เมื่อนึกถึงผลที่ตามมาของการทำให้จ้าวเจินเจินขุ่นเคือง ฟางเจียอี๋ก็อ่อนลงแล้วยิ้มอย่างเอาใจจ้าวเจินเจินพลางเอ่ย“ท่านพี่ ข้าล้อเล่นหนา! ข้าจะทำร้ายท่านได้เยี่ยงไรกันเล่า! เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านสบายพวกเราก็จะสบายไปด้วย!”เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นว่าฟางเจียอี๋ยอมถอยแล้วจึงได้ปล่อยมือ นางเหลือบมองฟางเจียอี๋อย่างเย็นชา จากนั้นมองไปที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ที่กำลังยุ่งอยู่ไกล ๆ...มุมปากของจ้าวเจินเจินยกขึ้นยิ้มเยาะเซียวหลินเทียน เจ้าทำให้ข้าไม่มีความสุข เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้คิดจะอยู่อย่างสงบสุขได้เช่นกัน!รอข้าก่อนเถอะ ข้าไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้หรอก!สักวันหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าคุกเข่าตรงแทบเท้าแล้วขอร้องข้า!……“ท่านแม่… ท่านแม่...”หลิงหว่านกำลังยุ่งอยู่กับการพันผ้าพันแผลให้กับผู้บาดเจ็บ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องไห้อันเศร้าสร้อยของเด็กคนหนึ่งนางเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นเด็กอายุสี่ห้าขวบสวมชุดโทรม ๆ เดินเท้าเปล่า และร้องไห้อยู่ท่ามกลางผู้บาดเจ็บหลิงหว่านรีบพันผ้าพันแผลให้ผู้บาดเจ็บแล้ววิ่งไปจับเด็กคนนั้นไว้เด็กคนนั้นใบหน้าสกปรก ผมเผ้าติดกันราวกับฟาง ดูไม่ชัดเจนว่าเป็นเด็กผ
กระทั่งพวกหลิงอวี๋รักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดเสร็จ ก็เกือบจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้วหลิงอวี๋หิวจนไส้กิ่ว เดินเข้าไปทรุดตัวลงบนเก้าอี้ในศาลาโอสถ“อาจารย์ ข้าเอาโจ๊กมาให้ท่านหนึ่งชาม กินเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!”เมื่อเห็นหลิงอวี๋เหนื่อยเช่นนี้ หลี่ชุงก็ปวดใจ รีบไปเอาโจ๊กมาให้ชามหนึ่ง“ขอบใจเจ้า! เจ้าก็รีบไปกินเถอะ”หลิงอวี๋เห็นว่าหลี่ชุงเองก็ยุ่งมากเช่นกัน จึงรับโจ๊กมาแล้วเร่งให้นางไปกิน“เจ้าค่ะ… อาจารย์ มีเด็กคนหนึ่งนอนอยู่ที่มุมห้อง นามว่าเยี่ยนจื่อ ยังหาแม่ของนางไม่พบเลย โปรดช่วยดูด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”หลี่ชุงชี้ไปที่มุมห้องหลิงอวี๋เห็นร่างเล็ก ๆ นอนซุกตัวอยู่ที่มุมห้องจึงพยักหน้าหลังจากกินโจ๊กแล้ว นางก็รู้สึกปวดปัสสาวะนึกได้ว่าห้องปลดทุกข์อยู่ด้านหลังไม่ไกลนัก เยี่ยนจื่อคงยังไม่ตื่นไปอีกสักพัก ตนไปไม่นานก็กลับมาแล้วหลิงอวี๋รีบวิ่งไปเข้าห้องปลดทุกข์ ขณะที่เสร็จสิ้นแล้วกำลังจะออกมา ก็ได้ยินเสียงคนพูดอยู่ข้างนอก“คุณหนูหลิง… เจ้าก็รู้ว่าตัวตนของท่านเป็นใคร ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนดีจึงอยากมาบอกกับเจ้าเสียหน่อย! หากอยากจะให้อวี้เอ๋อร์ของข้าแต่งงานกับเจ้าไปเป็นภรรยาก็คงจะเป็นไปไม่ได
เมื่อหลิงอวี๋พูดเช่นนั้นฮูหยินเผยก็หน้าแดงขึ้นมาเมื่อครู่นางก็กังวลเช่นกัน นางเห็นหลิงหว่านคุยกับเผยอวี้สองครั้ง กลัวว่าลูกชายของตนจะควบคุมไม่อยู่แล้วแต่งงานเอาสตรีผู้นี้เข้าบ้านแต่ตอนนี้พอถูกหลิงอวี๋ซักถาม ถึงได้พบว่าตนหุนหันพลันแล่นไป!นางลากหลิงหว่านหลบมาคุยที่นี่เพราะไม่อยากให้เรื่องใหญ่ แล้วส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของลูกชายตนพอถูกหลิงอวี๋บอกให้ไปถามเผยอวี้เรื่องนี้จริง ๆ นางก็สามารถคาดเดาความโกรธของลูกชายตนได้เลย“พระชายาอ๋องอี้ คุณหนูหลิง ข้าขอโทษ ข้าสับสนไปเอง!”เพราะว่าฮูหยินเผยมาจากตระกูลใหญ่ มีหรือจะยอมให้เรื่องมันโกลาหลยิ่งขึ้น จึงยอมโอนอ่อนให้ก่อนหลิงอวี๋เหลือบมองนาง ใต้เท้าเผยให้ความเคารพท่านอดีตเสนาบดีเป็นอย่างมาก หลังจากที่ท่านอดีตเสนาบดีได้รับบาดเจ็บเขาก็ยังเตรียมของกำนัลอันล้ำค่ามาเยี่ยมเลยส่วนเผยอวี้กับเซียวหลินเทียนก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อนางเห็นฮูหยินเผยขอโทษ ก็ไม่อยากให้เกิดความแตกร้าวแยกระหว่างทั้งสองครอบครัวเช่นกันหลิงอวี๋ลดน้ำเสียงลงพลางเอ่ย “ฮูหยินเผย เมื่อพิจารณาถึงมิตรภาพหลายปีระหว่างสองครอบครัวของเราแล้ว เราไม่ถือสากับคำพูดไร้มารยาทที่ท่านพูดเม
“เท่านี้ก็จบแล้วไม่ใช่หรือ! เรื่องการแต่งงาน เจ้าอย่าไปคิดมากเลย… แค่หาคนที่ปฏิบัติต่อเจ้าด้วยใจจริงก็พอแล้ว!”“คนที่จับมือเจ้าให้แน่นยามตกอยู่ในอันตราย และยืนหยัดอยู่ข้างหลังเจ้าอย่างมั่นคงคอยสนับสนุนเจ้ายามที่เจ้าถูกใส่ร้าย!”เวลานี้หลิงอวี๋ไม่เพียงนึกถึงเซียวหลินเทียนเท่านั้น แต่ยังนึกถึงครอบครัวของพ่อเผิงกับเสี่ยวฮวาด้วย...ยามที่ฟันฝ่าความทุกข์ยากด้วยกัน ยอมแลกชีวิตของตนเพื่อโอกาสที่ครอบครัวจะมีชีวิตรอดต่อไป!“ท่านพี่… ข้าเข้าใจแล้ว! ขอบคุณท่านพี่!”หลิงหว่านมองหลิงอวี๋อย่างชื่นชม ความรู้สึกดูถูกตนเองถูกปัดเป่าออกไปทันทีด้วยคำพูดไม่กี่คำของหลิงอวี๋พี่หลิงหลิงบอกว่านางเป็นสมบัติล้ำค่าของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน เป็นที่รักของท่านอดีตเสนาบดี พวกเขาจะปกป้องนาง เช่นนั้นเหตุใดนางต้องรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยในสายตาของคนนอกด้วยเล่า!......เผยอวี้ไม่รู้ว่าแม่ของตนไปพูดอะไรกับหลิงหว่าน เขาพาทหารองครักษ์เดินไปรอบ ๆ และถามผู้คนมากมาย แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าแม่สืออยู่ที่ใดแต่ต่อมาจู่ ๆ เผยอวี้ก็นึกขึ้นได้ว่ามีสองศพที่ไม่มีผู้มายืนยัน จึงรีบไปดูข้างในมีศพผู้หญิงอยู่จริง ๆ อายุไม่ถึงยี่สิบปี
“ท่านพี่ แล้วเสี่ยวเยี่ยนจื่อจะทำเช่นไรต่อไป…”หลิงหว่านเอ่ยถามเบา ๆสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า? หรือว่าสถานการกุศล?หลิงอวี๋ไม่รู้ว่าในฉินตะวันตกเรียกว่าอะไร จึงมองไปทางเซียวหลินเทียน“ราชสำนักมีสถานการกุศลสำหรับรับเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยเฉพาะ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยความรู้สึกที่หนักหน่วง“ท่านอ๋อง สถานการกุศลมีเด็ก ๆ มากมายถึงเพียงนั้น จะดูแลเด็กที่อายุน้อยเช่นเสี่ยวเยี่ยนจื่อได้ดีหรือเพคะ?” หลิงหว่านเอ่ยถามอย่างกังวลเซียวหลินเทียนพูดไม่ออก มีแม่นมเฒ่าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่มีที่ไปแล้วมาอยู่ที่สถานการกุศลเพื่อดูแลพวกเขาพวกนางต้องดูแลเด็กจำนวนมาก จะดูแลเด็กคนเดียวเป็นพิเศษได้เยี่ยงไร!หลิงหว่านเข้าใจความเงียบของเซียวหลินเทียน นางจึงเหลือบมองเสี่ยวเยี่ยนจื่ออย่างสับสน แล้วจู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา“ท่านอ๋อง ในเมื่อเสี่ยวเยี่ยนจื่อไม่มีครอบครัวอีกต่อไปแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันจะรับเลี้ยงเองเพคะ!”“การที่หม่อมฉันได้เจอนางท่ามกลางผู้ลี้ภัยมากมายนี้ แล้วนางเรียกหม่อมฉันว่าพี่สาว ก็หมายความว่านางมีชะตาต้องกันกับหม่อมฉัน! หม่อมฉันจะรับเลี้ยงนางเอง… หม่อมฉันจำเป็นต้องทำขั้นตอนใด ๆ หรือไม่เพคะ?”
เซียวหลินเทียนไม่แปลกใจกับคำพูดของหลิงอวี๋เลยแม้แต่น้อย แล้วเลิกคิ้วพลางเอ่ย “เจ้าเองก็สังเกตเห็นเช่นกันหรือ?”เผยอวี้ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งกับการสนทนาระหว่างทั้งสองคน แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกตัวพลางเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ“หรือว่าภายในจะมีคนอื่นทำอะไรอีกหรือ?”เซียวหลินเทียนหัวเราะเยาะ “ข้าให้จ้าวซวนไปตรวจสอบแล้ว หมั่นโถวนั่นบูดจริง ๆ! และยังมีกรวดจำนวนมากผสมอยู่ในโจ๊กด้วย!”“ในเมื่อองค์ชายคังอยากจะสร้างชื่อเสียงเอาชนะใจผู้คน เขาไม่มีทางทำให้คนอื่นพูดเช่นนี้ได้แน่!”หลิงอวี๋พยักหน้าเห็นด้วย “จ้าวเจินเจินไม่ใช่คนโง่เง่า หมั่นโถวแป้งขาวไม่กี่ตะกร้าก็ไม่ได้แพงมากนัก นางไม่มีทางทำลายชื่อเสียงของนางด้วยเรื่องเช่นนี้แน่!”“อีกอย่าง จ้าวซวนก็ไปหาชายกำยำที่พูดว่าหมั่นโถวแป้งขาวนั้นบูดที่สร้างความโกลาหลก่อนที่ศาลาโจ๊กจะพังอยู่ตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบคนผู้นี้เลย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างดูถูก “องค์ชายคังอยากสร้างชื่อเสียง แต่มีคนไม่อยากให้เขาทำสำเร็จ! องค์ชายคังสามารถจัดให้คนไปปะปนในหมู่ผู้ลี้ภัยเพื่อสรรเสริญเขาได้ และคนอื่น ๆ เองก็สามารถให้คนไปปะปนกับผู้ลี้ภัยเพื่อสร้างค
โรงเก็บของนี้เชื่อมต่อกับศาลาฟางหลายหลัง หากถูกไฟไหม้ขณะที่นอนหลับในตอนกลางคืน เช่นนั้นผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในศาลาฟางข้าง ๆ ก็จะไม่สามารถหลบหนีไปได้ไม่ใช่หรือ?ทันทีที่หลิงอวี๋เห็นก็โกรธจนเส้นเลือดบนหน้าผากปูดขึ้นมา!พระชายาเว่ยอยากแก้แค้นจ้าวเจินเจิน นั่นมันเป็นความแค้นระหว่างพวกนางทั้งสองคน แต่เรื่องเลวร้ายเช่นการที่จะเผาผู้ลี้ภัยแล้วใช้ความตายของพวกเขามาใส่ร้ายเซียวหลินเทียนนั้นนางทนไม่ได้!เมื่อนึกถึงผู้ลี้ภัยเหล่านี้ที่ต้องตายไปอย่างอยุติธรรมในวันนี้ หลิงอวี๋ก็ยิ่งโกรธแค้นทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่!เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน หากจะไปกล่าวหาพระชายาเว่ยเช่นนี้ หลิงอวี๋ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้แล้วว่ามันเปล่าประโยชน์!ได้ ในเมื่อข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ เช่นนั้นเจ้าก็ใช้เงินมาชดเชยความผิดพลาดที่เจ้าทำเสียเถิด!หลิงอวี๋นึกถึงที่ช่วงนี้ท่านหญิงจ่างหนิงของครอบครัวพระชายาเว่ยนอนหลับไม่สบายเพราะมีอาการปวดหัวอยู่ตลอด ก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วก็มีแผนในใจอยู่แล้วคราวนี้หากพระชายาเว่ยไม่ควักเงินก้อนจำนวนมากออกมาช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ก็อย่ามาเรียกนางว่าสกุลหลิงเลย!กระทั่งตรวจสอบอย่างละเอียดจนไม่พบว่ามีอั
หลิงอวี๋รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกสิ่งที่ทำกับองค์ชายคังไว้เมื่อครั้งที่แล้ว จึงไม่ได้บอกเซียวหลินเทียนในเวลานี้เมื่อเห็นใบหน้าสับสนของเซียวหลินเทียน จึงอดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังเซียวหลินเทียนฟังแล้วก็หน้าแดงหูแดง แล้วก็รู้แล้วว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงมั่นใจถึงเพียงนั้นว่าจ้าวเจินเจินมิได้ตั้งครรภ์!“หม่อมฉันเลวร้ายมากใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋พูดเรื่องนี้ออกไปแล้วก็ยังคงกังวลอยู่ในใจเล็กน้อยความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวหลินเทียนผ่อนคลายลงแล้ว นางไม่อยากให้ทั้งสองต้องเหินห่างกันอีกเพราะเรื่องนี้!เซียวหลินเทียนพยักหน้า พลางเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “อืม ค่อนข้างเลวร้ายทีเดียว!”หัวใจของหลิงอวี๋จึงมืดมนลงเป็นดังที่คาด เซียวหลินเทียนก็ไม่ต่างจากบุรุษทั่วไปที่ล้วนชอบสตรีหน้าซื่อใจคดอย่างจ้าวเจินเจิน!“แต่ข้าเคยบอกแล้วมิใช่หรือ? ว่าข้าชอบสตรีเลวร้าย!”เซียวหลินเทียนเพิ่มประโยคหลังมาอย่างช้า ๆหลิงอวี๋จ้องเขาทันที บุรุษผู้นี้ไม่ได้แก่เสียหน่อย จะพูดจะจาต้องหยุดพักหายใจด้วยหรือ?พูดให้มันจบรวดเดียวจะตายหรือไร?เซียวหลินเทียนมองสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปอย่างขำขัน และท
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร