“กินเถิด ขนมอบนี้อร่อยมาก! ขอบใจนะปี้เอ๋อร์!”หลิงอวี๋เคี้ยวขนมอบที่แห้งแล้ว แม้ว่าจะกลืนลำบาก แต่นางก็ยังทำท่าทางดูอร่อยมากอยู่ปี้เอ๋อร์ถูกหลิงอวี๋ยัดขนมเข้าปาก ก็จนใจต้องกัดไปคำหนึ่งแล้วหยิบออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ กินอย่างทะนุถนอมดวงตาของนางไร้เดียงสานัก เผยให้เห็นความสบายใจในการเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยหลิงอวี๋เห็นแล้วก็รู้สึกเศร้า เด็กผู้นี้ดูแต่งตัวงดงาม แต่ขนมชิ้นหนึ่งที่คุณภาพมิเท่าเดิมทำให้นางกินอย่างมีความสุขเช่นนี้ ในวันปกติคงจะถูกนางกำนัลคนอื่นหรือเจ้าวังน้อยรังแกอยู่มิน้อยเลยกระมัง!“ปี้เอ๋อร์ ปกติเจ้ามิค่อยมีอาหารกินเพียงพอหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างสบาย ๆ“พี่อาอวี๋ เรากินข้าวทั้งสามมื้อก็ได้ แต่ในทุกวันมีเรื่องที่ต้องทำมากเกินไป ของพวกนั้นอยู่มิได้จนถึงตอนเย็นหรอก!”ปี้เอ๋อร์กระซิบ “ตอนที่เจ้าวังอยู่ยังได้กินมากหน่อย แต่ในช่วงมิกี่เดือนที่ผ่านมาเจ้าวังมิได้อยู่ในวังเทพ ท่านอาหลินบอกว่าเสบียงมิเพียงพอ ให้เราประหยัดกันหน่อย! ดังนั้นพวกเราจึงกินมิอิ่ม!”“เจ้าวังไปไหนหรือ?”ดวงตาของหลิงอวี๋เป็นประกาย ปี้เอ๋อร์มิได้ระวังตน บางทีตนอาจจะสืบสถานการณ์เฉพาะของวังเทพจากปากข
แต่ยามนี้หานเหมยกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่หลิงอวี๋เป็นห่วงมิได้อยู่ในค่ายกลแล้วตอนหลิงอวี๋ตกลงไป หานเหมยอยากจะดึงนางไว้ แต่นางถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับไว้ก่อน จึงมิสามารถหลุดพ้นไปได้พลังนั้นโจมตีเข้ามา หานเหมยกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ถูกพลังนั้นพัดพากลิ้งตกเนินเขาไปทั้งสองล้มลงจิตสับสนวุ่นวาย จากนั้นก็กลิ้งไปยังมิทันถึงครึ่งทางก็สลบไปแล้วกระทั่งหานเหมยฟื้นขึ้นมา ก็นอนอยู่ในรถม้าคันหนึ่ง นางยังมิทันลืมตาก็ได้ยินจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคุยอยู่กับบุรุษผู้หนึ่ง“ศิษย์พี่ พวกเราขึ้นไปวังเทพมิได้หรือ? หลิงอวี๋จะต้องถูกคนในวังเทพจับตัวไปแล้วเป็นแน่ ที่ตัวนางมีหยกหล้าสุขาวดีอยู่ เจ้ามิอยากได้มันหรือ?”เฉียวเค่อยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “หรุ่ยหรุ่ย เจ้ามิรู้ว่านั่นคือวังของผู้ใด ค่ายกลนั้นเรามิอาจทำลายได้ แม้ว่าจะทำลายได้ ก็มิอาจแย่งหลิงอวี๋กลับมาจากน้ำมือของคนในวังเทพได้!”หลิงอวี๋คือใคร?หานเหมยรู้สึกเพียงว่าชื่อนี้คุ้นเคยมาก!“นั่นคือวังของใคร? เหตุใดข้ามิเคยได้ยินมาก่อน!” จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย“นั่นคือวังเทพของตระกูลหวงฝู่!”เฉียวเค่อเอ่ยอย่างอดทน “หวงฝู่หลินบรรพบุรุษของตระกูลหวงฝู่ หลงอี้จากตระกู
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น แทบรอมิไหวที่จะทำสิ่งนั้นกับเฉียวเค่อในรถม้าแต่นางมิกล้า ตอนนี้ตนไม่มีการบำเพ็ญตนใด ๆ มิสามารถควบคุมเฉียวเค่อได้เลยหากเรื่องเป็นไปจนถึงครึ่งทางแล้วเฉียวเค่อรู้ตัว เช่นนั้นเขาจะต้องสังหารตนแน่!หานเหมยได้ยินเสียงเย้าแหย่ของทั้งสองคนก็อายจนหน้าแดง หายใจลำบากโดยมิรู้ตัวเฉียวเค่อได้ยินก่อน จึงผลักจ้าวหรุ่ยหรุ่ยออก แล้วขยิบตาให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ได้สติทันที มองหานเหมยแล้วกลอกตาพลางเอ่ย “ศิษย์พี่ คืนนี้เราหาที่พักผ่อนกันเถิด ข้าต้องอาบน้ำ!”เฉียวเค่อเข้าใจทันที จึงเอ่ย “ด้านล่างวังเทพมีชนเผ่าหนึ่ง เราไปพักค้างคืนที่นั่นสักคืนได้!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมีความคิดชั่วร้ายอยู่ในใจ ไหนเลยจะอยากไปสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านและให้คนมากมายเห็นตนอยู่กับเฉียวเค่อ!“มิต้องหรอก เจ้าบอกว่าเซียวหลินเทียนกับตระกูลเย่กำลังไล่ตามเจ้าอยู่มิใช่หรือ? ข้ามิอยากให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย ซ่อนตัวไว้ก่อนเถิด!”“ให้คนรับใช้ของท่านไปซื้ออาหารมา แล้วเรานอนในป่ากัน!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดแล้วขยิบตาให้เฉียวเค่อเฉียวเค่อถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้หลงใหลจนมิเป็นตัวเอง เพื่อจะทำให้สา
แม้ว่าเผยอวี้จะได้รับความช่วยเหลือจากลิงน้อยสืออีของแม่นมอู จึงสามารถติดตามเย่หรงได้แต่ก็แค่สองสามวันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นอาจจะถูกเย่หรงสังเกต เย่หรงจึงทำการป้องกัน เผยอวี้ก็คลาดกับเย่หรงไปเมื่อเผยอวี้กับฉินซานกำลังอับจนหนทาง มิรู้ว่าจะติดตามไปทางใด เซียวหลินเทียนก็พาคนตามพวกเขามาเผยอวี้มีกำลังใจขึ้นมาทันที รีบไปพบเซียวหลินเทียนและอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง“ไปโม่เหอก่อน!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างตัดสินใจทันทีโม่เหอเป็นสถานที่ที่ทั้งองค์ชายอิงและองค์ชายหนิงต้องการจะแย่งชิง เพราะที่นั่นมีทางเข้าสู่แดนเทพมิว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะพาหลิงอวี๋ไปที่ใด นางก็จะต้องพาหลิงอวี๋กลับไปที่แดนเทพอยู่ดีขอเพียงพวกเขารู้ทางเข้าแดนเทพ ก็สามารถช่วยหลิงอวี๋ได้เซียวหลินเทียนรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ตนไปจากปากของเผยอวี้ ทั้งยังรู้ด้วยว่าหลิงอวี๋เกือบตายด้วยน้ำมือของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยความเกลียดชังที่เขามีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพุ่งไปถึงจุดสูงสุดแล้วหากเขาจับสตรีผู้นี้ได้ เขาจะทำให้นางตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!กลุ่มคนเหล่านี้รีบไปที่โม่เหออย่างรวดเร็วยามนี้โม่เหอได้รับการคุ้มกันจากแม่ทัพกู่ ก่อน
แม้ว่าที่ดินที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้บางแห่งจะมิสามารถเพาะปลูกได้ แต่นั่นก็เกิดจากการที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมาตลอดหลายปีขอเพียงตั้งใจที่จะจัดการ มิกี่ปีหลังจากนี้ที่ดินเหล่านี้จะเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์เซียวหลินเทียนเดินไปก็จดบันทึกสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของแต่ละสถานที่ไปกระทั่งวันรุ่งขึ้นมาถึงเมืองซานต้ง เซียวหลินเทียนเดินทางไกลเห็นบ้านเรือนที่ทรุดโทรมมากมาย ที่นี่เป็นตัวเมืองของโม่เหออยู่แล้ว แต่ก็ยังดูเงียบเหงาอยู่ดีเซียวหลินเทียนรู้สึกผิดต่อแม่ทัพกู่ก่อนหน้านี้แม่ทัพกู่ประจำการอยู่ที่ชายแดน อย่างน้อยก็มิต้องกังวลเรื่องอาหารและอาภรณ์ ตนกลับส่งเขามาอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ เพียงแค่มองบ้านเรือนเหล่านี้ก็สามารถจินตนาการถึงความยากลำบากที่พวกแม่ทัพกู่ต้องอยู่ที่นี่ได้แล้ว!องครักษ์ของจ้าวซวนวิ่งไปแจ้งแม่ทัพกู่ก่อน แม่ทัพกู่จึงพารองแม่ทัพหลายคนออกมาต้อนรับหนึ่งในนั้นคือหลิงเฟิงพี่ชายต่างแม่ของหลิงอวี๋หลิงเฟิงถูกหลิงอวี๋วางแผนลับ ๆ ส่งให้มาอยู่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพกู่ให้แม่ทัพกู่ฝึกฝนก่อนหน้านี้คนผู้นี้คิดว่า ท่านอดีตเสนาบดีทำให้ตนต้องมาทนทุกข์ทรมาน จึงมิพอใจการกระทำนี้ของท
“หลิงเฟิง เรื่องผู้ใหญ่ในบ้านของเจ้า ข้าในฐานะคนนอกขอมิแสดงความคิดเห็น!”แม่ทัพกู่เอ่ยอย่างอดทน “ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่า แม่ของเจ้าก็คือแม่ของเจ้า และเจ้าก็คือเจ้า! ในภายภาคหน้าเจ้าจะเป็นคนแบบใด จะเดินไปในเส้นทางใด มีเพียงเจ้าที่ตัดสินใจได้ ผู้ใดก็มาทำแทนเจ้ามิได้!”“จริงสิ ที่เจ้ามาอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้ามิใช่เจตนาของท่านอดีตเสนาบดี แต่เป็นเจตนาของพระชายา!”“นางบอกว่าท่านอดีตเสนาบดีเฉลียวฉลาดมาตลอดชีวิต นางมิอยากเห็นตระกูลหลิงมีลูกที่อกตัญญู นางหวังให้พวกเจ้าพี่น้องใช้ความสามารถเป็นเกียรติแก่ตระกูลหลิงได้!”หลิงเฟิงถือจดหมายของท่านอดีตเสนาบดีและอ่านอย่างตั้งใจตลอดทั้งคืน เขาเชื่อในอุปนิสัยของท่านอดีตเสนาบดี เขาจะไม่มีวันจงใจใส่ร้ายแม่ของตนเพื่อสนับสนุนหลิงอวี๋แน่หลิงเยี่ยนกับหวางซือตายไปหมดแล้ว จากนี้ไปเขาจะเป็นเสาหลักของบ้านรอง เขาควรแบกรับความรับผิดชอบของบ้านรองหลิงอวี๋สามารถฝึกฝนตนโดยมิคำนึงถึงความแค้นในอดีตได้ พี่หญิงผู้นี้ เขามิยอมรับก็ต้องยอมรับ!แม้ว่าหลิงเฟิงจะยังมีปมในใจอยู่บ้าง แต่ก็มิสามารถต้านทานหลิงอวี๋ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วบุญคุณความแค้นของรุ่นพ่อแม่มิควรมา
แม่ทัพกู่ได้ยินว่าท่านอดีตเสนาบดีจะมาส่งเสบียงด้วยตนเองก็รู้สึกดีใจมาก เขามิได้เจอท่านอดีตเสนาบดีมาหลายปีแล้ว ครานี้จะได้พูดคุยเรื่องเก่า ๆ กันเสียหน่อย!เซียวหลินเทียนซักถามเรื่องสถานการณ์ทางทหาร จึงได้รู้ว่าราษฎรที่อาศัยอยู่ถาวรของเมืองซานต้งมีเพียงประมาณหนึ่งพันคนเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นครอบครัวยากจนที่มาหาเลี้ยงชีพในเหมืองถ่านหินเพียงแต่การขนส่งยังมิได้รับการพัฒนา กอปรกับที่เว่ยเหนือกับฉีตะวันออกมักจะทำสงครามกัน เหมืองถ่านหินที่ขุดขึ้นมาจึงมิสามารถขายหรือขนส่งออกไปได้ ชีวิตของทุกคนจึงยากจนข้นแค้นเซียวหลินเทียนกำลังคิดเกี่ยวกับทางเข้าสู่แดนเทพของโม่เหอ จึงเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องนี้แทนแม่ทัพกู่จึงได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลักพาตัวไปเขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมาประจำการที่โม่เหอ ให้กระหม่อมให้ความสนใจกับสิ่งแปลก ๆ ในโม่เหอ กระหม่อมตั้งตัวเมืองหลวงไว้ที่เมืองซานต้งเพราะที่นี่คือสถานที่ที่มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้งพ่ะย่ะค่ะ!”แม่ทัพกู่ยื่นมือชี้ออกไปไกล ๆ “มีภูเขาอยู่ห่างจากที่นี่ไปสามสิบลี้ คนท้องถิ่นเรียกว่าภูเขาไท่กู่ ได้ยินมาว่า ภูเข
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เผยอวี้กับฉินซานต่างมองหน้ากัน คำพูดของเด็กถือว่าเป็นเรื่องเหลวไหลได้ แต่หลิงเฟิงเป็นคนกันเอง เขาไม่มีทางโกหก!เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อเช่นกัน ในป่านั้นจะต้องมีอะไรแปลก ๆ เป็นแน่!“เช่นนั้นก็อย่าไปเสี่ยงเลย อดทนรอสักสองวัน!”เซียวหลินเทียนมิรู้ว่าในป่ามีอันตรายอะไรอยู่ จะให้แม่ทัพของตนไปเสี่ยงได้อย่างไรหากหลิงอวี๋กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องเข้าสู่แดนเทพ ก็จะต้องผ่านเมืองซานต้ง พวกเขาเฝ้าอยู่ที่เมืองซานต้งก็อาจจะเจอหลิงอวี๋ได้แม้ว่าจะตัดสินใจที่จะมิเสี่ยงเข้าไปในป่าแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นเซียวหลินเทียนก็ยังพาเผยอวี้ ฉินซานและหลิงเฟิงไปสำรวจที่ภูเขาไท่กู่แตกต่างจากคนธรรมดาเช่นหลิงเฟิง พวกเซียวหลินเทียนต่างเป็นผู้บำเพ็ญตน ทันทีที่เข้าใกล้ป่าในภูเขาไท่กู่ ก็สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของสนามแม่เหล็กแล้วหลิงอวี๋เคยบอกกับเซียวหลินเทียนเกี่ยวกับเรื่องสนามแม่เหล็กที่เจดีย์วัดไคหยวน เซียวหลินเทียนจึงรู้ทันทีว่าป่าแห่งนี้เหมาะสำหรับการบำเพ็ญตนเขามิกลับไปที่เมืองซานต้ง ให้เผยอวี้ตั้งค่ายอยู่ใกล้ ๆ ให้ทุกคนรอขันทีโม่กับแม่นมอูที่นี่ พลางบำเพ็ญตนไปด้วยเซียวหลิน
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว