เซียวทงเห็นสภาพเปื้อนเลือดของหลิงหว่าน ก็ยิ้มอย่างเย็นชา แต่กลับแสร้งทำสีหน้าน่าเกรงขาม“อุบัติเหตุในระหว่างการแข่งขันก็เป็นเรื่องปกติ จะโทษพวกเจ้ามิได้หรอก!”“หลิงหว่าน เจ้าเองก็มิใช่คนใจแคบถึงเพียงนั้นใช่หรือไม่? ใคร ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บกันได้ เจ้าแค่โชคร้าย จะตำหนิเจิงจื่ออวี้กับตู้ตงหงมิได้หรอก!”“...”หลิงหว่านอ้าปากแต่ก็พูดมิออก นางบอกได้หรือว่าเจิงจื่ออวี้กับตู้ตงหงตั้งใจ?นอกจากนี้ เมื่อครู่หากมิใช่เพราะองค์หญิงหกเหยียบตน หากมิได้เหยียบลงมาเช่นนั้น นางคงไม่มีทางได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้!“หลิงหว่าน ทุกคนมาเข้าร่วมการแข่งขัน! หากเจ้ากลัวเจ็บเมื่อครู่เจ้าก็แค่หยุดเล่น แล้วตอนนี้เจ้ามาทำเป็นน่าสงสารเช่นนี้ให้ใครดูเล่า?”เผยเหลียนเอ่ยอย่างมิพอใจ “พวกนางขอโทษเจ้าแล้ว เจ้าจะมิแสดงออกอะไรเลยหรือ?”หลิงอวี๋ให้หลิงซวนนำกล่องยาของตนมาแล้ว เมื่อได้ยินว่าเผยเหลียนยังคงพูดกับหลิงหว่านเช่นนี้จึงขมวดคิ้ว“เผยเหลียน เจ้ามิเห็นหรือว่าใบหน้าของหลิงหว่านได้รับบาดเจ็บ? เจ้าอยากให้นางแสดงออกอะไร?”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ที่พวกเจ้ารีบร้อนขอโทษมิใช่เพราะอยากจะล้างมลทินให้ตนเองรึ? หากพวกเจ้า
หลี่อวี้เจินยังคงนอนอยู่บนพื้น หลิงอวี๋กำลังจะก้าวไปช่วยพยุงนางผลก็คือ เซียวทงพุ่งเข้าไป เมื่อเห็นหลี่อวี้เจินลุกขึ้นจากพื้น นางก็มิพูดพร่ำทำเพลงยกมือขึ้นตบหน้าหลี่อวี้เจินทันที“เจ้ารักษาประตูเยี่ยงไรกัน? ข้าเชื่อใจเจ้ามาก เช่นนั้นเจ้าจึงรักษาประตูเช่นนี้หรือ?”“เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เจ้าสามารถป้องกันประตูนั้นได้! แต่ดูสิ ประตูของเยวี่ยใต้ทำลูกไปได้! เจ้าทำให้พวกเราแพ้!”หลี่อวี้เจินตกตะลึง นางกุมหน้ามองเซียวทงอยากมิอยากจะเชื่อเซียวทงยังคงดุด่าด้วยความโกรธต่อ “มองหาปะไร? เจ้ายังมิยอมรับอีก! ข้ามิน่าให้เจ้ารักษาประตู เจ้ามันขยะ!”“พอแล้ว!”หลิงอวี๋โกรธทันที นางเห็นคราบเลือดบนแขนเสื้อของหลี่อวี้เจิน หลี่อวี้เจินได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกทั้งสองข้างขณะพยายามจับลูกกลมนั้นไว้แต่เซียวทงในฐานะหัวหน้า มิเห็นการทำงานหนักและความพยายามของหลี่อวี้เจินเลยครั้นเดินเข้ามาได้ก็ตบหลี่อวี้เจินโดยมิแยกแยะถูกผิด!นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ถึงอย่างไรพ่อกับพี่น้องของหลี่อวี้เจินยังคงทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารในราชสำนัก เซียวทงตบหน้าหลี่อวี้เจินเช่นนี้ จะมิเป็นการตบหน้าพวกเขาด้วยหรือ?เมื่อพี่ชายสอง
เมื่อเห็นว่าผู้คนตีตัวออกห่างจากเซียวทงไป ไทเฮาก็จ้องมองนางอย่างดุร้าย“การแข่งขันเตะลูกกลมนั้นเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม การแพ้ชนะก็เป็นเรื่องของทั้งกลุ่ม! พี่สะใภ้สี่ของเจ้าพูดถูก เจ้าจะตีใครเพียงเพราะพ่ายแพ้ได้เยี่ยงไร!”“เซียวทง การแพ้ชนะในการแข่งขันเป็นเรื่องปกตินัก หากแพ้ก็ต้องค้นหาเหตุผลของตน มิใช่ไปโทษผู้อื่น!”“เจ้าขอโทษคุณหนูหลี่เสีย! อย่าให้ใครมาเห็นแล้วหัวเราะ! เที่ยวไปบอกว่าเราแพ้มิเป็นเลย!”เมื่อเห็นว่าไทเฮาโกรธ เซียวทงจึงทำได้เพียงเอ่ยกับหลี่อวี้เจินอย่างฝืนใจ “หลี่อวี้เจิน ข้าขอโทษ ข้าหุนหันพลันแล่นไปเอง! ข้าจะชดใช้ให้เจ้า!”พี่น้องตระกูลหลี่ที่เข้ามาเห็นว่าไทเฮาบังคับให้องค์หญิงหกขอโทษแล้วจึงมิพูดอะไรอีก แล้วทั้งสองคนก็ช่วยพยุงหลี่อวี้เจินไปแม้ว่าภายนอกพวกเขาจะทั้งคู่จะมิได้แสดงออกถึงความมิพอใจ แต่ในใจพวกเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจต่อองค์หญิงผู้วางอำนาจผู้นี้!“อาอวี๋ เจ้าเป็นหัวหน้าเถิด!”ไทเฮาเองก็เล่นเตะลูกกลมเป็นเช่นกัน นางมองเห็นความต่างในความแข็งแกร่งของทั้งสามฝ่ายแล้ว นางมิได้มีข้อเรียกร้องสูงส่งอะไรต่อสตรีฉินตะวันตก ขอเพียงมิอยู่จุดต่ำสุดก็พอแล้ว!“เสด็จย่า
เซียวทงมีหรือจะสนใจรางวัลเหล่านี้ นางเหลือบมองจ้าวเจินเจินแล้วยิ้มพลางเอ่ย“ท่านพี่สะใภ้สอง พระชายาเส้าและไทเฮาต่างหวังให้เราชนะมาก จนมอบรางวัลมากมายถึงเพียงนี้! เช่นนั้นเราจะอยากได้แค่รางวัลมิได้!”“หลิงอวี๋ เจ้ามิคิดเยี่ยงนั้นหรือ? มีรางวัลก็ควรมีบทลงโทษ หากเจ้าอยากเป็นหัวหน้า ก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบนี้ด้วย!”ตู้ตงหงก็เอ่ยด้วยท่าทีร้าย ๆ เช่นกัน “เมื่ออยู่สนามรบก็ต้องใช้คำสั่งทหาร พระชายาอ๋องอี้ หากท่านอยากเป็นหัวหน้า เช่นนั้นหากท่านพาพวกเราพ่ายแพ้ ก็ต้องถูกลงโทษ!”หลิงอวี๋หัวเราะ หากแพ้ตนจะถูกลงโทษหรือ? คนเหล่านี้มาเพื่อเล่นตลกหรือ?เซียวทงมิรอให้ไทเฮาเอ่ยปาก นางก็เอ่ยขึ้นมาอย่างบังคับ “หลิงอวี๋ เราก็มิได้ให้เจ้าออกเงินเสียหน่อย หากแพ้เจ้าก็ล้างจานกับทำความสะอาดสถานที่แทนทั้งกลุ่มก็ได้! คำขอนี้มิมากเกินไปหรอกกระมัง!”“ถูกต้อง หากชนะ รางวัลของหัวหน้าก็จะมีอย่างมากมาย ทว่าหากแพ้หัวหน้าก็ควรได้รับการลงโทษมากกว่าคนอื่น ๆ สิ! ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอขององค์หญิงหก!”เจิงจื่ออวี้ เฟิงเหยาเหยาและคนอื่น ๆ ต่างเห็นพ้องด้วยไทเฮาเห็นว่าองครักษ์เดินไปที่กลองแล้ว การแข่งขันกำลังจะเริ่มต้น
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้สตรีหลายคนในกลุ่มมีความกระตือรือร้นและมีขวัญกำลังใจขึ้นมากอันซินกับพวกพี่น้องสาวต่างมัดผมยาว ๆ กันเรียบร้อย และจัดเสื้อผ้าจากนั้นก็ลงไปในสนามลู่หนานมารายงานเซียวหลินเทียนเรื่องที่หลิงอวี๋เป็นหัวหน้ากลุ่มและได้มีการเดิมพันกับเซียวทงไว้เซียวหลินเทียนอดมิได้ที่จะรู้สึกกังวลเรื่องหลิงอวี๋ เขาดูการแข่งขันมาตลอดครึ่งแรก ความแข็งแกร่งของกลุ่มฉินตะวันตกสู้เยวี่ยใต้มิได้จริง ๆหลิงอวี๋จะนำกลุ่มเอาชนะเยวี่ยใต้ได้เยี่ยงไรกัน!อันเจ๋อเห็นว่าอันซินน้องสาวของตนก็ลงเล่นด้วย จึงทำท่าทางให้กำลังใจอันซินอยู่ไกล ๆเขายิ้มเยาะแล้วเอ่ยกับเผยอวี้และเซียวหลินเทียน “หากองค์หญิงหกกล้าปฏิบัติต่อหลิงอวี๋กับน้องสาวของข้าเหมือนที่นางทำกับหลิงหว่านและหลี่อวี้เจิน ต่อให้ข้าจะต้องรับโทษจากองค์จักรพรรดิ วันนี้ข้าก็จะมิปล่อยนางไปง่าย ๆ แน่!”เผยอวี้ยังคงโกรธเรื่องที่เจิงจื่ออวี้กับองค์หญิงหกทำให้หลิงหว่านได้รับบาดเจ็บอยู่ เมื่อได้ยินสิ่งนี้จึงเหลือบมององค์หญิงหกนี่มันองค์หญิงแบบใดกัน ก็แค่เกิดมาในราชวงศ์มิใช่หรือ?กล้าที่จะมุ่งเป้าไปที่คู่หมั้นของตนเช่นนี้ หากมิให้บทเรียนกับนางเสียงบ้า
หลังจากที่หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ เซียวทงก็มองไปทางอัฒจันทร์โดยมิรู้ตัว เพียงแต่นางมิได้มองไปในทิศทางของจักรพรรดิอู่อัน แต่หันไปทางเผยอวี้เผยอวี้กำลังโบกมือให้กำลังใจฉินตะวันตกอยู่แต่เซียวทงกลับคิดผิดไปว่าเผยอวี้เห็นการแสดงออกของตนเมื่อครู่นี้ ใบหน้าของนางก็แดงเล็กน้อยตนอยากให้เผยอวี้เห็นว่าตนดีกว่าหลิงหว่าน หากตนทำผลงานได้มิดีเท่าหลิงหว่าน เช่นนั้นจะมิทำให้เผยอวี้ดูถูกหรอกหรือ?มิได้การแล้ว แม้ว่าในขณะเดียวกันจะต้องทำให้หลิงอวี๋อับอาย แต่นางก็ต้องทำให้เผยอวี้เห็นความโดดเด่นของตนด้วยในรอบต่อไป เมื่อหลิงอวี๋รับลูกกลมจากสวีเยวี่ยแล้ววิ่งไป เซียวทงก็ริเริ่มตะโกนขึ้นมาเอง “ส่งให้ข้า... ส่งให้ข้า...”เมื่อครู่เผิงเสี่ยวฮุ่ยเห็นองค์หญิงหกจงใจเตะพลาด นางอยากจะเรียกให้หลิงอวี๋ส่งให้ตนแต่หลิงอวี๋ก็ส่งลูกกลมให้เซียวทงโดยมิลังเลเลยหัวใจของเผิงเสี่ยวฮุ่ยสั่นไหว นางคิดว่าพระชายาอ๋องอี้จะมีความพิเศษในการเป็นผู้นำกลุ่ม ไหนเลยจะคิดว่าพระชายาอ๋องอี้จะเป็นคนที่มองสถานการณ์มิออก!น่าเสียดายจริงเชียว!โอกาสทำประตูดี ๆ เช่นนี้ต้องเสียไปอีกแล้ว!อันซินกับคนอื่น ๆ ที่หลิงอวี๋เลือกมารู้สึกผิดหวังเ
“สู้ ๆ! สู้ ๆ!”การแข่งขันในสนามเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ มู่หรงชิ่งมองออกว่าหลิงอวี๋อยู่ในฐานะหัวหน้าแล้วมีการโจมตีที่แข็งแกร่งมาก และทำให้สมาชิกในกลุ่มของตนมีกำลังใจที่ดีอีกด้วยทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่านี่คือการแข่งขันสำคัญที่จะตัดสินว่าตนจะอยู่อันดับต่ำสุดหรือไม่ ทั้งคู่จึงสู้กันอย่างเต็มกำลังพวกของเซียวหลินเทียนเริ่มกังวลขึ้นมาแล้วส่วนสตรีแต่ละคนในสนามก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดของการแข่งขันเจิงจื่ออวี้กับสวี่เหยียนมิเข้าใจเซียวทง นางบอกว่าจะจงใจแพ้ จะทำให้หลิงอวี๋อับอายมิใช่หรือ?แต่ตอนนี้ เซียวทงกำลังตั้งใจทำอย่างหนัก นางรีบเร่งทำประตูทุกครั้งที่มีโอกาสโจมตีเจียงอวี้กับสวีเยวี่ยเป็นกองหน้า เมื่อทั้งสองคนมีโอกาสได้เล่นก็ล้วนเล่นกันอย่างเต็มกำลังปีนี้เจียงอวี้อายุสิบหกปี นางรูปร่างสูงเพรียว หน้าตาก็โดดเด่น พอวิ่งไปมาก ๆ แล้วหน้าก็เริ่มแดงระเรื่อ ท่าทีเปี่ยมล้นไปด้วยพลังที่ดีต่อสุขภาพของนางต่างสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้เห็นจักรพรรดิอู่อันจ้องมองตรงไปที่นาง ดวงตาของเขากวาดไปทั่วขาเรียวยาวและหน้าอกของนางเป็นครั้งคราวหลายปีที่ผ่านมา ในวังเต็มไปด้วยความงามที่แตกต่างกัน
หลิงอวี๋ดูกังวลใจ แต่ในฐานะหัวหน้า นางรู้ว่าอารมณ์ของตนจะส่งผลต่อการเล่นของทั้งกลุ่มหลิงอวี๋ยังคงนำคนในกลุ่มอย่างสงบและมั่นคง“ทุกคน ขอเพียงทุกคนเล่นต่อไปเช่นนี้ เราก็จะไม่มีทางแพ้!”หลิงอวี๋ให้กำลังใจทุกคน พวกนางเพิ่งจะแข่งขันสนามแรกเท่านั้น แต่เยวี่ยใต้แข่งขันสนามที่สองแล้ว ในแง่ของความแข็งแกร่งทางกาย ทางเยวี่ยใต้กับทางฝ่ายตนนั้นพอ ๆ กันที่เหลือคือการแข่งขันกันระหว่างการยืนหยัดกับพลังระเบิดแล้วนางทำการปรับเปลี่ยนเช่นนี้เพราะเห็นว่าสวีเยวี่ยยังมิได้เล่นอย่างสุดกำลัง จึงฝากความหวังในการทำประตูครั้งสุดท้ายไว้ที่สวีเยวี่ยแต่คนในกลุ่มของมู่หรงชิ่งจับตาดูสวีเยวี่ยอยู่อย่างใกล้ชิด จึงไม่มีโอกาสเลยเมื่อทางตันเช่นนี้ มินานกลองก็เริ่มส่งเสียงเตือนทุกคนว่าครึ่งหลังของการแข่งขันจะจบลงในมิช้านี้แล้วตอนนี้คะแนนสองต่อสอง หากจบด้วยคะแนนนี้ก็จะเสมอกัน และยังแข่งต่อไปได้ ทว่าหากเยวี่ยใต้ชนะในช่วงสุดท้าย ฉินตะวันตกจะมิสามารถพลิกกลับมาได้อย่างมั่นคงแล้วและจะตกไปอยู่อันดับต่ำสุด“ทุกคนสู้ ๆ เรายังมีโอกาสโจมตี คราวนี้พยายามทำประตูให้ได้กันเถอะ!”เสียงของหลิงอวี๋แหบแห้ง เมื่อเห็นเจียงอวี้วิ
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร