นางจิ้งจอกเข้าครัว
เยว่จือบีบมือตัวเองแน่น เธออยากสร้างเรื่องโกหกม่านอวี้อันอย่างที่แล้ว ๆ มา ทว่าไม่รู้เหตุใด ยามนี้คุณผู้หญิงถึงไม่เหมือนเดิม และยังสร้างความกล้าหาญให้เด็กสาวอยากพูดความจริงอย่างหมดเปลือก!
“นะ หนู เดินไม่ดูทางเอง เลยเจอกับเฮียถัง เขามาถามเรื่องเงินค่าเช่าร้านที่ติดไว้ กับเงินที่คุณผู้หญิง เอ่อ... มาดามยืมมาซื้อของ แล้วทำเจ๊งจนเรากำลังจะอดตาย...”
ฟังจากปากเยว่จือ ม่านอวี้อันก็รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในโลกนี้ไม่ใช่แค่ความยากจน แต่ยังมีหนี้ที่ต้องจ่ายอีกด้วย และถ้าถึงขั้นที่คนของฝ่ายนั้นกล้าทำร้ายเด็กสาวตัวเล็ก ๆ แล้วนั่นย่อมหมายความว่ามันอยู่ในขั้นวิกฤติ
“เฮียถัง...”
เมื่อเอ่ยชื่อนี้ขึ้น ม่านอวี้อันก็ตัวแข็งค้าง ในความทรงจำเธอเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่กับกลุ่มแก๊งของเขาที่ถือขวานและมีดเล่มยาว คนพวกนั้นเป็นพวกมาเฟียปล่อยเงินกู้ แถมยังเก็บดอกเบี้ยสุดโหด โชคชะตาเล่นตลกกับผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงดูตัวเองจนม่านอวี้อันต้องไปยืมเงินคนพวกนั้น โดยเอาบ้านเป็นหลักค้ำประกัน ซึ่งด้านหน้าของบ้านหลังนี้เปิดเป็นร้านอาหาร แต่เกือบหนึ่งปีแล้วที่ขายของได้ไม่ดี หนำซ้ำตัวเธอยังป่วยกระเสาะกระแสะ สุดท้ายจึงติดหนี้ก้อนใหญ่เกือบห้าหมื่นดอลลาร์ และก่อนที่จะล้มป่วย ม่านอวี้อันก็ได้เห็นภาพที่น่ากลัวจนเธอไม่อยากจะเชื่อว่า เจ้าของร่างจะเคยคิดกินยาฆ่าตัวตายแบบยกครัวมาแล้ว หากไม่ใช่ว่ามีใครบางคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไว้!
เมื่อเยว่จือเอ่ยปากออกไปแล้วเห็นม่านอวี้อันยังคงนิ่ง แต่ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวอย่างที่ผ่านมา จึงเสริมต่อ
“มีอีกเรื่องค่ะ เฮียถังบอกว่า จะให้มาดามทำอาหารเลี้ยงวันเกิดน้องสาวเขาด้วย”
“ฮึ กล้าทำคนของฉันเจ็บตัว ยังมีหน้ามาออกคำสั่งเฮงซวยอย่างนั้นด้วยเหรอ ไอ้ลูกเต่า!”
ม่านอวี้อันว่าเสียงดังด้วยสีหน้าเป็นเดือดเป็นแค้น ยามนั้นลูกชายคนเล็กจึงยืนตัวแข็ง ดวงตากลมโตมองเธอ ก่อนส่งเสียงเล็ก ๆ ว่า
“มัมมี้! พูดไม่ดี พูดแบบนี้ เดี๋ยวเฮียผิงจะเลียนแบบ!”
ได้ยินดังนั้นหญิงสาวจึงดึงสติตนกลับได้ทันควัน แม้เธอจะเคยร้ายมามากแค่ไหน แต่จะมาทำนิสัยเหล่านั้นให้เด็ก ๆ เห็นไม่ได้
“โถ คนดี แม่แค่แสดงงิ้ว เจียวเกอไม่กลัวใช่ไหมจ๊ะ”
“น้องไม่กลัว แค่จะฉี่ใส่ที่นอน แต่เฮียผิงนะซี ฝันร้ายแหง ๆ”
เสียงเจื้อยแจ้วนั้นทำให้ม่านอวี้อันหัวเราะร่วน เธอไม่คิดว่าจะพบความสุขได้อย่างเรียบง่ายด้วยเรื่องเล็กน้อยจากหัวใจบริสุทธิ์ ซึ่งอาจมากกว่าการขายของได้เงินนับร้อยล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ทันข้ามคืนด้วยซ้ำ!
“รับรองว่าสุดหล่อของแม่จะได้กินอิ่ม นอนหลับปุ๋ย และโตเร็ว ๆ เอาละ บ่ายนี้เรากินอะไรกันดีน้า” ม่านอวี้อันว่าพร้อมกับคิดในหัวคร่าว ๆ เธอจะทำเค้กกล้วยหอมโรยด้วยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และฝานเนื้อกล้วยบา งๆ วางแปะไว้ด้านบน ส่วนอาหารสำหรับเด็ก ๆ คงเป็นไข่ข้นหอม ๆ กินกับมันฝรั่งบดที่นุ่มจนแทบละลายในปาก
เยว่จือมองท่าทีของม่านอวี้อันแล้วแปลกใจอยู่ในที ทว่าก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีมิน้อย ด้วยตัวเธอไม่เห็นคุณผู้หญิงกระปี้กระเป่ามีชีวิตชีวาเช่นนี้มานานแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ม่านอวี้อันได้แต่จมอยู่กับความทุกข์ ทั้งมักจะตัดพ้อต่อบิดาของลูกชายทั้งสองคนที่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์รุนแรงระดับชาติ
“เอ่อ แต่เราไม่มีข้าวนะมาดาม”
“อืม เรื่องนั้นฉันรู้ ว่าแต่เธอน่ะ เชื่อเรื่องเวทมนตร์ไหม” ม่านอวี้อันถาม
“เอ ยังไงนะคะ”
“ในอดีตชาติฉันเป็นปีศาจจิ้งจอก เรื่องใช้เวทมนตร์และร่ายคาถาน่ะ ฉันถนัดที่สุด โดยเฉพาะการหลอกล่อให้เหยื่อติดกับ และฉันนี่แหละ จะเรียก เนื้อ กุ้งหอย ปู ปลา และเงินทองมาให้เต็มบ้านหลังนี้!”
ยิ่งฟังเยว่จือยิ่งมึนงง ผิดกับสองฝาแฝดที่ตาโตและดูสนใจในสิ่งที่แม่พูดราวกับเป็นนิทานก่อนนอน ซึ่งพวกเขาไม่ได้ฟังมานาน เพราะแม่เอาแต่ขังตนเองในห้อง แถมบางครั้งยังได้ยินเสียงร้องไห้ด้วย
“น้องอยากเห็นปีศาจ” เซียงเจียวว่าอย่างกระตือรือร้น ส่วนผิงกั่วกำหมอนเน่าของตัวเองแน่น ก่อนเอ่ยเสียงเบาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า
“จิ้งจอก มะ มัน กินตับ มะ ไหมมัมมี้!”
ม่านอวี้อันหัวเราะอีกครั้ง เธอชอบใจบ้านหลังนี้กับครอบครัวเล็ก ๆ ทุกคนช่างบริสุทธิ์และพร้อมส่งพลังงานสร้างสรรค์ให้เธออย่างมหาศาล
“ไม่กินตับจ้ะ จิ้งจอกตัวนี้มีเก้าหาง มันจะเนรมิตทุกอย่างให้ลูกทั้งสองกับเยว่จือมีแต่ความสุข เราจะสร้างบ้านลูกกวาดด้วยกัน บ้านที่มีเสียงหัวเราะ มีอาหารดี ๆ ผิงเกอ เจียวเกอ ชอบไหม”
เป็นตอนนั้นที่ผิงกั่วทิ้งหมอนข้างลง เขาก้าวช้า ๆ มาหาม่านอวี้อัน
“ผะ ผม... หิว ปะ ปีศาจจิ้งจอกมีข้าวกินไหม” เด็กน้อยว่า เขามีสีหน้าซีดเซียว มือน้อย ๆ ข้างหนึ่งยกขึ้นลูบท้องตัวเองให้เธอดู
เมื่อม่านอวี้อันที่กำลังหัวเราะและมีใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่เมื่อครู่ได้ยินแบบนั้น เธอก็รีบอุ้มลูกชายคนโตขึ้นแล้วหอมแก้มซ้ายขวาของเขา เด็กน้อยอายุเพียงเท่านี้ต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายใดมาบ้างก่อนที่เธอจะย้อนเวลามาอยู่ในร่างมารดาของพวกเขา
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ลึกมาก เพราะเธอไม่อยากเสียน้ำตาอีก ทว่าสุดท้ายกลับกลั้นเอาไว้ไม่ไหว “กิน... วันนี้ทุกคนจะต้องอิ่มพุงกาง แม่สัญญา!”
เมื่อหญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้น รู้สึกตัวอีกทีกลับเห็นใบหน้าคนที่เธอมักคุ้น และยามนี้ มันไม่ใช่โลกในยุค 80s! “พี่ลิซ่า หนูบอกแล้วยังไงคะ เหนื่อยก็ให้คุณอีธาน พากลับไปคอนโดฯ ก่อนดีไหม ทางนี้หนูกับเด็ก ๆ จะจัดการให้เอง” คนที่เพิ่งลืมตา ยกมือทาบหน้าอก เธอกลับมายังโลกปัจจุบัน และอยู่ในร่างลิซ่า จาง! “อย่าบอกนะคะว่าฝันร้าย เดี๋ยวหนูให้คุณอีธานมาปลอบพี่ดีกว่า” มิเชล ลูกพี่ลูกน้องเธอบอกแล้วยิ้มให้ ก่อนหันไปด้านหลังเพื่อบอกพนักงานให้เรียกหาอีธาน ผู้ชายที่เป็นคนรักของลิซ่า หญิงสาวพยายามตั้งสติ ก่อนรับรู้ได้ว่า เธอย้อนเวลากลับคืนสู่โลกปัจจุบัน เป็นเหตุการณ์ก่อนที่อีธานจะขับรถพาเธอเข้าไปในอุโมงค์ที่มีน้ำขังแห่งนั้น! อีธานเดินเข้ามาหาหญิงสาว และหอมแก้มไปหนึ่งฟอดใหญ่ “เวลาไม่กี่ชั่วโมง ที่รักขายของได้ยอดเยี่ยมมาก ร้อยล้านเหรียญเชียวนะ และออเดอร์ยังเข้ามาต่อเนื่องอย่างถล่มทลาย ในอนาคตธุรกิจอาหารของประเทศนี้ต้องอยู่ในมือคุณแน่” ลิซ่ามองอีธาน เธอควรดีใจกับการประสบความสำเร็จครั้งนี้ แต่หัวใจกับโหวงเหวง ยิ่งมองใบหน้าชายหนุ่มที่แสนสมบูรณ์แบบ เธอกลับไม่ไ
ม่านอวี้อันลุกขึ้นอาบน้ำในตอนเช้ามืด ตลอดคืนเธอครั่นเนื้อครั่นตัวและหนาวสะท้านแปลก ๆ ฝ่ายแจ็คสัน เขานอนกับสองฝาแฝด อีกไม่นานคงตื่นขึ้นมาช่วยงานเธอ ก่อนที่จะออกไปวิ่งเพื่อวอร์มร่างกาย ยามนี้เธอรู้แล้วว่าเขามีค่ายมวยปล้ำ เป็นธุรกิจที่สานต่อจากพี่ชายผู้ล่วงลับ โดยมีเพื่อนสนิทที่คบหากันมาหลายปีช่วยดูแลให้ก่อนหน้านี้ “อาหมวยหน้าซีดมากเลยรู้ไหม” เขาบอก ก่อนจะก้าวมาวางหลังมือที่หน้าผากหญิงสาว “ตัวอุ่น ๆ ด้วย วันนี้ให้ฉันขายของแทนดีไหม หรือไม่ก็ปิดร้านเลย ส่วนคนงานก็จ่ายค่าจ้างรายวันตามปกติ” “ฉันไม่เป็นอะไร แค่คิดมากเรื่องคุณโรส คุณรู้ไหม เธอขายน้ำมันกัญชาด้วย ของพวกนี้มีคุณมากก็มีโทษเช่นกัน” “อาหมวย สามีโรสเป็นเถ้าแก่ร้านขายยา เขาย่อมรู้ว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี เธออย่าห่วงคนอื่นให้มากเลย ดูตัวเองก่อนเถิด คิดแทนเขาจนไม่สบาย” ม่านอวี้อันยิ้มให้แจ็คสัน เขากำลังดุเธอ นี่หากเป็นโลกปัจจุบัน ใครหน้าไหนก็ห้ามพูดเช่นนี้ ความคิดเธออย่างไรย่อมถูกต้องที่สุด “อีกอย่างน้ำหมักของโรส ฉันคิดว่ามันต้องมีบางสิ่งที่ปนเปื้อน หรือไม่ก็อาจส่งผลอันตรายในระยะยาว”
ความอดทนมีขีดจำกัด แจ็คสันรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องนอนม่านอวี้อันสูงกว่าปกติ ร่างกายเขาร้อนรุ่ม ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทว่าพอก้าวเข้ามาในห้องนอนหญิงสาว คนตัวโตก็รู้สึกเหมือนว่าธาตุไฟกำลังจะแตก! ซึ่งในยามนี้ ดวงตาของม่านอวี้อันที่มองมายังเรือนกายเขาไม่อาจปิดบังความในใจของเธอไว้ได้ ให้ตายเถอะ หญิงสาวเย้ายวนได้ถึงเพียงนี้ มีเสน่ห์ในแบบที่เขาไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป ชายหนุ่มอมยิ้ม หัวใจเขาเต้นระรัวแรง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาอยากสยบอยู่แทบเท้าเธอ ความรู้สึกเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “ดึกแล้วนะคะ” เธอว่า และไม่รู้ว่าจะเอามือวางไว้ที่ใด ตอนนี้ว้าวุ่นไปหมด ส่วนคนตัวโตอยู่ในชุดเสื้อผ้าสบาย ๆ เป็นกางเกงนอนผ้าแพรเนื้อบาง ข้างบนสวมเสื้อกล้าม เมื่อได้เห็นเรือนกายกำยำ เปี่ยมด้วยกล้ามแน่น ๆ ม่านอวี้อันก็กระหายน้ำ ลำคอเธอแห้งผาก พื้นที่แห่งความหวานล้ำของผู้หญิงเกิดความรู้สึกเร้นลับที่ไม่อาจเปิดเผยต่อเขา “อืม บอกตรง ๆ ให้เข้าใจ ฉันไม่ได้มาส่งอาหมวยเข้านอนหรอกนะ” เสียงทุ้ม ๆ ของเขาทำให้ดวงหน้าหญิงสาวร้อนผ่าว ดวงตาคมคู่นั
เวลาผ่านไปจนสามทุ่มครึ่ง เยว่จือซึ่งตอนแรกเกือบหิ้วท้องรอสองแฝดอย่างเช่นม่านอวี้อัน แต่ถูกคำสั่งด้วยเสียงเฉียบขาดในแบบที่เด็กสาวต้องรีบกินอย่างไม่กลัวติดคอ “ทำความสะอาดเรียบร้อยก็รีบไปพักผ่อนเสีย และถ้าฉันไม่เรียก ไม่ต้องออกมารู้ไหม” “มาดาม แล้วจะไม่กินอะไรสักคำก่อนหรือคะ” เยว่จือยังทำใจดีสู้เสือ ทว่าพอม่านอวี้อันหันหน้ามา ดวงตาเธอก็จ้องเขม็ง เด็กสาวเลยทำคอหด ก่อนยอบตัวแล้วหายไปทำหน้าที่ของตน กระทั่งสี่ทุ่มตรง เสียงหัวเราะของผิงกั่วฉุดให้ม่านอวี้อันลุกจากเก้าอี้ไปยืนรอลูกชายกับแจ็คสันตรงหน้าประตู ในตอนนั้นเธอควรจะร่าเริงไปด้วย เพราะผิงกั่วดูสนุก ฝ่ายแจ็คสันก็ร้องเพลงไปกับเขา ส่วนเซียงเจียวไม่ต้องพูดถึง เขาส่ายสะโพกด้วยท่าทางแปลก ๆ มันทะลึ่งอยู่สักหน่อย ทว่าเขาอยู่ในวัยแค่นี้ เธอจึงไม่ดุหรือปรามให้หยุดเต้น “ลุงผี! รู้ไหมคะ ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว” ม่านอวี้อันถามเสียงเข้มอยู่สักหน่อย แม้ไม่ได้เจือความโมโห แต่ใบหน้าเธอยามนั้นชวนให้สองแฝดและแจ็คสันต้องปิดปากเงียบกันเลยทีเดียว “กี่ทุ่มแล้วคะ คุณลุงผี!” เธอถามย้ำเสียงเย็น
แบบนี้มันต้องถูกทำโทษ ม่านอวี้อันสั่งให้เยว่จือจัดโต๊ะอาหาร แต่เธอกลับไม่ยอมกินมื้อค่ำสักที ด้วยแจ็คสันและสองฝาแฝดยังไม่กลับถึงบ้าน ลี่ฮุ่ยเห็นว่าหญิงสาวเครียดอยู่สักหน่อย อันที่จริงทุกคนได้เรียนทำอาหารอย่างสนุกสนาน ระหว่างเรียนก็ชิมกันไปไม่น้อย ดังนั้นเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หล่อนเลยต้องเปลี่ยนแผนใหม่ “เอ่อ ๆ ตอนทุ่มครึ่งมีรายการแข่งมวยของไทสันใช่ไหม” ไทสันเป็นนักมวยเหรียญทองคนดังที่ขึ้นชกเพื่อการกุศลหาเงินช่วยผู้ด้อยโอกาสและเด็กพิเศษ โรสที่กำลังมองข้าวเหนียวมะม่วงและข้าวเหนียวขนุนอยู่ไม่ทันตอบ เธอกลืนน้ำลายไปหลายอึก ด้วยอยากชิมอีกสักหน่อย แต่เยว่จือกำลังเร่งจัดอาหารคาวและหวานลงกล่องให้ทุกคน “น้องโรส เถ้าแก่โจวคงอยากกินไก่ผัดเม็ดมะม่วงและต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนร้อน ๆ แล้วมั้ง ยังไงแบ่งใส่ถุงเรียบร้อย เราก็แยกย้ายดีไหม จะได้ไปเชียร์ไทสันต่อยมวยที่บ้านใครบ้านมัน” ลี่ฮุ่ยกล่าวพร้อมสะกิดโรสแรง ๆ จนเธอหันมาทำตาขวาง ๆ ใส่ พอเห็นว่าลี่ฮุ่ยขยิบตาส่งสัญญาณบางอย่าง โรสจึงนึกบางสิ่งออก “เยว่จือ อย่าลืมตักน้ำต้มแซ่บให้ฉันเพิ่มอีกสักหน่อย และ
“แล้วพวกอากับลุงไม่ใช่ยอดมนุษย์เหรอ” คนที่สูงที่สุด มีผมสีทองว่าแล้วอวดกล้ามโต ทำให้เซียงเจียวตาโต เด็กชายกลัวกล้ามเขาจะแตกโพละเหมือนลูกแตงโม “มะ ไม่ใช่ มีคนเก่ง กะ กว่า” ผิงกั่วยืดอกตั้ง แน่นอนสำหรับเขา แต่ก่อนอาจไม่ชอบหน้าลุงผี เพราะแม่บอกว่าอีกฝ่ายเป็นแมวตัวโต ทั้งขี้เกียจ และยังชอบแอบย่องเข้าบ้าน ทว่าพักหลังเขากลับติดลุงผีแจ ที่สำคัญลุงผีสอนเขาหลายอย่าง แถมมีของกินดี ๆ ให้กินตลอด “เฮียผิง พวกเขาเนี่ยเก่งสุดแล้ว ไม่มีใครเก่งกว่านี้หรอก” ผิงกั่วส่ายหน้าเร็วแรง ก่อนเอ่ยว่า “แต่ปะป๊าเป็นยอดมนุษย์!” ไม่รู้คำดังกล่าวหลุดออกมาจากปากผิงกั่วได้อย่างไร แต่เขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ “โอ้ จริงด้วย คุณพ่อของพวกหนูต้องแข็งแรงและเก่งที่สุดแน่นอน” คนสวมหน้ากากตุลาการว่าแล้วก็ยิ้มให้ผิงกั่วกับเจียงเซียว หลังจากนั้นแจ็คสันจึงก้าวเข้ามารับเด็ก ๆ หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อย “เอ๊ะ... คนนี้เหรอ ปะป๊าของพวกหนู” คนในกลุ่มเอ่ยถาม เซียงเจียวส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ผิงกั่วกลับยิ้มกว้าง และบอกว่า “ใช่... คนนี้เป็นยอดมนุษย์!” แจ็คสัน