ทั้งสองคนมิกล้าเคลื่อนไหวใด ๆ และมิกล้าหายใจตามปกติด้วย เพราะกลัวว่าจะรบกวนอีกฝ่ายหลิงอวี๋เพียงอธิษฐานขอให้เซียวหลินเทียนประหม่าจนหลับไป นางจะได้พลิกตัวได้อย่างอิสระเซียวหลินเทียนก็เช่นกัน ปลายจมูกของเขาได้กลิ่นหอมจากร่างกายของหลิงอวี๋ จิตใจของเขาฟุ้งซ่าน แต่ก็มิกล้าทำอะไรเลยตอนนี้เขาเป็นบุรุษปกติแล้ว!ชั่วครู่หนึ่ง เซียวหลินเทียนอยากกอดหลิงอวี๋มาก เขาต้องการนางอย่างมิสนใจสิ่งใดแล้ว!แต่สัญชาตญาณดั้งเดิมเช่นนี้ยังทำให้เซียวหลินเทียนต้องล่าถอยไป!หลิงอวี๋คือสหายของเขา คือศิษย์น้องของเขา และเป็นคนที่เขาอยากปกป้องในภายหน้า!เขาต้องมิทำร้ายนางก่อนที่เขาจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาคิดอย่างไรกับนางกันแน่!ทั้งสองตัวแข็งทื่อเช่นนี้อยู่เป็นเวลานาน จนหลิงอวี๋ทนมิไหวผล็อยหลับไปด้วยความง่วงเซียวหลินเทียนอยู่จนกระทั่งใกล้รุ่งสางจึงจะหลับลงได้หลังจากนอนหลับไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงของหานเหมยดังมาจากข้างนอก “ท่านอ๋อง ถึงเวลาตื่นแล้วเพคะ!”เซียวหลินเทียนตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าหลิงอวี๋ยังคงหลับอยู่ จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นไปอาบน้ำกระทั่งเปลี่ยนอาภรณ์ออกมาแล้ว หลิงอวี๋ก็ยังคงหลับอยู่เซียวหลินเทียนเดิน
หลังจากที่หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแล้ว หานเหมยก็นำอาหารเช้ามาให้หลิงอวี๋หยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วคิดได้ว่าตอนนี้ตนอาศัยอยู่ที่เรือนริมวารี จึงถามอย่างสบาย ๆ “ท่านอ๋องไปแต่เช้าแล้วหรือ? เสวยพระกระยาหารเช้าหรือไม่?”หานเหมยยิ้มพลางเอ่ย “เมื่อวานแม่นมลี่สั่งอาหารกับบ่าวไว้แล้วเจ้าค่ะ ดังนั้นทาสจึงไปที่ครัวแล้วยกพระกระยาการเช้ามาให้ท่านอ๋อง พระองค์เสวยเสร็จแล้วจึงเสด็จไปทรงงานเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างชื่นชม แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่มีพวกเจ้าคอยดูแลแทนข้า ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสิ้นเลย!”หานเหมยเอ่ยอย่างเอาใจใส่ “พระชายามีงานต้องทำมากมาย เรื่องพวกนี้ควรให้พวกบ่าวคิดแทนแล้วเจ้าค่ะ!”“แม่นมลี่บอกว่าที่เกิดเรื่องขึ้นกับท่านครั้งนี้ องค์ชายเย่กับภรรยาทำเพื่อท่านหลายอย่าง นางเตรียมของกำนัลบางอย่างจะมอบให้ตำหนักองค์ชายเย่เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวท่านไปดูรายการของกำนัลเถิดเจ้าค่ะ หากเหมาะสมแล้วบ่าวจะไปส่งให้เจ้าค่ะ!”“ได้!”หลิงอวี๋รู้ว่าองค์ชายเย่มิน่ากังวล ครั้งนี้ที่สามารถช่วยตนได้ถึงเพียงนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะพระชายาเย่มิว่าของกำนัลจะมีราคาแพงแค่ไหน ก็มิเพียงพอที่จะแทนความขอบคุณของตนต่อพร
เมื่อทั้งสี่คนข้างนอกได้ยินสุ่ยหลิงมาถ่ายทอดคำพูดของหลิงอวี๋ ก็มองหน้ากันไปมาเสวี่ยเจินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อชื่อของนางถูกเรียก และแทบรอมิไหวที่จะเดินเข้าไปในเรือนริมวารีจื่อผิงดูสงบลงเล็กน้อย แล้วขมวดคิ้วอันบอบบางพลางเอ่ยถามสุ่ยหลิง “เหตุใดพระชายาถึงจะพบแค่เราสองคน! เนี่ยนจือกับน้องเสวี่ยฉินทำอะไรผิดหรือไม่?”สุ่ยหลิงฟังออกถึงเจตนาของจื่อผิงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง จึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง“พระชายามิชอบความวุ่นวาย พวกท่านทั้งสี่คนเข้าไปพร้อมกันจะไปรบกวนนาง นางมิชอบเจ้าค่ะ!”“เหตุใดกัน อนุชายาจื่อ เจ้ามีข้อโต้แย้งใด ๆ กับการจัดการของพระชายาหรือ? หากเจ้ามิยินยอม ก็เปลี่ยนเป็นเสวี่ยฉินเถิด เจ้าค่อยมาวันอื่น!”เสวี่ยฉินเอ่ยอย่างใจร้อน “เช่นนั้นให้ข้าไปเถิด พี่จื่อผิง เจ้าไปวันอื่นแล้วกัน!”พูดแล้ว เสวี่ยฉินก็ลากเสวี่ยเจินเดินเข้าไปจื่อผิงโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไปเลย นางหันไปจะให้เนี่ยนจือช่วยแทนตนเองเนี่ยนจือยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อพระชายามิอยากให้เสียงดัง เช่นนั้นเนี่ยนจือจะกลับมาทำความเคารพพระชายาในวันอื่น!”พูดจบ เนี่ยนจือก็พานางรับใช้ออกไปจื่อผิงฝืนยิ้มให้สุ่ยหลิงแล้วเด
เสี่ยวเยวี่ยกุมหน้าแล้วเอ่ยอย่างคลุมเครือ “คุณหนู นั่นมิใช่ว่าท่านอ๋องอี้กับท่านอ๋องเฉิงช่วยนางไว้หรือ? บ่าวมิเห็นว่านางแข็งแกร่งอะไรเลยเจ้าค่ะ!”เนี่ยนจือยิ้มอย่างครุมเครือ “ความแข็งแกร่งของนางก็คือคนเหล่านี้ที่ช่วยเหลือนางมิใช่หรือ?”“ท่านอ๋องเฉิง ไทเฮา ท่านอ๋องอี้ ไหนจะที่ตำหนักก็มีพวกของจ้าวซวน ลู่หนานอีก...”“แต่ละคนที่ว่ามานี้เมื่อเห็นนางตกอยู่ในอันตรายต่างก็กินมิได้นอนมิหลับ ต้องวิ่งวุ่นไปทั่วทุกที่แล้ว หากข้าผู้เป็นคุณหนูของเจ้าตกอยู่ในอันตราย นอกจากพวกเจ้าทั้งสองแล้วจะมีใครบ้างที่จะมายืนอยู่ตรงหน้าข้า?”“ข้าอิจฉาหลิงอวี๋มาก คนที่เมื่อก่อนเคยลือกันว่าไร้การศึกษาไร้ความสามารถ นางเอาชนะใจคนเหล่านี้ได้เยี่ยงไรในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้?”หลานเฟิงมองเนี่ยนจืออย่างครุ่นคิดแล้วช่วยพยุงเสี่ยวเยวี่ยขึ้นมา “ไปเอาน้ำจากบ่อมาล้างหน้าเสียเถิด! ต่อไปก็เชื่อฟังคุณหนู อย่าสร้างปัญหาให้กับคุณหนูอีก!”ทั้งสองจึงออกไปเนี่ยนจือเดินไปที่หน้าต่าง พิงรั้วแล้วมองออกไปไกล ๆ ที่มองเห็นหลังคาของเรือนริมวารีความรุ่งโรจน์ในอดีตของครอบครัวนางได้จางหายไปนานแล้ว ตอนนี้แม้แต่สกุลของตัวเองนางก็มิคู่ควร
หลิงอวี๋ยกมุมปากยิ้ม “อย่าลืมว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งอีกสองคนอยู่ข้างหลัง! จื่อผิงแค่มองปราดเดียวก็ดูแผนการของข้าออกแล้ว! คนผู้นี้มิควรประมาท!”“เนี่ยนจือผู้นั้น มิแก่งแย่งมิก่อความวุ่นวาย… มีภาษิตในหมู่ราษฎรมิใช่หรือ? ที่ว่าสุนัขที่มิเห่าจะกัดอย่างโหดร้ายที่สุด!”“พวกเจ้าจะวางใจมิได้เป็นอันขาด ต้องระวังตัวด้วย!”“เจ้าค่ะ!”สุ่ยหลิงกับหานเหมยต่างก็รับปากเมื่อเห็นว่าทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว หลิงอวี๋จึงกลับไปดูที่เรือนบุหงาหลิงเยวี่ยเขียนหนังสือเสร็จแล้วเมื่อออกมาก็เห็นผู้เป็นแม่ เขาจึงวิ่งไปหาแล้วโผกอดหลิงอวี๋ พร้อมกับทำหน้ามุ่ยอย่างเสียใจ“เป็นอะไรไปหรือ? ใครมายั่วยุอะไรเด็กน้อยของแม่?”หลิงอวี๋แกล้งเขาฉีป้าวหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “พระชายา เยวี่ยเยวี่ยอยู่ในตำหนักอ๋องอี้แล้วอุดอู้ เขาอยากออกไปเล่น แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องอี้ได้บอกไว้ว่า สองวันนี้เยวี่ยเยวี่ยมิได้รับอนุญาตให้ออกจากตำหนัก!”หลิงอวี๋ได้ยินก็เข้าใจทันที จ่างหนิงของพระชายาเว่ยถูกฆ่า เซียวหลินเทียนกังวลว่าพวกเขาจะลงมือกับหลิงเยวี่ย ดังนั้นจึงมิอนุญาตให้หลิงเยวี่ยออกจากตำหนัก“เยวี่ยเยวี่ยอยากไปไหนหรือ? รอท่านอ๋องเสด็จกลั
และคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับองค์ชายเว่ยก็ยังมีองค์ชายคังอีกคนหลายวันมานี้องค์ชายคังเฝ้าดูเซียวหลินเทียนต่อสู้กับองค์ชายเว่ย เมื่อเสือสองตัวต่อสู้กันต้องมีฝ่ายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะรอฉกฉวยผลประโยชน์แต่หลังจากการต่อสู้กันไปมา ทักษะของเซียวหลินเทียนก็ยังคงเหนือกว่าองค์ชายคังรู้สึกเพียงว่า ความกดดันของตนเองนั้นใหญ่มาก เซียวหลินเทียนเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่ว์จงเจ๋อ ฉินซาน ท่านอ่องเฉิงต่างก็ยืนข้างเขา!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตำแหน่งขององค์รัชทายาทก็จะยิ่งห่างไกลจากตนมากขึ้นเรื่อย ๆ!องค์ชายคังก็อยากจะเอาชนะใจเซี่ยโฮ่วตานรั่วเช่นกัน ดังนั้นในสองวันนี้เขาจึงติดต่อกับองค์ชายหนิงพี่ชายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วอยู่บ่อยครั้งองค์ชายหนิงเป็นพระโอรสองค์โตในจักรพรรดิเยี่ยนเป่ย ตำแหน่งขององค์รัชทายาทย่อมต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว ขอเพียงองค์ชายหนิงเห็นด้วย ก็สามารถให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วแต่งงานกับตนได้แต่องค์ชายหนิงผู้นี้เอาใจยากนัก นอกจากที่ได้พบเขาครั้งหนึ่งในวังวันนั้นแล้ว องค์ชายคังมิเคยเจอองค์ชายหนิงอีกเลยส่งคนไปเชิญเขาอยู่หลายครั้งแต่องค์ชายหนิงก็หาได้มาตามนัดไม่องค์ชายคังโกรธเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ข่งฮุยก็เอ่ยถามอย่างกังวล “แล้วองค์จักรพรรดิวตรัสว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายคังยังมิตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ จึงเอ่ยอย่างสบาย ๆ “เสด็จพ่อตรัสว่า เรื่องนี้ต้องหารือกับเหล่าคณะขุนนางก่อนจึงจะตัดสินใจได้!”หัวของข่งฮุยรู้สึกว้าวุ่นทันที จากนั้นก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “องค์ชาย ท่านเข้าวังไปหาพระชายาเส้าเพื่อสืบดูหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! หากองค์จักรพรรดิตกลงที่จะจัดการแข่งขันทางทหาร เช่นนั้นเราก็จะต้องเร่งรับสมัครผู้มีความสามารถแล้ว!”“ท่านข่ง หมายความว่าอย่างไร? การแข่งขันทางทหารเกี่ยวข้องกับตำแหน่งองค์รัชทายาทหรือ?” องค์ชายคังเอ่ยถามอย่างสงสัยข่งฮุยเห็นว่าองค์ชายคังยังมิได้ตระหนักในเรื่องนี้ จึงเสนอ “องค์ชาย การแข่งขันทางทหารครั้งนี้มิใช่เรื่องเล่น ๆ! องค์ชายหนิงเสนอให้มีการแข่งขันทางทหารในเวลานี้เป็นเจตนาที่มิดีพ่ะย่ะค่ะ!”“ทรงคิดดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ การแข่งขันทางทหารระหว่างสี่แคว้นจะเผยให้เห็นความแข็งแกร่งทางทหารของทั้งสี่แคว้น จากสิ่งนี้องค์ชายหนิงจะมองเห็นได้ชัดเจนว่า แคว้นใดมีความแข็งแกร่งทางทหารมากที่สุด และแคว้นใดควรค่าแก่การเป็นพันธมิตรมากที่สุด!”“สงครามระ
หลิงอวี๋พาหลิงเยวี่ย เถาจื่อและคนอื่น ๆ ไปที่ถนนวันนี้วันที่สิบห้า บนถนนจึงมีคนมากหลายและบรรยากาศก็ครึกครื้นไปทั่วทุกที่หลิงเยวี่ยตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่เด็กน้อยกลับรู้ความมาก มิได้รบกวนหลิงอวี๋ให้ซื้ออะไรเหมือนเด็กคนอื่น ๆหลิงอวี๋คิดว่านานแล้วที่พาหลิงเยวี่ยออกมาเช่นนี้ เมื่อมาถึงหน้าแผงขายของ จึงให้หลิงเยวี่ยเลือกของขวัญหลิงเยวี่ยเลือกหุ่นไม้ตัวเล็ก ๆ แล้วเลือกให้พี่น้องฉีเต๋อแต่ละคนด้วยหลิงอวี๋ยิ้มอย่างชื่นชม มีสิ่งดี ๆ ก็มิเคยลืมที่จะแบ่งปันให้กับสหายของตน มิน่าพี่น้องฉีเต๋อถึงเข้ากับเขาเหมือนพี่น้องกันแท้ ๆเถาจื่อไปถามดูว่าคณะการแสดงทำการแสดงที่ใด พวกของหลิงอวี๋จึงยืนรออยู่หน้าแผงขายของบนท้องถนนมีคนต่างแคว้นจำนวนมาก มีการแต่งกายแบบต่างแคว้นกันไปนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงเยวี่ยได้เห็นการแต่งตัวของคนต่างแคว้น เขาจึงมองอย่างอยากรู้อยากเห็น“ท่านแม่ การแต่งตัวของพวกเขาแปลกมากเลย!” หลิงเยวี่ยรอให้คนเหล่านั้นออกไปก่อนจะกระซิบฉีป้าวตอบทันที “นั่นคือคนฉีตะวันออก! ได้ยินมาว่าพวกเขากินเนื้อดิบด้วย! ดินแดนป่าเถื่อนมิเรียนรู้อารยธรรม”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “แต่ละแห
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี