังหาร แต่ในความเป็นจริงเป็นการพาดพิงถึงหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนยามนี้หลิงอวี๋ดูแลวังหลัง องค์ชายคังย่อมไม่มีทางกล่าวหาว่าไท่เฟยเส้าบงการให้ครัวหลวงและนางกำนัลกับแม่นมวางยาพิษ เช่นนั้นหากได้พาดพิงถึงหลิงอวี๋แล้วจะเป็นใครกัน!เซียวหลินเทียนโมโหมาก องค์ชายคังคิดว่าคราวนี้มิเอ่ยชื่อแล้วตนจะมิสามารถมุ่งเป้าไปที่เขาได้หรือ?เซียวหลินเทียนตำหนิเสียงแข็ง “เซียวหลินอี้ เหตุใดเล่า หาหลักฐานที่ข้าวางยามิได้ก็ยังคิดจะเข้ามาแทนตำแหน่งของข้าหรือ?”“นี่คือวังหลวง เจ้ามีสิทธิ์ตัดสินใจเมื่อใดกัน?”“ให้ข้ามอบตราหยกให้เจ้าแล้วให้เจ้าออกคำสั่งแทนข้าดีหรือไม่?”แม้ว่าในใจขององค์ชายคังจะต้องการ แต่ไหนเลยจะกล้าพูดออกไป จึงคุกเข่าลงทันที “กระหม่อมมิกล้า!”“มิกล้า? ข้าเห็นว่าเจ้ากล้ายิ่งนัก!”เซียวหลินเทียนกัดฟันพลางเอ่ย “ขุนนางทั้งสี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงองค์ชายรุ่ยและองค์ชายเย่มิได้แสดงความเห็น ให้ความเคารพท่านอ๋องเฉิงผู้เป็นราชสำนักฝ่ายในในการไต่สวนคดี มีแต่เจ้าที่ทำเช่นนี้!”“ประเดี๋ยวก็ใส่ร้ายข้า ประเดี๋ยวก็ใส่ร้ายครัวหลวง นางกำนัล แม่นม ในสา
หากทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ยังมิถึงขั้นสูงสุด เช่นนั้นคราวนี้ก็พอจะมั่นใจว่าจะทำให้หลิงอวี๋มิสามารถพลิกกลับมาได้อีกตัวแปรก็คือทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิรู้ว่าหลิงอวี๋ร่ำเรียนมาจากที่ใด พวกขั้นตอนวิธีการรักษาของหลิงอวี๋ แม้แต่ในแดนปีศาจก็มิเคยได้ยินแม้ว่าจะมิสามารถมั่นใจได้มาก แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็จะต้องเดิมพันดูสักครั้งนางมีความมั่นใจเก้าในสิบที่เชื่อว่าหลิงอวี๋จะตรวจมิพบ คนธรรมดาเช่นนี้แม้ว่าจะฉลาดมากแค่ไหน แต่จะสามารถเทียบตนได้หรือ?วิชาพิษของนางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแม้แต่อาจารย์ก็ยังชื่นชม!ขณะที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยภายในห้องโถงที่ตั้งศพว่านฉีซานเห็นว่าเซียวหลินเทียนไล่องค์ชายคังที่เอาก่อเรื่องออกไปแล้ว ก็รีบเอ่ย “เมื่อครู่กระหม่อมยังพูดมิจบ ดูภายนอกไทฮองไทเฮาเหมือนจะถูกวางยาพิษ แต่กระหม่อมกลับมิพบร่องรอยของยาพิษจากผิวและในปากของไทฮองไทเฮาเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“หากจะตรวจสอบว่าหนูถูกพิษจากการกัดกินร่างของไทฮองไทเฮาจริงหรือไม่ ก็ยังต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีก!”“ขอฝ่าบาททรงโปรดให้ส่งคนไปหาหนูมาให้กระหม่อมสักสองสามตัว กระหม่อมจะเก็บเลือดบางส่วนของไทฮองไท
เซียวหลินเทียนวางไทฮองไทเฮาลงบนผ้าห่มข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง เขาเห็นใบหน้าที่ขาดวิ่นของไทฮองไทเฮาก็แสบจมูกและคุกเข่าลง“เสด็จย่า ขอท่านวางพระทัย กระหม่อมไม่มีทางให้ท่านสิ้นพระชนม์ไปอย่างมิยุติธรรมเช่นนี้แน่!”“หากหาพบว่าผู้ใดที่ทำร้ายท่าน กระหม่อมจะประหารมันเก้าชั่วโคตร!”หลิงอวี๋ได้ยินว่าเสียงของเซียวหลินเทียนผิดปกติจึงเดินเข้าไปประคองเขา “รอให้รู้สาเหตุการตายของไทฮองไทเฮาอย่างแน่ชัดก่อน แล้วหม่อมฉันจะช่วยแก้ไขใบหน้าของพระนาง ให้พระนางได้จากไปอย่างสง่างามเพคะ!”“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนจับมือของหลิงอวี๋ไว้แน่น รู้สึกว่าความโกรธที่พลุ่งพล่านในใจเขาถูกคำพูดของนางระงับไว้มิน้อยทั้งสองเดินกลับไป ว่านฉีซานกับใต้เท้าเถี่ยก็กำลังตรวจสอบใต้โลงศพอยู่แต่หลังจากย้ายผ้าห่มและผ้าไหมที่อยู่ด้านล่างออกก็มิพบว่ามีรูใด ๆหลิงอวี๋สังเกตเห็นว่า ที่ผ้าไหมเหล่านั้นก็ถูกพวกหนูกัดอย่างบ้าคลั่งเช่นกันหนูกินผ้าไหมด้วยหรือ?หลิงอวี๋รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ นางจึงหยิบผ้าไหมสองชิ้นแล้วโยนเข้าไปตรวจสอบในมิติในตอนที่ไม่มีใครสนใจบนผ้าไหมที่หยิบมามีกลิ่นจาง ๆ ทั้งยังมีเลือดอยู่ด้วย หลิงอวี๋จึงทำการวิเคราะ
เซียวหลินเทียนกับท่านอ๋องเฉิงและเหล่าขุนนางต่างกำลังมองว่านฉีซานจัดการกับพวกหนูกระทั่งป้อนเสร็จ หนูก็ถูกใส่เข้าไปในกรง และพวกเขาก็คอยเฝ้าดูปฏิกิริยาของหนูทางด้านหลิงอวี๋ได้ผลการทดลองจากในมิติแล้วการวิเคราะห์เลือดบนผ้าไหมเห็นได้ชัดว่ามิใช่เลือดคน แต่เป็นเลือดหนูซึ่งมีสารพิษที่มิรู้จักอยู่เลือดเหล่านั้นมิใช่ของไทฮองไทเฮา ตอนนี้หลิงอวี๋สนใจว่าหนูที่กินเลือดไทฮองไทเฮาไปจะมีปฏิกิริยาอย่างไรนางฝืนอาการคลื่นไส้แล้วก้าวไปข้างหน้าเพื่อคอยสังเกตอยู่กับเซียวหลินเทียนช่วงเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป หนูที่กินเลือดของหนูตายก็เริ่มมีปฏิกิริยา แขนขาของพวกมันกระตุกและล้มลงทีละตัว เลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดแล้วก็ตายแต่หนูที่กินเลือดของไทฮองไทเฮากลับไม่มีปฏิกิริยาใด กระโดดไปมาอยู่ในกรงทุกคนรอไปอีกช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป หนูพวกนั้นก็ยังคงกระโดดไปมาว่านฉีซานจึงเอ่ย “ฝ่าบาท หนูกินเลือดของไทฮองไทเฮาไปแล้วยังมิตายพ่ะย่ะค่ะ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าไทฮองไทเฮามิได้ถูกวางยาพิษ!”องค์ชายคังถูกเซียวหลินเทียนไล่ออกไปแล้ว ผู้ตรวจการพันผู้ซื่อสัตย์ภักดีของเขาจึงเสี่ยงทำให้เซียวหลินเทียนขุ่นเคือง แล้วเอ่ยอย่างกล้าห
ว่านฉีซานจึงได้ตรวจสอบตรงกลางฝาโลง เสียงเคาะที่สะท้อนกลับต่างกันทำให้ทุกคนได้ยินถึงความผิดปกติเซียวหลินเทียนจึงให้จ้าวซวนเรียกพวกองครักษ์เข้ามา แล้วทุกคนก็ร่วมกันออกแรงพลิกฝาโลง ว่านฉีซานก็เคาะตรงจุดที่เคาะเมื่อครู่แล้วก็พบรูเล็ก ๆ รูหนึ่ง เมื่อออกแรงเคาะ ไม้ที่ปิดรูเล็ก ๆ อยู่ก็หลุดออกมารูนั้นมิใหญ่มิเล็ก ขนาดพอเหมาะกับการใส่หนูลงไปแต่รูนั้นเล็กเกินไป และมีรูปร่างเป็นกรวย สีของไม้ก็เหมือนกับรอบ ๆ อย่างสิ้นเชิง หากมิสังเกตก็ไม่มีใครพบว่าโลงศพที่หนาและหนักนี้มีรูหนึ่งเพิ่มขึ้นมา“เหตุใดจึงมีคนใจร้ายเช่นนี้ ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ไปแล้วก็ยังมิปล่อยแม้แต่พระศพของพระนางไป!”ท่านอ๋องเฉิงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ“ฮองเฮา แม้ว่าจะพิสูจน์แล้วว่ามีคนใส่หนูเข้าไปทำลายศพของไทฮองไทเฮา! แต่นี่ก็มิสามารถอธิบายได้ว่าไทฮองไทเฮามิได้ถูกวางยาพิษนะพ่ะย่ะค่ะ!”ผู้ตรวจการพันยังคงพยายามต่ออย่างมิยอมแพ้หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะใส่เขา “ข้าพิสูจน์ให้เห็นก่อนว่ามีคนจงใจใส่หนูเข้าไป ต่อไปก็จะบอกสาเหตุการตายของหนู!”หลิงอวี๋เดินไปที่กองผ้าไหมที่ดึงออกมาจากโลงศพ หยิบผ้าชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ยผ้าไหม
จุดแดงเล็กเช่นนี้อาจเกิดจากยุงกัดก็ได้ หากมิใช่ว่าหลิงอวี๋สังเกตอย่างละเอียดมาก ๆ ก็ไม่มีทางพบหลิงอวี๋ลูบอย่างเงียบ ๆ ผิวหนังใกล้กับจุดแดงเล็กนั้นแข็งไปแล้วนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?หรือที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเข้าวังวันนั้นก็ใช้วิธีที่มิให้รู้ตัวทิ้งจุดแดงนี้ไว้ที่บนตัวของไทฮองไทเฮาแล้ว?หลิงอวี๋อยากใช้มีดผ่าตัดผ่าจุดแดงนี้เพื่อดูเนื้อเยื่อผิวหนังรอบ ๆ แต่มีผู้คนจับจ้องอยู่นางจึงมิสามารถลงมือได้คราก่อนที่จักรพรรดิอู่อันหัวใจวายจากไป หลิงอวี๋ก็มิสามารถผ่าศพเพื่อตรวจสาเหตุการตายของเขาให้แน่ชัดได้หรือครานี้ก็จะถูกสถานการณ์จำกัดไว้อีกแล้ว?หลิงอวี๋มิยอมแพ้ นางกวาดสายตามองไปตรงผิวหนังเทียมที่ยังใช้มิหมด หลิงอวี๋จึงรีบหยิบมีดขึ้นมาแล้วส่งสายตาไปให้หลิงซวนหลิงซวนกับหลิงอวี๋รู้ใจกันเป็นอย่างมากจึงรีบเข้าไปประคองไทฮองไทเฮาให้หลิงอวี๋เปลี่ยนผ้าห่มศพหลิงอวี๋อาศัยตอนที่พวกแม่นมมองมิเห็นข้างหลังใช้มีดตัดที่จุดแดงบนตัวไทฮองไทเฮานั้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ติดผิวหนังเทียมลงไปจากนั้นหลิงอวี๋ก็อาศัยตอนที่จัดผ้าห่อศพให้ไทฮองไทเฮาโยนผิวหนังที่ตัดออกมาเข้าไปในมิติความเร็วนี้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห
“เชิญท่านอ๋องเฉิงไต่สวนคดีต่อ!”เซียวหลินเทียนมิได้ให้ไท่เฟยเส้าลุกขึ้น ไท่เฟยเส้าจึงทำได้เพียงคุกเข่าอยู่เช่นนั้นท่านอ๋องเฉิงเองก็ทำเป็นมิเห็นแล้วเอ่ยต่อ “ที่ข้าบอกว่าไทฮองไทเฮามิได้ถูกพิษนั้นมีหลักฐาน ว่านฉีซาน หยิบหนูขึ้นมา!”ว่านฉีซานจึงยกพวกหนูที่ยังมีชีวิตอยู่ขึ้นมาท่านอ๋องเฉิงอธิบายให้เหล่าขุนนางฟังว่าได้ป้อนเลือดของไทฮองไทเฮาให้หนูเหล่านี้แล้วเมื่อเห็นพวกหนูยังมีชีวิตอยู่ดี แม้แต่ผู้ตรวจการพันเองก็หาคำพูดมาค้านมิได้ส่วนองค์ชายคังก็พะวงกับคำขู่ของเซียวหลินเทียนเมื่อครู่ มิกล้าค้านออกไปท่านอ๋องเฉิงให้ว่านฉีซานเอาผ้าไหมที่หนูกัดกินไปขึ้นมา รวมทั้งหนูกลุ่มหลังที่ได้ทำการป้อนน้ำแช่ผ้าไหมให้กินแล้วตายเพราะพิษด้วย“ความจริงเป็นที่ประจักษ์ว่า ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์จากพระอาการพระทัยวายเฉียบพลัน และพระศพของพระนางถูกทำลาย ทั้งนี้เพราะมีคนจงใจเปลี่ยนเป็นผ้าไหมที่แช่น้ำหอมพิษกันหนูนี้ไว้ ทั้งยังเจาะฝาโลงใส่หนูเข้าไปด้วย!”ท่านอ๋องเฉิงพูดถึงตรงนี้ สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ไท่เฟยเส้าที่คุกเข่าอยู่“ข้าได้สอบสวนรองหัวหน้าที่จัดการเรื่องพระราชพิธีพระศพแล้ว ตามที่บอกมาก็คือเป็นผ้าไหมห่อ
องครักษ์พาตัวพวกแม่นมเข้ามา แม่นมเหล่านี้ก็เป็นแม่นมที่รับผิดชอบในการห่อศพให้ไทฮองไทเฮาเช่นกันหลิงอวี๋มองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนหน้านี้ใต้เท้าเถี่ยได้ทำการสอบสวนพวกนางแล้ว แต่พวกแม่นมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามิได้ปล่อยหนูเข้าไปในโลงตอนนั้นยังมิพบว่าผ้าไหมมีปัญหา หลังจากที่พบแล้ว หลิงอวี๋มิสามารถเชื่อได้ว่าแม่นมเหล่านี้มิรู้เรื่อง!“พวกเจ้านำผ้าไหมไปให้พร้อมกับเถิงเซียง เห็นว่านางเปลี่ยนผ้าไหมหรือไม่?”ท่านอ๋องเฉิงเอ่ยเรื่องการลงโทษด้วยการถูกงูนับหมื่นกัดกินมาพูดอีกรอบ พลางเอ่ยอย่างไร้ความปรานี “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง หากมิพูดความจริงแล้วข้าตรวจสอบออกมาได้ พวกเจ้าจะได้รับการทรมานโดยการถูกงูนับหมื่นกัดกินจนตายไปด้วยกันกับเถิงเซียง!”พวกแม่นมมองหน้ากัน แม้ว่าการถูกงูนับหมื่นกัดกันจะน่ากลัวมาก ๆ แต่ก็ยังยืนกรานเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน “ท่านอ๋องเฉิง พวกเรามิเห็นเถิงเซียงเปลี่ยนผ้าไหมจริง ๆ เพคะ!”“ผ้าไหมเหล่านี้จะต้องเป็นคนของกรมวังที่เปลี่ยนแน่นอน!”“มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา!”ท่านอ๋องเฉิงเห็นคนเหล่านี้ดื้อรั้นเช่นนี้ก็ตะคอกอย่างทนมิไหว “ผ้าไหมเท่านั้น เถิงเซียงเพียงผู้เดียวไม่ม
หลิงอวี๋มิได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกเลยแม้แต่น้อย นางและท่านอาสุ่ยยังคงต่อสู้กันอยู่ในภาพลวงตาพลังของท่านอาสุ่ยสูงกว่าของหลิงอวี๋ ดังนั้นหลิงอวี๋จึงต้านอย่างยากลำบากมากขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะต้านมิอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็นึกถึงหยกหล้าสุขาวดีขึ้นมาเย่ซงเฉิงเคยบอกไว้มิใช่หรือว่า หยกหล้าสุขาวดีนี้เป็นอาวุธวิญญาณที่เหนือกว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ความลับของมันมีเพียงตนเท่านั้นที่จะเข้าไปสำรวจได้?ส่วนการสูญเสียความทรงจำสามารถทำให้ตนละทิ้งข้อจำกัดของอดีต ทำความรู้จักตนเองใหม่อีกครั้ง และไปสำรวจความลึกลับของหยกหล้าสุขาวดีได้!เย่ซงเฉิงสามารถสร้างภาพลวงตาที่ใหญ่โตถึงเพียงนั้นให้ตนได้ นี่มิใช่สิ่งที่พลังของเขาสามารถทำได้แน่นอน!เขาแค่ใช้อิทธิฤทธิ์ของหยกหล้าสุขาวดีของตนมาสร้างภาพลวงตาให้กับตนในเมื่อเขาสามารถใช้ตนกระตุ้นศักยภาพของหยกหล้าสุขาวดีได้ แล้วเหตุใดตนที่อยู่ในฐานะเจ้าของหยกหล้าสุขาวดีจะมิสามารถใช้ได้เล่า?หลิงอวี๋คิดแล้วก็หลับตาลง จากนั้นในหัวของนางก็ตั้งสมาธิแน่วแน่นึกถึงทะเลทรายในชั่วพริบตาบริเวณรอบ ๆ ก็เป็นทะเลทรายทั้งหมด ทะเลทรายสีเหลืองทองนั้นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แล้วนางก็
หากวิชาดูดกลืนวิญญาณของตนถูกอีกฝ่ายต้านกลับได้ มีหรือที่ท่านอาสุ่ยจะมิรู้จุดจบ นางอาจจะติดอยู่ในภาพลวงตาที่หลิงอวี๋สร้างขึ้นตลอดไปและมิสามารถออกไปได้อีกในยามนี้ ท่านอาสุ่ยมิกล้าประมาทหลิงอวี๋แล้ว นางจึงพยายามช่วงชิงอำนาจการควบคุมอย่างสุดความสามารถในเวลานี้หลิงอวี๋เองก็มิสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน หากนางมิกดท่านอาสุ่ยเอาไว้ นางก็คงจะกลายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่งทั้งสองคนแข่งขันกันโดยที่ต่างคนต่างก็ใช้วิธีการของตนมากดอีกฝ่ายไว้เจ้าแห่งทะเลเห็นเพียงปากของคนทั้งสองขยับอยู่ และการแสดงออกก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับมิได้ยินว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เจ้าแห่งทะเลมิได้คิดว่าหลิงอวี๋มีวิชาดูดกลืนวิญญาณและสามารถควบคุมท่านอาสุ่ยได้แต่เขาแค่สงสัยว่า ท่านอาสุ่ยจะมิอยากให้ตนรู้ความลับของหยกหล้าสุขาวดี จึงสื่อสารกับหลิงอวี๋เป็นการส่วนตัวอย่างนั้นหรือ?ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็เห็นเลือดไหลออกมาจากจมูกของท่านอาสุ่ยและหลิงอวี๋!นี่คือธาตุไฟเข้าแทรกหรือไม่?ยามนี้ต่อให้เจ้าแห่งทะเลจะเขลาแค่ไหนก็รู้แล้วว่าเรื่องราวมิได้เป็นไปตามทิศทางที่ตนคาดไว
แม่บ้าอะไรเล่า!หลิงอวี๋ลอบกำหมัดแน่นผู้ที่ศึกษาวิชาสะกดจิตต่างก็รู้กันดีว่า ผู้ที่จิตแข็งจะมิถูกสะกดจิตได้ง่าย ๆอีกทั้งผู้ที่เชี่ยวชาญในวิชาสะกดจิตก็ยังรู้ด้วยว่า หากพบผู้ที่จิตแข็งกว่าพวกเขา การสะกดจิตจะมิสำเร็จ และอาจจะถูกอีกฝ่ายสะกดจิตกลับได้ด้วย!ในชั่วพริบตานั้นหลิงอวี๋จึงตัดสินใจว่าจะใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ให้ท่านอาสุ่ยได้ลิ้มรสการถูกสะกดจิตกลับเช่นกัน“ข้ายังมองมิเห็นทางออกเลย ข้าปวดหัวยิ่งนัก ข้าจะทนมิไหวแล้ว!”หลิงอวี๋ยังคงแสร้งทำท่าทางเจ็บปวดต่อแต่ในหัวของนางกำลังคิดหาวิธีที่จะจัดการกับท่านอาสุ่ยอยู่วิชาสะกดจิตของท่านอาสุ่ยในยุคนี้ก็คือวิชาดูดกลืนวิญญาณนั่นเอง การที่เจ้าแห่งทะเลเชิญนางมาจัดการกับตนก็เป็นการยืนยันได้แล้วว่าท่านอาสุ่ยเป็นปรมาจารย์ทางด้านนี้หากคิดจะจัดการกับปรมาจารย์เช่นนี้ การพึ่งวิธีการธรรมดาทั่วไปไม่มีทางที่จะบรรลุเป้าหมายได้แน่!ใกล้มือหลิงอวี๋เองก็ไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมแก่การสะกดจิตท่านอาสุ่ยกลับด้วยอีกทั้งเจ้าแห่งทะเลก็ยืนจ้องตาเป็นมันอยู่ด้านข้าง หากเขาพบว่ามีอะไรผิดปกติแล้วมาขัดขวางนาง นางก็จะมิอาจบรรลุเป้าหมายได้เช่นกันหลิงอวี๋นึก
“เจ้าค่ะ ท่านแม่!”หลิงอวี๋ตอบรับ จากนั้นตรงหน้าก็ปรากฏประตูไม้โบราณบานหนึ่งขึ้นมา เมื่อนางผลักประตูเปิด ข้างในห้องนั้นล้วนเป็นหมอก จนมองมิเห็นการตกแต่งใด ๆ“อาอวี๋ เจ้าเห็นสิ่งใด?”ท่านอาสุ่ยเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่ มีแต่หมอกเต็มหมด นอกจากนี้แล้วข้ามองมิเห็นอะไรเลย!”หลิงอวี๋บอกไปตามความจริงท่านอาสุ่ยรู้สึกสับสนขึ้นมา วิชาดูดกลืนวิญญาณของตนถึงขั้นสูงสุดแล้ว ในแดนเทพแทบจะไม่มีใครเทียบเทียมกับตนได้นางชี้นำให้หลิงอวี๋เปิดประตูแห่งความทรงจำ ตามหลักเมื่อหลิงอวี๋เปิดประตูนั้นไปก็น่าจะนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีได้ แต่เหตุใดสิ่งที่เห็นจึงมีแต่หมอกเสียได้เล่า!ท่านอาสุ่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “อาอวี๋ เดินเข้าไป เดินฝ่าหมอกเหล่านั้นไปแล้วเจ้าจะพบ!”หลิงอวี๋จึงเดินหน้าต่อไปอย่างเชื่อฟัง แต่นอกจากหมอกแล้วนางก็ยังมิเห็นสิ่งใดอยู่ดีอีกทั้งยังปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรงด้วย“ท่านแม่ ข้าปวดหัว!” นางเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ นี่คือปฏิกิริยาที่หลีกเลี่ยงมิได้เมื่อหลิงอวี๋อยู่ในกระบวนการขุดค้นความทรงจำ“อดทนไว้ ขอเพียงฝ่าหมอกไปได้ก็จะม
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง