ซือลู่ชิงมองคนที่กำลังเดินออกจากงานไปด้วยสายตาเย็นชา นี่เธอกล้าขัดคำสั่งของเขาอย่างนั้นหรอ หึๆ สงสัยจะอยากให้ทุกคนรู้มากว่าเขากับเธอเป็นอะไรกัน มือเรียวกดข้อความบางอย่างส่งไปให้คนที่กำลังจะเดินออกจากงานไป มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือใบเล็กเพื่อหยิบเอาเจ้าสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่มีเสียงข้อความเข้าไม่หยุด ดวงตากลมเบิกค้าง สองเท้าหยุดชะงักทันทีที่อ่านข้อความที่ได้รับ
“อ้าว หยุดทำไมล่ะคะ”
เยว่เหมยเอ่ยถามซุปตาร์สาวด้วยความงุนงง ก็ใกล้จะเดินออกจากโดมไปแล้วแท้ๆ จู่ๆ ซูหนี่ว์ก็หยุดชะงักเฉย
“อ่ะ..เอ่อ คือ...คือว่า..”
ยังไม่ทันพูดจบเสียงทุ้มเย็นชาของคนที่เพิ่งจะมอบรางวัลให้ซุปตาร์สาวที่บนเวทีไปเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาก็ดังขึ้น ผู้จัดการสาววัยสามสิบถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกใจและงุนงง เธอก็คิดอยู่แล้วว่าน้องสาวคนนี้ของเธอต้องรู้จักและสนิทกับคุณชายลู่ชิงอย่างแน่นอน แล้วทำไมต้องทำเหมือนโกรธเกลียดอะไรเขานักหนา
“พี่บอกให้รอ.. ทำไมไม่รอคะ...น้องน้อย” เขาเรียกเธอราวกับว่าเธออายุเจ็ดขวบ
“อ่ะ..อ้าว คุณชายลู่ชิง มีอะไรกับน้องซูหนี่ว์หรือเปล่าคะ พอดีพี่ต้องรีบพาน้องซูหนี่ว์ไปพักผ่อนน่ะค่ะพรุ่งนี้น้องมีงานต่อ” เยว่เหมยพยายามข่มความกลัวไว้ในใจก่อนที่จะเอ่ยถามออกไป
“เดี๋ยวผมไปส่งน้องซูหนี่ว์เองครับ พอดีเราสองคนมีเรื่องต้องคุยกัน เราไม่ได้เจอกันมาเกือบห้าปีแล้ว... ใช่ไหมคะ”
ถึงจะพูดเพราะแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ติดความเย็นชาอยู่ดี ผู้จัดการสาวหันไปมองหน้าของซูหนี่ว์ก็พบว่ามันซีดเผือด
“เอ่อ... มันจะดีหรือคะที่ให้น้องซูหนี่ว์กลับกับคุณชาย เดี๋ยวนักข่าวก็เอาไปเขียนข่าวว่าน้องเสียหายกันพอดี”
เธอยังคงทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวที่ดี ถึงแม้ว่าในใจจะกลัวอยู่นิดๆ ยิ่งมองไปที่ด้านหลังของคุณชายใหญ่ตระกูลซือก็พบสองบอดี้การ์ดยืนคุมเชิงอยู่ก็ยิ่งรู้สึกหวั่นใจไปใหญ่
“ดีสิครับ ว่ายังไงครับน้องน้อย จะไปกับพี่หรือจะให้พี่ทำให้เราไปไหนมาไหนกันสะดวกขึ้น”
คำถามของเขามันเป็นคำถามเชิงขู่บังคับ ซุปตาร์สาวหน้างอขึ้นมาทันทีอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนที่จะมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าทุกคนกำลังมองมายังพวกเธออย่างสนใจ 'ถ้าเธอปฏิเสธอีตาบ้านี่ต้องเปิดเผยความลับที่เธอยังไม่อยากให้ใครรู้ขึ้นมาก็ได้' หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาก่อนที่จะหันไปบอกผู้จัดการสาว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เยว่เหมย เดี๋ยวซูหนี่ว์กลับกับพี่ชายใหญ่ก็ได้ค่ะ เพราะยังไงคุณแม่ก็ถามหาพี่ชายใหญ่อยู่แล้ว ไปพบท่านหน่อยก็คงจะดี”
ผู้จัดการสาวมองใบหน้าสวยของซุปตาร์สาวทีมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของคุณชายใหญ่ทีก็พยักหน้า อย่างน้อยทั้งสองครอบครัวก็รู้จักกันเป็นอย่างดี แถมทั้งคู่ก็โตมาพร้อมๆ กัน คงจะไม่มีอะไรหรอก
“จ้ะ ถ้าอย่างนั้นถึงบ้าน อาบน้ำ บำรุงผิวหน้าแล้วก็เข้านอนเลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาหน้าโทรม”
ผู้จัดการสาวเอ่ยออกมา ซือลู่ชิงรู้สึกถึงชัยชนะที่ตนเพิ่งจะได้รับก่อนที่จะเหลือบมองใบหน้าสวยของน้องน้อยที่เมื่อก่อนว่าน่ารัก เดี๋ยวนี้เค้าความสวยนั้นฉายแววให้เห็นมากขึ้นทุกวัน
เยว่เหมยเดินไปส่งซูหนี่ว์ที่รถตู้คันหรูของซือลู่ชิง ก่อนที่จะอดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่มีสื่อสำนักใดตามมาถ่ายรูปของทั้งคู่เลย ทั้งๆ ที่สองคนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียง แต่พอคิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกันเพราะการไม่เป็นข่าวเรื่องผู้ชายก็ดีต่อชื่อเสียงของซุปตาร์สาวเอง และเรื่องที่เธอแปลกใจอีกอย่างก็คือเวลาที่ซุปตาร์สาวออกไปทานข้าวกับพวกพระเอกที่เธอร่วมงานด้วยกลับไม่มีสำนักข่าวไหนเอาไปลงข่าวเลย
ขณะที่ขึ้นไปบนรถตู้คันหรูแล้ว ซูหนี่ว์ก็นั่งตัวตรงกอดอกชิดเบาะจนคนมองอดที่จะขำออกมาไม่ได้ เขาไม่ยักจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาน่ากลัวจนเธอไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนทำตัวติดเขาแจ
“กลัวพี่หรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาขณะที่มองใบหน้าของหญิงสาวที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“เปล่า ทำไมฉันต้องกลัวพี่ด้วย”
ซุปตาร์สาวเอ่ยออกมาเสียงแข็งจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ สองหนุ่มบอดี้การ์ดเหลือบมองการกระทำของคุณชายใหญ่ผ่านกระจกก็อมยิ้มกลั้นขำ
“นี่!! พี่ลู่ชิง เอาหน้าของพี่ออกไปไกลๆ ฉันเลยนะ” เสียงหวานตวาดขึ้นมาขณะที่เขาเคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้ใบหน้างามของเธอ
‘อีตาบ้าเอ๊ย ใจฉันสั่นหมดแล้ว’ ซูหนี่ว์คิดในใจก่อนที่จะหันไปมองเขาตาขวาง สองมือเรียวยกขึ้นชูระดับใบหน้าเป็นการบอกว่ายอมแพ้
“หึๆ”
เสียงทุ้มหัวเราะออกมาจนหญิงสาวสะบัดใบหน้างามหนีมองไปข้างนอกหน้าต่างรถ
สองหนุ่มสาวไม่คุยอะไรกันอีกจนรถตู้คันหรูเลี้ยวเข้าไปในอาณาเขตบ้านของตระกูลหลิน ซือลู่ชิงไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีกับคู่หมั้นคนสวย หากแต่เขาอยากที่จะเห็นหน้าเธอใกล้ๆ ได้มาส่งเธอให้ถึงบ้านก็เพียงเท่านั้น และทันทีที่รถจอดประตูเปิด ร่างระหงก็แทบจะปลิวลงจากรถ เสียงหัวเราะดังมาจากในลำคอของซือลู่ชิง
สายตาคมมองตามร่างระหงที่ยังคงเจ้าคิดเจ้าแค้น เรื่องผ่านมาเป็นสิบปีแต่เธอก็ยังไม่หายเคืองเขาสักที ซือลู่ชิงมองไปที่สองบอดี้การ์ด ตงหลงรู้ทันทีจึงขับรถออกจากบริเวณบ้านตระกูลหลินไป ซูหนี่ว์ยืนมองรถตู้ที่เพิ่งจะมาส่งเธอก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออกมา อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติเธอ ริมฝีปากผุดรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไป
เสียงเด็กพูดคุยกันเสียงดังจอแจ พี่ใหญ่อย่างซือเฟยหนี่ว์และพี่รองอย่างซือเฟยหลงคอยดูแลน้องๆ ไม่ห่าง วันนี้ครอบครัวตระกูลซือประกอบด้วย คุณปู่ควบตำแหน่งคุณตาอย่างซือมู่อัน คุณย่าควบตำแหน่งคุณยายอย่างซือถิงถิง ซือลู่ชิง ครอบครัวของทายาทคนโตซือลู่ชิงที่มีกันห้าคนพ่อแม่และลูกๆ ทั้งสาม ซือลู่จื้อและคู่หมั้นหมาดๆ อย่างฟางหรง ตระกูลสวีประกอบไปด้วย สวีอวี้เฉิน สวีลู่เหลียน และลูกๆ ทั้งสาม ตระกูลหลินที่มีเพียงสองตายายอย่างหลินเจียอีและหลินซือซือ“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าครอบครัวเราจะมีกันมาจนถึงวันนี้”คุณย่าซือถิงถิงเอ่ยขึ้นขณะที่สายตาก็ทอดมองไปยังกลุ่มของลูกสาวและลูกสะใภ้ที่กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหารอยู่ตรงสวน ก่อนที่จะละสายตาจากสาวๆ แล้วทอดสายตาไปมองอีกฝั่งที่มีสองหนุ่มคุณพ่อลูกอ่อนซือลู่ชิงและสวีอวี้เฉินกำลังดูแลลูกๆ ที่อายุเพียงไม่กี่เดือน ซือลู่จื้อก็กำลังวิ่งตามหลานๆ ทั้งสาม ซือเฟยหนี่ว์ ซือเฟยหลง และสวีลี่ถัง“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันจนถึงวันที่ลูกๆ มีหลานๆ ให้เชยชมกันแล้วคิกๆ” หลินซือซือเอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ“นั่นน่ะสิ จะว่าไปพวกเราก็แก่มากขึ้นแล้วนะเนี่ย โดยเ
เวลาที่ผ่านไปทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ทว่าความรักความอบอุ่นจากคนในครอบครัวไม่เคยเปลี่ยนไปไหน ซือซูหนี่ว์ได้ให้กำเนิดบุตรสาวที่บิดาตั้งชื่อให้ว่า เฟยหรู แซ่ซือ ทารกเพศหญิงตัวขาวอวบ ผมดกดำ ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อยจนคนเป็นพี่ชายวัยหกขวบหวงน้องสาวราวกับไข่ในหิน ใครจะเข้าใกล้นอกจากบิดา มารดา และพี่สาวแล้ว ทุกคนต้องล้างมือก่อนทุกครั้ง“นี่อาล้างมือแล้วนะ” ซือลู่จื้อบอกกับหลานชายที่ทำตัวราวกับบอดี้การ์ดให้กับน้องสาววัยสามเดือน“อาลู่จื้อผ่านฮะ” เด็กชายวัยหกขวบบอกกับคุณอาหนุ่ม“อาก็ล้างแล้วจ้ะ” ฟางหรงชูมือให้กับหลานชายตัวน้อยได้เช็กดู“อาฟางหรงคนสวยผ่านฮะ” คำตอบของหลานชายทำเอาคุณอาสุดหล่อมองบน สองมาตรฐานคงไม่พ้นหลานชายของเขาคนนี้ ทีเขานี่โดนตรวจละเอียด แต่กับสาวๆ อย่างเช่นแฟนสาวของเขากลับผ่านได้โดยไม่ต้องตรวจดูให้มากหลังจากได้รับอนุญาตจากบอดี้การ์ดตัวน้อย ซือลู่จื้อกับฟางหรงจึงพากันเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น เวลานี้ทายาทคนเล็กของคฤหาสน์แห่งนี้กำลังนอนอยู่บนเปลเด็กอ่อนและกำลังตื่นนอนพอดี ซือซูหนี่ว์ที่กำลังลุกขึ้นไปอุ้มบุตรสาวคนเล็กขึ้นมาจากเปลถึงกับหันไปมองเมื่อบุตรสาววิ
“ซูหนี่ว์ เธอร้องไห้ทำไมหืม....เธอไม่ดีใจหรอ”เขาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของสามีทั้งน้ำตา“ฮึก.... พี่รู้ไหมว่าน้องกลัวและกังวลใจมากขนาดไหน ฮึก..... ทำไมไม่บอกน้องก่อนว่าพี่ไปแก้หมันมา” เสียงหวานเอ่ยออกมาปนสะอื้น“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะคะ... พี่ขอโทษ”ซือลู่ชิงกอดปลอบภรรยาที่กำลังร้องไห้ออกมาสะอึกสะอื้นเพราะอารมณ์น้อยใจ เสียใจ และอาจจะเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง“ฮึก... น้องก็คิดอยู่ว่าน้องจะท้องได้ยังไง พี่ลู่ชิงรู้ไหมว่าน้องกลัวขนาดไหน กลัวว่าพี่จะคิดว่าน้องไปมีอะไรกับคนอื่นจนท้อง...”“พี่ไม่คิดแบบนั้นหรอกนะที่รัก อย่าคิดมากเลย พี่รู้ว่าเธอซื่อสัตย์ มีเพียงแค่พี่ และรักพี่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กจนโต เงียบนะครับ พี่ขอโทษนะ ต่อไปนี้เธอต้องดูแลตัวเองให้ดี อีกเรื่อง พี่ว่าเธอลาวงการไปดีกว่าไหมจะได้มีเวลาให้ลูกๆ ลืมไปแล้วหรือไงว่าสามีเธอรวย เงินมีให้ใช้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมด” ซือลู่ชิงบอกเสียงนุ่ม ก่อนที่จะบอกภรรยาถึงเรื่องที่เขาคิดมาได้สักพักแล้ว“ค่ะ น้องจะออกจากวงการ อยากมีเวลาอยู่กับเด็กๆ ให้มากกว่าเมื่อก่อน”ซือซูหนี่ว์บอกผู้เป็นสามี เธ
สามเดือนต่อมา“แอว๊ะ!!! อ้วก.........อึก....”เสียงอาเจียนดังมาจากในห้องน้ำยามเช้าตรู่ ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นจากที่นอนและเดินตามเข้ามาดูภรรยาด้วยความเป็นห่วง“น้องเป็นอะไรซูหนี่ว์ ทำไมช่วงนี้ตื่นเช้ามาอาเจียนบ่อยๆ”ซือลู่ชิงส่งมือหนาไปลูบหลังก่อนที่จะเอ่ยถามภรรยาด้วยความแปลกใจ“ไม่รู้ค่ะ เอ่อ.... คือว่า”เธอไม่กล้าบอกเขาว่าประจำเดือนไม่มาจะสองเดือนแล้ว ถ้าบอกว่าท้องมันก็คงแปลกเพราะสามีของเธอทำหมันไปแล้ว“คืออะไรหืม...”เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมาอย่างใจเย็น ร่างบางพยุงตัวลุกขึ้นจากโถชักโครกแล้วเดินไปเปิดน้ำบ้วนปากของตน“น้องสงสัยว่าตัวเองกำลัง..เอ่อ...”หญิงสาวกล้าๆ กลัวๆ ที่จะบอกสามี แต่เธอไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นนอกจากสามีของตนเอง และครั้งล่าสุดก็ดูเหมือนก่อนที่ประจำเดือนของเธอจะหายไป“เอ่อ...เอ่อ....อะไร พูดมาเถอะ”น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยถามออกมามันต่างจากในใจของเขายิ่งนัก หัวใจของเขาสั่นไหวและแอบคาดหวังอยู่ไม่น้อย“น้องอาจจะเครียดมากเกินไปน่ะค่ะ”ซือซูหนี่ว์ไม่กล้าคิดว่าตนเองท้องจึงบอกเขาไปเช่นนั้น ซือลู่ชิงทำหน้าผิดหวังแต่ทว่าเขากลับไม่ยอมแพ้“วันนี้พี่ว่าง เราไปหาหมอกันดีกว่า ไปส่งเด็
“กำลังคิดอะไรอยู่ หืม.....”เสียงทุ้มของซือลู่ชิงดังขึ้นจากทางด้านหลัง วงแขนแข็งแรงสอดเข้ามาช่วงเอวบางของเธอ สองมือประสานกันอยู่ช่วงหน้าท้องของเธอ คางของชายหนุ่มก็วางลงบนไหล่ของเธอ หญิงสาวสะดุ้งจนหายใจติดขัดแต่เมื่อรู้ว่าเป็นใครจึงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะปรกติ“อุ้ย!! พี่ลู่ชิง น้องตกใจหมด” มือบางตีลงไปบนมือใหญ่ที่ประสานกันอยู่ที่หน้าท้องของเธอ“พี่ก็ไม่ได้มาเงียบๆ นะ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมา“น้องกำลังนึกถึงเรื่องในอดีตอยู่ค่ะ”ใบหน้างามหันไปทางใบหน้าสามีที่ยังคงวางคางอยู่บนไหล่ของเธอ จนจมูกโด่งรั้นเฉียดแก้มเนียนของชายหนุ่ม เขาผละอ้อมแขนก่อนที่จะเปลี่ยนไปยืนข้างเธอแทน“อดีต... เรื่องอะไรหรือ” ซือลู่ชิงทำหน้างงก่อนที่จะจูงมือภรรยาสาวให้เดินตามเขาไปตามแนวชายหาด“ก็... เรื่องที่น้องอยากเป็นเจ้าสาวของพี่ยังไงล่ะคะ”ซือซูหนี่ว์ตอบออกมาอย่างเขินอาย ใบหน้าสวยก้มลงมองเท้าตนเองที่เหยียบย่ำทรายอยู่“แล้ว...”ซือลู่ชิงหยุดการก้าวเดินก่อนที่จะจ้องใบหน้างามของคนตัวเล็กตรงหน้า“ก็..... น้องไม่คิดยังไงล่ะคะ ว่าเราสองคนจะมาจนถึงวันนี้ วันที่มีลูกๆ ที่น่ารัก และวันที่เราสองคนรักกันได้ขนาดนี้”มือหนาถูกส่งมา
“คุณอาลู่จื้อฮะ พอจะรู้ไหมว่าปะป๊ากับหม่ามี๊รักกันได้ยังไง”เด็กชายวัยห้าขวบเอ่ยถามผู้เป็นน้าชายขณะที่อยู่ในสระว่ายน้ำของบ้านพักแบบพูลวิลล่า วันนี้ซือลู่ชิงพาภรรยาลูกๆ และคู่รักคู่ใหม่มาพักผ่อนที่ทะเลของเมืองเอ็ม“หนูก็อยากรู้ค่ะ คุณอาฟางหรงพอจะรู้ไหมคะ” เด็กหญิงวัยห้าขวบเอ่ยถามแฟนสาวของคุณอาหนุ่มบ้างซือลู่จื้อตามจีบฟางหรงอยู่ถึงสามปีจนหญิงสาวใจอ่อนยอมคบหาด้วย แต่ก็เพราะมีใจให้ชายหนุ่มรุ่นน้องที่ลงทุนไปทำงานอยู่ที่เมืองเดียวกับเธอเพียงเพราะอยากอยู่ใกล้เธอ การได้ทำงานร่วมกันทำให้เธอมองเห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของชายหนุ่ม เขาชนะใจครอบครัวของเธอ รวมไปถึงหัวใจของเธอที่ไม่เคยมอบให้ใครด้วย หญิงสาวส่ายหน้าให้กับหลานๆ ทั้งสอง“อยากรู้กันจริงๆ หรอ เรื่องมันยาว” ซือลู่จื้อตอบก่อนที่จะมองหน้าหลานทั้งสอง“อยากรู้ฮะ/ค่ะ”สองเสียงประสานกัน ซือลู่จื้อหันไปมองหน้าแฟนสาว เธอทำเพียงส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้กับเขาเท่านั้น เพราะเรื่องราววัยเด็กของทั้งสองตระกูลเธอไม่ได้รู้รายละเอียดเท่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ อันที่จริงตอนนั้นซือลู่จื้อก็ยังเป็นเด็กเล็กๆ ที่ยังไม่รู้ความมากนัก แต่เพราะซือลู่เหลียนพี่สาวค